เที่ยวแล้วสบายใจ...ไม่เน้นรายได้จากงานประจำ

"เที่ยวไปตามใจฉัน 3 วัน 2,000 โล" ตอน : ปายเหงาๆ แต่เราชอบ

สวัสดีค่ะ

งานเยอะ เรื่องแยะ ก็เบื่อหน่ายเป็นธรรมดา
มีเวลาว่างตั้ง 3 วัน ไปเที่ยวดีกว่า โดยเฉพาะว่างวันธรรมดา ชอบนักเชียว..
เพราะปกติชอบเที่ยว แบบเงียบๆอยู่แล้ว คิดอยู่แป๊บนึงว่าจะไปไหนดีหนอในช่วงเวลาที่กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศมาว่าจะมีฝนแบบนี้

เที่ยวเกาะ เที่ยวทะเล อาจจะไม่เหมาะ
งั้นก็.. เที่ยวเหนือ (จะมีน้ำป่ามั้ยหว่า) ดีกว่ามั้ย

เนื่องจากอยากไปพบปะเพื่อนเก่า ที่จากกันมานานแล้วก็อยากหาโอกาสไปปาย ช่วงไม่มีคนอยู่แล้ว

อย่ากระนั้นเลย ..
ตัดสินใจเก็บเสื้อผ้า ขนข้าวของสัมภาระประจำกายขึ้นรถไปเที่ยวกันเถอะ




เช้าวันจันทร์ที่ 27 กันยายน 53
เรามีนัดที่ตึกเมืองไทยภัทร ช่วงเช้าตรู่ ก่อนเจ็ดโมงเช้า
ออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง พร้อมอุกรณ์การเที่ยวครบมือ

จากย่านรัชดาเมื่อเสร็จธุระประมาณ เจ็ดโมงครึ่ง มุ่งหน้าสุทธิสารแล้วขึ้นทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ มุ่งหน้าถนนสายเอเชียโลดดดดดดดดดดด ค่ะ

ออกมาสายแล้ว เจอรถติดนิดหน่อยแถวๆหน้า ม.กรุงเทพยาวมาถึงหน้าทางเข้านวนคร แวะเติมน้ำมันรถ และเติมพลังมื้อเช้าให้คนที่ปั๊ม ปตท.แถวๆอยุธยา ตอนใกล้ 8 โมงเช้าค่ะ

น้ำมัน ดีเซล B5 = 2,250 บาท
ค่าอาหารที่ร้านเชสเตอร์กลิล = 203 บาท
ค่ากาแฟ และขนม,ของว่างซื้อติดรถไว้ระหว่างทางกันหิว = 115 บาท



12.15 : เติมน้ำมันอีกครั้งที่ อ.เถิน 1,430 บาท

ถนนช่วงระหว่างกำแพงเพชรขึ้นไป สภาพไม่ดีเอาซะเลยค่ะ กระเด็นกระดอนกันไปตลอดทาง บางช่วงก็มีการปิดช่องการจราจรด้วย ถ้าฝนตกหนัก หรือขับช่วงกลางคืนคงจะอันตรายไม่น้อยนะเนี่ย

ช่วงจาก จ.ตากขึ้นไป มีการปิดถนนฝั่งขาขึ้นเหนือเป็นระยะทางหลายกิโลค่ะ ถนนฝั่งที่เปิดใช้งานสภาพชำรุดตลอดทาง ใครจำเป็นต้องขับรถขึ้นเหนือช่วงนี้ระมัดระวังกันด้วยนะคะ



ขับเพลินๆ ชมวิวสวยๆไปเรื่อยๆ
ยังไม่ทันจะบ่ายสองโมง ก็ถึงเชียงใหม่แล้วล่ะค่ะ

14.15 น. และเติมน้ำมันอีกครั้งที่ปั๊มบางจาก อ.แม่ริม 510 บาท
ซื้อขนมอีก 197 บาท (กินตลอดทางจริงๆ)

แล้วมุ่งหน้าสู่ อ.ปาย ทางเส้น 1095



พอเริ่มจะขึ้นเขา ก็เริ่มเจอฝนค่ะ
โชคดีที่ฝนหยุดไปแล้ว คงเหลือไว้แต่เพียงร่องรอยถนนที่เปียกและลื่น



15:25 ไปได้ครึ่งทาง แวะเข้าห้องน้ำและซื้อเสบียง(อีกแล้ว)ทีร้านค้า ใกล้ๆโป่งเดือด ถนนบางช่วงชำรุดเสียหาด อันเนื่องมาจากน้ำเซาะ ขับรถด้วยความระมัดระวังด้วยนะคะ



วิวสวยๆ แลกกับอาการเวียนหัว คุ้มมั้ยเนี่ย





ยิ่งอยู่สูง อากาศยิ่งชุ่มชื้น ชอบต้นสนแบบนี้ที่ขึ้นบนยอดเขา



ประมาณ สี่โมงเย็น เข้าเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้วค่ะ ขับรถขึ้นภูเขาไปปาย กับขับรถลงใต้ไปเมืองกลางหุบเขาแบบเบตง จะได้บรรยากาศที่คล้ายกันคือ โค้ง,ภูเขา และ ฝูงวัว



16:25 ถึงสะพานประวัติศาสตร์เมืองปาย กันแล้วล่ะค่ะ
ที่ศาลาหน้าสะพาน จะมีภาพเก่าๆ และประวัติของสะพานนี้ ถึงจะมีการบูรณะซ่อมแซมกันไปแล้ว แต่บางส่วนก็ยังชำรุดอยู่

ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวทั้งหลายที่ฮิต "โดดทั่วไทย" กรุณาเว้นพื้นที่บนสะพานนี้ไว้ด้วยนะคะ เพราะนอกจากอาจจะเกิดอันตรายกับนักกระโดดแล้วยังจะเป็นการทำลายแหล่งท่องเที่ยวด้วยค่ะ









ขับรถต่อไปแบบไร้จุดหมาย..

จนมาถึงร้านยอดฮิต ร้านดัง ที่ใครมาปายก็ต้องแวะ Coffee in love



ไม่ได้อุดหนุนกาแฟเค้าหรอกค่ะ เพราะวันนี้โดนไปหลายแก้วแล้ว แต่อุดหนุนของที่ระลึกมาเพียบ หมดไป 540 บาท

น้องขวัญ แม่ค้าหน้าหวานวัย 4 ขวบ น่ารักมั้ยล่ะ







ออกเดินทางต่อดีกว่า ยังไม่มีที่นอนเลยคืนนี้
ขับรถเข้าไปในตลาด วนดูบ้านเมืองเค้าไปเรื่อยๆ แล้วก็ตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปดูที่นี่ค่ะ "บ้านไม้ คนเมือง" ตกลงสุดท้ายก็พักที่นี่แหละค่ะ แต่ขอยกรายละเอียดไปลงที่หมวด "รีวิวที่พัก"นะคะ



ช่วงนี้ ที่บ้านไม่คนเมืองไม่ได้เปิดบริการร้านอาหาร
แต่น้องต้น ผู้ดูแลที่นี่แนะนำร้านอร่อยให้ หรือเราจะไปซื้อจากข้างนอกมานั่งทานที่นี่ก็ได้ ทางที่พักมีจาน-ชามไว้บริการค่ะ

ทีแรกว่าจะเดินไป แต่มาคิดอีกที ขับรถออกไปดีกว่า จะได้รีบกลับมากิน แล้วช่วงหัวค่ำค่อยเดินออกไปถนนคนเดิน



ซื้อกับข้าว (หรือกับแกล้มหว่า) ที่ตลาดแสงทองอร่าม กลับมากินที่ที่พัก พ่อค้าแม่ค้าน่ารักดีค่ะ ราคาอาหารก็เป็นปกติไม่ถุกไม่แพง รสชาติดีค่ะ





แวะซื้อดาวแดง จากร้านขายส่งใกล้ๆตลาดมาฝากแช่ตู้เย็นที่รีสอร์ท
แล้วก็ยืมจาน ยืมแก้ว มานั่งชิลกันที่โต๊ะริมแม่น้ำ สุขใจ ฟ้าหลังฝนมีรุ้งกินน้ำมาให้นั่งมองพอเพลินๆด้วย



นั่งกินอยู่ถึงประมาณทุ่มกว่าๆ ยุงเริ่มมาก็วงแตกค่ะ

เก็บจาน เก็บแก้ว คืนเค้า แล้วเราก็เดินไปถนนคนเดิน เดินๆไป มืดแฮะ ชักจะไกลแต่กลับไม่ได้ เดินต่อไปแค่อึดใจ (ประมาณ 500ม.เองค่ะ) ก็ถึงค่ะ



ฝนเริ่มลงเม็ด คนที่ไปด้วยเลยตัดช่องน้อยแต่พอตัว เลี้ยวเข้าร้านนวดซะงั้น ปล่อยอิชั้นเดินคลุมร่มช๊อปปิ้งตามลำพัง ณ ถนนคนเดิน ร้านค้าหน้าตาเหมือนๆกันไปหมด บางร้านพอฝนตกก็เก็บร้านกลับบ้าน บรรยากาสเงียบเหงา แต่เราชอบอ่ะ ไม่วุ่นวายดี ยืนฟังพี่ตำรวจจราจรท่านนี้ร้องไปหลายเพลงเลย





บรรยากาศเหงาๆ ที่ถนนคนเดิน "ปาย"



เดินย้อนกลับมาที่ร้านนวด คุณเธอยังนวดไม่เสร็จ เลยไปนั่งเลือกโปสการ์ดที่ร้านมิตรไทย เพราะร้านอยู่ติดกัน เลือกโปสการ์ดไปได้ปึกใหญ่ๆ ก็มานั่งรอที่ร้านนวด



ฝนลงเม็ดมาอีกรอบ พอดีกลับการนวดจบคอร์ส
เดินคลุมร่มฝ่าสายฝนกลับที่พัก โรแมนติคซะไม่มี


ถึงที่พัก ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล.. เพลินกันไป



นั่งคุยกันไป ดื่มกันไป ฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
กลับไปอาบน้ำ สระผม นอนฟังเสียงฝนตกต่อไปดีกว่า

เริ่มจะง่วง เพราะตื่นเช้าและนั่งรถเดินทางไกลมาทั้งวัน
นอนฟังเสียงฝนตกตลอดทั้งคืน จนหลับไป เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็แวะเที่ยวในเมืองปาย ก่อนเข้ามาพักที่เชียงใหม่

เช้าวันนี้ระดับน้ำสูงขึ้นจากเมื่อวานตอนเย็น และน้ำขุ่น ไหลแรงกว่ามาก เนื่องจากฝนที่ตกหนัก น่ากลัวมากๆ



อาบน้ำ เก็บข้าวของเสร็จ ทีแรกว่าจะเล่นเนตก่อนซักแป๊บ( ที่บ้านไม้ คนเมืองมีสัญญาณ Free WiFi ค่ะ) แต่..ไม่ดีกว่า มาเที่ยวจะต้องพยายามตัดขาดจากโลกของงานให้ได้

ออกมาจากห้องพัก ก็สายแล้วแดดเริ่มแรง ออกมานั่งดื่มกาแฟ ทานขนมปังพร้อมทั้งเขียนโปสการ์ด ก่อนออกเดินทาง





นั่งอยู่ซักพัก ต้องออกเดินทางต่อแล้วล่ะค่ะ
ตัดสินใจกันว่า..ไปศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนานที่หมู่บ้านสันติชลกันดีกว่า
จากตัวอำเภอไปที่ หมู่บ้านสันติชลไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ ไปทางเดียวกันกับวัดน้ำฮู และบ้านหมอแปง ผ่านทุ่งนา และภูเขาเขียวชุ่มฉ่ำ



ผ่านถนนคอนกรีตในหมู่บ้าน จากทางราบ สู่ทางขึ้นภูเขา จุดแรก "วัดน้ำฮู" แต่เราไม่ได้แวะค่ะ

วัดน้ำฮู อยู่ที่หมู่ที่ 5 ตำบลเวียงใต้ ห่างจากตัวอำเภอไปทางโรงพยาบาลปายประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานของพระอุ่นเมือง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสิงห์สาม (ศิลปะล้านนา) ปางมารวิชัยทำด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์ มีลักษณะพิเศษคือพระเศียรกลวง พระโมฬีปิดเปิดได้และมีน้ำซึมออกมาโดยไม่รู้ที่มา และกลายเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิที่ชาวปายต่างให้ความนับถือ
ประวัติการสร้างไม่แน่นอนแต่เชื่อกันว่าสร้างโดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นพระราชกุศลถวายพระพี่นางพระสุพรรณกัลยา นักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปนมัสการพระอุ่นเมืองทางวัดเปิดให้เข้านมัสการทุกวัน



เลยวัดขึ้นไปไม่ไกลก็ถึงหมู่บ้านค่ะ แต่เรายังไม่อยากจอด อยากขับเลยขึ้นไปชมทิวทัศน์สวยๆต่อ ยิ่งสูงยิ่งเขียว ยิ่งสดชื่น ชอบที่สุด



ขึ้นไปถึงวัดหมอแปง แล้วก็ย้อนกลับลงมา



แวะลงมาจอรถที่ด้านข้างของศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนาน ข้างๆเป็นลำธารน้ำใสมากค่ะ ได้ยินเสียงน้ำไหลสดชื่นมาก อย่างกับเสียงน้ำตก แดดแรงมากๆ เดินไปหาที่หลบแดดก่อนดีกว่าค่ะ



เริ่มหิวนิดๆ เพิงริมทางนี้น่าสนใจค่ะ ขายบะหมี่ยูนาน แล้วก็มีมันเผา กับข้าวโพด หอมๆด้วย ดูหน้าตา น่าสนใจ ลองสั่งมาทาน 1 จาน

บะหมี่คลุกกับซ๊อสปรุง มีเนื้อหมูสับ,งาขาว และเครื่องปรุง รสออกเค็มๆหอมๆ ทานกับน้ำซุป และผักดองค่ะ

ราคา 30 บาท อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก



อิ่มแล้ว..ข้ามไปชิมชาค่ะ

ชาหอมๆ อุ่นๆ ราคาถูกกว่าที่ตลาดวโรรสนิดนึง เป็นชาอู่หลงรสต่างๆ นอกจากชาร้านนี้เขาเย็บรองเท้าแบบที่เราเห็นวางขายกันเยอะๆในเมืองด้วยค่ะ



ที่ศูนย์วัฒนธรรม จะมีร้านค้าสร้างด้วยบ้านดิน แต่ละร้านจะมีของขายเหมือนๆกัน ภายในร้านอากาสเย็นสบายดีค่ะ

เราอุดหนุนบ๊วย และผลไม้อบแห้งจากร้านนี้มาเยอะพอสมควร บ๊วยแต่ละรสมีชื่อเรียกแปลกๆต่างกันออกไป อย่าง บ๊วยหวาน เรียนก "บ๊วยแห่งความคิดถึง" หรือ มีบ๊วยหิมะ เป็นต้น พนง.ขายบอกว่าเป็นขื่อที่แปลมาจากภาษาจีนค่ะ



นอกจากร้านขายของที่ระลึกแล้ว..ที่นี่ก็มีกิจกรรมสนุกๆให้นักท่องเที่ยวค่ะ อย่างขี่ม้า หรือโล้ชิงช้า เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดได้พอสมควร น่าสนุกเชียว



คอกาแฟ ต้องไม่พลาดกาแฟร้านนี้ค่ะ "คาเฟยเตี้ยน" ลมพัดเย็นสบาย กับกลิ่นกาแฟหอมๆ



นั่งเก็บบรรยากาศระหว่างรอกาแฟ



กินกาแฟ แล้วก็ออกเดินทางต่อค่ะ ลืมส่งโปสการ์ด ก็เลยตั้งใจว่าจะย้อนเข้าไปในตัวเมืองก่อน ระหว่างทางจากหมู่บ้านฯเข้าไปในตัวเมือง ผ่านสนามบินปาย



แวะไปที่ไปษณีย์ ให้ จนท.ประทับตรา "ปาย" ชัดๆ
เจ้าหน้าที่คนสวยที่ไปรษณีย์ น่ารักมากๆค่ะ





จากนั้น..ก็เดินทางกลับค่ะ

ระหว่างทาง...พบร่องรอยจากฝนที่ตกหนักมาทั้งคืน
ถ้าเราออกมาเร็ว อาจจะกลับไม่ได้ เพราะรถของกรมทางฯเพิ่งมาเคลียร์ทาง
เจออีกหลายจุดค่ะ แทบจะทุกโค้งที่ผ่านกันเลยทีเดียว



ที่ร้ายไปกว่านั้น..ช่วงที่อยู่บนยอดเขา ช่วงที่สูงที่สุด เหมือนวิ่งฝ่าเมฆฝนกันเลยทีเดียวค่ะ ถนนลื่นสุดๆไปเลย



พอลงพื้นราบ..ฟ้าใสกิ๊ก อีกแระ อะไรกันเนี่ย ???????????????



แวะทานมื้อกลางวันตอนบ่ายสอง ที่ร้านแป้นเกล็ด ปากทางเข้าน้ำตกอะไรน้า..จำชื่อไม่ได้ แถวๆแม่แตงน่ะค่ะ



แอบเคืองร้านนี้เล็กน้อย...

พนง.เอาเมนูมาให้เรา แล้วก็หายไปปปปปปปปปปป นานกว่า 15 นาที
ไม่มารับออเดอร์ ทั้งๆที่ไม่มีลูกค้ารายอื่น เค้านั่งคุยกันเพลินอ่ะ ที่รู้เพราะเราต้องเดินไปตามเอง



ค่าอาหารทั้งหมด 145 บาท
อาหารสองจานอย่างที่เห็น น้ำเสารส 1 แก้ว และไฮเนเก้น ขวดเล็ก 1 ขวด





เพื่อนคุณชาย โทร.มาตามว่าถึงเชียงใหม่หรือยัง เพราะเดิมเรานัดกันว่าน่าจะถึงประมาณบ่ายสอง แต่ฝนตกหนัก และแวะทานข้าวก็เลยผิดเวลา ตรงเข้าเมืองเชียงใหม่ เพื่อหาที่พักสำหรับคืนนี้ ถึงตัวเมือง ข้ามแม่ปิง เวียนไปเส้นเชียงใหม่-ลำพูน เนื่องมาจากว่า มาเชียงใหม่หลายครั้ง ถ้าไม่จำเป็นก็อยากจะหาที่พักใหม่ๆ ในย่านที่ไม่เคยพักบ้าง นึกๆไป น่าจะมีแถวสองฝั่งแม่ปิงด้านถนนเจริญประเทศ ขนานกับถนนเชียงใหม่-ลำพูน นี่แหละที่เรายังไม่เคยพัก บอกคนขับว่า..มุ่งหน้าถนนเชียงใหม่-ลำพูน ก็แล้วกัน ลองดูก่อน เพราะเส้นนี้เรามักไม่ค่อยได้ขับรถเข้าไป



ขับไปเรื่อยๆ พร้อมกับสังเกตุเห็นว่าริมฝั่งแม่ปิง ผู้คนเตรียมกระสอบทรายวางกั้นน้ำกันเป็นแถว เพราะฝนที่ตกหนักเมื่อคืน ทำให้น้ำขึ้นสูงมาก

ขับไปเรื่อยๆ จนถึงแขวงกาลวินละ เหลือบไปเห็นป้าย "บ้านรัตนัย" เข้าให้

เคยได้ยินชื่อ มาบ้างตามหัวข้อกระทู้จากห้องนี้ แต่สารภาพตามตรงว่า..ไม่ได้เปิดดูรีวิวเลย งั้น..ลองแวะดูหน่อยแล้วกัน

ปรากฏว่า.. ถูกใจค่ะ !! ตกลงพักที่นี่ แต่จะนำรายละเอียดไปลงที่หมวด "รีวิวที่พัก" นะคะ



เก็บของเข้าที่พัก รอเวลาซักครู่ก็มีคนมารับไปทานข้าวค่ะ

เลือกที่จะไปทานร้านใกล้ๆที่พัก ริมแม่ปิง
ข้ามสะพานเม็งราย เห็นระดับน้ำแล้ว...น่ากลัวอ่ะ



ร้านท่าน้ำ แต่วันนี้อดนั่งริมน้ำ เพราะน้ำปิงขึ้นสูงมาก



ต้องขึ้นไปชมวิวแม่น้ำที่ชั้นบน นั่งไป ก็มองน้ำไป เพื่อนคุณชายห่วงน้ำจะเข้าบ้านเพราะบ้านอยู่ริมแม่ปิงเหมือนกัน



ช่วงหัวค่ำ น้องๆมาเล่นดนตรีพื้นเมืองให้ฟังพอเพลินๆ



อาหารรสชาติดี ราคาพอเหมาะพอควร



ยิ่งนั่ง ยิ่งคุยสนุก

เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่จบมหาวิทยาลัย ได้มาพบกันอีกครั้งเพราะตามหากันเจอจากเฟสบุ๊ค ยิ่งดึกยิ่งสนุก ทำเอาบางคนลืมเรื่องน้ำที่จะท่วมบ้านไปเลย ช่วงดึก ดนตรีเปลี่ยนเป็นโฟล์คซอง



ค่าอาหารเท่าไหร่ไม่รู้
เพราะมีเจ้าภาพจ่ายให้ แต่แอบนับขวดเปล่าสีเขียวๆ จำนวนมากกว่าลังอ่ะ

กลับที่พัก อาบน้ำ เตรียมนอน ใส่ชุดนอน กำลังจะปิดไฟ...

มีคนบ่นหิวซะงั้น แบบว่ามัวแต่ดื่มแล้วก็เม้าท์อ่ะ ลืมกิน
โชคดีที่สำรวจทางหนี ทีไล่ไว้ก่อน เยื้องกับที่พักมีปั๊มน้ำมัน ข้างในมีโลตัสเอ๊กเพรส ไม่อดแล้วคืนนี้



หลับสบาย ด้วยฤทธิ์ข้าวกล่องพรานทะเล


เช้า..

ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเตรียมอาหาร จากด้านนอก



ทานข้าวเสร็จ ก็ออกเดินทางต่อค่ะ

จากบ้านรัตนัย เข้าไปที่ "กาดวโรรส" แวะไปซื้อของฝาก ให้คนที่บ้านก่อน



หิ้วของพะรุงพะรัง ออกมาจากตลาดไปขึ้นรถ น้ำลดลงมาจากเมื่อคืน นิดหน่อย เสร็จแล้วมุงหน้าออกเดินทางกลับบ้านเราเต๊อะ ...



แวะที่โรงงานแสงชัยเอาท์เลท ลำปาง
เพื่อเข้าห้องน้ำ กินกาแฟ และซื้อขนมไปฝากใครสองคนแถวๆเมืองตาก

ร้านนี้ทำขนมอร่อยนะคะ ใครไปเชียงใหม่ขากลับแวะซื้อได้ ร้านอยู่ฝั่งซ้ายขาลงค่ะ



ขากลับสภาพอากาศไม่เป็นใจเอาซะเลย
เพราะจากตากเรื่อยลงมาก็เจอฝนตลอดทาง

โดยเฉพาะลงหนักมากช่วงภาคกลาง ตั้งแต่ชัยนาทลงมาถึงสิงห์บุรี
หนักทั้งลมและฝน จนต้องหยุดพักทานข้าวที่ร้านไพบูลย์ไก่ย่าง



ยังไม่ทันจะมืด ก็กลับมาถึงบ้านแล้วค่ะ
เป็นอันจบทริปเที่ยวไปตามใจฉัน อีกครั้ง

สำหรับทริปนี้ความประทับใจที่มี คงเป็นเรื่องของที่พัก ทั้งสองแห่งคือ
"บ้านไม้ คนเมือง" ที่ปาย และ "บ้านรัตนัย" ที่เชียงใหม่
แต่ที่เหนือไปกว่านั้น คือการที่ได้เห็นคนข้างๆมีความสุขกับการได้พบเจอเพื่อนเก่า ได้เล่าเรื่องราวในอดีตกันอย่างมีความสุข ทำให้หลายเดือนที่เหนื่อยมา มันหายไปได้กับเวลาเที่ยวเพียง 3 วัน

ออกไปเที่ยวกันเถอะค่ะ ไปไหนก็ได้ที่เราไปแล้วสบายใจ ได้เดินทางไปตามใจปรารถนา ไม่ต้องกังวลไม่ต้องคาดหวัง แล้วเราจะพบสิ่งที่ทำให้เราสุขใจ


ขอบคุรทุกท่านที่ติดตามรับชมทุกตอน และลงชื่อให้กำลังใจกันนะคะ
ทริปหน้าไปไหน ??? ได้มาเล่าให้ฟังกันอีกแน่นอนค่ะ สัญญา !!!!!

และหากต้องการชมรีวิวโดยละเอียด สามารคลิ๊กเข้าไปได้ที่บอร์ดบลูแพลนเนท ตามลิงคืด้านล่างนี้นะคะ

ตอนที่ 1 : ปายเหงาๆ แต่เราชอบ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9750926/E9750926.html

ตอนที่ 2 : ริมปาย..สู่ริมปิง

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9754572/E9754572.html



ตอนจบ : คืนนี้ที่บ้านรัตนัย

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9756031/E9756031.html



สรุปค่าน้ำมันที่ใช้
รถ Toyota Tiger 4x4WD. เครื่อง 3000 เติมน้ำมันดีเซล B5
ออกจากบ้านมีน้ำมันติดถึงอยู่ประมาณ 1 ส่วน 4 ถัง แวะเติมเป็นจุดๆดังนี้

วันแรก (ออกเดินทางจากจันทบุรีตี 4 แต่แวะเข้ากรุงเทพก่อน ออกจากกรุงเทพ 7 โมงเช้า)

04:15 ปั้มเชลล์บ้านตากาแฟ แกลง 1,000 บาท
07:50 ถนนสายเอเชีย อยุธยา 1,250 บาท
12:15 PTT. แยกอำเภอเถิน 1,430 บาท
14:10 บางจาก อ.แม่ริม 510 บาท
(16:00 ถึงอำเภอปาย)

วันที่สอง จากปายมาเชียงใหม่ ไม่ได้เติมน้ำมันเลย

วันเดินทางกลับ (วันที่สาม)
ออกจากเชียงใหม่ (ตลาดวโรรส) 08:30 น.

11:50 ปั๊ม PTT ตาก 1,200 บาท
14:25 สิงห์บุรี 1,000 บาท


รวมค่าน้ำมันทั้งสิ้น 6,390 บาท

เนื่องจากมีเวลาแค่ 3 วัน ใช้ความเร็วเฉลี่ย 110-140 กม./ชม. ขึ้นอยู่กับสภาพถนนและอากาศ ถ้ามีเวลาหลายวันขับไปเรื่อยๆไม่รีบเร่ง เคยประหยัดน้ำมันได้มากกว่านี้ค่ะ





Create Date : 04 ตุลาคม 2553
Last Update : 4 ตุลาคม 2553 19:13:08 น. 2 comments
Counter : 3903 Pageviews.  

 
ตามมาเที่ยวปายด้วยคนค่ะ...แหม.เหมือนเกาะรถไปเที่ยวด้วยจริงๆเลย...แค่3วัน แต่เที่ยวคุ้มมากๆเลยค่ะ....


โดย: noinanai วันที่: 6 ตุลาคม 2553 เวลา:11:57:39 น.  

 
เส้นทาง...
สาย..อมยิ้ม



โดย: upper7club วันที่: 13 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:02:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prettyguide
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




สวัสดีค่ะ

ยินดีต้อนรับสู่ prettyguide's blog ค่ะ

สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องอัญมณี และของดีเมืองจันท์ เชิญลงชื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ค่ะ prettyguide จะขออาสาพาเพื่อนๆเที่ยวเมืองจันท์ให้ครบทุกซอกทุกมุม ใครอยากไปไหน หรืออยากได้ข้อมูลของจันทบุรี ก็บอกมาได้เลยค่ะ

================================

ภาพถ่ายทั้งหมด
ภายใน blog นี้สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัิญญัติสิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาิิต
New Comments
[Add prettyguide's blog to your web]