ดี
การเจริญสติปัญญานี้ จะเปรียบก็อุปมาเหมือนดำกับขาว หรือมืดกับสว่าง หนักกับเบา โง่กับฉลาด หรือขวดน้ำที่ว่างเปล่าซึ่งไม่มีน้ำอยู่ในนั้น แล้วเราเข้าใจว่ามันว่างจริง ๆ แต่ความจริงแล้วในขวดแก้วนั้นยังมีอากาศอยู่ เมื่อเราเอาน้ำเทใส่ในขวดแก้ว น้ำก็จะไปแทนที่อากาศ ไล่อากาศหนีไป เหมือนกับการที่คนเราไม่เจริญสติ มันมีทั้งความหลง ความโกรธ อะไร ๆ มันว่าง ความหลง ความโกรธมันเกิดขึ้นมาเราไม่เห็นไม่รู้ เราจึงคิดว่าไม่มี แต่ความจริง สติ ปัญญา สมาธินั้นมันมีอยู่แต่เราไม่รู้ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วคำว่า ว่าง หมายถึงว่างจากความหลงผิด ว่างจากโทสะ ว่างจากโมหะ ว่างจากโลภะ ความชั่วร้ายต่าง ๆ ดังนั้นท่านจึงสอนให้มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา คนไม่รู้ก็ไปนั่งหลับหูหลับตาภาวนา ข้าพเจ้าเองก็เคยทำมาเรื่องนี้ เพราะคิดว่าการนั่งหลับหูหลับตาจะทำให้รู้ แต่จริง ๆ แล้วมันได้ความสงบเท่านั้น มันไม่มีประโยชน์ไม่มีคุณค่าอะไร ช่วยอะไรเราไม่ได้ ที่ทำไปก็เพราะว่าไม่รู้นั่นเอง ความรู้นั้นมีหลายอย่าง เช่น รู้จำ รู้จัก รู้แจ้ง รู้จริง การที่ได้รู้แจ้ง รู้จริงนี่แหละที่ทำให้ข้าพเจ้ากล้ารับรองคำพูดของพระพุทธเจ้าและคำพูดของตัวเอง ข้าพเจ้าเคยไปพูดที่ต่าง ๆ บางคนเข้าใจว่าข้าพเจ้าทำลายขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม ทำลายพุทธศาสนา แต่ความจริงแล้วข้าพเจ้าส่งเสริม หรืออนุรักษ์พุทธศาสนาให้มั่นคงถาวรสืบต่อไป เพราะว่าข้าพเจ้าพูดความจริงอย่างถูกต้อง สมาธิแปลว่าตั้งใจ ไม่ใช่นั่งหลับตา ดังนั้นพวกเราควรศึกษาและปฏิบัติให้รู้ให้เข้าใจถึง ความจริง ความจริง เป็นสัจจะ เป็นของไม่ตาย แม้ตัวบุคคลจะตายไปแล้วก็ตาม เช่น พระพุทธเจ้าของเรานั้นเสด็จปรินิพพานไปนานแล้ว แต่ความจริงที่พระองค์ตรัสไว้นั้นยังมีอยู่ คือจิตใจที่สะอาด สว่าง สงบ ซึ่งมีอยู่ในคน ขอให้พวกเราจงไปนึกไปคิด ไปพิจารณาให้ดี หลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ
Create Date : 22 ธันวาคม 2563 |
Last Update : 22 ธันวาคม 2563 19:24:53 น. |
|
1 comments
|
Counter : 239 Pageviews. |
|
|
|