Group Blog
 
All Blogs
 
เรื่องธรรมดา (๒๙) เรื่องของหมอ

เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา (๒๙)

เรื่องของหมอ

เพทาย

คนเราเมื่อเข้าสู่วัยชราคือการเป็นคนแก่นั้น แม้จะมีผู้คิดค้นหาคำที่ค่อนข้างจะไพเราะมาใช้แทนว่า ผู้สูงอายุ ผู้อาวุโส หรือผู้เข้าสู่วัยทอง ให้ลดความระคายหู แต่ก็ไม่ช่วยให้ความแก่ลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกนาทีที่ผ่านไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี สิ่งที่ตามมาก็คือความเจ็บไข้ได้ป่วย ตามกฎของความเป็นจริง ที่พระพุทธองค์ ได้ทรงแสดงไว้ว่า ความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บป่วยปริเวทนาเป็นทุกข์ และความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ทั้งหมดนั้นเป็นไปตามธรรมชาติ และเป็นธรรมดาของสัตว์ทั้งหลายในโลก

และเพื่อที่จะชลอความตาย เราจึงต้องไปหาหมอเมื่อเกิดการเจ็บป่วยขึ้น แต่ถ้าไม่ประมาท ก็ควรจะต้องไปหาหมอเสียตั้งแต่เริ่มแก่ คือเมื่อเริ่มเกษียณอายุ ไม่ต้องรอให้ความป่วยไข้มาถึงตัวเสียก่อน

ผมนั้นได้ผ่านความเจ็บป่วยมาก่อนที่จะแก่หลายครั้งหลายหนแล้ว จึงมีความคุ้นเคยกับหมอและโรงพยาบาลเป็นอย่างดี เมื่อวัยฉกรรจ์กำลังเป็นพลทหารเกณฑ์ ก็ต้องเข้าผ่าตัดโรคไส้เลื่อนซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด แต่เกิดอักเสบอย่างรุนแรงในขณะที่ฝึกอยู่ในสนาม นายแพทย์ที่ทำการผ่าตัดนั้น ผมไม่ได้เห็นหน้าท่าน เพราะมีผ้าปิดตาอยู่ ในเวลานั้น โดยไม่ได้ใช้ยาสลบ เพียงแต่ฉีดยาชาเข้ากระดูกสันหลัง ให้หมดความรู้สึกตั้งแต่สะดือลงไปถึงปลายเท้าเท่านั้น ภายหลังทราบว่าเป็นนายพัน ท่านปฏิบัติกับผมซึ่งเป็นพลทหารอย่างดี จนผมตื้นตันใจมาก และเมื่อเวลาผ่านมาอีกยี่สิบปี ผมก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดด้วยโรคเดิม อีกข้างหนึ่ง ตามกรรมวิธีเดิม หมอซึ่งมียศร้อยเอกเท่ากันกับผม ท่านก็ให้การรักษาอย่างดีเหมือนเดิม คราวนี้ผมได้เห็นหน้าท่านก่อนลงมือจึงมีโอกาสได้ตอบแทนท่าน ด้วยความสำนึกในพระคุณ ที่ช่วยให้พ้นความทุกข์ทรมาน

คราวหนึ่งผมเล่นปิงปอง หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่าเทเบิลเทนนิสกับเพื่อน โต๊ะซึ่งเป็นขาพับได้ล้มลงมาทับหัวแม่เท้าซ้ายถึงกระดูกร้าว ใส่รองเท้าไม่ได้ หมอบอกว่าจะเข้าเฝือกก็ไม่ได้ ต้องนอนกินยาจนกว่าจะลุกขึ้นเดินได้ เล่นเอาลางานไปเป็นเดือน

ต่อมาเกิดบวมทั้งตัว ไปหาหมอที่โรงพยาบาลหนึ่ง ท่านให้ยาอะไรก็ไม่ทราบ กินแล้วปัสสาวะมากมายจนซีดไปหมดทั้งตัว เลยต้องย้ายไปอีกโรงหนึ่ง ซึ่งตรวจอย่างละเอียดด้วยเครื่องมืออันใหญ่โตแบบโบราณ ที่เรียกว่าไอโซโถปแล้ว ปรากฏว่าตับโต ต้องรักษาตัวอยู่ปีกว่า หมอสั่งให้เลิกกินเหล้าโดยเด็ดขาด ผมจึงเปลี่ยนมากินเบียร์เติมโซดาแทน จนถึงบัดนี้ ไม่ทราบว่าตับจะดีขึ้นบ้าง หรือเปล่า แต่ที่แน่นอนคือได้โรคกระเพาะเพิ่มขึ้น

เมื่อเริ่มอยู่บ้านเพราะเกษียณอายุราชการ ผมจึงรีบไปเข้าคลีนิคผู้สูงอายุ เพื่อตรวจ สุขภาพทั่วไปทันที ก็ไม่มีโรคอะไรร้ายแรง น้ำหนักตัวปกติไม่อ้วน ความดันก็ปกติ น้ำตาลในเลือดไม่สูง ไขมันในเส้นเลือดไม่มาก หัวใจเรียบร้อย เครื่องในดีหมด กรดยูริคก็ไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเป็นโรคเก๊าท์ แต่มีแผลในลำใส้เล็กน้อยไม่ถึงผ่าตัด เพียงแต่กินยาอย่างสม่ำเสมอก็พอจะอยู่ได้ สองสามเดือนก็ไปหาหมอตามนัดครั้งหนึ่ง ก็ได้ยาบำรุงต่าง ๆ ตั้งแต่เอถึงแซ่ดมากิน เป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว ยังไม่มีโรคร้ายแรงพอที่จะเอากันให้ถึงตายได้

สิ่งที่ประทับใจผมมากที่สุดในคลีนิคแห่งนี้ ก็คือคุณหมอที่ผมไปหาเป็นเจ้าประจำ ท่านเป็นหมอที่มีอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย หมอบางท่านพอเห็นหน้าคนไข้ก็ถามอาการ แล้วก็เขียนใบสั่งยาไม่ยอมพูดมาก คนไข้ถามอะไรด้วยความอยากรู้ ก็ชี้แจงอย่างห้วนสั้น บางที คนไข้ที่ยังไม่เข้าใจ ก็ไม่กล้าถามต่อเพราะเกรงใจหมอ จนอาจทำตัวไม่ถูกต้องก็ได้

แต่สำหรับหมอท่านนี้ ท่านจะยอมให้คนไข้ซักถามจนสิ้นความสงสัย และตอบชี้แจงอย่างละเอียด แทรกไปด้วยความเมตตา และอารมณ์ขัน อย่างเช่นคนไข้ไปตรวจเลือดมาหลายรายการ ก็อยากจะรู้ว่าตนมีโรคอะไรบ้าง ท่านก็จะชี้แจงไปทีละอย่างว่า ตัวนี้ถ้ามากเกินไปจะทำให้เป็นอะไร ต้องแก้ไขอย่างไร ตัวนั้นดีมากปฏิบัติตนอย่างนี้ดีแล้ว ทำต่อไปอย่าเลิกอะไรทำนองนั้น เป็นต้น

ท่านเป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนอย่างยิ่ง เมื่อคนไข้เข้าไปพบ ท่านจะต้องรีบแสดงความเคารพและสวัสดีก่อนแทบทุกครั้ง ทั้งนี้เพราะคนไข้ทุกคนจะมีอายุสูงกว่าหมอ แล้วก็ทักทายปราศรัย ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มช่วยให้คนไข้สบายใจ ว่าเป็นไงครับท่าน

บางทีคนไข้บอกว่าแย่เลย หมอก็จะรีบถามว่าท่านหรือผมที่แย่ คนไข้ก็จะยิ้มออก แล้วก็พรรณาความแย่ของตน ให้หมอฟังอย่างยืดยาว หมอก็จะก้มหน้าก้มตาเขียนข้อมูลลงในแผ่นประวัติ พร้อมกับจดชื่อยาลงในใบสั่ง พอคนไข้หยุดหมอก็ถามว่า มีอะไรอีกก็ว่าไปเรื่อย ๆ หมอกำลังแปลคำพูดให้เป็นยาอยู่

คนไข้บางคนมีคำถามหลายข้อกลัวจะลืม ถึงกับต้องจดใส่กระดาษไว้ดูพอบอกหมอว่าวันนี้จะขอปรึกษา หมอก็ว่าเอาเลยเริ่มข้อหนึ่ง แล้วก็ตอบชี้แจงไปทีละข้อ จนคนไข้พอใจ แล้วจึงตรวจโรคสั่งยาต่อไป

บางรายตรวจเลือดแล้ว ไขมันในเลือดที่มีมากมายไม่ยอมลด คนไข้ก็จะออกตัวว่า อยากจะฆ่าตัวตาย เพราะทำยังไงมันก็ไม่ลด หมอก็จะร้องอุทธรณ์ว่าท่านเองต่างหากที่อยากจะฆ่าตัวตาย ถ้ามีคนไข้ที่ไม่รักดีอย่างนี้มาก ๆ

ส่วนรายที่อ้วนเอาอ้วนเอา น้ำหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ ท่านก็จะแหย่ว่าแบบนี้ ไม่กินข้าวสักสามวัน แล้วค่อยมาหาหมอก็ได้

บางรายอ้างเหตุผลว่า คนโน้นเขาว่าอย่างนั้นดีอย่างนี้ดี หมอก็จะย้อนว่าที่ว่าน่ะใครว่า อย่าไปเชื่อ ให้เชื่อที่หมอว่านี้ดีกว่า

ในรายที่เป็นหวัดเจ็บคอแล้วอมยา ท่านก็ว่าไปมัวอมยาอมอยู่เลย มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย สู้อมน้ำเกลือดีกว่า น้ำร้อนธรรมดาใส่เกลือแกงลงไป อุ่นแล้วก็เอามาอม เบื่อแล้วก็บ้วนทิ้งไป ไม่เปลืองเงินด้วย

บางรายก็เล่าอาการเจ็บป่วยของตนให้หมอฟัง พร้อมกับออกความเห็นประกอบไปด้วยว่าน่าจะทำอย่างไร หรือตรวจที่ตรงไหน ท่านก็ว่าบอกแต่อาการก็พอ ไม่ต้องสอนหมอ เพราะว่าการรักษาเป็นหน้าที่ของหมอ หรือบางคนหมอกำลังแนะนำชี้แจง ก็พูดแซงทุกประโยคหมอก็จะต้องขึ้นเสียงว่าฟังผม ไม่งั้นไม่รู้เรื่อง

ส่วนรายที่มีความวิตกจริตเอามาก ๆ เมื่อเล่าอาการแล้วก็จะถามหมอว่า อย่างนี้ จะเป็นมะเร็งไหมนี่ หมอฟังแล้วก็ยิ้มอย่างปราณีบอกว่า โชคดีมากเป็นแค่มะโรงเท่านั้นเอง

หมอให้พยาบาลเรียกคนไข้เข้าไปในห้องทีละสามคน เข้าไปปรึกษาคนหนึ่ง อีกสองคนนั่งรอใกล้ ๆ เข้าใจว่าเพื่อจะให้ได้ยินการปรึกษาโรคและคำชี้แจงด้วย จะได้เป็นความรู้สำหรับตนเอง ไม่ต้องมาถามซ้ำอีก แต่ก็มีข้อเสียคือคนไข้ไม่อยากเล่า ในเรื่องที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้เหมือนกันทั้งหญิงชาย

ถ้าคนไข้บ่นว่า มักจะลืมกินยาก่อนอาหาร ท่านก็ว่าถ้าอย่างนั้น พอตื่นเข้าห้องน้ำแปรงฟันแล้ว ก็กินยาก่อนอาหารเสียเลย ถ้าเป็นยาก่อนนอน พอแปรงฟันจะเข้านอนตอนกลางคืนก็กินยาเสียก่อน แต่ไม่ใช่นอนกลางวันนะ ถ้าเป็นยาอันตรายต้องกินหลังอาหารทันที ก็กินมันเสียเมื่อกลืนอาหารคำสุดท้าย ก่อนที่จะกินน้ำ เป็นต้น

สำหรับคนไข้ที่เป็นโรคหัวใจก็ต้องออกกำลัง แต่ไม่ต้องวิ่งให้เดินวันละอย่างน้อย สามสิบนาที หรือไม่น้อยกว่าสองกิโลเมตร ไม่ต้องเดินเร็วแต่เดินอย่างกับทำสมาธิ หรือทำจิตให้ว่าง เวลาเช้าก็ได้เย็นก็ได้ หรือเวลาอื่นก็ได้ ฟังดูน่าจะทำง่ายดี

คนไข้ที่ปวดข้อปวดเข่าปวดหัวไหล่ ท่านให้ยาทายากิน แล้วก็ให้ทำท่ากายบริหาร แกว่งแขนแกว่งขาอยู่กับที่ เริ่มต้นสิบครั้งยี่สิบครั้ง แล้วก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องมากนัก แต่ต้องทำทุกครั้งที่ทายา ใครขี้เกียจทำ ก็ไม่ทุเลาแล้วไม่ต้องมาบ่น

คนไข้ที่ไปเล่นกอล์ฟแล้วเกิดอาการเจ็บแปลบที่หัวใจ มาเล่าให้ท่านฟัง ว่าหมอสนามพาไปเข้าโรงพยาบาลเอกชน ตั้งแต่สามโมงเช้าถึงสามโมงเย็น ญาติจึงมารับไปเข้าโรงพยาบาลโรคทรวงอก ต้องเสียค่ารักษาไปเกือบสองหมื่น ท่านถามว่าเขาทำอย่างนั้นหรือเปล่าอย่างนี้หรือเปล่า คนไข้ก็ว่าเปล่า ท่านก็ว่าสงสัยสนามกอล์ฟ มีหุ้นอยู่ในโรงพยาบาลนี้ ทำไมไม่เข้าโรงพยาบาลรัฐที่ใกล้เสียเลย จะได้ไม่ต้องไปเสียค่าวิชาแพงอย่างนั้น

คนไข้บางคนพอเจอหมอถามว่า คราวนี้เป็นไงบ้างครับท่าน ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร ก็ว่าเหมือนเดิมครับ หมอก็ซักว่าเหมือนเดิมยังไง คนไข้ก็บอกว่ายังปวดคอ เมื่อยหลัง และท้องผูกเหมือนเดิม บางคนหมอถามว่าหมู่นี้นอนหลับไหม ก็ตอบว่าหลับบ้างไม่หลับบ้าง หมอก็ยัง ไม่โกรธ

บางคนคุยให้ผมฟังว่า หมอถามว่าเครียดหรือเปล่า ก็ไม่เห็นมีเรื่องเครียดอะไร นอกจากเครียดที่เมียไม่รู้จักตายซะที บังเอิญไม่ได้บอกไปตามที่คิด เลยรอดตัวไป

หมอท่านนี้จึงมีคนไข้มากกว่าหมอท่านอื่นที่รักษาอยู่ในห้องติดกันอีกหลายคน และท่านไม่เคยย่อท้อ ไม่ว่าจะมีคนไข้มากเท่าไร ท่านก็ดูแลจนหมด แม้ว่าจะเกินเวลาอาหารกลางวันไป และคนไข้ทยอยกันออกไปกินแล้วกลับมารอหมอก็ตาม เคยมีเพื่อนของหมอโทรศัพท์เข้ามาชวนไปกินอาหารกลางวัน ท่านปฏิเสธ แล้วเพื่อนก็ว่าอย่าบ้างานให้มากนัก ท่านก็ว่าทำอย่างไรได้ คนไข้มีทุกข์ มารอคอยขอความช่วยเหลือจะทิ้งไปได้อย่างไร

ดังนั้นเมื่อถึงวันขึ้นปีใหม่ ท่านจึงมักจะได้ของขวัญมากกว่าคนอื่น แต่ท่านก็ออกตัวว่า ของอะไรท่านก็พอจะรับได้ แต่ซองขาวอย่าเอามาให้เลย ท่านเสียวว่าจะเป็นหนังสือเชิญให้ลาออก ตามระบบลดกำลังพลยามเศรษฐกิจวิกฤติเช่นนี้

สำหรับผม ไม่มีปัญหากับหมอ เพราะผมทำตามที่ท่านสั่งอย่างเคร่งครัดทุกเรื่อง ถึงแม้จะลืมไปบ้างผมก็ไม่บอกหมอ อย่างยาที่หมอให้มาครั้งละมากมายนั้น ผมก็กินบ้างลืมบ้าง สะสมไว้มาก ๆ เข้าจนเกือบจะเปิดร้านขายยาได้แล้ว หมอก็ไม่มีวันที่จะรู้

ครั้งหนึ่งเกิดปวดหัวไหล่ซ้าย ยกแขนไม่ขึ้นทายาแล้วก็ไม่ทุเลา เพื่อนพาไปแนะนำให้นวดแผนโบราณ หมอยังสาวแต่มือแข็งยังกับคีมเหล็ก นวดแล้วก็ระบมไปหมดทั้งตัว แขนก็ไม่หายปวด พอกลับไปหาหมอที่คลีนิค ท่านก็ว่าดีแล้ว สมน้ำหน้า แล้วก็ให้ยาทั้งกินทั้งทา และห้ามไม่ให้นวดอีกเป็นอันขาด

ผมก็เชื่อฟังท่านเป็นอันดี และตั้งแต่บัดนั้นมา ผมก็ไม่ยอมให้หมอบีบนวดอีกเลยยอมให้แค่ลูบ ๆ คลำ ๆ เท่านั้น,

########


ข่าวทหารอากาศ
กรกฎา ๒๕๔๘

ถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิป
๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๙








Create Date : 16 ตุลาคม 2550
Last Update : 16 ตุลาคม 2550 11:22:10 น.

Counter : Pageviews. 4 comments

Add to







หมอใจดีจัง แต่ไม่อยากเจอนะเพราะไม่อยากป่วย



โดย: ข้าวโพด IP: 121.55.242.19 วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:7:15:54 น.







หมอในเรื่องเป็นแพทย์ประจำคลีนิกผู้สูงอายุ
ผมเป็นคนไข้ของท่านโดยไม่ได้ป่วยเป็นอะไรเลย
ตั้งแต่เดือนแรกที่เกษียณอายุราชการ

จนเดี๋ยวนี้หาเจอหลายโรคแล้วครับ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:19:14:41 น.







ปกติถ้าเคล็ดขัดยอก จะใ้ช้หมอจับเส้น

ก็จะแก้ไขอาการปวดเคล็ดขัดยอกได้ครับ

เพราะแก้ไขที่กล้ามเนื้อ



โดย: พี่แต้ วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:20:09:50 น.







ของผมหมอท่านนี้ถ่ายเอ็กสเรย์ให้ดูว่า
กระดูกต้นคอข้อที่ ๔-๕ ชำรุดครับ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:9:15:28 น.






Create Date : 17 มีนาคม 2553
Last Update : 19 เมษายน 2556 9:43:17 น. 0 comments
Counter : 464 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.