เที่ยวแล้วสบายใจ...ไม่เน้นรายได้จากงานประจำ

เที่ยวในหน้าที่..ครั้งนี้ไปอีสาน ตอน 2 : เดินเล่นตลาดท่าเรือ หนองคาย

จากตอนที่แล้ว เราขับรถเรื่อยๆไปตามถนนมิตรภาพ จากโคราช ถึงหนองคาย เช้าวันนี้มีโปรแกรมจะกลับเข้ามาพักที่ขอนแก่น เนื่องจากใกล้ถึงเวลานัดหมายที่จะต้องเริ่มงาน ก่อนกลับจากหนองคาย แวะเดินเล่นที่ท่าเสด็จ และชมพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้ชุมชนตลาดท่าเรือกันด้วยค่ะ แถมที่พักหลักร้อยบริเวณนั้นที่แวะไปเก็บข้อมูลกันด้วย



จากร้านดาริกา เราจอดรถไว้ที่หน้าไปรษณีย์
แต่..ยังไม่ขึ้นรถกลับค่ะ ไหนๆก็มาแล้ว ขอเดินเล่นซักหน่อย



เยื้องๆกับที่ทำการไปรษณีย์ มีซอยเล้กๆให้เดินเข้าไปตลาดท่าเสด็จ เหลือบไปเห็นป้าย "บ้านแม่ริมน้ำ" น่าสนใจลองเดินเข้าไปดูหน่อยดีกว่า ด้วยความที่ไม่มีข้อมูลมาก่อน มาแบบมึนๆงงๆ แบบดำน้ำมา 555+
เพิ่งได้รู้ว่า..อ้าววววว ออกมาก็เป็นท่าเรือนี่หว่า มีศาลาริมน้ำอยู่ตรงหน้าที่พักพอดีเลยค่ะ



ข้อมูลเรื่องที่พัก (บ้านแม่ริมน้ำ) เปิดดูได้ที่หมวด รีวิวที่พัก นะคะติดๆกันเป็นร้านอาหาร "อุดมรส" บรรยากาศน่านั่งมาก ร้านนี้เปิด 24 ชม. เสียดายที่เราอิ่มอยู่ และไม่ได้ค้างที่นี่ไม่งั้นต้องมาฝากท้องร้านนี้แน่ๆเลยเชียว



เห็นตู้ไปรษณีย์อยู่แว๊บๆ นี่แหละน๊า..ไม่หาข้อมูลมาก่อน
ถ้าไม่เดินเข้ามาก็พลาดอีกแล้วอ่ะดิ่ กับตู้ไปรษณีย์มิตรภาพสองฝั่งโขงSmiley



กลับหลังหัน..
โอ้ว..น่ารักอ่ะ มีมุมให้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้วย



อย่างนี้ต้องอุดหนุนกันหน่อยแล้ว... โปสการ์ด และของที่ระลึกจากไปรษณีย์ไทย นักสะสมตราประทับ ต้องชอบแน่ๆค่ะ





ส่งโปสการ์ดหย่อนลงตู้เสร็จ ได้ยินเสียงฝีพายซ้อมเรือ เลยออกไปเก็บภาพมาได้นิดหน่อย



หลักกิโลฯท่าเสด็จ



อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ เวลาไปเที่ยวที่ไหนคงไม่พ้น "เสื้อยืด" ราคาตัวละ 150 บาทค่ะ อุดหนุนมา 3 ตัว พนง.แต่งตัวสวยจัง ชอบค่ะ




กำลังเดินถ่ายภาพเพลินๆ คนที่มาด้วยหายไป....

ก็เลยไปนั่งรอที่ศาลาริมน้ำพักใหญ่ คุณเธอเดินมากวักมือเรียก บอกว่าเข้าไปคุยกับพี่เจ้าของที่นี่มา พี่จีรนันท์ค่ะ เป็นเจ้าของและผู้ดูแลกิจการที่นี่ (ณ ตลาดท่าเรือ) พี่เค้าสวยมากกกกกกกกกก นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งสวยนะ พี่เค้าบอกว่าอย่างนั้น

ปล.ได้ขออนุญาตพี่จีรนันท์แล้วค่ะ ว่าจะขอนำภาพมาลง



พี่จีรนันท์เล่าให้ฟังว่า..
ตั้งใจจะทำที่นี่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ของชุมชน เป็นที่ๆรวบรวมทุกสิ่งที่เกี่ยวกับประวัติความเป็นมา และของดีเมืองหนองคาย

รวมถึงประวัติศาสตร์การเสด็จของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย โดยมีภาพถ่ายประวัติศาสตร์เป็นการเล่าเรื่อง ที่ร้านกาแฟแห่งนี้



ที่นี่ยังเป็นศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพด้วยค่ะ
นอกจากจำหน่ายแล้ว..ยังมีการจัดแสดงผ้าไทย-ผ้าทอหายาก และผ้าที่คงเอกลักษณ์ของเมืองหนองคาย ผ้าพื้นเมือง และการแต่งกายแบบพื้นเมืองท้องถิ่นก็มีจัดแสดง และจำหน่าย

อิชั้นละชอบมาก



ยืนคุยกับพี่จีรนันท์ได้พักใหญ่ ก็ขอตัวลากลับค่ะ และอยากจะฝากไว้ ถ้าใครผ่านไปเที่ยวหนองคายอยากให้แวะไปชมที่นี่ ให้ครึกครื้นคึกคัก เหฌนความตั้งใจของพี่เค้าแล้วชอบค่ะ ร้านจะอยู่ทึบไปซักนิดนึง (ขากลับเราออกอีกทางไม่ได้เดินย้อนทางเก่า) เพราะร้านอยู่ด้านในก่อนท่าเรือ ท่าเสด็จ หน้าร้านจะมีร้านขายของพื้นเมือง(มะพร้าวแก้วอร่อยมากๆ ถุงละ 100 บาทค่ะ)



ถ้ามาเส้นหลักจากตัวเมือง เข้าซอยตรงศรีษะเกษนะคะ จุดสังเกตคืออยู่ตรงข้ามวัดสรีษะเกษ(ติดธนาคารกรุงไทย) หรือซอยธนาคารกรุงเทพค่ะ (มีอาคารศุลกากรอยู่ในซอยนี้ด้วยค่ะ) ตรงดิ่งเข้ามาก็จะเจอเลยค่ะ





จากหนองคายเราออกเดินทางต่อเพื่อไปขอนแก่น ผ่านอุดรฯ ชมเมืองอุดรกันเพลิดเพลิน เพราะถนนมิตรภาพตัดผ่านเข้าเมืองไม่ได้อ้อมออกบายพาส เนื่องจากถนนไม่ค่อยดี และไฟแดงเยอะมากค่ะ ช่วงรอยต่อระหว่างอุดรฯ กับขอนแก่น มีร้านเป็นเพิงขายข้าวหลามข้างทาง ใครผ่านไปมาน่าจะเคยสังเกตเห็น

ขาไป เราเห็นแล้วสะดุดตามาก กับลีลาท่าทางของ พนง.ขาย ทุกร้านมีท่าเดียวกันหมดเลยอ่ะ พอมองจากไกลๆมันก็เลยน่าสนใจ จนอดไม่ได้ที่จะแวะจอด (ไม่ได้อยากกินข้าวหลามแต่อยากถามว่า..ใครให้ทำท่าทางแบบนี้)

ท่ายืนรอ ท่าโบก ท่าเรียก ทุกร้านทำเหมือนกันเลยค่ะ
ถามแล้วได้ความว่า..ไม่มีใครบอกให้ทำ แต่เป็นการทำตามๆกันมา จนเป็นเรื่องปกติ วิธีการทำตลาดสร้างจุดเด่นแบบบังเอิญหรือนี่



ออกเดินทางต่อไป..เที่ยงนิดๆ ก้เข้าสู่เขตจังหวัดขอนแก่นค่ะ
คิดได้ดังนั้น..ก็หิวค่ะ ฮ่า ฮ่า เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย
ผ่านเมืองไก่ย่างแล้ว แฟนพันธ์แท้ไก่ย่างแบบเราจะไม่แวะก็ดูจะแปลกไปละ มื้อเที่ยงวันนี้จึงฝากท้องไว้ที่ร้านไก่ย่างเขาสวนกวาง ในปั๊มปตท.ค่ะ

ไก่ย่าง 1 ตัว
ตำซั่ว 1 จาน
กระดูกอ่อนตุ๋นเห็ดหอม 1 ถ้วย
ไส้กรอกอีสาน 1 จาน
ข้าวเหนียว 1 กระติบ
เป๊บซี่ 1 ขวดกลาง
เฉาก๊วย 1 ถ้วย ทั้งหมดราคา 280 บาทค่ะ



อิ่มหนำสำราญ ออกเดินทางต่อค่ะ บ่ายสองโมงก็ถึงขอนแก่น มีเพื่อนที่เป็นอาจารย์อยู่ มข.แนะนำที่พักมาให้หลายที่ แต่เราตัดสินใจลองไปดูที่ สุภารี ปาร์ควิว เพราะดูภาพในเวปแล้วสวยดี ซึ่งรายละเอียดเรื่องที่พักคลิ๊กชมได้ในหมวด รีวิวที่พัก เมนูทางซ้ายเลยนะคะ

หลังจากเข้าที่พัก เราก็ออกไปขับรถดูบ้านเมืองขอนแก่น ก่อนจะโฉบไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน ซึ่งสามารถคลิ๊กชมได้ในตอนถัดไปข้างล่างนี้เลยค่ะ

ตอนหน้าจะเป็นเรื่องราวของการเดินเล่นที่ถนนคนเดิน ,มื้อกลางวันที่เมืองขอนแก่น รวมถึงภาพการเดินทางในวันที่น้ำป่าเริมไหลเข้าสูเมืองโคราชค่ะ

สำหรับตอนนี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทาย และลงชื่อให้กำลังใจนะคะ แล้วพบกับตอนต่อไป ด้านล่างเลยค่ะ

ขอบคุณ และสวัสดีค่ะ

รีวิวฉบับเต็มที่บอร์ดบลูแพลนเนท สามารถคลิ๊กชมได้จากลิงค์นะคะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9827839/E9827839.html




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2553   
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2553 16:07:42 น.   
Counter : 6277 Pageviews.  

เที่ยวในหน้าที่..ครั้งนี้ไปอีสาน ตอนจบ : เที่ยวขอนแก่น

สวัสดีตอนที่ 3 ค่ะ ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของรีวิวชุดนี้
กับการเที่ยวในหน้าที่ หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือการเถลไถลใช้เวลาก่อนทำงานให้เป็นประโยชน์

วันนี้เราเดินทางมาถึงขอนแก่น มีเวลาก่อนเริ่มงาน 1 วันค่ะ
เนื่องจากตรงกับวันเสาร์ ช่วงค่ำเราออกไปเดินถนนคนเดินของเมืองขอนแก่น ก่อนซื้ออาหาร-เครื่องดื่มกลับมารับประทานที่ห้องพัก
รุ่งขึ้น นอนเล่นอยู่ที่ห้องจนถึงเที่ยง แล้วออกไปหาอาหารมื้อกลางวันรับประทาน แล้วตบท้ายด้วยกาแฟยามบ่าย ก่อนเข้าเช็คอินระยะยาวตลอดช่วงการทำงานที่เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ในเมืองขอนแก่น

แถมท้ายการเดินทางกลับ จากขอนแก่นผ่านโคราชในวันที่น้ำป่าเริ่มเข้าท่วมพื้นที่โคราชด้วยค่ะ

ที่พักของเรา สุภารี ปาร์ควิว อยู่บนถนนเส้นเดียวกันกับเส้นหลักที่จะตรงมาสถานีขนส่งค่ะ ถนนคนเดินก็จัดใกล้ๆกันนี่แหละค่ะ ช่วงถนนหน้าศูนย์ราชการ ด้านหลังสวนสาธารณะที่มีหอนาฬิกานี้ตั้งอยู่



เวียนเข้าไปหาที่จอดรถ บริเวณสวนสาธารณะนี้ได้เลยค่ะ
ไปถึงเร็วไปหน่อย ร้านค้ายังมากันไม่ครบ
สังเกตเห็นได้ว่าที่เมืองขอนแก่น กิจกรรมยามค่ำ จะเริ่มค่อนข้างช้านะคะ

กว่าร้านค้าจะมากันครบก็หกโมงกว่าๆโน่นน่ะค่ะ



ชอบไอเดียการแต่งตัว ของหนุ่มน้อยขายไอศครีมคนนี้ รสชาติอร่อยด้วยนะ



ร้านนี้ก็เข้าทีค่ะ ร้านทำพวงกุญแจ ป้ายทะเบียนรถ
ราคาไม่แพงด้วยแค่ ชิ้นละ 79 บาท เราเลยบอุดหนุนมา 2 ชิ้น สำหรับรถ 2 คัน





รถขายเครื่องดื่มแบบนี้ เป็นสัญลักษณ์ของถนนคนเดินไปซะแล้ว



ชอบไอเดียการคิดลายเสื้อยืดสกรีนมือของร้านนี้ค่ะ น้องคนขายก็น่ารัก อยากอุดหนุนหลายๆตัว แต่ไม่มีไซส์ บอกน้องเค้าแระว่าให้ทำไซส์ใหญ่ๆมาขายนะ รับรองยอดพุ่ง



ศิลปินวาดภาพเหมือน ก็มีค่ะ



อุดหนุนโปสการ์ดทำมือจากครอบครัวหนึ่ง เพราะประทับใจในกิจกรรมการค้าขายของสามคนพ่อ-แม่-ลูก ร้านนั้น ก่อนเดินไปหาอะไรกิน

ถนนช่วงสุดท้าย เป็นโซนอาหารทั้งหมด เดินเลือกชิมกันได้อย่างจุใจเลยค่ะ



ช่วงค่ำ มีวงดนตรีของกลุ่มอนุรักษ์ดนตรีไทย รุ่นคุณลุง-คุณป้า-คุณตา-คุณยาย มาบรรเลงเปิดหมวกให้ฟังด้วยค่ะ ชอบจัง



น้องๆนักศึกษาก็มาทำกิจกรรมหาเงินออกค่าย



เดินเล่น ซื้อข้าวของกันจนพะรุงพะรัง ก็กลับไปที่โรงแรมค่ะ
นอนหลับสบายจนถึงเช้า เราไม่ได้ลงมากินกาแฟ เพราะขี้เกียจ

คุณชายลงมาใช้เนต แต่เชื่อมต่อสัญญาณไม่ได้ น้องที่ส่วนต้อนรับก็เลยให้สายแลนมาต่อบนห้องเลยค่ะ ยิ่งเพลินเลยละทีนี้ เล่นเนต ดื่มดาวแดงอยู่บนห้องจนเกือบเที่ยงเลยละค่ะ

ใกล้เที่ยง อาบน้ำแต่งตัวเตรียมเช้คเอ้าท์ จะออกไปหาข้าวมื้อแรกทานกัน จิ้มๆ หาข้อมูลจาก GPS. แล้วก็ตัดสินใจไปร้าน สวนครัว ค่ะ

อย่าถามว่า..อยู่ถนนอะไร ไปทางไหน เพราะเราตาม GPS.ไปอย่างเดียวเลยค่ะ ร้านตบแต่งร่มรื่นดีค่ะ มีซุ้มหลายซุ้ม แต่ถ้าไปช้าหรือไม่ได้จองล่วงหน้าซุ้มริมน้ำจะเต็มนะคะ



เราได้นั่งซุ้มริมน้ำ ค่ะ เชิงหลังคาต่ำไปนิด เข้าใจว่าเพื่อความเป็นส่วนตัวแต่เราอึดอัดอ่ะ สั่งอาหารมา 3-4 อย่าง ที่โปรดที่สุดคือไก่ย่างค่ะ
ราคาอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งหมด 775 บาท


ปล.ที่ซุ้มอาหารเค้ามีหมอนให้ด้วยนะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแต่ละซุ้มใช้เวลาทานอาหารนานจัง คงมาพักผ่อนกันเลยน่ะค่ะ





อิ่มมื้อเช้าควบเที่ยง อยากกินกาแฟค่ะ เข้าเมืองไปเวียนหาร้านกาแฟเก่ๆนั่งเล่นดีกว่า

ความคิดเห็นที่ 32

ไม่เจอร้านโดนใจเพราะไม่มีข้อมูล คุณชายก้เลยโทร.ไปถามน้องชาย (เก๋ ร้อยตะวัน) ว่าในขอนแก่นมีร้านไหนแนะนำมั้ย

พี่เก๋ ก็เลยบอกให้ลองไปร้าน Mr.Lee อย่าหน้าเซนทรัลฝั่งถนนมิตรภาพค่ะ หาไม่ยาก ร้านกว้างขวางค่ะ มีที่จอดรถหลายคัน

แต่..

ไม่ค่อยมีโต๊ะว่าง เพราะลุกค้าเท่าที่เห็นมานั่งทำงาน นั่งอ่านหนังสือกันยาวเลยค่ะ



นอกจากกาแฟกลิ่นหอม รสชาติดีแล้ว ร้านนี้มีไอสครีมโฮมเมดด้วยค่ะ นั่งเพลินๆ รอฝนหยุดตก และโดนทีมงานที่ตามมาถึงแล้วโทรงตาม ถึงได้เคลื่อนย้าย มื้อนี้หมดไป 275 บาทค่ะ



ได้เวลานัดหมาย เราก็เดินทางไปเช็คอินที่ ที่พักที่จองไว้ตลอดช่วงเวลาที่ทำงานที่ขอนแก่นค่ะ แล้วก็ออกไปรับทีมงานที่นั่งรถทัวร์ของนครชัยแอร์มาถึงวันนี้ ที่สถานีขนส่ง(ปรับอากาศ) ซึ่งจะอยู่เลยขนส่งเก่าไปในตัวเมืองค่ะ อธิบายทางไม่ถูก เหมือนกัน แต่ไปถูก



เสร็จแล้วก็ออกไปตะเวนหามื้อเย็น ตั้งแต่ยังไม่มืด จนมืด ร้านที่ตั้งใจจะไปพากันปิด(หนีเรา)หมดเลยอ่ะ แปลกมาก สุดท้ายมาตาย(ใกล้)รัง ร้านพิซซาแอนด์เบค ตรงข้ามที่พักเราเองค่ะ



ประหลาดใจกับการจัดคิวอาหารร้านนี้มาก

เรามาถึง ยังไม่มีลูกค้าโต๊ะอื่น สั่งอาหารไปแล้ว โต๊ะอื่นๆก็เริ่มทะยอยกันมา จนโต๊ะอื่นกินอิ่มเช็คบิลไป 2 โต๊ะ โต๊ะเรายังไม่มีอะไรมาเสิร์ฟเลยนอกจากดาวแดง เรียกพนักงานมาถาม ได้ความว่า....

ถ้าสั่งอาหารจานเดียวจะได้เร็วค่ะ พอดีว่า..โต๊ะพี่สั่งกับข้าวต้องรอ

ห๊า...........

มีงี้ด้วยเหรอ กับข้าวเนี่ย ทอดมัน, แกงเผ็ดเป็ดย่าง สองอย่างเนี่ยนะ
สุดท้ายได้กินเมื่อเวลาผ่านไป ชั่วโมงกว่าๆ ก็ยังใจดีไม่วีนนะ แถมยังสั่งไอติมกะเค้กมากินต่ออีก (ไม่อร่อยเท่าไหร่อ่ะ)

มื้อนี้ 745 บาท





กลับที่พัก เตรียมตัวทำงานในวันต่อไป
เช้ารุ่งขึ้น ตื่นไปส่งคุณชายกลับกรุงเทพฯที่สนามบิน ส่วนเราและทีมงานอยู่ทำงานกันอีกเป็นสัปดาห์ ตลอดเวลาที่ทำงานที่นี่ ไม่มีภาพนะคะ
จนวันสุดท้ายที่ต้องเดินทางกลับ..เป็นวันที่มีข่าวน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมโคราชพอดี

ลุยน้ำมานิดหน่อย หลังจากนั้นที่เราผ่านมา ประมาณ 4 ชม.ได้ข่าวว่าพื้นที่ตรงนี้ืรถผ่านไม่ได้แล้วค่ะ



เราแวะทานมื้อกลางวันแถวๆวังน้ำเขียว ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ค่ะ กับที่นี่ ครั้งเดียวพอ ไม่ปลื้ม แพงน่ะรับได้ถ้ารสชาติดีเลิศและเต็มใจบริการ แต่ที่นี่เจ้าของร้าน "ยะโส" ไปหน่อย รสชาติก็.... เคยกินสะเต๊กที่อื่นอร่อยกว่านี้อ่ะ



ยังไม่ทันค่ำ ก็เดินทางกลับถึงเมืองจันท์ค่ะ แต่เราแวะทำธุระ กว่าจะได้เข้าบ้านก็ค่ำพอดี เป็นอันจบทริปนี้ กับการเที่ยวในหน้าที่ เส้นทาง กรุงเทพ-นครราชสีมา-หนองคาย-ขอนแก่น-นคราชสีมา-ปราจีนบุรี-สระแก้ว-จันทบุรี

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทายและลงชื่อให้กำลังใจนะคะ ทริปหน้าไปไหน... โปรดติดตาม

ขอบคุณและสวัสดีค่ะ

ติดตามรีวิวฉบับเต็มจากบอร์ดบลูแพลนเนทได้จากลิงค์นะคะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9831995/E9831995.html




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2553   
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2553 21:02:59 น.   
Counter : 5854 Pageviews.  

"เที่ยวไปตามใจฉัน 3 วัน 2,000 โล" ตอน : ปายเหงาๆ แต่เราชอบ

สวัสดีค่ะ

งานเยอะ เรื่องแยะ ก็เบื่อหน่ายเป็นธรรมดา
มีเวลาว่างตั้ง 3 วัน ไปเที่ยวดีกว่า โดยเฉพาะว่างวันธรรมดา ชอบนักเชียว..
เพราะปกติชอบเที่ยว แบบเงียบๆอยู่แล้ว คิดอยู่แป๊บนึงว่าจะไปไหนดีหนอในช่วงเวลาที่กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศมาว่าจะมีฝนแบบนี้

เที่ยวเกาะ เที่ยวทะเล อาจจะไม่เหมาะ
งั้นก็.. เที่ยวเหนือ (จะมีน้ำป่ามั้ยหว่า) ดีกว่ามั้ย

เนื่องจากอยากไปพบปะเพื่อนเก่า ที่จากกันมานานแล้วก็อยากหาโอกาสไปปาย ช่วงไม่มีคนอยู่แล้ว

อย่ากระนั้นเลย ..
ตัดสินใจเก็บเสื้อผ้า ขนข้าวของสัมภาระประจำกายขึ้นรถไปเที่ยวกันเถอะ




เช้าวันจันทร์ที่ 27 กันยายน 53
เรามีนัดที่ตึกเมืองไทยภัทร ช่วงเช้าตรู่ ก่อนเจ็ดโมงเช้า
ออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง พร้อมอุกรณ์การเที่ยวครบมือ

จากย่านรัชดาเมื่อเสร็จธุระประมาณ เจ็ดโมงครึ่ง มุ่งหน้าสุทธิสารแล้วขึ้นทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ มุ่งหน้าถนนสายเอเชียโลดดดดดดดดดดด ค่ะ

ออกมาสายแล้ว เจอรถติดนิดหน่อยแถวๆหน้า ม.กรุงเทพยาวมาถึงหน้าทางเข้านวนคร แวะเติมน้ำมันรถ และเติมพลังมื้อเช้าให้คนที่ปั๊ม ปตท.แถวๆอยุธยา ตอนใกล้ 8 โมงเช้าค่ะ

น้ำมัน ดีเซล B5 = 2,250 บาท
ค่าอาหารที่ร้านเชสเตอร์กลิล = 203 บาท
ค่ากาแฟ และขนม,ของว่างซื้อติดรถไว้ระหว่างทางกันหิว = 115 บาท



12.15 : เติมน้ำมันอีกครั้งที่ อ.เถิน 1,430 บาท

ถนนช่วงระหว่างกำแพงเพชรขึ้นไป สภาพไม่ดีเอาซะเลยค่ะ กระเด็นกระดอนกันไปตลอดทาง บางช่วงก็มีการปิดช่องการจราจรด้วย ถ้าฝนตกหนัก หรือขับช่วงกลางคืนคงจะอันตรายไม่น้อยนะเนี่ย

ช่วงจาก จ.ตากขึ้นไป มีการปิดถนนฝั่งขาขึ้นเหนือเป็นระยะทางหลายกิโลค่ะ ถนนฝั่งที่เปิดใช้งานสภาพชำรุดตลอดทาง ใครจำเป็นต้องขับรถขึ้นเหนือช่วงนี้ระมัดระวังกันด้วยนะคะ



ขับเพลินๆ ชมวิวสวยๆไปเรื่อยๆ
ยังไม่ทันจะบ่ายสองโมง ก็ถึงเชียงใหม่แล้วล่ะค่ะ

14.15 น. และเติมน้ำมันอีกครั้งที่ปั๊มบางจาก อ.แม่ริม 510 บาท
ซื้อขนมอีก 197 บาท (กินตลอดทางจริงๆ)

แล้วมุ่งหน้าสู่ อ.ปาย ทางเส้น 1095



พอเริ่มจะขึ้นเขา ก็เริ่มเจอฝนค่ะ
โชคดีที่ฝนหยุดไปแล้ว คงเหลือไว้แต่เพียงร่องรอยถนนที่เปียกและลื่น



15:25 ไปได้ครึ่งทาง แวะเข้าห้องน้ำและซื้อเสบียง(อีกแล้ว)ทีร้านค้า ใกล้ๆโป่งเดือด ถนนบางช่วงชำรุดเสียหาด อันเนื่องมาจากน้ำเซาะ ขับรถด้วยความระมัดระวังด้วยนะคะ



วิวสวยๆ แลกกับอาการเวียนหัว คุ้มมั้ยเนี่ย





ยิ่งอยู่สูง อากาศยิ่งชุ่มชื้น ชอบต้นสนแบบนี้ที่ขึ้นบนยอดเขา



ประมาณ สี่โมงเย็น เข้าเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้วค่ะ ขับรถขึ้นภูเขาไปปาย กับขับรถลงใต้ไปเมืองกลางหุบเขาแบบเบตง จะได้บรรยากาศที่คล้ายกันคือ โค้ง,ภูเขา และ ฝูงวัว



16:25 ถึงสะพานประวัติศาสตร์เมืองปาย กันแล้วล่ะค่ะ
ที่ศาลาหน้าสะพาน จะมีภาพเก่าๆ และประวัติของสะพานนี้ ถึงจะมีการบูรณะซ่อมแซมกันไปแล้ว แต่บางส่วนก็ยังชำรุดอยู่

ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวทั้งหลายที่ฮิต "โดดทั่วไทย" กรุณาเว้นพื้นที่บนสะพานนี้ไว้ด้วยนะคะ เพราะนอกจากอาจจะเกิดอันตรายกับนักกระโดดแล้วยังจะเป็นการทำลายแหล่งท่องเที่ยวด้วยค่ะ









ขับรถต่อไปแบบไร้จุดหมาย..

จนมาถึงร้านยอดฮิต ร้านดัง ที่ใครมาปายก็ต้องแวะ Coffee in love



ไม่ได้อุดหนุนกาแฟเค้าหรอกค่ะ เพราะวันนี้โดนไปหลายแก้วแล้ว แต่อุดหนุนของที่ระลึกมาเพียบ หมดไป 540 บาท

น้องขวัญ แม่ค้าหน้าหวานวัย 4 ขวบ น่ารักมั้ยล่ะ







ออกเดินทางต่อดีกว่า ยังไม่มีที่นอนเลยคืนนี้
ขับรถเข้าไปในตลาด วนดูบ้านเมืองเค้าไปเรื่อยๆ แล้วก็ตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปดูที่นี่ค่ะ "บ้านไม้ คนเมือง" ตกลงสุดท้ายก็พักที่นี่แหละค่ะ แต่ขอยกรายละเอียดไปลงที่หมวด "รีวิวที่พัก"นะคะ



ช่วงนี้ ที่บ้านไม่คนเมืองไม่ได้เปิดบริการร้านอาหาร
แต่น้องต้น ผู้ดูแลที่นี่แนะนำร้านอร่อยให้ หรือเราจะไปซื้อจากข้างนอกมานั่งทานที่นี่ก็ได้ ทางที่พักมีจาน-ชามไว้บริการค่ะ

ทีแรกว่าจะเดินไป แต่มาคิดอีกที ขับรถออกไปดีกว่า จะได้รีบกลับมากิน แล้วช่วงหัวค่ำค่อยเดินออกไปถนนคนเดิน



ซื้อกับข้าว (หรือกับแกล้มหว่า) ที่ตลาดแสงทองอร่าม กลับมากินที่ที่พัก พ่อค้าแม่ค้าน่ารักดีค่ะ ราคาอาหารก็เป็นปกติไม่ถุกไม่แพง รสชาติดีค่ะ





แวะซื้อดาวแดง จากร้านขายส่งใกล้ๆตลาดมาฝากแช่ตู้เย็นที่รีสอร์ท
แล้วก็ยืมจาน ยืมแก้ว มานั่งชิลกันที่โต๊ะริมแม่น้ำ สุขใจ ฟ้าหลังฝนมีรุ้งกินน้ำมาให้นั่งมองพอเพลินๆด้วย



นั่งกินอยู่ถึงประมาณทุ่มกว่าๆ ยุงเริ่มมาก็วงแตกค่ะ

เก็บจาน เก็บแก้ว คืนเค้า แล้วเราก็เดินไปถนนคนเดิน เดินๆไป มืดแฮะ ชักจะไกลแต่กลับไม่ได้ เดินต่อไปแค่อึดใจ (ประมาณ 500ม.เองค่ะ) ก็ถึงค่ะ



ฝนเริ่มลงเม็ด คนที่ไปด้วยเลยตัดช่องน้อยแต่พอตัว เลี้ยวเข้าร้านนวดซะงั้น ปล่อยอิชั้นเดินคลุมร่มช๊อปปิ้งตามลำพัง ณ ถนนคนเดิน ร้านค้าหน้าตาเหมือนๆกันไปหมด บางร้านพอฝนตกก็เก็บร้านกลับบ้าน บรรยากาสเงียบเหงา แต่เราชอบอ่ะ ไม่วุ่นวายดี ยืนฟังพี่ตำรวจจราจรท่านนี้ร้องไปหลายเพลงเลย





บรรยากาศเหงาๆ ที่ถนนคนเดิน "ปาย"



เดินย้อนกลับมาที่ร้านนวด คุณเธอยังนวดไม่เสร็จ เลยไปนั่งเลือกโปสการ์ดที่ร้านมิตรไทย เพราะร้านอยู่ติดกัน เลือกโปสการ์ดไปได้ปึกใหญ่ๆ ก็มานั่งรอที่ร้านนวด



ฝนลงเม็ดมาอีกรอบ พอดีกลับการนวดจบคอร์ส
เดินคลุมร่มฝ่าสายฝนกลับที่พัก โรแมนติคซะไม่มี


ถึงที่พัก ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล.. เพลินกันไป



นั่งคุยกันไป ดื่มกันไป ฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
กลับไปอาบน้ำ สระผม นอนฟังเสียงฝนตกต่อไปดีกว่า

เริ่มจะง่วง เพราะตื่นเช้าและนั่งรถเดินทางไกลมาทั้งวัน
นอนฟังเสียงฝนตกตลอดทั้งคืน จนหลับไป เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็แวะเที่ยวในเมืองปาย ก่อนเข้ามาพักที่เชียงใหม่

เช้าวันนี้ระดับน้ำสูงขึ้นจากเมื่อวานตอนเย็น และน้ำขุ่น ไหลแรงกว่ามาก เนื่องจากฝนที่ตกหนัก น่ากลัวมากๆ



อาบน้ำ เก็บข้าวของเสร็จ ทีแรกว่าจะเล่นเนตก่อนซักแป๊บ( ที่บ้านไม้ คนเมืองมีสัญญาณ Free WiFi ค่ะ) แต่..ไม่ดีกว่า มาเที่ยวจะต้องพยายามตัดขาดจากโลกของงานให้ได้

ออกมาจากห้องพัก ก็สายแล้วแดดเริ่มแรง ออกมานั่งดื่มกาแฟ ทานขนมปังพร้อมทั้งเขียนโปสการ์ด ก่อนออกเดินทาง





นั่งอยู่ซักพัก ต้องออกเดินทางต่อแล้วล่ะค่ะ
ตัดสินใจกันว่า..ไปศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนานที่หมู่บ้านสันติชลกันดีกว่า
จากตัวอำเภอไปที่ หมู่บ้านสันติชลไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ ไปทางเดียวกันกับวัดน้ำฮู และบ้านหมอแปง ผ่านทุ่งนา และภูเขาเขียวชุ่มฉ่ำ



ผ่านถนนคอนกรีตในหมู่บ้าน จากทางราบ สู่ทางขึ้นภูเขา จุดแรก "วัดน้ำฮู" แต่เราไม่ได้แวะค่ะ

วัดน้ำฮู อยู่ที่หมู่ที่ 5 ตำบลเวียงใต้ ห่างจากตัวอำเภอไปทางโรงพยาบาลปายประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานของพระอุ่นเมือง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสิงห์สาม (ศิลปะล้านนา) ปางมารวิชัยทำด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์ มีลักษณะพิเศษคือพระเศียรกลวง พระโมฬีปิดเปิดได้และมีน้ำซึมออกมาโดยไม่รู้ที่มา และกลายเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิที่ชาวปายต่างให้ความนับถือ
ประวัติการสร้างไม่แน่นอนแต่เชื่อกันว่าสร้างโดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นพระราชกุศลถวายพระพี่นางพระสุพรรณกัลยา นักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปนมัสการพระอุ่นเมืองทางวัดเปิดให้เข้านมัสการทุกวัน



เลยวัดขึ้นไปไม่ไกลก็ถึงหมู่บ้านค่ะ แต่เรายังไม่อยากจอด อยากขับเลยขึ้นไปชมทิวทัศน์สวยๆต่อ ยิ่งสูงยิ่งเขียว ยิ่งสดชื่น ชอบที่สุด



ขึ้นไปถึงวัดหมอแปง แล้วก็ย้อนกลับลงมา



แวะลงมาจอรถที่ด้านข้างของศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนาน ข้างๆเป็นลำธารน้ำใสมากค่ะ ได้ยินเสียงน้ำไหลสดชื่นมาก อย่างกับเสียงน้ำตก แดดแรงมากๆ เดินไปหาที่หลบแดดก่อนดีกว่าค่ะ



เริ่มหิวนิดๆ เพิงริมทางนี้น่าสนใจค่ะ ขายบะหมี่ยูนาน แล้วก็มีมันเผา กับข้าวโพด หอมๆด้วย ดูหน้าตา น่าสนใจ ลองสั่งมาทาน 1 จาน

บะหมี่คลุกกับซ๊อสปรุง มีเนื้อหมูสับ,งาขาว และเครื่องปรุง รสออกเค็มๆหอมๆ ทานกับน้ำซุป และผักดองค่ะ

ราคา 30 บาท อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก



อิ่มแล้ว..ข้ามไปชิมชาค่ะ

ชาหอมๆ อุ่นๆ ราคาถูกกว่าที่ตลาดวโรรสนิดนึง เป็นชาอู่หลงรสต่างๆ นอกจากชาร้านนี้เขาเย็บรองเท้าแบบที่เราเห็นวางขายกันเยอะๆในเมืองด้วยค่ะ



ที่ศูนย์วัฒนธรรม จะมีร้านค้าสร้างด้วยบ้านดิน แต่ละร้านจะมีของขายเหมือนๆกัน ภายในร้านอากาสเย็นสบายดีค่ะ

เราอุดหนุนบ๊วย และผลไม้อบแห้งจากร้านนี้มาเยอะพอสมควร บ๊วยแต่ละรสมีชื่อเรียกแปลกๆต่างกันออกไป อย่าง บ๊วยหวาน เรียนก "บ๊วยแห่งความคิดถึง" หรือ มีบ๊วยหิมะ เป็นต้น พนง.ขายบอกว่าเป็นขื่อที่แปลมาจากภาษาจีนค่ะ



นอกจากร้านขายของที่ระลึกแล้ว..ที่นี่ก็มีกิจกรรมสนุกๆให้นักท่องเที่ยวค่ะ อย่างขี่ม้า หรือโล้ชิงช้า เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดได้พอสมควร น่าสนุกเชียว



คอกาแฟ ต้องไม่พลาดกาแฟร้านนี้ค่ะ "คาเฟยเตี้ยน" ลมพัดเย็นสบาย กับกลิ่นกาแฟหอมๆ



นั่งเก็บบรรยากาศระหว่างรอกาแฟ



กินกาแฟ แล้วก็ออกเดินทางต่อค่ะ ลืมส่งโปสการ์ด ก็เลยตั้งใจว่าจะย้อนเข้าไปในตัวเมืองก่อน ระหว่างทางจากหมู่บ้านฯเข้าไปในตัวเมือง ผ่านสนามบินปาย



แวะไปที่ไปษณีย์ ให้ จนท.ประทับตรา "ปาย" ชัดๆ
เจ้าหน้าที่คนสวยที่ไปรษณีย์ น่ารักมากๆค่ะ





จากนั้น..ก็เดินทางกลับค่ะ

ระหว่างทาง...พบร่องรอยจากฝนที่ตกหนักมาทั้งคืน
ถ้าเราออกมาเร็ว อาจจะกลับไม่ได้ เพราะรถของกรมทางฯเพิ่งมาเคลียร์ทาง
เจออีกหลายจุดค่ะ แทบจะทุกโค้งที่ผ่านกันเลยทีเดียว



ที่ร้ายไปกว่านั้น..ช่วงที่อยู่บนยอดเขา ช่วงที่สูงที่สุด เหมือนวิ่งฝ่าเมฆฝนกันเลยทีเดียวค่ะ ถนนลื่นสุดๆไปเลย



พอลงพื้นราบ..ฟ้าใสกิ๊ก อีกแระ อะไรกันเนี่ย ???????????????



แวะทานมื้อกลางวันตอนบ่ายสอง ที่ร้านแป้นเกล็ด ปากทางเข้าน้ำตกอะไรน้า..จำชื่อไม่ได้ แถวๆแม่แตงน่ะค่ะ



แอบเคืองร้านนี้เล็กน้อย...

พนง.เอาเมนูมาให้เรา แล้วก็หายไปปปปปปปปปปป นานกว่า 15 นาที
ไม่มารับออเดอร์ ทั้งๆที่ไม่มีลูกค้ารายอื่น เค้านั่งคุยกันเพลินอ่ะ ที่รู้เพราะเราต้องเดินไปตามเอง



ค่าอาหารทั้งหมด 145 บาท
อาหารสองจานอย่างที่เห็น น้ำเสารส 1 แก้ว และไฮเนเก้น ขวดเล็ก 1 ขวด





เพื่อนคุณชาย โทร.มาตามว่าถึงเชียงใหม่หรือยัง เพราะเดิมเรานัดกันว่าน่าจะถึงประมาณบ่ายสอง แต่ฝนตกหนัก และแวะทานข้าวก็เลยผิดเวลา ตรงเข้าเมืองเชียงใหม่ เพื่อหาที่พักสำหรับคืนนี้ ถึงตัวเมือง ข้ามแม่ปิง เวียนไปเส้นเชียงใหม่-ลำพูน เนื่องมาจากว่า มาเชียงใหม่หลายครั้ง ถ้าไม่จำเป็นก็อยากจะหาที่พักใหม่ๆ ในย่านที่ไม่เคยพักบ้าง นึกๆไป น่าจะมีแถวสองฝั่งแม่ปิงด้านถนนเจริญประเทศ ขนานกับถนนเชียงใหม่-ลำพูน นี่แหละที่เรายังไม่เคยพัก บอกคนขับว่า..มุ่งหน้าถนนเชียงใหม่-ลำพูน ก็แล้วกัน ลองดูก่อน เพราะเส้นนี้เรามักไม่ค่อยได้ขับรถเข้าไป



ขับไปเรื่อยๆ พร้อมกับสังเกตุเห็นว่าริมฝั่งแม่ปิง ผู้คนเตรียมกระสอบทรายวางกั้นน้ำกันเป็นแถว เพราะฝนที่ตกหนักเมื่อคืน ทำให้น้ำขึ้นสูงมาก

ขับไปเรื่อยๆ จนถึงแขวงกาลวินละ เหลือบไปเห็นป้าย "บ้านรัตนัย" เข้าให้

เคยได้ยินชื่อ มาบ้างตามหัวข้อกระทู้จากห้องนี้ แต่สารภาพตามตรงว่า..ไม่ได้เปิดดูรีวิวเลย งั้น..ลองแวะดูหน่อยแล้วกัน

ปรากฏว่า.. ถูกใจค่ะ !! ตกลงพักที่นี่ แต่จะนำรายละเอียดไปลงที่หมวด "รีวิวที่พัก" นะคะ



เก็บของเข้าที่พัก รอเวลาซักครู่ก็มีคนมารับไปทานข้าวค่ะ

เลือกที่จะไปทานร้านใกล้ๆที่พัก ริมแม่ปิง
ข้ามสะพานเม็งราย เห็นระดับน้ำแล้ว...น่ากลัวอ่ะ



ร้านท่าน้ำ แต่วันนี้อดนั่งริมน้ำ เพราะน้ำปิงขึ้นสูงมาก



ต้องขึ้นไปชมวิวแม่น้ำที่ชั้นบน นั่งไป ก็มองน้ำไป เพื่อนคุณชายห่วงน้ำจะเข้าบ้านเพราะบ้านอยู่ริมแม่ปิงเหมือนกัน



ช่วงหัวค่ำ น้องๆมาเล่นดนตรีพื้นเมืองให้ฟังพอเพลินๆ



อาหารรสชาติดี ราคาพอเหมาะพอควร



ยิ่งนั่ง ยิ่งคุยสนุก

เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่จบมหาวิทยาลัย ได้มาพบกันอีกครั้งเพราะตามหากันเจอจากเฟสบุ๊ค ยิ่งดึกยิ่งสนุก ทำเอาบางคนลืมเรื่องน้ำที่จะท่วมบ้านไปเลย ช่วงดึก ดนตรีเปลี่ยนเป็นโฟล์คซอง



ค่าอาหารเท่าไหร่ไม่รู้
เพราะมีเจ้าภาพจ่ายให้ แต่แอบนับขวดเปล่าสีเขียวๆ จำนวนมากกว่าลังอ่ะ

กลับที่พัก อาบน้ำ เตรียมนอน ใส่ชุดนอน กำลังจะปิดไฟ...

มีคนบ่นหิวซะงั้น แบบว่ามัวแต่ดื่มแล้วก็เม้าท์อ่ะ ลืมกิน
โชคดีที่สำรวจทางหนี ทีไล่ไว้ก่อน เยื้องกับที่พักมีปั๊มน้ำมัน ข้างในมีโลตัสเอ๊กเพรส ไม่อดแล้วคืนนี้



หลับสบาย ด้วยฤทธิ์ข้าวกล่องพรานทะเล


เช้า..

ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเตรียมอาหาร จากด้านนอก



ทานข้าวเสร็จ ก็ออกเดินทางต่อค่ะ

จากบ้านรัตนัย เข้าไปที่ "กาดวโรรส" แวะไปซื้อของฝาก ให้คนที่บ้านก่อน



หิ้วของพะรุงพะรัง ออกมาจากตลาดไปขึ้นรถ น้ำลดลงมาจากเมื่อคืน นิดหน่อย เสร็จแล้วมุงหน้าออกเดินทางกลับบ้านเราเต๊อะ ...



แวะที่โรงงานแสงชัยเอาท์เลท ลำปาง
เพื่อเข้าห้องน้ำ กินกาแฟ และซื้อขนมไปฝากใครสองคนแถวๆเมืองตาก

ร้านนี้ทำขนมอร่อยนะคะ ใครไปเชียงใหม่ขากลับแวะซื้อได้ ร้านอยู่ฝั่งซ้ายขาลงค่ะ



ขากลับสภาพอากาศไม่เป็นใจเอาซะเลย
เพราะจากตากเรื่อยลงมาก็เจอฝนตลอดทาง

โดยเฉพาะลงหนักมากช่วงภาคกลาง ตั้งแต่ชัยนาทลงมาถึงสิงห์บุรี
หนักทั้งลมและฝน จนต้องหยุดพักทานข้าวที่ร้านไพบูลย์ไก่ย่าง



ยังไม่ทันจะมืด ก็กลับมาถึงบ้านแล้วค่ะ
เป็นอันจบทริปเที่ยวไปตามใจฉัน อีกครั้ง

สำหรับทริปนี้ความประทับใจที่มี คงเป็นเรื่องของที่พัก ทั้งสองแห่งคือ
"บ้านไม้ คนเมือง" ที่ปาย และ "บ้านรัตนัย" ที่เชียงใหม่
แต่ที่เหนือไปกว่านั้น คือการที่ได้เห็นคนข้างๆมีความสุขกับการได้พบเจอเพื่อนเก่า ได้เล่าเรื่องราวในอดีตกันอย่างมีความสุข ทำให้หลายเดือนที่เหนื่อยมา มันหายไปได้กับเวลาเที่ยวเพียง 3 วัน

ออกไปเที่ยวกันเถอะค่ะ ไปไหนก็ได้ที่เราไปแล้วสบายใจ ได้เดินทางไปตามใจปรารถนา ไม่ต้องกังวลไม่ต้องคาดหวัง แล้วเราจะพบสิ่งที่ทำให้เราสุขใจ


ขอบคุรทุกท่านที่ติดตามรับชมทุกตอน และลงชื่อให้กำลังใจกันนะคะ
ทริปหน้าไปไหน ??? ได้มาเล่าให้ฟังกันอีกแน่นอนค่ะ สัญญา !!!!!

และหากต้องการชมรีวิวโดยละเอียด สามารคลิ๊กเข้าไปได้ที่บอร์ดบลูแพลนเนท ตามลิงคืด้านล่างนี้นะคะ

ตอนที่ 1 : ปายเหงาๆ แต่เราชอบ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9750926/E9750926.html

ตอนที่ 2 : ริมปาย..สู่ริมปิง

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9754572/E9754572.html



ตอนจบ : คืนนี้ที่บ้านรัตนัย

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9756031/E9756031.html



สรุปค่าน้ำมันที่ใช้
รถ Toyota Tiger 4x4WD. เครื่อง 3000 เติมน้ำมันดีเซล B5
ออกจากบ้านมีน้ำมันติดถึงอยู่ประมาณ 1 ส่วน 4 ถัง แวะเติมเป็นจุดๆดังนี้

วันแรก (ออกเดินทางจากจันทบุรีตี 4 แต่แวะเข้ากรุงเทพก่อน ออกจากกรุงเทพ 7 โมงเช้า)

04:15 ปั้มเชลล์บ้านตากาแฟ แกลง 1,000 บาท
07:50 ถนนสายเอเชีย อยุธยา 1,250 บาท
12:15 PTT. แยกอำเภอเถิน 1,430 บาท
14:10 บางจาก อ.แม่ริม 510 บาท
(16:00 ถึงอำเภอปาย)

วันที่สอง จากปายมาเชียงใหม่ ไม่ได้เติมน้ำมันเลย

วันเดินทางกลับ (วันที่สาม)
ออกจากเชียงใหม่ (ตลาดวโรรส) 08:30 น.

11:50 ปั๊ม PTT ตาก 1,200 บาท
14:25 สิงห์บุรี 1,000 บาท


รวมค่าน้ำมันทั้งสิ้น 6,390 บาท

เนื่องจากมีเวลาแค่ 3 วัน ใช้ความเร็วเฉลี่ย 110-140 กม./ชม. ขึ้นอยู่กับสภาพถนนและอากาศ ถ้ามีเวลาหลายวันขับไปเรื่อยๆไม่รีบเร่ง เคยประหยัดน้ำมันได้มากกว่านี้ค่ะ





 

Create Date : 04 ตุลาคม 2553   
Last Update : 4 ตุลาคม 2553 19:13:08 น.   
Counter : 3903 Pageviews.  

ไม่ว่างค่ะ งานเยอะ... ต้องหาโอกาสเที่ยว จะไปไหนได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่ "พัทยา" (อีกแล้ว)

สวัสดีค่ะ

ช่วงนี้งานเยอะมาก ถึงมากที่สุดค่ะ
เกิดภาวะเซ็ง เครียด อยากเที่ยว !!!!!!!

ช่วงสอง-สามวันที่ผ่านมา มีนัดกับลูกค้าสามวันติด คือพฤหัส-ศุกร์ และเสาร์
ปรากฏว่า พอสายๆวันพฤหัส มีโทรศัพท์โทร.เข้าขอเลื่อนนัด เป็นวันเสาร์แทน

อ้าว...งั้นวันศุกร์ ก็ว่างดิ่ ไปเที่ยวดีกว่า
ว่างแค่ 1 คืน 1 วัน จะไปไหนได้ ถ้าไม่ใช่พัทยา ที่ประจำ

เพิ่งไปมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ไปอีก ก็ไม่เบื่อนะ



ตอนที่รับโทรศัพท์ กำลังทำธุระอยู่แถวๆ หลักสี่ค่ะ
เสร็จธุระปุ๊บ ก็มุ่งหน้ารามอินทรา แล้วเข้าวงแหวน ออกทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 เชื่อต่อ หมายเลข 7 ปลายทางพัทยาโดยพลัน


ยังไม่กินข้าวเที่ยงค่ะ หิ้วท้องไปกินริมทะเลดีกว่า
ใช้เส้นมอเตอร์ที่เปิดใช้ใหม่ (แต่สร้างนานแล้ว) ออกมาตรงพัทยากลางเลย


ปล.เสื้อผ้าท้ายรถ พร้อมเสมอ อยากไปไหน ก็ไปได้อยู่แล้ว



โทร.จองที่พักที่ "จอมเทียนธานี" เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งไปพักแถวเลียบชายหาด กับเขาพระตำหนัก วันนี้ต้องย้ายโซน

เคยทำรีวิวที่นี่ไว้ครั้งนึงแล้ว.. เปิดชมได้ที่หมวด "รีวิวที่พัก" เลยนะคะ

จอมเทียนธานี อยู่ซอยจอมเทียน 5 ค่ะ
หน้าปากซอยของกินเพียบ ไม่ต้องกลัวอด



เช็คอิน แล้วก็ออกไปหาอะไรกินค่ะ
ยังไม่มีจุดหมาย ขับรถไปเรื่อยๆ จนถึงร้านสุดทางรัก
ขี้เกียจคิดแล้ว กินที่นี่แหละ ชักคอแห้งแระ

Smiley





หิวน้ำ ไม่ได้หิวข้าว
เพราะฉะนั้นมื้อนี้ไม่ต้องกินข้าว

หอยแครงเผา จิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ด ยามบ่ายอันแสนอบอ้าว กับหมึกไข่นึ่งมะนาว เปรี้ยวสะใจ อร่อยมากๆค่ะ เมนูนี้





ร้านนี้มี Free WiFi ให้ใช้
นั่งทำงานเพลินไป หมดเครื่องดื่มไป 3 ขวด พนักงานเค้ามาบริ๊ฟงานกัน
ไอ้เราก็นั่งฟังเพลินไป มันส์ค่ะ หัวหน้าพนง.แกให้โอวาสลูกน้องถึงพริกถึงขิงมาก เสมือนประหนึ่งไม่มีลูกค้านั่งอยู่ตรงนี้คนไหนอู้ คนไหนรู้มาก คนไหนสะตอยังไง พี่แกฉะกันเห็นๆ อยากจะบอกเหลือเกินว่า... ตรูไม่อยากฟังงงงงงงงงงงง ตรูอยากนั่งเงียบๆ สงบๆ



เค้าเตรียมจัดโต๊ะ รับกรุ๊ปที่จองมา คนที่คาดว่า..น่าจะเป็น ผจก. She ตะโกนสั่งลูกน้อง ข้ามหัวเราไปมา เราก็เลยเกรงว่าจะเป็นภาระให้เค้า เช็คบิลกลับโรงแรมดีกว่า เกรงใจ

แวะซื้อเสบียงระหว่างทาง
ที่ 7-11 สาขาในพัทยา ขายเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ตลอด 24 ชม.ค่ะ กลับเข้าไปนั่งชิลต่อที่โรงแรม

มาครั้งนี้ ขอห้องฝั่งวิวทะเล ชั้นสูงๆ ที่สามารถนอนมองทะเลได้จากเตียง และระเบียงซีวิว แจ่มๆ โรงแรมนี้ไม่มีที่เปิดขวดนะคะ
โชคดีที่เราพกติดตัวเสมอ ก็เลยไม่มีปัญหา



แดดร่ม ลมตก

ออกไปนั่งรับลม ชมทะเล พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ สุขจายยยยยยย



ชมทะเล แสนงาม
ชอบเสียจริงเชียว ฉันพัทยา



ชอบจังบรรยากาศแบบนี้ พร้อมเตาน้ำมันหอม ที่ต้องพกไปไหนมาไหนเสมอ จุดกลิ่นหอม ๆ ผ่อนคลาย



สระว่ายน้ำอยู่ที่ชั้น 3 นะคะ
จากห้องพัก มองลงไปก็จะได้วิวประมาณนี้



ฟ้าใสๆ ที่พัทยา ในหน้าฝน

ใครบอกว่าพัทยาฝนตก ไปทีไร ฟ้าใสทุกที



มองไปลิบๆ ไกลๆ เกาะล้านค่ะ



ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ที่พัทยา เป็นครั้งที่ 3
ในรอบ สองสัปดาห์
ช่วงเวลาแห่งความสุข มักจะผ่านไปเร็วเสมอ ไม่ทันไร มืดซะแระ



เผลอหลับไปนอนไหนไม่รู้

มารู้ตัวอีกที ตอนได้ยินเสียงหัวเราะในละคร"เป็นต่อ" เพราะเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ ลุกขึ้นมาดูซิทคอม เรื่องดังจบ ก็หลับต่อ

เช้าตื่นขึ้นมา


โอ้ว...ทะเลสวยอ่ะ



รู้สึกหิว เพราะเมื่อวานไม่ได้กินข้าวเลย
ลงไปทานอาหารเช้า ดีกว่า.. ราคาที่พักรวมอาหารเช้า 1,350 บาทค่ะ

ผิดหวังกับอาหารเช้าเล็กน้อย
เพราะที่เคยมามันเยอะกว่านี้อ่ะ เข้าใจว่าเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ความอลังการ์ก็เลยลดลงไปด้วย



กินข้าวเสร็จ ก็ขึ้นมานั่งชิล ชมทะเล กันต่อ รอเวลาเช็คเอ้าท์ กลับไปลุยงานต่อ


ปล.ขออภัยรูปไม่สุภาพ แบบว่า..มันอาจจะชิลมากไปหน่อย ขอโทษคร๊าบบบบบบ



เช็คเอ้าท์ก่อนเที่ยงเล็กน้อย

ฝ่าการจราจรที่หนาแน่น เพราะการทำถนนตั้งแต่โรงโป๊ะไปถึงแหลมฉบัง ตรงเข้าไปอ่าวอุดม แวะทานมื้อเที่ยงกันค่ะ



อยากกินผัดไท

ต้องไปอ่าวอุดม ตรงไปจนเกือบสุดทาง เลี้ยวซ้ายเลียบกำแพงวัดไปเลยค่ะ หาที่จอดรถตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ ตรงข้ามกำแพงวัดนั่นแหละ ร้านนี้กินมาตั้งแต่เด็ก ผัดไทกุ้งสดแสนอร่อย ร้านป้าหวาน อ่าวอุดม



ตอนเด็กๆจำได้ ว่าจะมีสะพานไม้ เล็กๆตรงนี้
เคยเดินลงไปถ่ายรูป เวลาพ่อ-แม่ พามากินข้าวที่นี่



โฉมหน้า.. ผัดไท ที่รอคอย
ผัดไท กุ้งสด ร้านป้าหวาน กินมาตั้งแต่เล็กจนโต



อิ่มแล้วก็เดินทางกลับ เข้ากรุงเทพฯ
เป็นอันจบสิ้นภารกิจ ฉกฉวยเวลาเที่ยว ช่วงสั้นๆ

ใครจะเอาไปเป็นตัวอย่างก็ไม่ว่ากันนะคะ
ออกไปเที่ยวกันบ้าง ชีวิตจะได้ไม่เครียด

กลับมาถึงกรุงเทพ แอบเดินข้ามถนนไปกินไก่ย่างมา
ร้านนี้ไก่ย่างอร่อย สุดยอด ใครผ่านไป ผ่านมา แถวสวนสมเด็จฯ ศรีสมาน ลองแวะไปกินได้ค่ะ ช.ไก่ย่างดงรัง ของเค้าอร่อยจริง ขอบอก


ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาทักทาย และลงชื่อให้กำลังใจนะคะ
อย่าเพิ่งเบื่อรีวิวพัทยาล่ะ เพราะ...อาทิตย์หน้า ว่าจะ..ไปอีกแระ



รีวิวฉบับเต็มจากบอร์ดบลูแพลนเนท ชมได้จากลิงค์นะคะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9460105/E9460105.html




 

Create Date : 13 กรกฎาคม 2553   
Last Update : 13 กรกฎาคม 2553 20:28:36 น.   
Counter : 1679 Pageviews.  

มาหา..เพราะว่าคิดถึง พัทยา-บางแสน

สวัสดีค่ะ นักเดินทางทุกท่าน

ทีแรกตั้งใจว่าจะไม่รีวิวทริปนี้ เพราะว่ามันเป็นเส้นทางเดิมๆ ที่รีวิวบ่อยแล้ว กินที่เดิม พักที่เดิม ทุกที ฮ่า ฮ่า

แต่เพราะคราวนี้ไม่ได้ไปเที่ยวอย่างเดียว เรื่องเที่ยวน่ะมันของแถม จริงๆคือต้องไปเรื่องงาน ที่บางแสน ก็เลยขอเถลไถลไปที่ชอบ ที่ชอบ ซักหน่อย แวะไปหาพัทยา แก้คิดถึงเสียก่อน 1 วัน แถมวันกลับก็แวะไปจากลาพัทยามาอีก 1 คืน ไปเที่ยวกันดีกว่าเน๊อะ



ออกเดินทางบ่ายวันศุกร์ ไปถึงพัทยาก็บ่ายแก่ๆแล้วค่ะ
เข้าที่พัก ที่เดิมแหล่งกบดานของเรา ริมถนนเลียบชายหาดย่านพัทยาเหนือ



ออกไปหาอะไรกิน ที่เก่า ร้านเดิม ทำไมไม่เปลี่ยนบ้างเนี่ยยยยยยย
นั่งมองสีสันชีวิตพัทยา ที่คุ้นเคย เพลินๆ แบบนี้ ถึงไม่คิดอยากจะเปลียน


:: ความชอบของคนเราไม่เหมือนกัน อิชั้นชอบ คนอื่นอาจจะไม่ ก็ได้นะ ::




ร้านนี้ ไม่เคยเปลี่ยน
เข้าใจว่าเขาก็พยายามเปลี่ยนนะ (โดยเฉพาะเรื่อง แฮปปี้อาวน์)
สุดท้ายก็กลับมาใช้กลยุทธุ์เดิม เราก็ต้องกลับมาทุกที



รายการอาหารมีให้เลือกไม่มากนัก เรามาทีไร ก็สั่งอาหารเหมือนเดิมทุกที แต่..ทำไมไม่ยักเบื่อแฮะ



นักร้องวงใหม่ ถึงแม้จะไม่ทำให้เราประทับใจเหมือนวงเดิม แต่ก็รู้ว่าเขาพยายามเต็มที่ ให้ลูกค้ามีความสุข

กินอิ่ม ไปเดินเล่นริมทะเล
พัทยากลางดึก ไม่เคยน่ากลัวสำหรับเรา

ใช่ดิ่ ..
สารรูปแบบนี้ จะมีอะไรน่ากลัวกว่าล่ะ



ทะเล ก็คือ ทะเล
จะเป็นทะเลที่ไหน เราก็ ทะล

ดูแลเค้าให้ดี อย่าให้เขาต้องเน่าเสีย
การบริหารจัดการเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย
เมืองพัทยาทำได้ค่อนข้างดีค่ะ แสงไฟส่องสว่างมีตลอดแนวชายหาด



พัทยาช่วงนี้ เหงาไปนิด
แต่ก็ไม่เคยหลับ ถามคนแถวนั้น เขาบอกฝนตกทุกวัน

แปลกจัง..ตอนที่เราไปฟ้าใส อากาศแจ่ม



แวะตุนเสบียงก่อนเข้าที่พัก ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล
จะให้นั่งๆนอนๆเฉยๆ คงไม่ได้ กลัวผอมมมมมมมม



นอนหลับสบายในที่คุ้นเคย ..

เช้าตรู่ มุ่งหน้าบางแสน ต้องไปทำงานในหน้าที่กันหน่อย
ชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่เรื่องเที่ยวนะยะ

จากโรงโป๊ะ ไปถึงอ่าวอุดม ทำถนนตลอดนะคะท่านผู้ชม
โปรดขับรถด้วยความระมัดระวัง และถ้ามีธุระเร่งด่วน เผื่อเวลาไว้นิดนะคะ



ถึงมหาวิทยาลัยบูรพา ก่อนเวลานิดหน่อย
แวะไปสักการะองค์พระพิฆเณศวร์ ก่อนไปหาข้าวเช้ากิน เหมือนได้กลับไปในวัยเด็ก กินข้าวในมหาวิทยาลัย ไม่อาหย่อยอ่ะ
ขึ้นตึกเรียนเลยดีกว่า จองที่นั่งข้างหน้า เดี๋ยวเรียนไม่รู้เรื่อง



พักเที่ยง

กินข้าวแล้วก็ต้องไปหาแฟกิน ร้านหน้าคณะศิลปกรรม ขายกาแฟถูกดี อร่อยด้วยค่ะ



ตกเย็น ยังไม่เสร็จภารกิจหรอก แต่อยากกินไก่ย่าง
ก็เลยแอบแว๊บ ออกไปชายหาดบางแสน หาไก่ย่างกินดีกว่า



เจอแล้วไก่ย่าง...

อยากกินมาก เหมาซื้อมาซะเพียบ
แม่ค้าใจดีแถมข้าวเหนียวให้ฟรีๆ ไม่คิดตังค์



ชายหาดบางแสน เย็นวันหยุด คึกคักพอสมควรค่ะ หาที่จอดรถยากอยู่เหมือนกัน



ตอนเย็นเราแวะไปเช็คอินเข้าที่พักก่อน อยู่ตรงข้ามกับศาลเจ้านาจา ตรงอ่างศิลาค่ะ ที่พักมีส่วนของร้านอาหารบริการด้วยค่ะ ชื่อร้านบัวชมพู หรือไงนี่แหละ รีสอร์ทชื่อใบบัว จานก็ต้องเป็นรูปใบบัวสิเน๊อะ



ถ้าฟ้าเปิด น้ำขึ้น คงเพลิดเพลินกว่านี้ มองวิวเขาสามมุขพร้อมเบียร์เย็นๆ
(แต่ร้านนี้แช่เบียร์ไม่ค่อยเย็นอ่ะ)

เช้า..

ตื่นแต่เช้า เพราะเรายังไม่เสร็จภารกิจไปเรียนที่ ม.บูรพาต่อค่ะ
พอเรียนเสร็จ คิดหรือ..ว่าเราจะกลับบ้าน ไปพัทยาต่อสิคะ คิดถึงจะแย่แล้ว



ตรงไปหาข้าวกินก่อนเลยค่ะ หิ้วท้อง(มื้อเที่ยง) จากบางแสนมา เพื่อจะมาร้านนี้ "ประภาคาร" แหลมบาลีไฮ



ร้านประภาคาร ค่ะ
คนเยอะเชียว นี่ขนาดบ่ายแล้วนะเนี่ย อากาศร้อนสุด สุด



อาหารรสชาติดีค่ะ เรื่องราคาก็ปกติธรรมดาของอาหารตามแหล่งท่องเที่ยว



กินอิ่มไปหาที่นอนก่อนค่ะ วันนี้ไม่ได้จองมาล่วงหน้า แหล่งกบดานเก่าแถวซอย 3 เลียบชายหาดก็เบื่อแระ เพราะเพิ่งไปนอนมาคืนก่อน เลยมุ่งหน้าเขาพระตำหนักค่ะ เดี๋ยวนี้ไม่ได้ไปโคซี่เลย เพราะแอบติดใจ พนง.เมาเท่นบีชมากกว่า รายละเอียดที่พักไม่ลงนะคะ เพราะว่าเคยทำรีวิวไว้แล้ว



นอนหลับไปหนึ่งตื่น แดดร่ม ลมตกได้เวลามื้อเย็นซะอีกแล้ว

ไปที่เดิมค่ะ แต่เปลี่ยนร้าน คราวนี้ย้ายมาทางขวาบ้าง ร้านซันเซท
ร้านนี้ทำเลดี ร้านสวย แต่อาหารสู้ประภาคารไม่ได้ ที่สำคัญราคาแพงกว่ามากค่ะ



นั่งมองพระอาทิตย์ตก หน้าเกาะล้าน แสนเพลิดเพลิน



ระหว่างรออาหาร เดินลงไปเล่นชายหาดนิดนึง



อาหารหน้าตาดี แต่ราคาแพงไปนิดดดดดดดดดดด



นั่งเพลินๆ เบียร์ก็หมดไปเรื่อยๆ ลมพัดเย็นสบาย ชอบจัง
ถ้าชอบฟังโฟล์คซอง ให้รอตอน 2 ทุ่มนะคะ
มีนักร้องหนุ่มตาน้ำข้าวมาโซโลกีต้าร์บรรเลงเพลงแบบอะคูสติคให้ฟัง

นักร้อง หล่อโฮกกกกกกกกกกกกก ขอบอก



พอพ่อตาน้ำข้าว พักเบรค เราก็กลับค่ะ
อยู่นานกว่านี้เกรงว่าจะขับรถตกเขาพระตำหนัก เมาไม่ขับนะคะทุกคน



นอนหลับฝันดี เช้าตื่นขึ้นมาทานเบรคฟาสท์ ก่อนเตรียมตัวกลับบ้าน





มื้อเที่ยงตอนกลับบ้านแวะกินก๋วยเตี๋ยวเรือตรงกระทิงลาย มาคราวนี้ทำไมไม่ค่อยอร่อยก็ไม่รู้ ผิดหวังนิดหน่อย



ฟ้าแจ่มมาตลอด 4 วัน
พอกลับบ้านดันเอจฝนซะนี่

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทายให้กำลังใจนะคะ
ถึงจะเป็นการแอบหนีเที่ยว เพราะงานในหน้าที่เอื้อประโยชน์
แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็พอจะทำให้มีความสุขกับการมาในครั้งนี้

พัทยาเหลือเกิน ไม่รู้ทำไม แต่ไปแล้วมีความสุขอ่ะ
แล้วพบกันใหม่ทริปหน้านะคะ สวัสดีค่ะ



รีวิวฉบับเต็มจากบอร์ดบลูแพลนเนทดูได้จากลิงค์นะคะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9410009/E9410009.html




 

Create Date : 04 กรกฎาคม 2553   
Last Update : 4 กรกฎาคม 2553 18:47:53 น.   
Counter : 4257 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

prettyguide
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




สวัสดีค่ะ

ยินดีต้อนรับสู่ prettyguide's blog ค่ะ

สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องอัญมณี และของดีเมืองจันท์ เชิญลงชื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ค่ะ prettyguide จะขออาสาพาเพื่อนๆเที่ยวเมืองจันท์ให้ครบทุกซอกทุกมุม ใครอยากไปไหน หรืออยากได้ข้อมูลของจันทบุรี ก็บอกมาได้เลยค่ะ

================================

ภาพถ่ายทั้งหมด
ภายใน blog นี้สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัิญญัติสิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาิิต
New Comments
[Add prettyguide's blog to your web]