เที่ยวแล้วสบายใจ...ไม่เน้นรายได้จากงานประจำ

วันเดียวเที่ยวเมืองน่ารัก "นครพนม"

รีวิวฉบับเต็ม จากบอร์ดบลูแพลนเนท คลิกชมได้จากลิงค์ค่ะ ::

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12918873/E12918873.html

สวัสดีค่ะ

ยังคงออกเดินทางอยู่ตลอด แต่ไม่ค่อยได้มีเวลานำเรื่องราวมาแบ่งปันประสบการณ์กันซักเท่าไหร่ แต่สำหรับทริปนี้ .. ที่นครพนม บังเอิญว่ามีเพื่อนๆหลายคนที่ติดตามการเคลื่อนไหวผ่านทางเฟสบุค ได้ขอไว้ ว่าให้รีวิวให้ชมกันหน่อย เลยรีบดำเนินการให้ค่ะ

ทริปนี้เกิดขึ้น สืบเนื่องมาจาก เราต้องไปทำบุญทอดกฐินที่วัดหนึ่งทางภาคอิสาน ก็เลยถือโอกาสไปเยี่ยมเยียนรุ่นพี่ ที่ไปรับราชการอยู่ที่นครพนมด้วย ตั้งใจจะไปหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีโอกาสเหมาะๆเสียที คราวนี้ต้องไปให้ได้ ก่อนที่พี่เค้าจะย้ายเสียก่อน

ข้อมูลการเดินทางอาจจะไม่ละเอียดนักนะคะ เพราะเรามีคนพื้นที่นำทาง ก็เลยไม่ได้หาข้อมูล อาศัยนั่งรถตามเค้าไป นั่งคุยกันจนลืมสังเกตุเส้นทาง ต้องขออภัยไว้ด้วยค่ะ



การเดินทางครั้งนี้ คณะของเราเช่ารถตู้ไปกันค่ะ ผู้ร่วมเดินทาง 11 คน (รวมคนขับ) นัดหมายรวมตัวกันที่ จังหวัดพิษณุโลก แล้วใช้เส้นทางหมายเลข 12 เส้นทางพิษณุโลก-วังทอง-เขาค้อ-น้ำหนาว-ชุมแพ-กาฬสินธุ์-ภูพาน-สกลนคร-นครพนม ไปกันแบบไม่รีบร้อน แวะตลอดทาง ถึงนครพนมก็ค่ำพอดีค่ะ

เราตรงเข้าที่พักกันก่อน ที่โรงแรมวิวโขง ซึ่งข้อมูลของโรงแรมได้รีวิวไว้ที่หมวด รีวิวที่พัก นะคะ ชมวิวโขงฝั่งประเทศลาวได้จากหน้าต่างห้องพัก และร้านอาหารของโรงแรม







รีบอาบน้ำ แต่งตัว ลงไปทานข้าวเช้า จะได้มีเวลาเดินเที่ยวชมเมือง ระหว่างที่ชาวคณะคนอื่นยังไม่เสร็จธุระ

ทานข้าวอิ่ม ก่อนที่ชาวคณะจะลงมาห้องอาหาร เรามีเวลาก่อนเวลานัดหมายประมาณ 1 ชม. เลยถือโอกาสเดินชมเมือง บริเวณใกล้ๆที่พักค่ะ

โรงแรมวิวโขง อยู่ติดกับสวนสาธารณะเลยค่ะ เพราะฉะนั้นใครที่ต้องออกกำลังกายทุกวันแนะนำให้ติดรองเท้าวิ่งไปด้วยนะคะ บรรยากาศน่าวิ่งออกกำลังกายมาก

ด้านหน้าโรงแรม มีพระบิณฑบาตรผ่านด้วยค่ะ ท่านจะกลับเข้าวัดประมาณเจ็ดโมงนิดๆ เรามาดักรอได้ซักก่อนเจ็ดโมงก็ทันค่ะ



ถนนเส้นนี้ จะมีแหล่งท่องเที่ยวให้เราได้เดินเที่ยวชมไปตลอดสาย จนถึงตลาดอินโดจีน การเดินเที่ยวชมเมืองก็ทำได้ง่ายๆ เพราะจะมีป้ายบอกข้อมูลทุกจุดค่ะ

หรือถ้าจะใช้เส้นทางนี้วิ่งออกกำลังกายก็เหมาะ มากค่ะ



จะมีวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม 3 วัดที่อยู่เรียงกันในเส้นทางนี้ คือ วัดโพธ์ศรี วัดมหาธาตุ วัดกลาง แต่ละวัดมีความสำคัญยังไง จะมีป้ายบอกอยู่ที่ฝั่งถนนตรงหน้าวัดค่ะ



ป้ายแบบนี้ เหมาะมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่ขี่จักรยาน หรือเดินชมเมือง เพราะจะทำให้กำหนดจุดหมายท่องเที่ยวได้ง่าย



วัดที่เป็นที่สนใจ เห็นจะเป็นวัดมหาธาตุ เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระธาตุนคร พระธาตุประจำวันเกิด วันเสาร์ พระธาตุมีลักษณะสี่เหลี่ยมจัตุรัส ก่อสร้างเสร็จในวันเดือนเพ็ญของปีพ.ศ.2465 มีรูปแบบตามพระธาตุพนมองค์เดิม







เดินชมวัดเพลินๆ เหลือบมองเวลา ใกล้ได้เวลานัดหมาย เลยต้องเดินย้อนกลับไปโรงแรมที่พัก รุ่นพี่ ที่เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ประจำทริปมารอเราที่โรงแรมพอดี เช้คเอ้าท์เรียบร้อยเราก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ

จุดหมายแรก คือวัดมหาธาตุที่เราเพิ่งแอบมาคนเดียวเมื่อซักครู่นี้นั่นแหละค่ะ พาคณะไหว้พระธาตุ วันเสารื เสร็จแล้วเราก็ออกนอกเมืองไปจากมุ่งหน้าสกลนคร เพื่อแยกไปบ้านนาจอก แวะเยี่ยมบ้านลุงโฮจิมินท์





บ้านนาจอก เป็นหมู่บ้านเล้กที่ยังคงวิถีชนบทไว้ ยังมีการทำนา ปลูผัก เลี้ยงสัตว์แบบดั้งเดิม ใช้แรงงานสัตว์ แทนการใช้เครื่องจักรกล ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี เราเห็นป้ายโฮมเสตย์ติดอยู่ด้วย แต่ไม่ทันได้หาข้อมูล แย่จริงๆ



ที่บ้านพักท่านโฮจิมินต์ จะมีผู้ดูแล คือเจ้าของบ้านซึ่งเป็นลูกหลานของเพื่อนบ้าน ท่านโฮจิมินต์อีกที เป็นผู้ให้ข้อมูลค่ะ

สถานที่แห่งนี้เป็นมรดกตกทอด ของตระกูล ไม่ได้มีงบประมาณสนับสนุน แต่เจ้าของยินดีให้ข้อมูลและต้อนรับขับสู้ผู้มาเยือนอย่างเป็นกันเอง



บ้านของประธานาธิบดีโฮจิมินห์ เป็นบ้านชั้นเดียว บริเวณหน้าบ้านมีต้นมะพร้าว บริเวณโดยรอบได้ปลูกต้นหมากและต้นไม้ไผ่เป็นอาณาเขต ในปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวยังคงรักษาสภาพเดิม แต่บ้านพักอาศัยได้ทรุดโทรมและถูกรื้อถอนเรียบร้อยแล้ว ( อยู่บริเวณบ้านนายเตียว เหงี่ยนวัน เลขที่ 48 บ้านนาจอก หมู่ที่ 5 )การมาพักอยู่บ้านนาจอกเป็นเวลา 7 ปี ของท่าน เพื่อเป็นสถานที่ติดต่อประสานงานวางแผนและเคลื่อนไหวในการต่อสู้ เพื่อปลดปล่อยชาติ ซึ่งถือ ได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญยิ่ง เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ส่งผลให้การกู้ชาติประสบผลสำเร็จ

สภาพปัจจุบัน เป็นอาคาร 3 หลัง ประกอบด้วย บ้านพักอาศัย ห้องครัว และยุ้งข้าว อยู่ในสวนร่มรื่น







ในบ้าน จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ ที่ใช้ในสมัยนั้นไว้ ในบ้าน มีห้องพัก 2 ห้อง เครื่องใช้เป็นแบบง่ายๆ มีเตียงไม้ และตู้เก็บของแบบธรรมดา













ที่ห้องครัว ด้านหลัง จะเป็นอุปการณ์การทำครัว และห้องเก็บเครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ







ชมบ้านพักท่านโฮจิมินต์แล้ว เราก็เดินเข้าไปที่บริเวณบ้านพักส่วนตัวของเจ้าของผู้ดูแลที่นี่ บริเวณใต้ถุนบ้าน จัดเป็นมุมจำหน่ายสินค้าที่ระลึก รายได้ก็เพื่อนำมาบูรณะดูแลสถานที่ สินค้าที่ขายนำมาจากเวียดนามทั้งหมด



ได้ดื่มน้ำชา ใบเมี่ยง พอชื่นใจ นั่งพูดคุยเข้าห้องน้ำเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ออกเดินทางต่อ มุ่งอำเภอธาตุพนม ใช้เวลาเดินทางจากอำเภอเมืองไปยัง วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ประมาณ 40 นาที พระธาตุพนม ตั้งอยู่ที่ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมสูง สถาปัตยกรรมมีแหล่งที่มาเดียวกับปราสาทขอม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1200-1400 ภายในบรรจุพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า (พระดูกส่วนหน้าอก)



ในวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2518 เวลา 19.30 น. พระธาตุพนมได้ล้มทลายลงทั้งองค์ เนื่องจากความเก่าแก่ขององค์พระ ประจวบกับเกิดพายุฝนตกติดต่อกันหลายวัน

ประชาชนจึงได้ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์ก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่ ตามแบบเดิมและได้บรรจุของมีค่ามากมาย โดยเฉพาะฉัตรทองคำบนยอดพระธาตุ มีน้ำหนัก 110 กิโลกรัม



จุดหมายต่อไปคือวัดพระธาตุเรณู

พระธาตุเรณู ประดิษฐานอยู่วัดพระธาตุเรณู ณ บ้านเรณูนคร องค์พระธาตุจำลองมาจากองค์พระธาตุพนมองค์เดิม แต่มีขนาดเล็กกว่า สร้างเมื่อปี พ. ศ. 2461 โดยพระอุปัชฌาย์อินภูมิโย สูง 35 เมตร กว้าง 8.37 เมตร มีซุ้มประตู 4 ด้าน ภายในเป็นโพรงบรรจุพระไตรปิฎก พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน ของมีค่า และเครื่องกกุธภัณฑ์ของพระยาและเจ้าเมือง

พระธาตุเรณู เป็นพระธาตุประจำวันเกิด ของผู้ที่เกิดวันจันทร์



ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระองค์แสน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำศิลปะแบบลาว ปางสมาธิ พระคู่บ้านของอำเภอเรณูนคร มีพุทธลักษณะสวยงามมาก





เรณูนคร เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวผู้ไทย ซึ่งยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นไว้เป็นอย่างดี อย่างเช่นธรรมเนียมการต้อนรับด้วยการบายศรีสู่ขวัญ การเลี้ยงอาหารแบบพาแลง การชวนดูดอุ การฟ้อนรำผู้ไทย

ในบริเวณวัด มีศูนย์จำหน่ายสินค้าโอทอป สินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึกต่างๆไว้บริการนักท่องเที่ยว ราคาถูกมากค่ะ โดยเฉพาะสินค้าประเภทผ้าขาวม้า

ตลาดอำเภอเรณูนคร น่าเดินเล่นมาก เป็นตลาดเก่าๆ อาคารแบบดั้งเดิม อาคารไม้เรียบๆง่ายๆ เสียดายที่ไม่มีเวลาลงไปเดินเล่น

เรามีนัดทานอาหารกลางวันที่ในตัวเมือง หลังจากไหว้พระธาตุเรณูแล้ว ก็ขับรถกลับเข้าเมืองกัน มาถึงประมาณ 11 โมงนิดๆ เลยแวะให้ชาวคณะจับจ่ายซื้อสินค้าที่ตลาดอินโดจีน กันก่อน ตามความเห็นส่วนตัว เราว่าสินค้าก็ธรรมดานะคะ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น



จากนั้น เราไปต่อกันที่จวนท่านผู้ว่าราชการจังหวัด(หลังเก่า) กันค่ะ ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์



ภายในนอกจากมีการจัดแสดงอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ของท่านเจ้าเมืองแล้ว ยังมีห้องฉายวิดิทัศน์ ประวัติความเป็นมาและเรื่องราวของเมืองนครพนม

ด้านหลังมีจุดถ่ายภาพ และร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก,โปสการ์ด เสื้อยืด ต่างๆค่ะ



สำหรับพิพิธภัณฑ์จวนท่านผู้ว่าราชการจังหวัด จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วัน พุธ - วันอาทิตย์ เวลา 09:00 - 17:00 น. (ปิดวันจันทร์-วันอังคาร) โดยไม่เสียค่าเข้าชม



มื้อกลางวัน วันนี้มีเจ้าถิ่นขออาสาเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารกลางวัน ที่ร้าน ริเวอร์บีช ค่ะ ที่ร้านนี้ มีทั้งอาหารและที่พักบริการ อยู่ติดกับแม่น้ำโขง บรรยากาศใช้ได้เลย เนื่องจาก มีเจ้าภาพ เราไม่ได้สั่งอาหารเอง ปรากฏว่าเผ็ด(มากกกกกกกกกก) ทุกรายการค่ะ เราทานอยู่อย่างเดียวคือ "อั่วกบ" เป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ อร่อยค่ะ



ทานข้าวเสร็จ ก็ถึงเวลาแยกย้าย เพราะคณะของเราต้องเดินทางต่อไปนอนหนองคาย 1 คืน ก่อนกลับแวะไปชมสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 3 ซึ่งถือเป็นสะพานที่มีความสวยงามมาก ค่ะ

บริเวณใต้สะพาน จะมีพ่อค้า แม่ค้า นำของมาขายเป็นที่ครึกครื้น



ต้องอำลาแล้ว เมืองนครพนม ...

จบทริปการเดินทางสั้นๆ 1 วัน ที่นครพนม แต่เพียงเท่านี้
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทายและลงชื่อให้กำลังใจนะคะ

เที่ยวเมืองไทย ไปได้ทุกที่ ทุกวัน จริงๆค่ะ

สวัสดีค่ะ




Create Date : 01 ธันวาคม 2555
Last Update : 1 ธันวาคม 2555 13:57:44 น. 0 comments
Counter : 9458 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prettyguide
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




สวัสดีค่ะ

ยินดีต้อนรับสู่ prettyguide's blog ค่ะ

สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องอัญมณี และของดีเมืองจันท์ เชิญลงชื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ค่ะ prettyguide จะขออาสาพาเพื่อนๆเที่ยวเมืองจันท์ให้ครบทุกซอกทุกมุม ใครอยากไปไหน หรืออยากได้ข้อมูลของจันทบุรี ก็บอกมาได้เลยค่ะ

================================

ภาพถ่ายทั้งหมด
ภายใน blog นี้สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัิญญัติสิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาิิต
New Comments
[Add prettyguide's blog to your web]