เที่ยวแล้วสบายใจ...ไม่เน้นรายได้จากงานประจำ

วัยทองทริป เข็นวีลแชร์พาแม่ขึ้นดอย ตอนจบ : วัดร่องขุ่น

ใครเพิ่งเปิดมาเจอตอนนี้ ขอย้อนความกันก่อนนะคะ ทริปนี้เป็นทริปพาผู้สูงอายุที่เดินไม่สะดวกต้องนั่งวีลแชร์ และสาว(โสด)วัยเกษียณและใกล้เกษียณนั่งเครื่องบินไปเที่ยวเชียงรายค่ะ ตอนนี้เป็นตอนจบค่ะ จะพาชมบรรยากาศที่พัก ก่อนออกไปวัดร่องขุ่น ทานมื้อกลางวัน แล้วเดินทางกลับในช่วงบ่าย ไปเที่ยวกันต่อนะคะ

จากตอนที่แล้ว กลับจากทานข้าวต้ม ก็แยกย้ายเข้าที่พักนอนหลับเอาแรง เพื่อเตรียมพร้อมในวันต่อไป คืนที่สองนี้เราเข้าพักที่ "บ้านณัฐวดี" ค่ะ เพราะประทับใจหลายๆอย่างที่นี่ ทำให้ต้องพาคุณแม่มาพักให้ได้ เราเคยรีวิวที่พักแห่งนี้ไว้โดยละเอียดเมื่อปีที่แล้ว เข้าไปชมได้ที่หมวดรีวิวที่พัก นะคะ

ภาพนี้ หน้าห้องพักของคุณแม่กับพี่สาวทั้งสามคนค่ะ ซึ่งเป็นห้องคอนเนคติ้ง (ประตูเปิดถึงกัน) อยู่ชั้นล่าง หน้าห้องมีโต๊ะนั่งทานข้าวได้



ตื่นเช้าขึ้นมา อากาศสดชื่นมากๆ อาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ไปทานมื้อเช้ากันค่ะ เป้นที่รู้กันว่าอาหารเช้าที่นี่เต็มที่ ทั้งคาวหวาน วันนี้คุณฝงทำช๊อคเค้กหน้านิ่มเป็นของหวานค่ะ อร่อยมว๊ากกกกกกกกกกกกกกก



ทานพร้อมกับกาแฟสดหอมๆนะ มีความสุขที่สุด แยมผลไม้ที่นี่ เป็นแยมโฮมเมดนะคะ คุณฝงทำเองอร่อยมากๆ(อีกแล้ว)



อาหารเช้าวันนั้น..ตามนี้ค่ะ เติมไม่อั้น ไม่อิ่ม ห้ามลุกจากโต๊ะ อร่อยทุกอย่าง



ตามโปรแกรม ทริปนี้เราใช้บริการรถตู้ของคุณต้น เจ้าของบ้านณัฐวดีตลอดทริปค่ะ โดยวันแรกถ้าใครอ่านแล้วจะทราบว่าทางคุณต้นจัดหาคนขับรถมาให้เราชื่อพี่ชาญชัย แต่เนื่องจากว่า วันนี้พี่ชาญชัยไม่ว่างมาบริการพวกเราไม่ได้

ทางคุณต้นจึง ออกปากให้เราขับรถไปเที่ยวกันเอง โดยใช้รถส่วนตัวของคุณต้น (ให้ยืมนะคะ ไม่ใช่ให้เช่า) โอ้ว.... ใจดีมากมายอ่ะ แต่เราเกรงใจค่ะ สุดท้ายคุณฝงจึงได้ให้พี่ชาญชัยติดต่อ พขร.คนอื่นๆที่ว่างให้ เราจึงได้ คุณตอ มาเป็น พขร.วันนี้ (ใช้รถตู้คันเดิมของบ้านณัฐวดี)



จากบ้านณัฐวดี มุ่งหน้าที่วัดร่องขุ่นค่ะ เรามีเวลาเที่ยวในช่วงเช้าก่อนบินกลับกรุงเทพช่วงบ่าย

คุณตอ มาส่งเราลงหน้าวัด แล้วก็นำรถไปจอด ที่วัดร่องขุ่นเป็นทางลาดตลอดทั่วบริเวณ เข็นวีลแชร์ได้ไม่ลำบากค่ะ



ที่วัดร่องขุ่นเรามาหลายครั้งแล้ว แต่คุณแม่เพิ่งมาเป็นครั้งแรก เห็นฟ้าแจ่ม แบบนี้ อากาศเย็นสบายไม่ร้อนเลยค่ะ





ชมวัดจนทั่วแล้ว ก็พาคุณแม่มานั่งพัก ดื่มชาเขียวอุ่นๆที่ร้านกาแฟเจ้าประจำหน้าวัด



ส่วนสาวๆทั้งสาม ก้ไปช๊อปค่ะ ร้านค้าบริเวณนี้มีของฝากที่สนใจเยอะแยะเต็มไปหมด มีหรือที่สาวๆจะพลาด หอบหิ้วกันพะรุงพะรัง

จากนั้นไม่นานก็เดินทางต่อค่ะ



จากวัดร่องขุ่น เราไปส่งพี่สาวคนโต เข้าที่พักก่อน (จากที่เล่าไว้ว่าพี่เค้าได้งานที่โรงแรมกลางเมืองที่นี่) แล้วไปหามื้อเที่ยงทานย่านหอนาฬิกา มาตอนใกล้เที่ยงกาแฟรถเหลืองกำลังจะเตรียมเก็บร้านซะแล้ว



ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม จะเต็มไปด้วยร้านอาหารอร่อยๆค่ะ เลือกทานได้เลยตามใจ



เราเลือกทานร้านราชบุรี เพราะมีอาหารให้เลือกหลากหลายค่ะ ทั้งข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว และข้าวหมูกรอบ ข้าวหน้าเป็ด ก๋วยเตี๋ยวเป็ดร้านนี้อร่อยมากๆค่ะ ราคาไม่แพง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจหากใครแวะไปเชียงรายนะคะ





ทานข้าวเสร็จ ตุนเสบียงต่อค่ะ ซื้อเป็นของฝากก็ได้นะคะ สำหรับซาลาเปาเจ้าเด่นเจ้าดังแห่งเมืองเชียงรายร้านนี้ เดินถัดมาไม่กี่ห้องก็เจอค่ะ ร้านเปา เปา



ได้วาซาเปาไป 3 กล่องใหญ่ ก็เดินทางกลับไปเก็บของที่บ้านณัฐวดีค่ะ แล้วให้คุณตอ ออกมาส่งคณะเราที่สนามบิน



เห็นอย่างนี้เหอะ นักท่องเที่ยวเยอะนะคะ
เรามาถึงสนามบินก่อนเวลาตั้งเกือบสอง ชม. ปรากฏว่าผู้โดยสารเช็คอินไปแล้วเกือบเต็มลำค่ะ



เช็คอินเสร็จ จนท.ก็มารับ พาคุณแม่ไปเข้าเล้าจ์เลยค่ะ ส่วนพี่สาวก็เพลิดเพลินกับการช๊อปต่อ ในสนามบินนั่นแหละ ชีอปจนนาทีสุดท้ายจริงๆ



รอจนได้เวลาขึ้นเครื่อง แล้วก็ถึงเวลาเครื่องลงจอดที่สุวรรณภูมิ จนท.เข็นวีลแชร์มารอรับหน้าประตูเครื่องบิน และรอส่งเราจนถึงประตูรถที่มารับเลยค่ะ Smiley



เป็นอันจบทริปนี้ กับการ เข็นวีลแชร์ พาแม่ขึ้นดอย 3วัน 2คืน อันรื่นรมย์ เหนื่อยแต่ก็อิ่มเอมใจ และเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง
ที่..ทริปนี้คุณแม่ไม่ได้คุมอาหารเลย ทานทุกอย่างที่หมอห้าม แถมยังทานยาไม่ตรงเวลาอีกด้วย แต่ปรากฏว่า..หลังจากกลับมาไปตรวจร่างกาย น้ำหนักไม่ขึ้น น้ำตาลไม่ขึ้น ความดันปกติ ทุกอย่างปกติ แถมหมอยังชมว่าทำไมดูคุณยายสดชื่นแข็งแรงขึ้น จึงเป็นข้อสรุปได้ว่าไปเที่ยวแล้วเป้นผลดีต่อสุขภาพ

อย่างที่บอกไว้ค่ะ ว่าทริปนี้ไม่ขอลงรายละเอียดเรื่องค่าใช้จ่ายนะคะ เพราะว่าเราสุรุ่ยสุร่ายกันมาก จ่ายแบบไม่คิดกันเลย คิดอย่างเดียวว่าอะไรที่จ่ายแล้วสร้างความสะดวกสบายและมีความสุขสำหรับแม่ เรายินดีค่ะ


สำหรับทริปนี้ ต้องขอขอบคุณมากๆสำหรับ
Smiley  คุณต้น-คุณฝง แห่งบ้านณัฐวดีรีสอร์ต ที่อำนวยความสะดวกให้เราเรื่องรถตู้พร้อมคนขับรถที่บริการเราอย่างประทับใจ

Smiley พี่หวาน nickky_wan และคุณแม่ ที่ดูแลเราหนึ่งมื้อ และน้องแวน ตัวเต็ง ที่แวะมาทักทายกัน

หากเพื่อนๆสนใจข้อมูลโดยละเอียดในการพาผู้สูงอายุไปเที่ยว ถามมาได้นะคะ ยินดีให้ข้อมูลตามที่เราพอจะมีประสบการณ์ค่ะ


และสุดท้าย..
ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาทักทายและลงชื่อให้กำลังใจในทุกรีวิวของเรา ขอบคุณมากมายจากใจจริงๆค่ะ

แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า..แต่ว่าไปไหนเมื่อไหร่ ต้องคอยติดตามนะคะ

สวัสดีดีค่ะ

Smiley



สนใจชมรีวิวฉบับเต็มจากห้องบลูแพลนเนท คลิีกไปชมได้ตามลิงค์ค่ะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10297987/E10297987.html




 

Create Date : 07 มีนาคม 2554   
Last Update : 7 มีนาคม 2554 19:35:53 น.   
Counter : 3557 Pageviews.  

ขับรถเที่ยวกาญจนบุรี ตอนแรก : ดินเนอร์ริมแคว

สวัสดีค่ะ

อยากหาโอกาสไปเที่ยวกาญจนบุรีมานานมากแล้ว
หลังจากที่คร้งล่าสุดที่ไปมา ก็เมื่อ....ซักราวๆ ยี่สิบปีก่อน

พอมีโอกาสดี มีเวลาว่างๆซัก 2-3 วัน ก็เลยคิดว่า
อย่ากระนั้นเลย เราขับรถไปลุยเมืองกาญจน์กันดีกว่า

ทริปนี้ใช้รถเก๋ง คันเล็กๆ ประหยัดน้ำมันไปกันสองคนค่ะ
ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ไม่ได้หาข้อมูล นึกอยากไป ก็ไป ตามสไตล์คนใจร้อน

พักเมืองกาญจน์ 1 คืน แล้วก็มุ่งหน้าไปสังขละบุรี นอนที่พีเกสท์เฮ้าท์
แล้วก็เช็คเอ้าท์กลับในรุ่งขึ้น นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังซักเล็กน้อย โปรดติดตามค่ะ



บ่ายวันอังคารที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา
เรามีธุระที่แถวๆพระราม 2 จัดการธุุระเสร็จเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าออกมาตามถนนเอกชัย เข้าเพชรเกษมแล้วเลี้ยวซ้ายไปเมืองกาญจน์ โดยผ่านนครปฐม-ราชบุรี ถนนเส้นนี้ความจริงระยะทางไม่ไกลนะคะ แต่ไฟแดงถี่มาก บ่ายสามโมงครึ่ง เข้าเขตนครปฐม(สามพราน)



รถไม่เยอะค่ะ แต่อย่างที่บอกไฟแดงเยอะมาก จากสามพราน-นครชัยศรี-นครปฐม-บ้านโป่ง-ท่ามะกา มาเมืองกายจนบุรี นับกันไม่หวาดไหว

เข้าเขตท่ามะกา สารถีก็ยกหูโทร.หาเพื่อนที่เป็นคนเมืองกาญจน์ หาข้อมูลว่าเป็นไปได้ไหม ถ้าคืนนี้เราจะไปนอนสังขละบุรี

คำตอบคือ.. ระยะทาง 220 กม.จากเมืองกาญจน์ ถนนเลนเดียว ทางคดเคี้ยวไปตามภูเขา เราควรจะไปมั้ยล่ะ

มองนาฬิกา จะห้าโมงเย็นแล้ว ไปทานอาหารเย็นริมแม่น้ำแคว แล้วหาที่พักใกล้ๆ น่าจะเหมาะกว่านะ หรือว่าไง ???

ขับรถมุ่งหน้าเข้าเมืองกาญจน์ ผ่านสุสานสัมพันธมิตร (ดอนรัก) ตอนห้าโมงเย็นพอดี เค้าปิดแล้วค่ะ

มีคนมาช้าเหมือนเรา



สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก (Kanchanaburi War Cemetery) เนื่องจากการเกณฑ์ทหารสัมพันธมิตรมาสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ ผ่านกาญจนบุรีไปเมียนมาร์ของกองทัพญี่ปุ่น ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเหตุให้เชลยศึกพันธมิตรเสียชีวิตที่กาญจนบุรีเป็นจำนวนมาก สุสานแห่งนี้บรรจุกระดูกของทหารสัมพันธมิตร จำนวน 6,982 หลุม สุสานแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 17 ไร่ ตั้งอยู่หลังสถานีรถไฟกาญจนบุรี ห่างจากศูนย์กลางจังหวัดกาญจนบุรีประมาณ 2 กิโลเมตร ในเขตบ้านดอนรัก ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมืองกาญจนบุรี

ขอบคุณข้อมูลจาก : วิกิพีเดีย ค่ะ



ข้อควรปฏิบัติ เมื่อมาเยี่ยมชมค่ะ เพื่อเป็นการไว้อาลัยและให้เกียรติแก่ผู้วายชนม์ เข้าไปไม่ได้ ก็ต้องอาศัยถ่ายจากริมรั้วนี่แหละค่ะ



ซูมระยะไกล ภาพอาจจะไม่ค่อยคมชัดเท่าไหร่นะคะ



ยังมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาเรื่อยๆ ถึงแม้จะเลยเวลาเปิดให้เข้าชมไปแล้วก็ตาม



เริ่มเหนื่อยจากการเดินทาง มุ่งหน้าไปหาอะไรกินกันดีกว่า
ตั้งใจไว้แล้วล่ะค่ะ ว่าจะไปหาร้านนั่งชิลริมแม่น้ำแคว จึงมุ่งหน้าไปที่สถานีรถไฟ ตรงหน้าสะพานข้ามแม่น้ำแคว ตอนเย็นมีตลาดนัดเล็กๆ มีอาหารรถเข็นเยอะเลยค่ะ แต่ว่าเราไม่ได้จอดรถลงไปดู ไม่ได้ลงไปถ่ายรูปที่สะพานด้วย เพราะเหนื่อยแล้ว พอเจอร้านนี้ก็จอดเลยค่ะ ไม่ไปไหนแล้ว

คีรีธารา



โถงด้านในร้าน มีมุมเบเกอรี่บริการด้วยค่ะ



มุมโต๊ะรับประทานอาหารด้านบน ไม่ค่อยมีคนสนใจนั่งมุมนี้กันซักเท่าไหร่



ที่นั่งส่วนใหญ่ เป็นโอเพ่นแอร์ ลดหลั่นกันลงไปเป็นเสตปจากชั้นบนลงไปถึงท่าน้ำ แอบนึกสงสัยว่า..หน้าฝน เค้าจะทำอย่างไรหนอ









เราเลือกที่จะนั่ง ด้านล่างสุด
เป็นส่วนของเรือนแพ ซึ่งสังเกตดูว่าลูกค้าชอบนั่งส่วนนี้มากที่สุด

โครงเครงเล็กน้อย แต่ใกล้ชิดแม่น้ำสุด สุด โต๊ะริมน้ำ บนแพนี้มีเก้าอี้ที่เป็นโซฟาด้วยนะคะ คือโต๊ะที่เรานั่งนั่นแหละ กับอีกโต๊ะใกล้ๆ





จุดประสงค์หลัก ไม่เน้นหนักอาหาร
และเราไม่ทานปลาน้ำจืด อาหารที่สั่งมาก็เลยไม่ได้เยอะแยะมากมาย




ร้านนี้มีดีที่บรรยากาศ และการบริการค่ะ นั่งแล้วเพลิน เกินห้ามใจ ส่วนรสชาติและราคาอาหารนั้นไม่ขอคอมเม้นท์ เราเป็นคนชอบนั่งชมวิวแม่น้ำ วิวทะเล มาเจอเข้าแบบนี้ ก็โปรดสิคะ





ยังไม่มีที่พัก จะมามัวแต่นั่งชิลกับบรรยากาสไม่ได้
ถามข้อมูลจากน้องๆพนักงาน ซึ่งให้ข้อมูลกับเราได้มากพอสมควร

ความจริงสนใจที่ อิน-จัน ทรี
แต่บังเอิญว่าช่วงนี้เค้าปิดปรับปรุง จะไปเปิดอีกทีก็ช่วงงานสัปดาห์ข้ามแม่น้ำแควน่ะค่ะ เลยต้องเปลี่ยนแผนไปหาที่ใหม่ เสี่ยงดวงเอาขับรถเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ ที่ไหนน่าสนใจก็แวะชม





เริ่มมึนๆ ได้ที ถึงเวลาหาที่พักกันแล้วล่ะค่ะ
ถ้าดึกไปกว่านี้ จะลำบากเพราะเรามาแบบไม่มีข้อมูล

ค่าอาหาร-เครื่องดิื่มมื้อนี้ 730 บาทค่ะ
อาหารสองอย่าง เครื่องดื่ม 3 ขวด ตามรายการในบิล





รีบไปหาที่พักกันดีกว่า..
ถ้าไม่ติดว่าเริ่มแน่นพุง คงต้องมีแอบสอยเค้กไปกินยามดึกซักชิ้นสองชิ้น



ปล.ตั้งแต่ที่โต๊ะ ไปห้องน้ำ จนเดินออกมาลานจอดรถ ยกมือรับไหว้พนักงานจนไม่เป็นอันทำอะไร



พี่ รปภ.ที่ลานจอดรถ ให้คำแนะนำเรื่องที่พักมาอีก ข้อมูลมีประโยชน์มากมาย อยากให้ พนักงานตามสถานบริการต่างๆเป็นแบบนี้ทุกแห่งจัง

เราตัดสินใจย้อนไปทางขวา จากร้าน(ผ่านสะพานไปน่ะค่ะ) ตั้งใจว่าถ้าเห็นป้ายที่พักอันไหน น่าสนใจก็จะแวะเข้าไปดูเลย

และแห่งแรกที่เราเลี้ยวเข้าไป "เดอะ รีเวอร์แคว บริดส์" ค่ะ เข้าไปก็ประทับใจที่ รปภ.แล้ว กลายเป็นว่าพักที่นี่แหละ เก็บของเข้าห้องพักแล้วเราก็ออกมานั่งชิลต่อที่ร้านอาหารริมแม่น้ำของรีสอร์ท

รายละเอียดที่พักชมได้ที่หมวด "รีวิวที่พัก" นะคะ



มาเมืองกาญจน์ ต้องทาน "วุ้นเส้น" ใช่ป่ะ
งั้นก็ขอยำวุ้นเส้นมากินกับดาวแดงต่อกันหน่อยเน๊อะ

อร่อยดีค่ะ
ที่สำคัญ หมึก-กุ้ง ที่ใส่มาเนื้อแน่น สดหวานมั่กๆ



นั่งดื่มไปอีกสักพัก ก็เข้านอนค่ะ
สำหรับเรื่องราวในวันต่อไป ติดตามชมได้ตอนจบ เลื่อนลงไปอ่านด้านล่างได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและลงชื่อให้กำลังใจค่ะ

รีวิวฉบับเต็มจากบอร์ดบลูแพลนเนท ติดตามได้จากลิงค์ค่ะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9866411/E9866411.html




 

Create Date : 17 พฤศจิกายน 2553   
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2553 20:15:17 น.   
Counter : 4040 Pageviews.  

ขับรถเที่ยวกาญจนบุรี ตอนจบ : สังขละบุรี

มาต่อตอนจบ ของทริปขับรถเที่ยวกายจนบุรีกันค่ะ
วันรุ่งขึ้นตื่นแต่เช้า เพื่อเดินทางไปสังขละบุรี ออกจากที่พักริมแม่น้ำแคว มุ่งหน้าสู่สังขละ อากาศดีจัง นึกเสียดายไม่ได้เตรีมของใส่บาตรติดรถมาด้วย เมื่อเห็นพระท่านออกบิณฑบาตรริมทางที่เราขับรถผ่าน



สองข้างทางมีร้านอาหารตลอดทาง แต่ยังไม่เปิด สงสัยเราออกเช้าเกินไป ขับไปเรื่อยๆ จนเกือบถึงทองผาภูมิ



แวะกินข้าวแกง ที่ร้านนี้อยู่ในปั๊มเชลล์ก่อนเข้าทองผาภูมิ สารถีบอกว่าเคยมาแวะกินข้าวร้านนี้เมื่อหลายปีก่อน มาถึงวันนี้สภาพเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ ในทางที่ไม่ดีขึ้นน่ะค่ะ





สำหรับท่านที่ไม่เคยไปสังขละบุรี ถนนที่จะไปเป็นถนนเลนเดียวนะคะ ทางจะคดเคี้ยวไปตามภูเขาแบบนี้ มีขึ้นเขา ลงเขาไปตลอดทาง ระยะทางจากเมืองกายจนบุรีไปถึงสังขละฯ ประมาณ 220 กม. ค่ะ



เกือบๆสิบโมง ถึงน้ำตกเกริงกระเวีย
จอดรถลงไปผ่อนคลาย ตั้งใจจะแวะดื่มกาแฟ

ปรากฏว่า..คนชงกาแฟไม่อยู่ ต้องรอซักพัก
งั้นขอลงไปถ่ายรูปแทนแล้วกัน เห็นแล้วอยากลงเล่นน้ำมาก สดชื่นมากมาย





เวลาเดินทางไปไหนๆในรถเราจะมีขนมติดรถไว้เสมอเอาไว้หลอกเด็ก



หลอกเด็กแล้วก็ออกเดินทางต่อค่ะ ระหว่างทางมีจุดให้แวะพักตลอดทาง แต่เราไม่ได้แวะซักจุดเพราะอยากจะมุ่งหน้าไปให้ถึงสังขละบุรีเร็วๆ



สิบโมงกว่า ข้ามแม่น้ำรันตี
สามชั่วโมงแล้ว ยังเดินทางไม่ถึงแต่ก็ใกล้แล้วล่ะค่ะ

แนะนำว่าการขับรถมาที่นี่ ควรจะเติมน้ำมันไว้ให้เต็มถัง
เพราะมีปั๊ม ปตท.อยู่ตรงสามแยกที่จะไปด่านเจดีย์สามองค์แค่ปั๊มเดียวค่ะ



สิบโมงห้าสิบห้านาที ถึงซะที..
เห็นวัดเสด็จ (วัดที่มีโบสถ์, วิหาร และพระพุทธรูปปางต่างๆ อยู่สองฝั่งถนน) ก้แสดงว่ามาถึงสังขละบุรีแล้วล่ะค่ะ



ด้วยความที่ว่า ไม่ได้หาข้อมูลมาล่วงหน้า
พอมีเวลาก็มุ่งหน้ามาเลย ลืมไปว่าวันนี้ครบกำหนดต้องชำระบัตรเครดิต

ตั้งใจไว้แล้วล่ะ ว่าเดี๋ยวก็ต้องมีธนาคารล่ะน่า อำเภอทั้งอำเภอก้ต้องมีธนาคาร ปรากฏว่าเป้นความโชคดี ขับผ่านตลาด เลยช่องที่มี 7-11 ไป 1 ช่อง มองเห็นรถกรุงไทยโมบายล์อยุ่แว๊บๆ จอดเลยค่ะ โชคดีจริงๆ

ถามพนง.กรุงไทย บอกที่นี่ไม่มีธนาคาร ส่วนตู้เอทีเอ็ม จะมีอยู่อีก 2 ตู้ จำธนาคารและจุดที่ตั้งไม่ได้แล้วเหมือนกัน

เพราะฉะนั้น หากต้องการไปเที่ยวที่นี่ พกเงินสดไปให้พอดีกว่าค่ะ เพราะเท่าที่สอบถามมาที่พักและร้านอาหารส่วนใหญ่ไม่รับบัตรเครดิต และหา ATM.ยากมาก จุดจอดกรุงไทยโมบายล์อยู่ซอยเข้าตลาด เยื้องๆที่ทำการไปรษณีย์นะคะ Smiley



จัดการธุระชำระหนี้สินเสร็จ ก็มุ่งหน้าไปหาที่พักก่อนค่ะ ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับที่พัก เข้าไปชมได้ในหมวด "รีวิวที่พัก" นะคะ ตกลงว่าเราเลือกพัก พี เกสท์เฮ้าท์ ลงทะเบียนเข้าพักแล้ว ออกไปเยี่ยมน้องๆ ที่สถานีวิทยุแห่งหนึ่งก่อนถึงวัดหลวงพ่ออุตมะ ก่อนไปชมสะพานไม้ ไฮไลท์แห่งเมืองสังขละบุรี



สะพานไม้อยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซม ใครไปสังขละฯช่วงนี้ถือว่าโชคดีเพราะจะได้ทำบุญสร้างสะพานกันด้วยค่ะ

แวะดื่มน้ำ ที่บ้านดอกบัว ของคุณตาผู้ฝึกสอนไกด์ท้องถิ่นตัวน้อยๆ







ด้านข้างเป็นหมู่บ้านมอญ วิถีชีวิตง่ายๆ และบ้านเรือนที่เป็นเอกลักษณ์



เที่ยงกว่าๆ แต่ว่าอากาศไม่ร้อนเลยซักนิด สะพานอยู่ระหว่างการซ่อมแซมบูรณะ เราก็นั่งมองวิถีชีวิตชาวบ้านที่เดินผ่านไป-มา อย่างเพลิดเพลินกันเลยทีเดียว







หนุ่มน้อยกลับจากงานบุญที่วัด แต่งตัวหล่อมาเลยอ่ะ Smiley





"จั่นเจา" หรืออีกชื่อคือ "สามบาท"
ไกด์ท้องถิ่นตัวน้อยๆ เข้ามาให้ข้อมูลเรื่องราวของสะพานมอญ รวมไปถึงที่กิน ที่เที่ยว กิจกรรมการมาเยือนสังขละบุรี



อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ กิจกรรมถ่ายภาพ "เด็กโดดน้ำ" แลกขนม ฮ่า ฮ่า
ช่างภาพทั้งหลายติดขนมไปเยอะๆนะคะ เป็นค่าแรงโดดให้น้องๆ ถ่ายจากบนสะพาน ไม่ได้มุมเด็ดๆซักเท่าไหร่ เด็กๆดูจะภาคภูมิใจที่ได้เป็นนายแบบนะ









นั่งคุยกับเด็กๆพวกนี้สนุกดีค่ะ หลายคนน่าจะติดใจกับเด็กน้อยชาวสังขละบุรี ที่กล้าพูด กล้าคุย กับคนแปลกหน้า ใช้เวลาอยู่ที่สะพานแห่งนี้ไม่นาน ก็กลับ น้องๆบอกว่าพรุ่งนี้อย่าลืมมาใส่บาตรนะ พระท่านจะมาประมาณหกโมงเช้า มีข้าวสารอาหารแห้งจำหน่ายเรียบร้อย



ใครสนใจซื้อของฝาก ของที่ระลึก บริเวณนี้มีจำหน่ายนะคะ ทั้งเสื้อยืด,โปสการ์ด,แป้งทานาคา และของฝากต่างๆ



จากนั้นก็ไปนมัสการเจดีย์พุทธคยา



จากนั้นก็ไปกราบร่างของหลวงพ่ออุตมะค่ะ







กราบหลวงพ่อแล้ว เราก็กลับไปที่พักค่ะ ความจริงยังมีเวลาเหลือ ถ้าต้องการไปชมวัดจมน้ำ ก็สามารถไปได้ค่ะ

แต่..บังเอิญเราไม่อยากไป ซะงั้น 55+
สำหรับข้อมูลการเดินทางไปชมวัดจมน้ำ สามารถเช่าเรือได้จากบริเวณสะพานไม้เลยค่ะ จะมีไกด์ตัวน้อยๆ มาเชิญชวนอยู่ตลอดทางค่ะ ค่าบริการลำละ 300 บาท นั่งได้ประมาณ 8 คน

ขับรถกลับไปที่ พี เกสท์เฮ้าท์
ตอนที่ขับรถออกมา เราเล็งเป้าหมายไว้แล้ว ว่าตอนบ่ายจะมานั่งกินกาแฟที่ร้านเล็กๆ แต่น่ารักสะดุดหน้า ตรงหน้าพี เกสท์เฮ้าท์ นี่่แหละ จอดรถแล้วเดินออกมาที่ถนน ข้ามไปฝั่งตรงข้ามค่ะ ร้านเล็กๆน่ารักสะดุดตา








นั่งหน้าร้าน มองเห็น พี เกสท์เฮ้าท์ ฝั่งตรงข้าม



พูดคุยทักทายกับเจ้าของร้าน เป็นวิศวกรหนุ่มที่ทิ้งหน้าที่การงานมาทำตามความฝันเปิดร้านกาแฟที่สังขละฯ

ตัวร้านเป็นบ้านไม้เก่า ที่ปรับปรุงเป็นระยะเวลากว่า 6 เดือน จนสวยงามอย่างที่เห็น มีสัญญาณ WiFi ให้เล่นเนตฟรีๆ เพลินๆ หรือจะมานั่งทำงาน อ่านหนังสือเงียบๆ ก็เหมาะ มีโปสการ์ด และสมุดบันทึกเก๋ๆ ให้เลือกซื้อเลือกหาในราคาไม่แพงค่ะ







ที่นี่ใช้เม็ดกาแฟบลูคอฟ จากดอยช้างค่ะ รสชาติใช้ได้ น้ำผลไม้ และอาหารว่างก็มีบริการนะคะ ราคาไม่แพงไปกว่าร้านกาแฟทั่วไปค่ะ



ดื่มกาแฟ และน้ำแอ๊ปเปิ้ลไปได้ซักพัก ก็นั่งคุยกับเจ้าของร้านอยู่แป๊บนึง พอดีมีลูกค้าท่านอื่น เข้ามาเกรงว่าจะเป็นการรบกวนจึงขอตัวเดินกลับไปเข้าที่พัก เข้าไปหอบงานออกมานั่งทำที่ส่วนของร้านอาหาร เพราะโซนนี้มีสัญญาณ WiFi ให้ใช้ฟรี

ขับรถมาไกล ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด ถามพนักงานว่าแถวนี้มีร้านนวดตรงไหนบ้าง พนง.บอกว่ามีร้านนวดอยู่ในตลาด หรือจะโทร.ตามให้หมอนวดมาบริการที่ห้องพักก็ได้ ค่าบริการชั่วโมงละ 200 บาท โอ้ว..ดีจัง ให้เค้าโทร.ตามให้เลยค่ะ



ใช้เวลานวด 2 คน ก็ 2 ชม. พอดิบพอดี
ความจริงเรียกหมอนวดมา 2 คนจะได้ไม่เสียเวลา แต่ว่าหมอฯไม่ว่าง
นวดเสร็จ หิวพอดี ลงมากินข้าวอีกรอบค่ะ นั่งเพลินๆ กินข้าวอิ่ม ก็กลับเข้าไปนอนหลับฝันดี ตลอดคืน






เช้าตื่นมา..

หกโมง รู้สึกตัวแล้วนะ จำได้ว่าน้องๆไกด์ตัวน้อยๆเชิญชวนให้ไปใส่บาตร

แต่

แต่

แต่

หมอกลงหนามาก อากาศดี
ดีจน..ไม่อยากลุกจากที่นอน เรื่องไปใส่บาตรบนสะพานมอญ เอาไว้ก่อนแล้วกัน



สรุป.. ไม่ได้ไปใส่บาตร
แค่ออกไปสูดอากาศสดชื่น ที่ริมแม่น้ำในเขตที่พักก็พอ







ขึ้นไปกินข้าวกันดีกว่า.. ชักจะหิวแระ



มีชา-กาแฟ บริการด้วยตัวเอง ร้านอาหารที่นี่เปิดบริการตั้งแต่เช้า มีอาหารให้เลือกสั่งหลากหลายมากมาย



กินอิ่มก็ขึ้นไปเก็บของ เตรียมตัวออกเดินทางกลับค่ะ ความจริงอยากไม่อยากกลับเลยอ่ะ แต่ว่าวันรุ่งขึ้นเรามีงานต้องทำ



ออกจากสังขละฯ 10 โมงเช้า
ไม่ได้ขับรถเอง..ก็เลยหลับยาววววววววววววว ค่ะ



ระหว่างทางมีร้านอาหารเยอะมากๆ แต่เราไม่ได้แวะทานที่ร้านไหนกันเลย เพราะตั้งใจว่าจะไปแวะตลาดท่านา นครชัยศรี จะซื้อเป้ดพะโล้ไปฝากคนที่บ้าน

แวะจุดเดียวเพื่อซื้อของฝากที่โรงงานวุ้นเส้นท่าเรือ
(ถึงที่นี่ประมาณบ่ายโมงครึ่งค่ะ)



นอกจากวุ้นเส้นเหนียวนุ่ม ซ่าหริ่มที่นี่เด็ดมากขอบอก ซื้อมากินที่บ้านอาหย่อยยยยยย



บ่านสามโมง มาถึงตลาดท่านาค่ะ ระดับน้ำในแม่น้ำนครชัยศรีสูงมาก แต่ยังไม่ท่วม รีบไปซื้อเป็นพะโล้ ร้านเจียมจันทร์ก่อน เดี๋ยวจะหมด



ฝากท้องที่ร้านสีฟ้า อาหารอร่อยเหมือนเดิมค่ะ





อิ่มแล้วก็บ๊ายบาย..รีบกลับบ้านดีกว่า
สี่โมงนิดๆ ก็ถึงกรุงเทพค่ะ จบอีกหนึ่งทริปประทับใจในช่วงเวลาสั้นๆ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทาย และลงชื่อให้กำลังใจนะคะ



ชมรีวิวฉบับเต็มจากบอร์ดบลูแพลนเนทได้ตามลิงค์ ด้านล่างนี้นะคะ

ตอนสอง :

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9866954/E9866954.html



ตอนจบ :

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9870692/E9870692.html




 

Create Date : 16 พฤศจิกายน 2553   
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2553 21:15:38 น.   
Counter : 9413 Pageviews.  

เมื่อพริ๊ตตี้ไกด์ไปนั่งชิลที่ "ริมทะเลซีฟู๊ดพัทยา"

สวัสดีค่ะ

เพิ่งกลับจากสังขละบุรีค่ะ แต่ยังไม่รีวิวนะคะ
เพราะว่าก่อนไปเมืองกาญจน์ แอบแว๊บไปนอนพัทยามาก่อน 1 คืน

อย่าเพิ่งสงสัย ??
เอ๊ะ !! ยัยคนนี้มารีวิวพัทยาอีกแระ น่าเบื่อจริงๆเชียว
แบบว่าเพิ่งไปร้านนี้ครั้งแรกค่ะ แล้วก็รู้มาว่าร้านเค้าเพิ่งเปิดได้ไม่นาน
ก็เลยนำข้อมูลมาเล่าให้พวกเราฟังกันหน่อยดีกว่า



อันเนื่องมาจาก..
ขับรถเส้นมอเตอร์เวย์ พอผ่านด่านเก็บเงินพานทอง เจอป้านโฆษณาร้านนี้ ..

โอ้ว น่าสนใจอ่ะ
ทำไมเราไม่เคยเห็นนะ ว่าแล้วก็..

คืนนี้ไปนอนพัทยากันดีกว่า หาเรื่องไปอยุ่แล้วนี่

จากมอเตอร์ตัดตรงไปที่พัทยากลาง บ่ายสามโมงสี่สิบนาที มาถึงทางแยกพัทยากลางแล้วค่ะ



เข้าทางลัดข้างคาร์ฟูลไปออกเส้นพัทยาเหนือ ผ่านวงเวียนปลาโลมามุ่งหน้าไปทางนาเกลือ

ร้านนี้อยู่ในซอยพัทยา-นาเกลือ 18 ซอยเดียวกันกับเซนทาราแกรนด์มิราจนั่นแหละค่ะ



วิ่งลงไปจนสุดซอยเลยค่ะ มีปัญหาเล็กน้อยตอนที่มีรถสวนขึ้นมา เพราะซอยข้างเซนทาราฯนี้แคบมากๆ ความจริงน่าจะห้ามจอดเน๊อะ ถ้าไม่มีรถจอดน่ะมันก็สวนได้อยุ่หรอก



เลี้ยวเข้าลานจอดรถทางด้านซ้าย พนักงานดูแลให้อย่างดีค่ะ
ตรงนี้ป้ายหน้าร้าน ตรงหน้าป้ายนี้เดินลงไปก็จะเป็นชายหาด แล้วก็มีร้านกาแฟ-เบเกอรี่อยู่ด้วย



เดินเข้าไปจะเป็นส่วนหลังของร้าน



ร้านอาหารจะแบ่งเป็นสามโซน สามชั้น
ส่วนนี้หน้าเวที มีโต๊ะอยู่ไม่กี่โต๊ะ แล้วก็เป็นทางแยกไปแต่ละชั้นค่ะ

เราไปถึงตอนสี่โมงกว่าๆ นักดนตรียังไม่มา แขกก็ยังไม่มาก



ทางแยกไปแต่ละชั้น ชั้นล่างริมชายหาด ชั้นสองเป็นเทอเรส และชั้นสามเปิดโล่ง ซึ่งเปิดให้บริการห้าโมงเย็นเป็นต้นไป



ลงไปดูที่ชั้นล่างสุด เหมาะสำหรับคนชอบความใกล้ชิดธรรมชาติ
ถ้ามีเด็กมาด้วยน่าจะเหมาะ เพราะลุยลงทะเลได้เลย สังเกตเห็นลูกค้าเป็นครอบครัวนั่งทานกันอยู่หลายโต๊ะเหมือนกันค่ะ



ชั้นสอง มีมุมนั่งสบายๆ
แล้วก็โต๊ะริมทะเล มองวิวเพลินๆ มีมุมกาแฟ-เบเกอรี่ แล้วก็บาร์เครื่องดื่มบริการด้วยนะคะ







วิวจากโต๊ะริมชั้นสอง มองลงไปก็จะประมาณนี้



ตอนไปถึงยังไม่ห้าโมง แต่เราอยากนั่งชั้นบน
พนักงานก็กุลีกุจอ ทำความสะอาดพื้นที่ให้เรานะ น่ารักมากๆ



โดยส่วนตัว เราว่าราคาอาหารไม่ถือว่าโหดนะ ชมวิวเล่นเพลินๆ





ระหว่างที่รอ นั่งทำงานไปก่อน (เห็นมา มาเที่ยวก็ยังเอางานมาทำนะ)
ที่นี่มีสัญญาณ WiFi ให้ใช้ ขอรหัสผ่านได้จากพนักงานค่ะ



อาหารจานแรกค่ะ "ผักหวานผัดน้ำมันหอย"



หอยลายผัดเนย เมนูนี้เราว่าอร่อยสู้ร้านที่เรานั่งประจำอีกแห่งไม่ได้อ่ะ



เมนูนี้ ทางร้านแนะนำชื่อ "ทะเลพิโรธ"
ลักษณะเป็นพวกนึ่งมะนาวน่ะค่ะ กุ้ง-หมึก-ปูม้า สดๆ



อาหารราคาไม่แพง แต่เครื่องดื่ม.. ราคาสูงไปนี๊ดดดดดดดด



หกโมงเย็นวงดนตรีก็เล่นสดค่ะ นักร้องเป็นกันเองดี เล่นเพลงตามคำขอ



นั่งนานพอสมควรค่ะ อาหารชุดแรกหมดไปแล้ว
แต่ยังไม่อยากลุก ก็เลยสั่ง "ปลาเห็ดโคนทอดกระเทียม" มาอีกจาน



อากาศดี๊..ดี

ยิ่งหนาวๆแบบวันนี้ ชักอยากจะไปอีกแฮะ





ความจริงอยากนั่งนานๆกว่านี้..

แต่ว่าชักจะเมาอ่ะ เดี๋ยวขับรถกลับโรงแรมไม่ได้



รวมค่าเสียหาย หลังหักส่วนลดแล้ว 1,534 บาทค่ะ
รายละเอียดตามรูปเลย ...



เฮ้ยยยย

เพิ่งเห็นกินไป 8 ขวดเลยหรือนี่
มิน่า..ว่าทำไมจำอะไรไม่ได้เลยคืนนั้น

ตื่นมาตอนเช้า

เดินจากโรงแรมไปหาอะไรกิน (ความจริงกินที่โรงแรมก็ได้นะ แต่ว่าอยากนั่งมองทะเล) ทะเลสวยอ่ะ ขอลงไปสัมผัสทรายหน่อยนึง



ฝากท้องเช้านี้ไว้ที่ร้าน กรีนที พัทยาเหนือค่ะ



นั่งอยู่แป๊บนึง ก็เดินกลับโรงแรมค่ะ

จบง่ายๆเลยแล้วกันนะคะรีวิวนี้
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทายและลงชื่อให้กำลังใจด้วยนะคะ



รีวิวฉบับเต็มชมจากตามลิงค์ จากบอร์ดบลูแพลนเนทเลยนะคะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9860700/E9860700.html




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2553   
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2553 20:01:47 น.   
Counter : 1653 Pageviews.  

เที่ยวในหน้าที่..ครั้งนี้ไปอีสาน ตอนที่ 1 : โคราช-หนองคาย

สวัสดีค่ะ

รีวิวเที่ยวในหน้าที่ (แบบว่า..แอบหาช่วงเวลานิดๆหน่อยๆระหว่างงานไปเที่ยวน่ะค่ะ)
ครั้งนี้ไปภาคอีสานค่ะ และ ณ ปัจจุบันเพิ่งกลับมาบ้านที่จันทบุรี ก่อนวันที่สถานการณ์น้ำท่วมหนักจะวิกฤตเพียงไม่กี่ชั่วโมง

ทริปนี้ ต้องไปทำงานที่ขอนแก่น แต่ก่อนเริ่มงานมีธุระที่กรุงเทพและนครราชสีมา แล้วมีเวลาว่างอยู่ 1-2 วัน ก็เลยเร่งทำธุระให้เสร็จ ก่อนเริ่มงาน ไปไหนมาบ้างติดตามชมกันค่ะ



เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯตอนสายๆประมาณซักเจ็ดโมงครึ่ง จากย่านใจกลางเมือง ใช้เส้นทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ ลงที่รังสิตออกพหลโยธิน แล้วไปแยกเข้า ทล.หมายเลข 2 ถนนมิตรภาพสู่นครราชสีมา

วันที่เดินทางมีอุบัติเหตุบนถนนสายเอเชีย ทำให้รถติดยาวววววววววววว เวลาก็เลยล่าไปนิดนึง

แวะทานข้าวเช้าตอน เก้าโมงเกือบครึ่งที่ร้านครูต้อ มวกเหล็ก สระบุรี



เราสั่งสะเต๊กมาทาน คนที่ไปด้วยเลือกทานข้าวกระเพรา แต่ที่เด็ดเห็นจะเป็นกระท้อนลอยแก้วและน้ำฝรั่ง สด อร่อยมากๆ



ระหว่างที่รออาหาร มีเรื่องสะเทือนใจเล็กๆน้อยๆ เกิดขึ้นที่ร้านนี้

เราสังเกตเห็นว่า พนง.ในร้านให้ความสนใจกับอะไรที่ถนน จนมีน้องผู้ชายวิ่งออกไปสองคน ถามได้ความว่า..

มีสุนัขพลัดหลงมาจากไหนไม่รู้ ดูอาการเหมือนโดนยา เพราะมันงงๆ วิ่งไปมาอยู่กลางถนน พนง.เกรงว่าเจ้าหมาน้อยจะโดนรถชน เพราะถนนมิตรภาพ 4 เลนรถวิ่งกันไม่ใช่น้อยๆ ความเร็วก็สุดขีดทั้งนั้น พยายามเรียกให้มันเข้ามา มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่เข้าใจ ที่ร้ายคือมันกัด ไม่ยอมให้คนเข้าใกล้ พยายามอยู่นานพอสมควร แต่ก็ไม่สามารถนำตัวมันเข้ามาได้ สุดท้ายต้องปล่อยมันไป..

ยืนลุ้น ยืนมองมันอยู่ไม่นาน (แต่เราไม่กล้ามอง บอกตามตรงกลัวว่าจะเห็นภาพที่ไม่อยากเห็น) สุดท้าย..ได้ยินเสียงดัง ปังงงงง !!!! ต้นเสียงคือรถทัวร์ ปะทะร่างเจ้าหมาน้อย ไม่มีเสียงร้อง เพราะมันคงไม่ทันได้ร้อง

สิ่งสุดท้ายที่น้องๆพนง.ช่วยได้ ก็แค่.. ลากร่างของมันมาไว้ริมถนน แล้วนำไปฝัง

เศร้าอ่ะ อึ้งกันไปทั้งร้านเลย

ทำเอากินสะเต๊กไม่ลงเลยล่ะมื้อนั้น สุดท้าย... ห่อสะเต๊กใส่กล่องกลับ



เราทานไม่ลง จากเหตุการณ์สะเทือนใจที่บอกไว้คอมเม้นท์ข้างบน ก็ออกเดินทางต่อค่ะเพื่อไปโคราช นั่งรถแบบหงอยๆกันไป ผ่านวิวสวยๆของลำตะคอง



ทำธุระที่โคราชด้วยเวลาอันดีเยี่ยม ประมาณเที่ยงกว่าๆ เราก็เสร็จงานที่โคราชแล้วค่ะ ที่ตั้งใจไว้ว่าจะค้างที่โคราช ก็เป็นอันว่าเปลียนแผนเป็นเดินทางต่อเลยแล้วกัน

ยังไม่แน่ใจว่าจะค้างขอนแก่น หรือจะไปไหน ดูเวลาและสภาพแวดล้อมเป็นหลักค่ะ

บ่ายสามโมงถึงขอนแก่นแล้วค่ะ อากาศก็ดีไม่มีฝน ตัดสินใจได้เลยค่ะแบบนี้..



ไปต่อค่ะ



เมื่อยังมีทาง ก็เดินทางกันไป..
สี่โมงครึ่ง ผ่านอุดรฯไปก่อนเน๊อะ



ขับมันไปเรื่อยๆ จนถึงหนองคาย

ถ้าไม่เย็นซะก่อนคงได้ข้ามไปเวียงจันทร์แระ ห้าโมงครึ่งเราก็มาหยุดจุดหมายไว้ที่ริมโขง หนองคาย

ยังไม่มีที่พัก ขับวนเวียนดูเรื่อยๆ ริมโขงไปทางสะพานมิตรภาพ ในที่สุดก็มาตกลงใจที่นี่ โรงแรมที่ดูใหม่สุด ดีเฮงดี โฮเตล (รายละเอียดที่พักคลิ๊กไปชมที่หมวด รีวิวที่พัก นะคะ)



จากระเบียงห้องพัก มองเห็นมีร้านอหารริมแม่น้ำหลายแห่ง เลยนึกขึ้นได้ว่า..หิว




ตัดสินใจเดินไปค่ะ เล็งร้านใกล้ๆไว้แล้ว ชื่อร้าน"เรือนริมน้ำ"
เดินจากที่พักไปประมาณ 30 เมตรได้มั้ง ดูท่าทางน่าจะเป็นร้านมีชื่อ เพราะเห็นมีรูปลงหนังสืออยู่เหมือนกัน



ใครๆก็ชอบนั่งริมแม่น้ำ.. รวมทั้งเราด้วย ขับรถมาทั้งวัน.. ได้บรรยากาศแบบนี้ก็หายเหนื่อยแล้วล่ะค่ะ



อาหารส่วนใหญ่เป็นพวกปลาน้ำจืด เราเป็นคนไม่ค่อยชอบทานปลาน้ำจืด ก็เลยเฉยๆ แต่เรื่องบรรยากาศนี่สุดยอดค่ะ

ค่าอาหาร + เครื่องดื่ม 3 ขวด รวมทั้งสิ้น 803 บาทค่ะ



ใกล้ถึงเทศกาลแข่งเรือ เค้าซ้อมกันคึกคักเชียวค่ะ
แสงสุดท้าย.. สะพานมิตรภาพไทย-ลาว



นั่งไม่นานเท่าไหร่ เพราะรู้สึกเหนื่อยและเพลียจากการเดินทางไกล เบียร์หมด 3 ขวด ก็กลับไปนอนค่ะ



นอนหลับสบาย.. เช้าตื่นขึ้นมา
ออกไปที่ระเบียงห้องก่อนเลยค่ะ คนอื่นเค้าออกมาทำมาหากินกันแล้ว อิชั้นเพิ่งลุกจากเตียง



เช็คเอ้าท์ เก็บข้าวของ
ที่พักไม่มีอาหารเช้าบริการ แต่ก่อนออกมา อุดหนุนซาลาเปาเจ้านี้ไปนิดหน่อย ซื้อเพราะเจ้าของร้านอัธยาศรัยดี ที่นี่มีบริการทำใบผ่านแดนและพาเที่ยวเวียงจันทร์ด้วยค่ะ ร้านอยู่ติดกับโรงแรมเลย ลองแวะไปสอบถามได้นะคะ ขายของชำด้วย ซาลาเปาก็อร่อย



ขับรถตรงไป เพื่อเข้าตัวเมืองหนองคาย หาที่จอดรถริมถนนเส้นหลัก แล้วเดินหาอาหารเช้าทานในเมือง ร้านนี้น่าสนใจลองดูหน่อยแล้วกันร้าน ดาริกา มีอาหารเช้าให้เลือกสารพัด ดูท่าทางน่าจะเป็นร้านเก่าแก่นะคะ



ไข่กะทะจะมาพร้อมกัยขนมปัง ,โจ๊กใส่ไข่ก็อร่อยนะคะ
คุณชายสั่งบะหมี่มากิน เค้าว่าน้ำซุปก็ใช้ได้ ที่นี่บริการกาแฟสดด้วย ส่วนน้ำชาฟรีค่ะ

มื้อนี้ 155 บาท



อิ่มมื้อเช้าแล้ว..เราไปเดินเล่นริมแม่น้ำโขงที่ตลาดท่าเรือกันค่ะ
แต่ขอเป็นตอนหน้านะคะ ..เลื่อนลงไปรับชมได้เลยค่ะ

สำหรับในตอนนี้ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทายลงชื่อให้กำลังใจ ขอบคุณ และสวัสดีค่ะ

ชมรีวิวฉบับเต็มจากบอร์ดบลูแพลนเนทได้ตามลิงค์เลยค่ะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9823926/E9823926.html




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2553   
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2553 18:25:58 น.   
Counter : 3264 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

prettyguide
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




สวัสดีค่ะ

ยินดีต้อนรับสู่ prettyguide's blog ค่ะ

สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องอัญมณี และของดีเมืองจันท์ เชิญลงชื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ค่ะ prettyguide จะขออาสาพาเพื่อนๆเที่ยวเมืองจันท์ให้ครบทุกซอกทุกมุม ใครอยากไปไหน หรืออยากได้ข้อมูลของจันทบุรี ก็บอกมาได้เลยค่ะ

================================

ภาพถ่ายทั้งหมด
ภายใน blog นี้สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัิญญัติสิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาิิต
New Comments
[Add prettyguide's blog to your web]