 |
|
อาลัยรัก..อาหมู xebec
ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นครั้งที่สอง ที่ต้องเขียนถึงคนบนฟ้า ที่จากลาไปแบบน่าใจหาย
อาหมู หรือคุณธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ปรมาจารย์ด้านเครื่องยนต์ หรือที่พวกเราชาวบลูแพลนเนทคุ้นเคยกันดี ด้วยบุคลิกปากร้ายใจดี และมีความรู้มาแบ่งปันให้ลูกหลานเสมอ จำไม่ได้แล้วว่ารู้จักกับคุณอาตั้งแต่เมื่อไหร่ วันไหน รู้แต่เพียงเมื่อเข้ามามีล๊อคอินในพันทิปไม่นาน น่าจะซักราวๆ 5-6 ปีก่อน เราก็มีโอกาสได้รู้จักและพบกับท่าน
รู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสสนทนาและได้ความรู้ ได้ข้อคิด ได้แบบอย่างในการดำเนินชีวิตจากท่านมากมายมหาศาล ดีใจที่ได้พบกับท่านทั้งที่จันทบุรี ที่บ้านสวนสยาม ที่ซับเศรษฐี และทั้งที่ตามงานเลี้ยงต่างๆ
มีโอกาสได้พบอาหมูเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 54 เมื่อท่านเรียกให้ไปพบที่บ้านสวนสยาม ในช่วงเวลาเย็น เรายังนำพระพุทธรูปองค์หลวงพ่อโสธร ที่ทำจากพลอยไปมอบให้ท่าน เนื่องในวันเกิดครบรอบ 66 ปี ที่เพิ่งผ่านมาได้เพียงสองวัน วันนั้นอาลอง ภริยาของท่านเพิ่งพาท่านกลับมากจากโรงพยาบาล เราถามท่านว่าท่านป่วยเป็นอะไร ท่านบอกว่าพบก้อนเนื้อ หมอจึงให้ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่เราก็ยังอดห่วงใยท่านไม่ได้
หลังจากนั้น เราเฝ้าติดตามการรายงานสุขภาพของท่านอยู่เสมอทางหน้าเฟสบุค แต่ไม่เคยทราบว่าท่านป่วยเป็นอะไร จนเมื่อประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ได้พบกับพี่ใช่ จึงได้ไต่ถามว่าตกลงอาหมูป่วยเป็นดรคอะไร พี่ใช่ให้ความกระจ่างว่าท่านเป็นมะเร็ง แต่ไม่ทราบว่าจุดไหน จากวันนั้นเรายิ่งเฝ้าติดตามอาการป่วยของอาหมูทุกวันทางหน้าเฟสบุค หากวันไหนท่านไม่มี าอัพเดท เราจะรู้สึกกระวนกระวายใจมากช่วงราวๆปลายเดือนมิถุนา อาหมูหายไปนานมาก จนเราไม่สบายใจคิดว่าท่านน่าจะเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแน่ๆ ซึ่งก้เป็นจริงตามนั้น เพราะในวันที่ 8 หรือ 9 กรกฎา ถ้าจำไม่ผิด ท่านเข้ามาอัพเดทสถานะว่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลและจะเดินทางมาจันทบุรี วันที่ท่านเดินทางมาถึงจันท์ เรางานค่อนข้างเยอะกว่าจะมีเวลาได้เข้าไปอ่านเฟสบุคก็ค่ำมากแล้ว รีบโทรสัพท์ไปหาอาลอง ทราบว่าท่านกำลังรับประทานอาหารเย็นอยู่บนห้องพัก จึงไม่ได้รบกวนท่าน ตั้งใจว่าเช้าจะรีบเข้าไปดักพบท่านที่โรงแรม แต่เหมือนแกล้ง มีงานด่วนเข้ามาที่เราต้องไปจัดการแต่เช้า ซึ่งท่านยังไม่ตื่นแน่ๆ เราจึงตัดสินใจขับรถไปที่โรงแรมกลางดึกคืนนั้นเพื่อไปกำชับให้ทางโรงแรมดูแลท่านและขอเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ เนื่องจากเป็นโรงแรมของเพื่อนกันไม่มีปัญหาอะไร มาถึงวันนี้เสียใจมาก ที่เช้าวันนั้นไม่ทิ้งงานไปพบหน้าท่านซักช่วงเวลาสั้นๆก็ยังดี
เมื่อท่านเดินทางกลับจากจันทบุรี ข่าวของท่านก็เงียบหายไปอีก บอกตามตรงว่าไม่สบายใจมาก เพราะรู้สึกว่าอาการของท่านน่าจะค่อนข้างหนักหนาพอสมควร ยังคุยกันกับแฟนว่าวันที่ 22 นี้ก่อนไปธุระที่พัทยาจะแวะไปเยี่ยมหาท่านซักครั้ง แต่ไม่ทันเสียแล้ว ..
วันที่ 17 ก.ค. เวลาราวๆห้าโมงครึ่ง ได้รับทราบข่าวร้ายจากคุณหวั่น ทาง BB. ว่าท่านได้จากไปแล้วเมื่อเวลา 17.10 นาที ใจหายเป็นที่สุด ถึงแม้จะเตรียมทำใจไว้บ้างแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าท่านจะจากไปเร็วขนาดนี้
ตำนาน ฮก ลก ซิ่ว แห่งบอร์ดบลูแพลนเนท คงถึงเวลาปิดฉากลง เพราะสองท่านด่วนมาจากลาไปแล้ว เหลือเพียงพี่หนุ่ย เลจาย ที่เราโทร.แจ้งข่าวร้ายแบบนี้มาสองคราแล้ว
อาหมูคงได้ทักทายกับพี่จร อยู่บนฟ้า คงสุขสบาย และขอได้อย่ากังวลใจใดๆ อาลองที่อยู่ทางนี้ อาหมูไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ พวกหนูจะอยู่เป็นกำลังใจและให้อาลองเรียกใช้ได้ตลอดเวลาค่ะ
หนูจะระลึกถึงคำสอนและถือเอาแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของอามาเป็นแนวปฏิบัติตลอดไปค่ะ
ด้วยความรักและอาลัย จากไอ้นุศ ไอ้หมูน้อยของคุณอาค่ะ 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2554 |
| |
|
Last Update : 18 กรกฎาคม 2554 20:11:26 น. |
| |
Counter : 2370 Pageviews. |
| |
 |
|
|
PostcardLoversTrip : "กระบี่ อยู่ที่ ตรัง" : ตอน 3
มาต่อตอน 3 กันเลยค่ะ
ทริป "กระบี่ อยู่ที่ ตรัง" กับพลรักรักการท่องเที่ยว สมาชิกคลับเรารักโปสการ์ด สำหรับตอนนี้ หลังจากออกเดินทางจากบ้านอันดามัน เราแวะไปไหว้พระที่วัดแก้วโกรวาราม ก่อนจะไปที่วัดถ้ำเสือค่ะ

สมาชิกทริป 2 คันรถตู้ เคลื่อนขบวนจากบ้านอันดามัน ไปยังวัดแก้วโกรวาราม กลางเมืองกระบี่ วัดแห่งนี้เป็นพระอารามหลวง มีพระอุโบสถที่สวยงามมากค่ะ
ประวัติความเป็นมา ประมาณ ปี พ.ศ. 2430 มีชาวพุธประมาณ 200 ครัวเรือน เข้าไปตั้งถิ่นฐาน ณ บ้านปากน้ำ(ตลาดเมืองกระบี่แถวถนนคงคาหรือตลาดล่างปัจจุบัน) เมื่อถึงวันพระ หรือวันสำคัญทางศาสนาทางราชการและประชาชนจะไปนิมนต์พระจากวัดบ่อพอ วัดท่านุ่น ไปทำบุญหรือประกอบพิธีทางศาสนา ต่อมาประชาชนได้ร่วมกันสร้างพำนักสงฆ์ขึ้นบริเวณบ้านปากน้ำ (พื้นที่บริเวณต้นสะเดาใหญ่ หน้าซุ้มประตูแก้วโกรพปัจจุบัน) เพื่อให้พระสงฆ์ได้พักแรม เมื่อมีพระบางรูปเข้าไปอยู่ประมาณ 3-4 เดือน ทางราชการและประชาชนจึงร่วมกันสร้างศาลา และกุฎีเพิ่มขึ้น แล้วเรียกขานพำนักสงฆ์วัดปากน้ำ เนื่องจากหมู่บ้านปากน้ำ ได้เลื่อนฐานะเป็นตำบล เพราะทางราชการได้ย้ายเมืองกระบี่ (ศาลากลาง) จากตำบลกระบี่ใหญ่(ตลาดเก่า) เข้าไปตั้ง ณ ตำบลปากน้ำ(บริเวณที่ตั้งศาลากลาง ,ศาล , ศาลหลักเมือง , และส่วนราชการอื่นๆในปัจจุบัน)ประมาณ พ.ศ.2440 ทางราชการ พ่อค้า ประชาชน ต่างก็ร่วมกันบูรณะและสร้างวัดปากน้ำให้เป็นวัดสมบูรณ์แบบ สมเป็นอารามประจำจังหวัด เพื่อใช้เป็นที่ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของเหล่าข้าราชการด้วย เมืองกระบี่ขณะนั้นยังทุรกันดารยิ่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2430-2450 หาพระไปอยู่ประจำยากพระภิกษุที่ไปอยู่ที่วัดประจำเป็นไข่ป่ามรณภาพถึง 2 รูป ในช่วง 20 ปี แรกของการก่อตั้งวัด มีพระหลายรูปที่ตั้งใจไปอยู่อย่างถาวร แต่เมื่อเข้าไปอยู่ประจำเป็นไข้ป่าแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ต้องลากลับวัดเดิมหลายรูป นับตั้งแต่ก่อตั้งวัดปากน้ำ จนถึงพ.ศ.2450 มีพระไปอยู่เป็นเจ้าอาวาสประมาณ 5-7 รูป คือ พระอุปัชฌาย์ จากจังหวัดตรัง(ไม่ปรากฏชื่อ),พ่อท่านวัดท่านุ่นจังหวัดกระบี่,พ่อท่านหอมแก้ว ยนยาน จากเมืองสงขลา, พระบริสุทธิสีลาจารย์ (ลภ) จากจังหวัดตรัง, พระครูสตูลสมันตสมณมุนี (สมุทร) จากจังหวัดสตูล พระเถระเหล่านี้เจ้าเมืองสมัยนั้นเป็นผู้อาราธนาไปอยู่ แต่ก็อยู่ได้รูปละ 1-3 ปี ต้องลากลับถิ่นเดิม
ที่มาจาก : //www.watkaewkrabi.com/ ค่ะ

พ.ศ.2509 กรมการศาสนา ได้ประกาศให้วัดแก้วโกรวาราม เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างระดับจังหวัด พ.ศ.2513 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันและพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา ณ วัดแก้วโกรวาราม วัดนี้จึงได้รับการพัฒนาอย่างขนาดใหญ่จากทางราชการ และประชาชนอีกวาระหนึ่ง เมื่อพระสมุห์กิ่มเดินทางจากจังหวัดภูเก็ตมาจังหวัดกระบี่ ท่านนำกิ่งพันธุ์สะเดาไปปลูกที่วัดแก้วโกรวาราม 2 ต้น ที่ท่าเรือหน้าวัด (เชิงเนินหลังโรงภาพยนตร์มหาราชปัจจุบัน) 1 ต้น ด้านเหนือโรงธรรม (ตรงหน้าซุ้มประตูพระแก้วโกรพปัจจุบัน) 1 ต้น ฉะนั้นสะเดาต้นนี้จึงมีอายุไม่น้อยกว่า 80 ปี เพื่อรักษาไข้ป่า หรือไข้มาลาเรีย ให้แก่ชาวบ้าน และพระภิกษุสามเณร
ที่มาจาก : //www.watkaewkrabi.com/ ค่ะ

พื้นที่ตั้งวัดแก้วโกรวาราม เมื่อ พ.ศ.2451 มีประมาณ 50 ไร่ พระสมุห์กิ่มจึงขออนุญาตพระแก้วโกรพขยายพื้นที่วัดออกไป 3 ด้านด้วยกัน คือ ด้านทิศตะวันออก, ทิศตะวันตก และทิศเหนือ โดยขอความร่วมมือจากประชาชน ในการบุกเบิกพื้นที่ ระยะเวลาที่พระครูธรรมาวุธวิศษฐ์ (พระสมุห์กิ่ม) เป็นเจ้าอาวาสอยู่กว่า 20 ปี พื้นที่วัดแก้วโกรวาราม ได้ขยายออกไปปีละประมาณ 20-30 ไร่ ต่อมาในสมัยพระราชสุตกวี (สิงห์) ปกครองวัดแก้วโกรวาราม เมื่อ พ.ศ.2490-2495 ได้มีข้าราชการและราษฎรบางคน เรียนท่านว่า ที่ดินส่วนที่เป็นสวนจากด้านทิศตะวันออกจดถนนอุตรกิจ ทิศเหนือจดคลองท่าแดง ทิศใต้จดที่ดินวัด (แปลงปัจจุบัน) สภาพเป็นป่าชายเลน เป็นที่สาธารณะ วัดไม่ควรเข้าไปทำประโยชน์ หรือใช่ในกิจการใด ๆ เพราะผิดกฎหมาย พระราชสุตกวีจึงสละสิทธิ์ที่เดินแปลงดังกล่าวไป รวมพื้นที่ประมาณ 300 ไร่เศษ แต่ยังคงให้ศิษย์วัดเข้าไปตัดใบจากที่วัดได้ปลูกไว้หลายร้อยกอ เพื่นนำมามุงและซ่อมแซมหลังคาเสนาสนะอยู่ทุก ๆ ปี หลังจากนั้นประมาณ 20 ปีเศษ ประชาชนได้เข้าไปแย่งจับจองที่ดินแปลงนี้กัน จนหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า ข้าราชการกับประชาชนร่วมกันบุกรุกป่าชายเลน เป็นข่าวใหญ่อยู่หลายวัน มีผู้นำหนังสือไปถวายพระราชสุตกวี(สิงห์) เมื่อท่านได้อ่านข่าว ท่านจึงสั่งระงับไม่ให้ พระ เณร หรือคนวัด เข้าไปตัดใบจากมาใช้ตั้งแต่บัดนั้น
ที่มาจาก : //www.watkaewkrabi.com/ ค่ะ

ใช้เวลาอยู่ที่วัดกันพอสมควร เราก็เคลื่อนย้ายไปยังจุดต่อไปค่ะ ฟ้าใสแดดแรงมาก วันนั้น

จากนั้นเราเดินทางกันต่อไปที่ "วัดถ้ำเสือ" ค่ะ คนค่อนข้างเยอะ ทั้งผู้มาแสวงบุญ ถือศีล บวชชีพราห์ม และนักท่องเที่ยวแบบพวกเรา

คนที่มาที่นี่ ไฮไลท์คงเป็นการขึ้นบันไดกว่า 1200 ขั้นขึ้นไปบนยอดเขา แต่สำหรับเรา..
ขอส่งตัวแทนขึ้นไปก็พอแล้วมั้ง จากจำนวนสมาชิกกว่า 20 ชีวิต มีผู้กล้ามุ่งหน้าขึ้นบันไดไปประมาณ 8 คนค่ะ และที่ร้ายไปกว่านั้น... 6 คนที่ขึ้นไป ทะยอยกันเดินลงมา ตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทาง 55+ 

กองเชียร์ที่เหลือพากันไปสักการะขอพรเจ้าแม่กวนอิมกันค่ะ ไหว้พระ ขอพร ให้เดินทางปลอดภัย รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม" สูงราวๆ 5 เมตร ในแต่ละวันจะมีผู้คนมาบูชาไม่ขาดสาย จุดธูปจุดเทียนกันจนควันโขมง และเป็นจุดเด่นที่ใครมาวัดนี้แล้วคงต้องเจอค่ะ

ไม่ต้องรีบร้อบเพราะสมาชิก 2 คนที่เหลือ คงจะยังไม่ลงมาง่ายๆ ตั้งใจไว้เหมือนกันว่าปลายเดือนนี้ หากได้ไปกระบี่อีกครั้งจะพยายามหาโอกาสพิชิตบันได 1,238 ขี้นให้ได้

ที่วัดนี้มีลิงเยอะเลยค่ะ มีป้ายให้ระวังของ เพราะลิงจะมาแย่ง แต่เท่าทีสังเกตดู ลิงที่นี่ส่วนใหญ่ไม่ซนนะคะ ถ้าเราไม่ไปแหย่เค้า

ระหว่างรอ เราเดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ เป็นที่สนุกสนาน เพลิดเพลิน


รอจนกระทั่ง ผู้กล้าทั้ง 2 ของคณะลงมาจากยอดเขา นั่งพักเหนื่อยกันพอสมควรก็ออกเดินทางต่อค่ะ ภาพถ่ายที่เพื่อนทั้งสองคนถ่ายไว้ ใครเป็นแฟน FB คงได้เห็นในเร็วๆวันนี้แน่นอนค่ะ
ได้เวลาอาหารเที่ยง ตามโปรแกรม เราไปกันที่ร้านเด็ดเมืองกระบี่ "ขนมจีนไก่ทอด โกจ้อย" เราไม่ได้จองไปล่วงหน้า คิดว่าไม่จำเป็น แต่ปรากฏว่าเมื่อเราไปถึง ไม่มีโต๊ะนั่งค่ะ ทัวร์ลง 1 คันรสบัส
เล่นเก้าอี้ดนตรีกันเป็นที่สนุกสนาน 55+ เพราะคนเยอะ กว่าไก่ทอดจะมา ขนมจีนก็หมดไป 2 จานแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ผิดหวัง ไก่ทอดร้านนี้อร่อยจริงๆค่ะ
มื้อนี้ค่าเสียหายทั้งสิ้น 1,380 บาทค่ะ

ท้องอิ่ม ก็ออกเดินทางต่อค่ะ จุดหมายต่อไปคือ "สระมรกต" สระมรกตวันนี้คนเอยะ อากาศร้อน และฝุ่นเยอะจากการทำถนน
เราเคยมาที่นี่แล้ว ก็เลยสมัครใจหาอะไรดื่ม ที่ร้านกาแฟด้านนอกค่ะ
จากรีวิวนี้ :
//topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2009/03/E7578675/E7578675.html

นั่งดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ร้านนี้ค่ะ ก็เลยรู้ว่าที่นี่เป็นรีสอร์ทแนวสุขภาพด้วย "เดอะ เมดิเตชั่น รีสอร์ท แอนด์ สปา" สระมรกต

แล้วก็ได้เวลา ชาวคณะออกมาจากสระมรกต ข่าวว่าผิดหวังเล็กน้อย เพราะสระมรกตคนเยอะจนไม่มีที่ว่าง
ส่วรสระแก้วที่สวยงาม วันนี้ก็ไม่สวยเหมือนปกติ เพราะอากาศร้อน มีขี้แดดลอยเต็มพื้นที่
จากสระมรกต มุ่งหน้าจังหวัดตรัง เราแวะไปสัมผัสความสนุกสนานตื่นเต้นกันที่นี่ค่ะ "ถ้ำเลเขากอบ" ค่าเรือลำละ 200 บาท นั่งได้ 5 คน คนพายเรือจะเป็นไกด์ พาเราไปชมถ้ำต่างๆ

จุดแรกๆ ยังไม่ค่อยหวาดเสียวเท่าไหร่ ยังชิล ๆชมหินงอก หินย้อย ในแต่ละถ้ำ ตามที่ไกด์แนะนำ ใช้เวลาในการชมถ้ำ แต่ละห้องไม่นานค่ะ


ไฮไลท์ ที่ลืมไม่ลง "ลอดท้องมังกร" แทบไม่หายใจ สนุกมากๆค่ะ ต้องลอง !!!

พอมาถึงตรงนี้ ...
เสียงถอนหายใจดังเฮือกกกกกกกกกกกกกกกก ใช้เวลาในการเที่ยวชมประมาณ ครึ่งชั่วโมงค่ะ สำหรับการชมถ้ำเลเขากอบ



จากถ้ำเลเขากอบ เรามุ่งหน้าเข้าเมืองตรัง ยังไม่เข้าที่พักค่ะ เพราะเราจะไปทานมื้อค่ำกันก่อน ส่วนจะเป็นที่ไหนนั้น ตามชมได้ในตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทาย ลงชื่อให้กำลังใจ รีวิวฉบับเต็มเชิญชมได้จากลิงค์นะคะ
//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9088978/E9088978.html
Create Date : 22 เมษายน 2553 |
| |
|
Last Update : 30 ตุลาคม 2553 14:44:18 น. |
| |
Counter : 2028 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
 |
prettyguide |
|
 |
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]

|
สวัสดีค่ะ
ยินดีต้อนรับสู่ prettyguide's blog ค่ะ
สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องอัญมณี และของดีเมืองจันท์ เชิญลงชื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ค่ะ prettyguide จะขออาสาพาเพื่อนๆเที่ยวเมืองจันท์ให้ครบทุกซอกทุกมุม ใครอยากไปไหน หรืออยากได้ข้อมูลของจันทบุรี ก็บอกมาได้เลยค่ะ
================================
ภาพถ่ายทั้งหมด ภายใน blog นี้สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัิญญัติสิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาิิต
|
|
|