บ่วง ตอนที่ 4





หลายวันต่อมา...รัมภา เดือนแรม และดีดี้มาจ่ายตลาด แอนออกจากร้านเสริมสวยเดินมาหารัมภาทันที

"คุณรัมภามาแล้ว”
แอนรีบเข้ามาหารัมภาจะมาคุยด้วย แต่เดือนแรมเดินเข้ามาขวางไม่ให้ใครเข้าถึงตัวรัมภานอกจากตัวเอง
“คุณรัมภา ไม่ใช่เพื่อนเล่น เธอไม่คบหาสมาคมกับพวกพ่อค้าแม่ค้าหรอก”
“เอ้อ...”
รัมภาพยายามจะจะแก้ไข แต่เดือนแรมตัดบททันที
“ต่อไปนี้คุณพี่รัมภา จะมากับฉัน ไปค่ะคุณพี่ อยากได้อะไรบอกเดือนค่ะ เดือนเป็นเจ้าของตลาดนี้ ใครหือกับคุณพี่ เดือนจัดการเอง”
เดือนแรมลากไป รัมภาลำบากใจพยายามยิ้มขอโทษแอน ในขณะที่แอนยืนแค้นๆ

เดือนแรมพารัมภาเดินมาถึงแผงของน้อยกับเจี๊ยบ น้อยดีใจที่ได้เจอ
“คุณรัมภา เอาเนื้อสันในเหมือนเดิมใช่ไหมคะ”
“ใช่จ้ะ...ขอบใจนะ”
เดือนแรมทำหน้าไม่พอใจ
“เมื่อคราวที่แล้ว สันในภาษาอะไรเหนียวหนึบเคี้ยวไม่ลง แกเอาสันนอกมาหลอกใช่ไหม คุณพี่รัมภาไม่รู้แต่ฉันรู้ ตอนนี้ฉันมาดูแลครอบครัวคุณพี่แล้ว อย่าคิดมาหลอกกันอีก เข้าใจไหม”
น้อยหน้าตึงทันที เดือนแรมกระซิบรัมภาแต่ได้ยินกันหมด
“คนพวกนี้ นิสัยแม่ค้า ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ ต้องด่าๆ มันเอาไว้มันจะได้ไม่กล้า ไปพูดดีกับมัน ไม่ถูกนะคะคุณพี่ ไปค่ะ เดือนจะพาไปซื้อร้านข้างใน ของดีกว่ากันเยอะ”
เดือนแรมลากรัมภาไป โดยที่เธอไม่ค่อยเต็มใจ มองน้อยเชิงขอโทษ น้อยโกรธลมออกหู ยกปังตอขึ้น
“อี เดือนแรม มึงอยากลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์นักใช่ไหม! ย้าก ปังตอลอยฟ้า”
น้อยเตรียมเขวี้ยง เจี๊ยบรีบวิ่งมาดึงมือไว้ ทันเวลาหวุดหวิด
“เฮ้ยๆอย่าๆ มันได้ลง เจ๊ก็ได้ลงเหมือนกัน อย่าเพิ่งโว้ยเปลี่ยนที่นอนไปนอนในกรง มันไม่สนุกนะโว้ย”
น้อยยืนมองตามแค้นใจ เช่นเดียวกับเจี๊ยบ

ใกล้ค่ำ...เดือนแรมมานั่งทานอาหารเย็นที่เรือนหลังเล็กกับครอบครัวศามน บุญสืบกับคำยืนดูแลอยู่
“ว่าจะถาม ที่บ้านนี้มีกลิ่นเหมือนดอกไม้ หอมเย็นดีจัง” เดือนแรมพูดขึ้น
ศามนยิ้มบางๆ
“ดอกลีลาวดี อยู่ข้างหลังนี่เอง หอมดีนะครับ”
ไลล่าเบ้หน้า
“อี๊ เหม็น”
รัมภามองสองคนอย่างไม่เข้าใจ
“ใครๆก็บอกว่าเหม็น เห็นมีแต่คุณสองคนบอกว่าหอม ยิ่งคุณมนนี่ชอบมากเลยไปนอนเล่นได้เป็นวันๆ”
ทั้งหมดยิ้มกันไม่สนใจเรื่องดอกไม้นี้อีก
“เป็นไงคะ เค็มไปหวานไป เผ็ดไป บอกได้นะคะ” เดือนแรมถามอย่างเอาใจ
ศามนยิ้มๆ
“อร่อยดีครับ”
เดือนแรมเอามือแตะศามน บุญสืบตาวาวมองมือนั้น รีบสะกิดแม่ให้มองตาม
“อย่าตอบแบบนี้สิคะ ตอบแบบนี้เหมือนคนเกรงใจกัน พูดมาตรงๆ คราวหน้าจะได้แก้ไขถูก”
“เผ็ดไปนิดหน่อยครับ”
เดือนแรมยิ้ม
“แหมก็แค่นั้นล่ะ อย่ามาเห็นเดือนเป็นคนอื่นคนไกล แบบนั้นเดือนเสียใจแย่”
บุญสืบเบ้หน้าหมั่นไส้เดือนแรม
“เห็นภาบอกว่า คุณเดือนมาทำกับข้าวกลางวันให้ด้วย” ศามนถามเรียบๆ
“เด็กแฝดไปโรงเรียนแล้ว เดือนกลัวคุณพี่เหงา วันนี้เราสนุกกันมากเลย ใช่ไหมคะพี่รัมภา”
“เอ้อค่ะ” รัมภาตอบอย่างไม่รู้จะพูดยังไง
ศามนยิ้มให้รัมภาด้วยความรัก
“คุณผู้หญิงครับ คุณผู้ชายยังไม่ได้ลองผัดผักเลย ตักให้คุณผู้ชายสิคะ” บุญสืบแนะ
รัมภายิ้มให้จะตัก แต่เดือนแรมแย่งช้อนกลางไปก่อน
“เดือนตักให้เองค่ะ เดือนอยู่ใกล้กว่า” เดือนแรมตักให้ศามนและตักให้เด็กแฝดทั้งสอง “อ่ะ รัสตี้ ไลล่า ผัดผักเนี่ย ทานได้ไม่เผ็ดใช่ไหมคะลูก”
รัมภาเจื่อนไป เลยหันไปนั่งทานของตนต่อ บุญสืบแค้นได้แต่บ่นกับแม่
“โฮ้ย...คนเรานะคนเรา สวรรค์ดีๆมีให้ขึ้นไม่ชอบ”
คำเซ็งเหมือนกัน
“เขากลัวความสูงมั้ง”
“เอ๊าแล้วปีนต้นงิ้วน่ะไม่สูงหรือแม่”
คำ พยักหน้าว่าเออจริง

ศามนยืนคุยกันกับเดือนแรมในสวน เดือนแรมระริกระรี้หัวเราะสนุกสนานราวกับเป็นเมียซะเอง...รัมภานั่งสอนการบ้านเด็กๆอยู่ในห้องนั่งเล่น โดยมีบุญสืบอยู่ด้วยตามองออกไปเห็นศามนกับเดือนแรมอยู่ในสวน บุญสืบมองอย่างไม่ชอบใจ
“เออดี ดึกดื่นค่อนคืนยังไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง เดี๋ยววันไหนจะลองเอาไม้ตีพริกไปตีหน้ามันดู ดูซิระหว่างไม้กับหน้ามัน ใครจะแตกก่อนกัน”
“อะไรนะจ๊ะ” รัมภาถามอย่างไม่เข้าใจ
บุญสืบไม่กล้าเล่า
“เอ้อ...เปล่าครับ”
รัมภาไม่สนใจศามน เพราะไม่ได้คิดมาก หันไปสนใจแต่เรื่องลูกต่อ

ค่ำคืนนั้น...รัมภาอยู่ในชุดนอนแล้ว เพิ่งออกจากห้องน้ำ ศามนเดินเข้ามากอด
“เด็กๆไปโรงเรียนแล้ว กลางวันต้องอยู่คนเดียว คุณเหงาไหม”
“ยังไม่ค่อยมีเพื่อนในเมืองไทย อีกหน่อยเดี๋ยวก็มีเอง”
“ผมจะพยายามกลับบ้านให้เร็วหน่อย นอกจากคุณนุ ผมก็ไม่มีเพื่อนเหมือนกัน กลับมานอนเล่นกับเมีย เผื่อจะได้มีลูกคนที่สาม”
ศามนแบกรัมภามานอนบนเตียง รัมภาร้องวี้ดอย่างเย้าแหย่ ศามนเริ่มจูบ รัมภาจูบตอบ ขณะเดียวกันนั้นจู่ๆก็เกิดเสียงดังเหมือนมีคนโมโหมาก กำลังเขย่ากลอนประตูอยู่ ศามนกับรัมภาสะดุ้งผละออกจากกัน
“ใครน่ะ”
ศามนออกไปเปิดกลอนดูข้างนอกห้องไม่มีใคร ทุกคนหลับหมดแล้ว ศามนเดินกลับมานอนที่เตียงใหม่
“ไม่เห็นมีใคร”
“ไม่ใช่ลูกหรือคะ”
“ไม่ใช่จ้ะ ช่างเถอะนะ มีเรื่องอื่นที่น่าสนใจกว่าเยอะ”
ศามนก้มลงจูบภรรยาอีกครั้ง รัมภาพยายามจูบตอบสร้างอารมณ์ใหม่ ทันใดนั้นรูปแต่งงานของทั้งสองที่แชวนอยู่ผนังห้องสั่นไปมาแล้วหล่นลงแตกเพล้ง ทั้งสองสะดุ้งตกใจ
“รูปหล่นได้ยังไงคะ”
ศามนมองแล้วไม่สนใจ จูบรัมภาต่อ เครื่องเริ่มติดแล้ว ไม่อยากหยุด
“ช่างมันเถอะภา ไว้ก่อนเถอะ”
ศามนจูบไปตามเนื้อตัวของรัมภามีความโหยหามากขึ้น แต่รัมภาไม่มีสมาธิแล้ว มองไปรอบๆห้อง รู้สึกหวาดๆ สายตาหวาดระแวงคอยกังวลว่าจะมีอะไรโผล่มาและแล้วสายตาของเธอก็มาสะดุดที่ผ้าห่มที่คลุมร่างของทั้งคู่ และพาดอยู่เต็มเตียง จู่ๆ ที่ปลายเตียง ผ้าห่มเกิดพองตัวขึ้น เหมือนมีอะไรแทรกอยู่ใต้ผ้าห่ม แล้วสิ่งนั้นก็กำลังเคลื่อนเข้ามาที่ตัวของคนทั้งคู่ ผ้าห่มที่พองตัวเคลื่อนตัวช้าๆมาตามทาง รัมภาหน้าตื่นหวีดร้อง
“อ๊ายๆๆ”
ศามนชะงัก
“อะไรกันภา”
รัมภาตกใจรีบเปิดผ้าห่มขึ้น แล้วสะบัดทิ้งไป บนเตียงใต้ผ้าห่มไม่มีอะไรทั้งนั้น รัมภางง แล้วอะไรกันแน่ที่เดินอยู่ใต้ผ้าห่มเมื่อกี๊
“มีอะไรภา...มีอะไร”
“ภาเห็นตัวอะไรก็ไม่รู้อยู่บนเตียง ใต้ผ้าห่ม”
ศามนรีบหันมองค้นดู บนเตียง ใต้เตียง
“ไม่เห็นมีอะไรนี่”
“บ้านหลังนี้...ห้องนี้...”
รัมภาหวาดระแวง ศามนแปลกใจ
“ทำไมหรือภา ห้องนี้ทำไม”
“ภารู้สึกมีคนมอง เหมือนมีใครอยู่ในห้องนี้”
“ห้องนี้มีเราแค่สองคน จะมีคนอื่นได้ยังไง”
“ภาจะไปนอนกับลูก”
รัมภาลุกหนีทันที ศามนอึ้ง
“ภา...เดี๋ยวสิภา”
รัมภาเปิดประตูออกไปจากห้องทันที รู้สึกร้อนรุ่มมากที่จะต้องอยู่ห้องนี้ ศามนเซ็ง อารมณ์ขาดหาย
“โธ่โว้ย”
ศามนเอนตัวลงนอน แพงตัวขาวซีด นอนอยู่ข้างๆ แทนที่รัมภา ศามนนอนตาค้าง มองเพดาน มีผีของแพงนอนมองหน้าอยู่ข้างๆ
“หึๆๆ เมียที่ไม่ยอมทำหน้าที่ของเมีย หนทางวิบัติย่อมคอยอยู่ข้างหน้า คุณหลวงเจ้าขา นังชื่นมันจะไปมีดีอะไร้ สู้นังแพงกับนังเดือนแรมไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
ศามนนอนตาโพลงหงุดหงิด โดยมีผีแพงนอนอยู่ข้างๆ

วันใหม่...ศามนหยุดงาน จึงพาครอบครัวไปซื้อของกัน เดือนแรมและดีดี้ไปด้วย ศามนยืนห่างๆกับเดือนแรม ในขณะที่รัมภาอยู่กับลูกแฝดที่มุมของเล่น เด็กทั้งสองยื่นของเล่นราคาแพงอันหนึ่งให้ รัมภาส่ายหน้า
“มันแพงเกินไป หม่ามี้ไม่เห็นด้วยนะคะ”
เดือนแรมแอบได้ยิน มอง รัสตี้ที่กำลังอ้อนแม่อยู่
“รัสตี้อยากได้นี่ครับ ซื้อให้เถอะนะครับหม่ามี้”
“ถ้าอย่างนั้น ก็เก็บเงินเอง ต่อไปนี้ อยากได้อะไรก็ต้องรู้จักเก็บเงินซื้อเองจะได้รู้คุณค่าของเงิน ไม่ทิ้งขว้างของเล่นอีก ตกลงไหม”
รัสตี้เซ็ง พยักหน้าแบบจำใจ

รัมภา ศามนและเด็กๆนั่งกินข้าวกันอยู่ จู่ๆมีของเล่นยื่นมาให้เด็กทั้งสองโดยเดือนแรมเป็นคนยื่นให้
“นี่ค่ะ อาเดือนซื้อให้แล้ว มีของไลล่าด้วย”
เด็กทั้งสองดีใจมาก รับของมาชื่นชมพร้อมกัน
“โห ขอบคุณค่ะ...ขอบคุณครับ”
“น้าเดือนน่ารักจังเลย” รัสตี้พูดเอาใจ
เดือนแรมยิ้มหน้าบาน
“งั้นก็หอมแก้มหน้าเดือนหน่อยสิค้า”
รัสตี้กับไลล่า หอมแก้มเดือนแรม ศามนยิ้มให้เดือนแรมเชิงขอบคุณ รัมภาโกรธไม่พอใจแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร

ศามนและรัมภาพาลูกมาเล่นที่สระน้ำ เด็กทั้งสองใส่ชุดว่ายน้ำลงเล่นน้ำโดยมีรัมภาคอยเดินดูแลอยู่ ศามนนั่งรออยู่ห่างออกไป ไลล่าสนุกสนานมาก
“เย้...ไปเลย...ไป”
รัมภาเดินไปมายิ้มดูลูก ผ่านกลุ่มผู้ชายที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่กระซิบกันอยู่พยักเพยิดไป
“เฮ้ยๆ ดูของดี ดูของดี”
รัมภามองตามไปอยากรู้ว่า พวกหนุ่มๆมองอะไรกัน เดือนแรมในชุดว่ายน้ำ เดินลงมาหุ่นดีมาก ดีดี้ที่เพิ่งเดินมาอยู่ไม่ห่างจากรัมภาพูดขึ้นทำให้รัมภาได้ยินไปด้วย
“อุ๊ย...หนีไปซื้อชุดว่ายน้ำมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แผนสูงนะยะหล่อน ว้าย...คุณรัมภา”
ดีดี้เพิ่งหันมาเห็นสะดุ้ง รีบเดินหนี รัมภานึกอะไรได้รีบหันไปมองหาศามน อยากรู้ว่าสนใจไหม ศามนยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้ห่างไป หนังสือบังหน้าครึ่งๆ และใส่แว่นตากันแดดด้วย ดูไกลๆเหมือนสนใจอ่านแต่หนังสือไม่สนใจมองเดือนแรม
เดือนแรมลงไปเล่นน้ำกับเด็กๆ อวดเรือนร่างเซ็กซี่ ผู้ชายแถวนั้นมองตามกันเกรียว รัมภาชักกังวลเล็กน้อย

ค่ำนั้นศามนนอนครุ่นคิดคนเดียวในห้องนอน เขานึกถึงตอนอยู่ที่สระว่ายน้ำ ตอนนั้นเขาแอบเนียนเอาหนังสือและแว่นบังสายตาที่มองเดือนแรม ขณะใส่ชุดว่ายน้ำอย่างสนใจมาก ศามนพยายามสลัดความคิดนั้นออกไปไม่อยากคิดถึงมันอีก
รัมภาหนีมานอนกับลูกๆ เพราะไม่ชอบนอนห้องตัวเอง เธอกังวลครุ่นคิด เรื่องเดือนแรมจนนอนไม่หลับ ในขณะที่ลูกทั้งสองหลับไปแล้ว

วันใหม่...เดือนแรมกับดีดี้เพิ่งมาถึง เอาถุงใส่อาหารมาวาง บุญสืบเดินนำมา เดือนแรมเห็นรัมภาเดินลงมาพร้อมกระเป๋าจะออกไปข้างนอก เธอรีบยิ้มแย้มทักทาย
“สวัสดีค่ะ คุณพี่ วันนี้ตอนกลางวันกินเป็ดย่างกันนะคะ ส่วนตอนเย็นเดือนว่าจะทำสุกี้”
“เอ้อ...พี่ลืมโทรบอก วันนี้ พี่จะออกไปข้างนอกค่ะ”
“ไปที่ทำงานคุณพี่ศามนหรือเปล่าคะ เดือนขอไปด้วยคนสิคะ อยากเห็นที่
ทำงานคุณพี่ศามนพอดี”
“เอ้อไม่ใช่ค่ะ วันนี้คุณมนไปดูงานที่โรงงานต่างจังหวัด ไม่เข้าออฟฟิศ
พี่จะไปหาเพื่อนค่ะ”
“เพื่อน...เพื่อนที่ไหนคะ ไหนว่าไม่มีเพื่อนที่เมืองไทยไงคะ”
“เอ้อ ก็พอมีอยู่บ้างค่ะ”
บุญสืบรีบพูดขึ้นท่าทางดีใจมากราวกับเป็นคนออกไปเอง
“อุ๊ย ดีแล้วฮะ อยู่บ้านมันจำเจ...ออกไปข้างนอกดีแล้ว สวัสดีค่ะคุณนาย ลาก่อนนะอีทองดี ขอบใจมากสำหรับเป็ดย่าง บ๊ายบาย”
บุญสืบแย่งถุงเป็ดย่างมาจากดีดี้แล้วรีบโบกมือลาเดือนแรม เชิงไล่ให้ไปไกลๆ
“ไปก่อนนะคะ”
รัมภาเดินออกไป เดือนแรมเซ็ง ดีดี้ไม่ยอมแพ้เดินไปแย่งถุงเป็ดย่างคืนจากบุญสืบ ยื้อแย่งกันอยู่ตรงนั้น
“เอามานี่ ไม่ได้ยกให้แกซักหน่อย”
ทั้งสองแย่งกันไปแย่งกันมา

รัมภาออกมาทานอาหารเที่ยงกับวรรณศิกา และพัชนี
“ร้านอาหารแถวที่ทำงานเรา มีอร่อยหลายร้าน คุณภามาทานกับเราทุกวันก็ได้นะคะ ปกติก็ทานกันสองคน น่าเบื่อออกค่ะ” วรรณศิกาชวน
รัมภายิ้มแย้ม
“ขอบคุณมากค่ะ พอดีช่วงนี้ เด็กๆไปโรงเรียนแล้วที่บ้านก็เอ้อ...”
รัมภากลุ้มเรื่องเดือนแรมอยากระบายแต่ไม่รู้จะพูดยังไง พัชนีเปิดปากพูดเรื่องที่ตนห่วงอยู่คือวิญญาณร้ายในเรือนหลังเล็ก
“ย้ายเข้าไปอยู่เรือนหลังเล็กแล้ว เป็นยังไงบ้างคะ พัชอยากถามมานานแต่ไม่กล้าถาม”
รัมภาชะงักไปนิด
“ก็ดีค่ะ แต่ให้พูดตามตรง เอ้อ...อย่าไปบอกคุณมนนะคะ ภาชอบเรือน
หลังใหญ่มากกว่า”
พัชนีแปลกใจ
“ทำไมคะ”
วรรณศิกาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“นั่นสิ เรือนหลังใหญ่ มีโลงศพอันตั้งเบ้อเร่อบะร่าอยู่กลางบ้าน น่ากลัวออกค่ะ”
“ภาคิดตรงกันข้าม คุณยายทวดไม่ยอมให้เผาท่าน เจตนาคือต้องการอยู่
คุ้มครองปกป้องลูกหลาน ทีนี้พอออกมาอยู่ห่างจากท่าน ก็เลยรู้สึกเหมือน...”
พัชนีพูดต่อทันที
“ไม่ปลอดภัย !”
รัมภาพยักหน้า พัชนีกลายเป็นคนเดียวที่เข้าใจรัมภามากที่สุด วรรณศิกางงๆ
“เอ๊า...กลายเป็นงั้นไป”
“ว่าจะถามคุณพัช...กับคนที่ตายไปแล้ว อย่างเช่นคุณยายทวด เราสามารถส่งความระลึกถึงท่านได้ยังไงคะ”
พัชนียิ้มบางๆ มีคำตอบให้อยู่แล้ว

ดีดี้ถือถุงเป็ดย่างเดินนำบุญสืบกับคำ เข้ามาเตรียมอาหารใส่จานจะออกไปเสิร์ฟเดือนแรม
“คุณภาไปหาเพื่อนเดี๋ยวก็กลับ ฉันกับคุณผู้หญิงจะทานข้าวที่นี่รอคุณภา เป็ดทั้งตัวอุตส่าห์ซื้อมา เรื่องอะไรจะทิ้งให้คนอื่นกิน เอ๊า...ข้าวแกหุงแล้วนี่ คุณภาไม่อยู่ ฉันกับคุณผู้หญิงฉันกินแทนก็แล้วกันนะ”
ดีดี้เปิดหม้อหุงข้าวดู ไม่แคร์ เตรียมตักทันที บุญสืบกระซิบกับแม่
“โฮ้ย...ทนไม่ไหวแล้วนะแม่ บ้านช่องมันมี ทำไมมันไม่รู้จักกลับ เที่ยวมาเป็นส่วนเกิน เป็นกาฝากในบ้านคนอื่นเขาทุกวี่ทุกวัน จนเจ้าของบ้าน เขาต้องหนีออกไปอยู่ข้างนอก มันรู้ตัวไหมเนี่ย”
คำติดใจสงสัย
“นังคุณนายเดือนแรม ปกติมันหยิ่งจะตาย มันมาเข้านอกออกในบ้านนี้ จะเอาอะไรของมันวะ ข้าล่ะไม่เข้าใจ”
หล้าเดินมา เพิ่งทำสวนเสร็จ อธิบายให้ฟัง
“โธ่เอ๊ย...เรื่องง่ายๆแค่นี้คิดไม่ออกหรือ มันก็เห็นชัดๆอยู่แล้วว่า..”
“ว่าอะไรน่ะพ่อ”
“ว่า...”
หล้านิ่งไปอีกหนนึกคำพูดไม่ออก คำรอฟังอย่างหงุดหงิด
“ก็พูดมาสิวะ”
หล้ายิ้มแหยๆ
“ลืมแล้ว”
“ถุย”
คำถุยใส่หน้าเต็มๆ หล้าปาดน้ำลายที่หน้าออก
“หืม...ตาเกือบบอด”
สามพ่อแม่ลูก ยังไม่ชัดแจ้งในจุดประสงค์ของเดือนแรม ได้แต่จับกลุ่มนินทากัน

เดือนแรมเข้ามาในห้องนั่งเล่นของเรือนหลังเล็ก เธอมองไปซ้ายขวาไม่มีคนกำลังเซ็งๆเบื่อๆไม่มีใครคุยด้วยเธอเลยลงนั่งแหกขา ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาบนเก้าอี้ ท่าทางชาวบ้านออกทันที เดือนแรมดูเล็บเท้าตนเอง เช็ดๆเขี่ยๆเล็บเท้าแล้วก็เบื่ออีก ส่งเสียงดัง โวยวายกะให้เข้าไปถึงในครัว ไม่มีความเป็นไฮโซเหลืออยู่
“อีทองดี กูหิวแล้วนะโว้ย อย่าให้กูต้องเข้าตามเองนะ โดนหลังแหวนแน่”
ขณะเดียวกันนั้นโทรศัพท์บ้านดังขึ้นข้างตัว เดือนแรมแอ็คเป็นไฮโซ กลับมานั่งเรียบร้อย ยกหูโทรศัพท์มาคุยส่งเสียงเรียบร้อย
“ฮัลโหล”
ศามนกำลังขับรถ ใช้สมอลท็อค ทำให้ได้ยินเสียงปลายสายไม่ถนัดเลยพูดออกไป ไม่ได้คิดเอะใจ
“ภาหรือจ๊ะ นัดไปดูโรงงานที่อยุธยายกเลิก ผมกำลังขับรถกลับบ้านนะ อีกสิบนาทีถึงจ้ะ”
ศามนวางสายทันที !เดือนแรมวางสาย ยิ้มร้ายพอใจมาก
“คุณมนกำลังจะกลับบ้านตอนนี้ ตอนที่คุณพี่รัมภาไม่อยู่”
แพงพุ่งเข้ามา บอกเดือนแรม เป็นเสมือนจิตใต้สำนึกของเดือนแรม
“ไม่มีเวลาไหนเหมาะเหมือนเวลานี้ เอาคุณศามนของแกทำผัวซะแย่งคุณศามนมาจากคุณรัมภาให้ได้ ได้ยินไหมนังเดือนแรม ฉันจะช่วยแกเอง ฮะฮะฮ่า ฮะฮะฮ่า”

ผีอีแพงหัวเราะออกมาอย่างสาแก่ใจ
ผีคุณหญิงอบเชย ยืนคร่ำครวญอยู่ที่เฉลียงมองมาทางเรือนเล็ก ตะโกนลั่น

“ไม่...อย่ายุ่งกับหลานข้า อีผีบ้าแพง อย่ายุ่งกับหลานข้า เอ็งเคยทำลายชีวิตลูกหลานข้ามาแล้ว เอ็งจะมาทำอีกไม่ได้ ทำไม่ได้”
คุณหญิงนึกเป็นห่วงรัมภาจับใจ ช่วงเวลาเดียวกันนั้น รัมภา วรรณศิกา และพัชนีทานอาหารเสร็จแล้ว อนุกูลที่บังเอิญมาร้านเดียวกันเดินมาเจอเข้า เลยทักทายแล้วลงนั่งร่วมโต๊ะ
“มาทานข้าวกันหรือครับ คุณรัมภาก็มาด้วย”
วรรณศิกามองอย่างแปลกใจ
“ประชุมเสร็จแล้วหรือคะ ได้ทานข้าวหรือยัง”
อนุกูลยิ้ม
“เรียบร้อย โต๊ะข้างหลัง เลยไม่เจอกัน ทานกันเสร็จแล้วนี่ ไปไหนต่อครับ”
“ไปวัดค่ะ คุณพัชเขาจะพาไป เดินไปตรงนี้นิดเดียว ไปด้วยกันไหมคะ” รัมภาชวน
อนุกูลมองพัชนีเซ็งๆ
“ยายคนนี้ เขาเล่นของใส่คุณหรือเปล่า ระวังนะครับ เขาใส่พวกยาสั่งลงไปในอาหาร น้ำดื่มหรือเปล่า”
ไม่พูดเปล่าเขาหยิบแก้วน้ำมาดมด้วย พัชนีหน้าเสียใกล้จะร้องไห้
“คุณกินอะไรเข้าไปมั่ง รู้ตัวอยู่ไหม จู่ๆจะไปวัดเนี่ย”
พัชนีชักหมดความอดทน เสียงแข็งตอบไป
“ไปวัด ไม่ใช่ไปฆ่าคนตาย ไม่ดีตรงไหนคะ”
อนุกูลทำท่ากลัวแทบตาย
“ฮูย วันนี้เสียงเข้มโมโห...ก็คุณรัมภาน่ะ เขาดูไม่ใช่ พูดจริงๆนะ คุณน่ะเป็นผู้หญิงที่แต่งตัว ดี บุคลิกดูดีมีระดับที่สุดคนหนึ่งที่ผมรู้จัก”
อนุกูลชื่นชมรัมภาอย่างจริงใจ วรรณศิกาเบ้หน้าหมั่นไส้
“พูดกับทุกคนหรือเปล่า ไอ้ภาษาย้วยๆเลี่ยนๆแบบเนี้ย”
“คุณดูนะคุณวรรณ คุณภาน่ะ ใส่เสื้อผ้าแบรนด์ แต่งหน้ามืออาชีพ กระเป๋าเข้าชุดท่าทางสง่า”
อนุกูลชี้มาทางพัชนี ที่ก้มหน้าแล้วก้มอีก
“แล้วตัดภาพมาทางนี้ แต่งตัวเหมือนไม่เต็มใจออกจากบ้าน ดูเสื้อผ้า เดินผ่านนึกว่าผ้าม่าน หน้าตาก็ไม่แต่งข้าวของเครื่องใช้ เฮ้อ”
พัชนีไม่พอใจ
“เสื้อผ้าแค่เครื่องประดับภายนอก วัดจิตใจคนไม่ได้หรอก ไม่ได้ว่าคุณภานะคะ”
รัมภากับวรรณศิกาขำ
“ฉันรู้ค่ะ”
พัชนีมองหน้าอนุกูลแค้นๆ
“คุณสนใจแต่คนแต่งตัวดีมีระดับ ระวังเถอะจะเจอผู้หญิงพวกนี้หลอกเอาสักวัน”
อนุกูลยักไหล่หยิบแม็กกาซีนแถวนั้นมาเปิดอ่านเล่น
“ม้าสวยจัง”
“ชอบม้าหรือคะ…เคยขี่ไหมคะ” รัมภาถามอย่างแปลกใจ
อนุกูลพูดไปเรื่อยๆไม่คิดมาก
“ไม่เคยครับ แต่ชอบดู ชอบมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงชอบ สงสัยชาติก่อนเป็นคนเลี้ยงม้ามั้งครับ”

ในอดีต...กล้าซึ่งก็คืออนุกูลในปัจจุบัน และผู้ช่วยจูงม้าสองตัวเข้ามาในคอก เป็นม้าที่เพิ่งมาถึง
“เอ้า เข้ามาเลย คุณหลวงตื่นหรือยังก็ไม่รู้ แต่งงานออกมาอยู่บ้านใหม่จะนอนหลับหรือเปล่า”
ผู้ช่วยยิ้มๆ
“โฮ้ย นอนตื่นสายสิไม่ว่า คุณผู้หญิงงามอย่างกับนางฟ้า”
สองหนุ่มหัวเราะกันระหว่างจัดการเรื่องม้าให้เข้าคอก

หลวงภักดีบทมาลย์ซึ่งตื่นสายยืนล้างหน้าอยู่ ขณะเดียวกันนั้นมือที่ถือผ้ายื่นมาให้ หลวงภักดีรับมา โดยไม่มอง
“ขอบใจจ้ะ แม่ชื่น”
หลวงภักดีเช็ดหน้าแล้วยื่นคืนให้ ก่อนจะหันไปมอง เห็นแพงยืนยิ้มปลื้มอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่ชื่นกลิ่นเป็นแพงมาตั้งแต่ต้น หลวงภักดีสะดุ้งตกใจ
“แพง!”
“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ”
แพงเดินนำออกมาจากห้องน้ำ คุณหลวงเดินตามงงๆ ทำไมแพงจึงเข้ามาอยู่ในห้องส่วนตัวเช่นนี้

แพงเตรียมผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ให้ พร้อมกับเอาชุดสูท เนคไท มาแขวนไว้
“จะอาบน้ำเลยไหมเจ้าคะ อีแพงเตรียมชุดให้คุณหลวงแล้วเจ้าค่ะ”
ชื่นกลิ่นและบัวสวรรค์เดินเข้ามา ชื่นกลิ่นยิ้มให้ไม่คิดอะไร
“เอ้าแพงอยู่นี่เอง...ตื่นแล้วหรือคะ เอ จะอาบน้ำไหม ใส่ชุดอะไร เอ๊าแพงเตรียมให้แล้วหรือ คุณหลวงจะใส่ชุดนี้หรือคะ”
แพงรู้ข้อมูลของหลวง เพราะก่อนหน้านี้เคยสะกดรอยตามเสมอๆ
“ทุกวันศุกร์คุณหลวงต้องเข้าวัง ต้องใส่ชุดสูทเจ้าค่ะ...แพงเป็นพี่เลี้ยงคุณชื่น มีหน้าที่แบ่งเบาภาระคุณชื่นในการดูแลคุณหลวงเจ้าค่ะ”
บัวสวรรค์นิ่วหน้า แต่ชื่นกลิ่นเฉยๆ
“งั้นดีแล้ว” ซื่นกลิ่นหันไปบอกคุณหลวง “เดี๋ยวดิฉันจะไปดูในครัวต่อ”
บัวสวรรค์ครุ่นคิดในท่าทีของแพง กับคุณหลวงก่อนจะเดินตามชื่นกลิ่นไป

หลวงภักดี ชื่นกลิ่น บัวสวรรค์ นั่งทานข้าวอยู่ด้วยกัน สายตาของแพงมองแต่หลวงภักดีไม่สนใจคนอื่นเลย หลวงภักดีกินไปสักครู่ก็มองหา แพงรู้ใจรีบจัดมาให้
“พริกน้ำปลา ใช่ไหมเจ้าคะ”
แพงหยิบถ้วยพริกน้ำปลาให้ ชื่นกลิ่นไอเบาๆเพราะสำลัก บัวสวรรค์รีบบอก
“แพงเอาผ้าให้คุณชื่นที”
แพงไม่ได้ยินเสียงบัวสวรรค์ เพราะสนใจอยู่ว่าหลวงภักดีมองหาอะไรอีกแล้ว
“พริกไทยไหมเจ้าคะ พริกไทยอยู่ไหนนะ”
บัวสวรรค์โกรธขยับไปเอาผ้าเช็ดปากมาให้ชื่นกลิ่นเอง
“ถูกปากไหมเจ้าคะ ถ้าไม่ถูกปาก แพงจะปรุงใหม่ให้”
แพงยังคงสนใจปรนนิบัติแต่คุณหลวงจนบัวสวรรค์ต้องติง
“พี่ชื่นเป็นคนปรุงอาหารทั้งหมด ให้พี่ชื่นถามดีกว่าไหม”
แพงจ๋อยไป
“แพงแค่อยากช่วย คุณชื่นเมื่อก่อนทำแค่รับประทานกับคุณหญิง ตอนนี้มี
คุณหลวงขึ้นมาอีกคน เผื่อคุณชื่นจะเหนื่อย”
“ไม่เหนื่อยหรอก ขอบใจจ้ะ”
ชื่นกลิ่นไม่คิดอะไรเหมือนเดิม จนทำให้บัวสวรรค์เซ็งไป

คุณหลวงเดินออกมาจะไปทำงาน ชื่นกลิ่นเดินมาส่ง บัวสวรรค์เดินตามมาด้วย
“ถ้าวันไหนเข้าวัง อาจจะต้องอยู่เย็นหน่อย บางทีเจ้านายท่านประทานเลี้ยงน่ะ”
“แค่วันศุกร์ใช่ไหมคะ ดิฉันจะได้จำไว้”
“จ้ะ...ถ้าวันปกติ สี่ห้าโมงเย็นก็ถึงบ้าน”
“เอ๊ะ กระเป๋าเอกสาร ต้องมีกระเป๋าเอกสารหรือเปล่าคะ”
ชื่นกลิ่นยังงกๆเงิ่นๆกับการดูแลสามี แต่พอหันมาแพงถลาเข้ามาแล้ว พอดีกับที่คุณหลวงนั่งลงที่เก้าอี้ แพงคล่องแคล่วมากมาจากไหนไม่รู้เตรียมทุกอย่างมาพร้อม ใส่ถุงเท้าให้อย่างรวดเร็ว
“ถุงเท้าเจ้าค่ะ...เรียบร้อยเจ้าค่ะ...รองเท้าเจ้าค่ะ...ส่วนนี่ก็กระเป๋าเจ้าค่ะ”
แพงหยิบกระเป๋าข้างตัวให้ ชื่นกลิ่นชื่นชม
“แพงนี่ คล่องแคล่วดีจริง”
บัวสวรรค์นิ่วหน้าไม่สบายใจ

แพงเก็บเสื้อผ้าที่ซักตากแห้งแล้ว โดยเลือกแต่ชุดผู้ชาย ข้ามเสื้อผู้หญิงไป นวลเอาเสื้อผ้าตัวเองมาตากมองอย่างสงสัย
“เอ้านั่น ทำไมเอ็งเก็บแต่เสื้อผ้าผู้ชาย”
“นี่เสื้อคุณหลวง ต่อไปนี้ข้าจะซักจะรีดเอง ส่วนเสื้อผ้าคุณชื่น เอ็งทำให้หน่อยแล้วกัน”
“อ้าวเฮ้ย ไหงงั้นล่ะ ก็เมื่อก่อนมันงานเอ็งทั้งนั้น เอาใหญ่แล้วนะอีแพง”
แพงเดินไปไม่สนใจ

กล้ากำลังให้อาหารม้าที่อยู่ในคอก บัวสวรรค์เดินเข้ามาถาม
“ม้าคุณหลวงงั้นรึ”
กล้าก้มหน้านอบน้อม
“ครับ แต่ก่อนคุณหญิงมีแต่คอก ไม่มีม้า เพราะท่านไม่มีคนเลี้ยง เมื่อเช้าคนที่เรือนคุณหลวงก็เลยเอาม้าของคุณหลวงมาให้”
“พี่ชื่อกล้าใช่ไหม วันนั้นเห็นพี่ใส่ชุดข้าราชการ มียศมีศักดิ์ ไม่ใช่คนเลี้ยงม้านี่ พี่คงชอบม้า ถึงมาเลี้ยงเอง วันนี้ไม่ไปทำงานหรือคะ”
“เรียกไอ้กล้าก็พอขอรับ ผมมีหน้าที่รับใช้คุณหลวงมาตั้งแต่เล็ก ที่ทำงานรับราชการเพราะคุณหลวงทั้งนั้นครับ”
“เห็นคุณหลวงแล้วก็คนบ้านพี่ เขานับถือพี่ดีนี่คะ”
กล้าพยายามเจียมตนต่อไป แต่พอหันมาอีกที บัวสวรรค์ที่ยังมีความเป็นเด็ก สดใส จอมซนก็ปีนขึ้นไปนั่งบนม้าตัวหนึ่งแล้ว
“โอ๊ะ...จะทำอะไรขอรับ”
“อยากขี่เป็นบ้าง พี่กล้าสอนบัวหน่อยสิคะ”
“อ๊ะ...ตัวนี้ไม่ได้”
ม้าร้องฮี้เสียงดังยกเท้า ส่ายหน้า บัวสวรรค์ตกใจมาก ร้องวี้ดแล้วเซลงมาทันที กล้ารีบรับไว้
“โอ๊ะ ระวังขอรับ”
กล้ารับบัวสวรรค์ไว้ได้ ทั้งสองร่วงลงไปนั่งกับพื้นหน้าชิดกัน มองกัน ต้องมนต์กันชั่วขณะ
กล้าได้สติก่อนรีบพยุงบัวสวรรค์ให้ยืนแล้วก้มหน้า กุมมือกันเหมือนเดิม
“ไอ้กล้าขออภัยครับ…ตัวนี้มันไม่ค่อยเชื่อง อย่าไปยุ่งกับมันเลย”
“ขอบคุณค่ะ แหะ...มันแค่ร้องใช่ไหมคะ บัวตกใจไปเอง ตกลงพี่กล้าสอนบัวได้ใช่ไหมคะ”
บัวสวรรค์ยิ้มประจบเหมือนได้พี่ชายมาอีกคนไว้ในบ้าน เธอสนิทสนมรวดเร็วในขณะที่กล้า ไม่ค่อยกล้า แกล้งเดินหนีเอาถังไปรินน้ำเอาน้ำให้ม้ากิน บัวสวรรค์เดินตามมาตอแยพูดคุย
“พี่กล้าคะ บัวมีเรื่องจะถาม คุณหลวงเคยรู้จักแพงมาก่อนหรือเปล่าคะ”
กล้าทำถังน้ำตก ด้วยความตกใจ จนน้ำกระเซ็นเกือบโดนบัวสวรรค์
“อุ๊ย”
“เอ้อ...ขอโทษครับ...ทำไมถามเช่นนี้ล่ะครับ”
“เห็นเขาสนิทสนมกันดีน่ะค่ะ แพงทำท่าพิกลหลายอย่าง เหมือนเคย
รู้จักชิดเชื้อกันมาก่อน ช่างเถอะค่ะ เย็นๆ เอาไว้แดดร่ม เดี๋ยวจะลงมานะคะ”
บัวสวรรค์เดินจากไป ทำให้กล้าชักกังวลเรื่องของแพง

แพงรีดผ้าชุดของคุณหลวง รีดไปก็ชื่นชมไปเอามากอด เอามาดม
“ทำอะไรอยู่” กล้าถามเสียงดุตามนิสัย
“ก็ทำงานอยู่นี่เจ้าคะ พี่กล้าต้องการอะไรรึ มาถึงหลังบ้านนี่”
กล้าจงรักภักดีกับหลวงภักดีเลยรีบมาจัดการก่อน เดินมาจับข้อมือของแพงให้ลุกขึ้น
“คุณหลวงไม่ได้บอกใครเรื่องของเอ็ง เอ็งอย่าทำประเจิดประเจ้อนัก ไม่งั้นข้าเอาเรื่องเอ็งแน่”
“พี่หมายถึงอะไร”
“ตอนนี้ คุณหลวงแต่งงานแล้ว หน้าที่ดูแลท่านเป็นของเมีย คือคุณชื่นกลิ่น ไม่ใช่บ่าวไม่รู้จักเจียมตัวอย่างเอ็ง”
“บ่าวไม่เจียม พี่หาว่าฉันเป็นบ่าวไม่เจียมงั้นรึ”
“ยังไงเอ็งก็ไม่มีวันเทียบคุณชื่นได้ดอก”
“ทำไมจะเทียบไม่ได้ ในเมื่อฉันก็เป็นลูกของท่านเจ้าคุณคนหนึ่งเหมือนกัน ฉันเป็นลูกคนแรกที่เกิดจากเมียบ่าวของท่านเจ้าคุณ”
กล้าตกใจ
“อะไรนะ!”
“ตกใจล่ะสิ ชีวิตอีแพงถูกอีนังคุณหญิงเอาเปรียบ มันกลัวฉันไปแย่งสมบัติมันไล่แม่ของฉันออกไปจากบ้าน ฉันกับแม่เกือบตายด้วยโรค เกือบอดข้าวตาย พี่กล้า อีแพงนี่ต่างหากที่น่าสงสาร”
“เรื่องของเอ็งทำให้ข้าตกใจ”
วูบหนึ่งนั้น กล้าสงสารแพงอย่างจริงใจ
“พี่เห็นใจฉันเถอะนะ ฉันคือคนไร้วาสนา คือหมาจนตรอกที่จงรักภักดีต่อเจ้าของจนสุดหัวใจ ฉันจงรักภักดีต่อคุณหลวง เพราะท่านเป็นคนเดียวที่ชายตามามองคนอาภัพอย่างฉัน”
แพงน้ำตารินด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่เก็บกดมาตั้งแต่เกิด
“คนอย่างคุณชื่นกลิ่น มีผู้ชายนับร้อยให้เลือก แต่ชีวิตต้อยต่ำ โดดเดี่ยวอย่างอีแพงทั้งชีวิตคงมีคุณหลวงคนเดียว จะผิดตรงไหน ที่ลมหายใจของอีแพงจะมีไว้เพื่อคุณหลวงเท่านั้น”
กล้ามองแพงเห็นน้ำตาของเธอก็สงสารเข้าใจความรู้สึกของเธอ กล้ายืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ลังเลว่าควรเห็นใจแพงหรือไม่ แล้วในที่สุดกล้าก็พูดออกมา
“ลมหายใจที่มีไว้เพื่อคุณหลวงไม่ผิด แต่ลมหายใจที่มีไว้เพื่อแย่งชิง มีไว้เพื่อพรากผัวพรากเมียคนอื่น นี่ต่างหากที่ผิด”
แพงตกใจคาดไม่ถึง
“พี่กล้า!”
“คนอาภัพนั้นน่าสงสาร แต่คนอาภัพไม่มีสิทธิ์อ้างความอาภัพเพื่อกระทำความชั่ว”
แพงอึ้งงัน
“นี่พี่...”
“หยุดการกระทำของเอ็งซะ ตัดกรรมชั่วเสียตั้งแต่ต้น ก่อนที่ชีวิตเอ็งจะตกนรกเพราะกรรมชั่วนั้น”
แพงยืนประจันหน้า กล้ามีทีท่าเอาจริง ในขณะที่แพงอ่อนใจไม่สามารถเรียกร้องความเห็นใจจากกล้าได้

แพงหวนคิดถึงอดีต น้ำตายังไหลเมื่อมองไป เห็นศามนมาจอดรถตรงหน้าบ้านแล้วเดินผ่านร่างของตนไป
“นรกที่มีชายคนนี้ ต่อให้ตกลงไปชั่วกัปชั่วกัลป์ อีแพงก็ยอม”
แพงมองตามเขาด้วยความรักเหมือนเคย...ศามนเดินเข้าไปในห้องนอน ได้ยินเสียงคนอาบน้ำอยู่ มั่นใจว่า เป็นรัมภาเลยคุยไปด้วยขณะปลดไทค์ พักเหนื่อย โดยไม่ตั้งใจมองอย่างจริงจัง
“ซัปพลายเออร์ที่อยุธยาทำงานไม่เสร็จ ไปก็ไม่มีงานให้ตรวจ เฮ้อ...พวก
นัดแล้วเบี้ยวพวกนี้ ไม่คิดถึงคนอื่นเล้ย”
ศามนมองไปที่ประตูห้องน้ำ ไม่ได้งับจนมิด ยังมีช่องอยู่ เสียงน้ำซู่ซ่าออกมา ศามนยิ้มกรุ้มกริ่มพึมพำเบาๆ
“อาบน้ำไม่ปิดประตูด้วยแฮะวันนี้”
ศามนกะจะเซอร์ไพร้ส เดินย่องเข้าไปมุดผ้าใบลงไปยืนในอ่างอาบน้ำที่เดือนแรมยืนเปลือยอยู่ใต้ฝักบัวแล้ว กอดเดือนแรมกระซิบรวดเร็ว ศามน หลับตาเคลิ้ม มือและปากเริ่มลูบไล้จนไม่ทันมองเต็มไปด้วยความเสน่หา
“อาบด้วยคนสิครับภา”
“อุ๊ย พี่ศามน”
ศามนตกใจ เมื่อเห็นหน้าของเดือนแรมที่ทำท่าเขินอาย เขารีบกระโดดออกมายืนนอกอ่างน้ำแทบไม่ทัน ตัวเปียกปอน ตกใจ หน้าซีด
“เฮ้ย !...ขอโทษครับ ขอโทษ!”
ศามนละล่ำละลัก รีบออกไปทันที เดือนแรมยิ้มขำ สมใจที่วางแผนไว้ หมายมาดว่าจะแย่งผัวเขาสำเร็จ

รัมภา อนุกูล พัชนี วรรณศิกา ยังนั่งพูดคุยกันอยู่ที่ร้านอาหาร
“การทำบุญให้คนตาย มันจะไปถึงเขาได้จริงหรือคะ” รัมภาถามอย่างไม่มั่นใจ
“จะทำให้ใครคะ” วรรศิกาถามอย่างสงสัย
รัมภานิ่งไปนิดก่อนจะตอบออกมา
“คุณยายทวดค่ะ”
อนุกูลแปลกใจ
“คุณเพิ่งทำบุญสวดศพ ก็ทำบุญให้แล้วไม่ใช่หรือครับ”
“ตอนนั้นเอ่อ พูดจริงๆก็คือ ฉันยังไม่ได้รู้สึกผูกพันกับท่าน ตอนที่ทำ ก็แค่
ทำไปตามหน้าที่ เขาบอกให้ทำอะไรก็ทำๆไป ไม่รู้ความหมายของมันสักอย่างแต่วันนี้ ฉันอยากทำให้ท่านอย่างจริงจังค่ะ”
พัชนีนิ่งฟัง แล้วมีคำตอบให้รัมภาว่า...
“ทำทานให้ได้บุญ ต้องถึงพร้อม 3 ประการ ผู้ให้มีจิตบริสุทธิ์ ทั้งก่อนให้ระหว่างให้และให้ไปแล้ว วัตถุทานที่ให้ต้องบริสุทธิ์ไม่เบียดเบียนใครเขามา และผู้รับต้องเป็นเนื้อนาบุญที่ประเสริฐ เป็นผู้ทรงศีล เป็นคนดี บุญของเราก็จะงอกเงยจากคนดีเหล่านั้น บุญก็ยิ่งมาก”

บุญสืบและหล้าเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดเข้ามาในห้องของเรือนใหญ่ บุญสืบร้องเพลงอารมณ์ดี กระตุ้งกระติ้ง
“ตั้งแต่เป็นสาวเต็มกาย หาผู้ชายถูกใจไม่มี...”
หล้าหันมาดุเกรงใจศพคุณหญิงอบเชย
“เฮ้ย อยู่ต่อหน้าท่าน ให้เกียรติท่านบ้างโว้ย...เมื่อกี๊ เอ็งร้องเพลงอะไรนะ”
บุญสืบแอ๊คแมน เสียงผู้ชายเข้มๆ
“เกิดเป็นผู้ชายต้องมีใจอดทน...”
“งั้นก็แล้วไป”
ทั้งสองเริ่มทำความสะอาด บุญสืบมองโลงศพ
“พ่อนี่ ฉันพยายามลืมๆด้วยการร้องเพลง ชอบมาชวนพูดให้คิดอยู่เรื่อยรีบๆทำให้เสร็จเถอะ”
ไม่ห่างกันนัก คุณหญิงอบเชยนั่งเศร้า โกรธแค้นเจ็บปวด
“อีแพง...ข้าสัญญากับลูกแล้ว...”
คุณหญิงนึกถึงคำสัญญาข้ามภพข้ามชาติของเธอที่มีกับชื่นกลิ่น
“รักของแม่ไม่เพียงปลอบประโลมใจ รักของแม่จะเป็นฉัตรแก้วกั้นภัยให้ลูก รักของแม่จะติดตามปกป้องลูกทุกชาติภพ...ข้าจะปกป้องดูแลลูกหลานข้า ฮือ...พลังความแค้น มีกำลังแห่งการทำลายล้างมากกว่าพลังความรัก ...ถ้าเพียงแต่แม่ จะมีกำลังมากกว่านี้...เฮ้อ”

รัมภา อนุกูล พัชนี วรรณศิกา ถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์ ตามพิธีกรรมเสร็จ ก็พากันเดินมาใต้ต้นไม้ใหญ่ รัมภาถือถ้วยกรวดน้ำติดมาจะเอามาเททิ้งก่อนจะหันไปถามพัชนี
“แล้วการอุทิศส่วนกุศลให้คนตายล่ะคะ”
“ขึ้นกับคนตายค่ะ ท่านอยู่ในภพภูมิที่เปิดรับได้ไหม ท่านกำลังรอรับอยู่ไหม”
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไง คนตายจะส่งเอสเอ็มเอสมาบอกหรือว่าเขารออยู่” อนุกูลถามกวนๆ
พัชนีเคือง
“ก็ทำไมต้องรู้ล่ะคะ ถ้าเรามีความสุขที่จะทำ เราก็ได้รับผลแห่งบุญนั้นแล้ว ตั้งคำถามมาก สงสัยมาก ก็ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา ทีไปเที่ยวผู้หญิง กินเหล้าเห็นทำกันให้เยอะไป ไม่เห็นสงสัยกันสักนิด ว่ามันมีความสุขจริงหรือเปล่า”
อนุกูลจ๋อยไป วรรณศิกาขำ เอ็นดูพัชนีหันไปกระซิบกับอนุกูล
“แหม...แหม วันนี้มันสู้ ต่อปากต่อคำน่าดู ถือว่ามีคุณรัมภาเป็นพวก”
รัมภายิ้มพอใจในคำตอบเดินไปรินน้ำที่โคนต้นไม้
“ถ้าอย่างนั้น พี่จะตั้งจิตอธิษฐาน...คุณยายทวดเจ้าขา วันนี้รัมภามาทำบุญให้ท่าน ขอให้ท่านจงรับ เพื่อให้เกิดเป็นความสุข เกิดเป็นกำลัง เกิดเป็นประโยชน์แก่ท่านนะคะ”

หล้าและบุญสืบยังทำความสะอาดอยู่ ด้านหลังคุณหญิงอบเชยยืนอยู่ริมหน้าต่าง สายลมแห่งบุญกุศล พัดเข้าหน้า มีดอกไม้ระรวยมาเล็กน้อย ร่างของคุณหญิงเกิดแสงกล้ามากขึ้น ชัดเจนขึ้น เธอหลับตาสูดเอาสายลมนั้นเข้าเต็มปอดแล้วมองดูตัวเอง ยิ้มดีใจ รู้แล้วว่ามีผู้ส่งบุญมาให้ รู้สึกว่ามีกำลังมากขึ้น

“ชื่นกลิ่น ลูกแม่ แม่จะปกป้องลูก แม่จะปกป้องลูกเอง”
เดือนแรมแต่งตัวเรียบร้อยหัวยังเปียกอยู่มีผ้าในมือไว้เช็ด ศามนนั่งกระอักกระอ่วนเหงื่อแตก

“วันนี้อากาศมันร้อน พี่ภาก็ไม่อยู่ เดือนเลยอาบน้ำที่นี่ เอ่อ...ห้องน้ำข้าง
นอกมันไม่สบายเหมือนห้องนี้ เป็นความผิดของเดือนเองค่ะ พี่ศามนคงไม่โกรธใช่ไหมคะ ที่จู่ๆมาใช้ห้องส่วนตัว”
ศามนนั่งก้มหน้า ยังคิดถึงภาพที่เขากอดเดือนแรมที่ร่างเปลือยเปล่าเมื่อครู่ และยังนึกไปถึงตอนที่สระน้ำ ที่เธอใส่ชุดว่ายน้ำ ศามนไม่สามารถหักห้ามจิตใจที่ซุกซนตามประสาผู้ชายได้ เดือนแรมเห็นเขางียบไป เลยจับมือที่ข้อมือของเขา ศามนสะดุ้ง !
“ถ้าพี่มนโกรธ เดือนสัญญาว่าจะไม่ทำอีก”
เดือนแรมขยับเข้ามานั่งจนใกล้
“ความรู้สึกของพี่มนสำคัญมากนะคะ สำคัญสำหรับเดือนมาก พี่รู้สึกอย่างไร บอกมาได้เลยค่ะ”
ประตูห้องถูกปิดลงเบาๆด้วยฝีมือของแพง เดือนแรมกับศามนไม่เห็น ไม่ได้ยินเพราะมัวแต่เคลิ้มมองหน้ากันนิ่งอยู่
“ว่าไงคะพี่ศามน พี่คิดกับเดือนยังไง”
รสสัมผัสที่กอดเดือนแรมในอ่างอาบน้ำ ภาพทรวดทรงองค์เอวของเธอที่สระน้ำ แว่บเข้ามาในความรู้สึกของศามน
“ผม เอ้อ”
ศามนมองที่หน้าเดือนแรมแล้วเคลิ้มลงคล้ายจะจูบ ทันใดนั้นที่หน้าต่างห้องโถงของเรือนใหญ่ เหมือนมีใครปาก้อนหินออกมา มันแตกเพล้งกระจายออก เสียงเพล้งดังขึ้นจากเรือนใหญ่ จนศามนสะดุ้ง
“เสียงอะไรน่ะ”

ศามนลุกขึ้นไปทันที เดือนแรมขัดใจ เมื่อมีบางอย่างมาขัดจังหวะ จำต้องลุกตาม

ระหว่างนั้น ลุงหล้าตรงรี่ไปดูที่หน้าต่าง
“เฮ้ยใครวะ ใครปากระจกเข้ามาวะ ไอ้พวกเด็กจอมซนแถวนี้หรือเปล่าหา...ไอ้บุญสืบ”
วิญาณคุณหญิงอบเชยยืนมองเรือนหลังเล็กอยู่ที่มุมหนึ่ง เธอเป็นคนทำให้กระจกหน้าต่างแตกเอง
“ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอม ข้าจะปกป้องลูกข้า”
คุณหญิงเพ่งมองไปที่หน้าต่างบานที่สองมันแตกกระจาย เพล้ง เสียงที่ดังสนั่น ทำให้บุญสืบร้องวี้ด หล้าหลบวืด
“อ๊าย...ไม่ใช่คนปาเข้ามา ไม่ใช่เด็กที่ไหน ไม่ได้ปามาจากข้างนอก แต่มันปาออกไปจากข้างใน”
บุญสืบแข้งขาสั่นหันไปมองโลงศพคุณหญิง หล้าหน้าตื่น
“ไฮ้...ข้างในก็มีแต่เอ็งกับข้า”
“ก็มันมีแค่สองคนที่ไหนเล่า ฮือ...ไม่เอาแล้ว...ฮือ”
บุญสืบโยนไม้กวาดใส่ถังผงกระเด็นแล้ววิ่งหายไป หล้าตกใจ
“เฮ้ย แล้วข้าจะอยู่ทำไม ไปด้วยสิ ไอ้บุญสืบลูกรัก รอพ่อด้วย”
คุณหญิงมองดูศามนกับเดือนแรมทางหน้าต่าง อย่างแค้นๆ

ศามนชะงักการวิ่ง เพราะเสียงแตกครั้งที่สอง หยุดมองเห็น
“กระจกเรือนใหญ่แตก”
เดือนแรมวิ่งตามมา
“เดี๋ยวสิคะ....คุณเดี๋ยวสิ”
คุณหญิงอบเชยมองเดือนแรมอย่างเกลียดชัง
“นังหญิงชั่ว...นังแพศยา”
คุณหญิงอบเชยมองกระจกบานที่สาม แตกเพล้งเสียงดังสนั่นอีกรอบ เศษกระจกเล็กๆชิ้นหนึ่ง วิ่งมาที่หน้าเดือนแรมเฉี่ยวหน้าเป็นรอยเลือดออก ขนาดเล็กแต่ดูน่ากลัว
“โอ๊ย” เดือนแรมจับที่หน้า เลือดติดนิ้วมา “กระจก กระจกบาดเดือน”
“เข้าไปในบ้านก่อนครับ...เข้ามาก่อน” ศามนรีบบอก
ศามนกับเดือนแรมเดินเข้ามาดู สำรวจเรือนใหญ่
“ไม่เห็นมีใคร ทั้งข้างใน ข้างนอก จู่ๆกระจกแตกได้ยังไง”
ขณะเดียวกัน วิญญาณแพงพุ่งเข้ามาในห้องกราดเกรี้ยว
“อีคุณหญิงอบเชย วันนี้มึงกล้านักนะ ไม่เข็ดใช่ไหม จะลองดีกับกูใช่ไหม”
แพงเริ่มบริกรรมคาถา เสียงสวดภาษาเขมรดังขึ้น คราวนี้คุณหญิงไม่เป็นอะไร
“เอ็งดูดีๆ ที่นี่เรือนใหญ่ ไม่ใช่เรือนเล็กของเอ็ง ที่นี่คืออาณาเขตของข้า ลูกหลานข้ากำลังอุทิศบุญให้ข้า วันนี้...วันของกู ถึงทีกูบ้าง”
คุณหญิงอบเชยใช้ดวงตาเพ่งมองไป ไฟลุกขึ้นที่แพง เธอร้องวี้ดด้วยความร้อน เดือนแรมสะดุ้ง ได้ยินเสียงร้องที่หูแว่วๆมองหา
“เสียงร้อง...มาจากไหน”
“เสียงร้องอะไร ผมไม่ได้ยิน” ศามนถามอย่างแปลกใจ
ร่างแพงเจ็บปวดจนหายไป เป็นคราวของคุณหญิงอบเชยหัวเราะบ้าง
“ฮะฮะฮ่า ฮะฮะฮ่า”

รัมภา อนุกูล พัชนี และวรรณศิกา ยืนให้อาหารปลาอยู่เป็นภารกิจสุดท้ายของวัน รัมภารู้สึกสดซื่นมีความสุข
“วันนี้ ฉันมีความสุขมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะคุณวรรณ คุณพัช”
อนุกูลถอนใจเบาๆ
“โดนคุณชี ร่ายมนต์สำเร็จไปอีกราย เฮ้อ...หมดเพื่อนเที่ยวกันพอดีขืนไปแต่วัด ไปแต่วัด ฮอร์โมนสื่อม เป็นหมันแน่เรา ฮือ”
สามสาวหัวเราะอนุกูลที่ทำท่าเซ็งจัด

คุณหญิงอบเชย เดินมาที่เฉลียงมองไปที่เรือนเล็กมีกำลังใจขึ้นเพราะครั้งนี้ตนชนะ
“แม่จะปกป้องดูแลลูกของแม่ แม่จะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน จะดูแลลูกตามคำสัญญาเหมือนเมื่อก่อนนะชื่นกลิ่น”
คุณหญิงอบเชยนึกถึงอดีต...พึ่งทำครัวอยู่ นวลถือตะกร้าผ้าเอาเข้ามาวาง
“เสื้อผ้าพวกเนี้ย น้ารีดเองแล้วกันนะ”
“เฮ้ย...ไม่ใช่งานข้า ข้าทำครัว วันๆเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว” พึ่งปฏิเสธทันที
“ไม่ใช่งานฉันเหมือนกัน ฉันทำความสะอาดทั้งตึก ไม่มีใครช่วย เหนื่อยแทบตาย อีแพงยังมายัดเยียดงานของคุณชื่นให้ฉันอีก”
“อ้าว ก็หน้าที่มัน จะมายัดเยียดให้คนอื่นได้ยังไง”
“มันว่ามันจะดูแลคุณหลวง พอมีนายผู้ชายเข้าหน่อย มันก็มาทิ้งงานคุณชื่นให้คนอื่น น้าพึ่งเป็นแม่มัน น้าพึ่งเอาไปทำเองแล้วกัน”
นวลสะบัดจะเดินจากไป คุณหญิงอบเชยเดินมาเจอเข้า นวลสะดุ้งเฮือก
“คุณหญิง…”
“เรื่องเป็นยังไง บอกมาให้หมด”
เพ็ญที่มากับคุณหญิง ทำหน้าดุใส่นวล
“อีนวล เล่ามานะ อีแพงมันกำเริบไม่ยอมทำงานให้คุณชื่นจริงรึ”
พึ่งที่ฟังอยู่หน้าเสีย

คุณหญิงอบเชยรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว กำลังเดินจ้ำอ้าว มือกำแน่นจะไปตามหาเอาเรื่องแพง แต่ชื่นกลิ่นเดินมาเจอเข้าก่อนโผเข้ากอดแม่ตามประสาลูกขี้อ้อน ติดแม่
“คุณแม่กลับมาแล้วหรือคะ ไปช่วยงานในวังตั้งหลายคืน ลูกคิดถึ้งคิดถึง”
คุณหญิงเห็นชื่นกลิ่นคราใด จิตใจอ่อนโยนลงทุกที
“แม่ก็คิดถึงลูกจ้ะ”
“นี่คุณแม่จะไปไหนเจ้าคะ”
“ไปหาอีแพง” คุณหญิงบอกเสียงแข็ง
“มีอะไรคะ เกิดอะไรขึ้น คุณแม่โกรธแพงเรื่องอะไรคะ ถ้าแพงทำอะไรให้คุณแม่ไม่พอใจ ลูกจะบอกแพงให้”
คุณหญิงจับแก้มลูกรัก เสียงเข้ม
“ลูกรักของแม่ จิตใจของลูกมีแต่ความบริสุทธิ์งดงามมาตั้งแต่เกิด หัวใจของชื่นกลิ่นลูกแม่ แทบจะไม่รู้จักคำว่าโกรธเกลียดใครทั้งสิ้น ขอให้ลูกจงรักษาความบริสุทธิ์นั้นไว้เถิด เรื่องเลวทรามต่ำช้า ผิดบาปทั้งปวง แม่จะเป็นคนรับไว้เอง”
ชื่นกลิ่นตกใจในท่าทางดุดันของแม่
“คุณแม่”
“จะไปร้อยดอกไม้ถวายพระใช่ไหม ไปทำให้สนุกเถิด ไม่ต้องตามแม่มา”
คุณหญิงพูดเสร็จเดินหน้าเข้มจากไป

แพงกำลังนั่งพักกินข้าวอยู่ เพ็ญมาถึง ยกเท้าถีบจานข้าวกระเด็นไปจากมือของแพงเปรี้ยง
“ถ้ามึงไม่ทำงานให้คุณหญิง มึงก็ไม่ต้องกินของของท่าน”
“น้าเพ็ญ ใช้เท้าเลยหรือ มันจะมากไปแล้วนะ”
คุณหญิงอบเชยที่เดินตามมายิ้มเหี้ยม ท่าทีนิ่งๆเต็มไปด้วยอำนาจ
“ถ้าเอ็งคิดว่าอีเพ็ญมันทำเกินไป รอดูคุณหญิงอบเชยก่อน...ไอ้ชด”
ชดที่ทำงานอยู่ข้างหลัง วิ่งเข้ามา
“มาจับมันไว้”
ชดจับแพงลงนั่ง เพ็ญหยิบไม้เรียวขนาดใหญ่มา คุณหญิงสั่งเสียงเหี้ยม
“เฆี่ยนมัน”
เพ็ญซัดไม้เรียวตีที่หลังเปรี้ยง แพงสะดุ้งร้องโหยหวน
“โอ๊ย”
“เฆี่ยนมันอีก”
เพ็ญซัดไม่ยั้งอีกสามครั้งซ้อน แพงโวยวาย
“โอ๊ย...ทารุณบ่าวไม่มีเหตุผลเช่นนี้ อีแพงจะไปฟ้องหลวงเอาเรื่องคุณหญิง”
คุณหญิงชี้หน้า
“ทำไมจะไม่มีเหตุผล เอ็งเลือกปฏิบัติ ทำงานให้คุณหลวง ไม่ยอมทำงานให้คุณชื่น อย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้ ว่าเอ็งต้องการอะไร เอ็งจงใจให้ท่าคุณหลวงใช่หรือไม่”
“คุณหลวงกับอิฉันรู้จักกันมาก่อนคุณชื่นเสียอีก”
คุณหญิงตกใจ
“อะไรนะ”
“คุณหลวงช่วยชีวิตอิฉันขึ้นมาจากน้ำตอนสะพานหัก คุณหลวงท่านเป็นผู้มีพระคุณของแพง อีแพงผิดตรงไหนที่ตั้งใจจะทดแทนพระคุณคุณหลวง”
พึ่งวิ่งมาอีกคน มากางกั้นแพง พึ่งร้องไห้ ยกมือไหว้ขอร้อง
“คุณหญิงเจ้าขา อย่าทำอีแพงเลยนะเจ้าคะ มันไม่กล้าอีกแล้ว ประเดี๋ยวมันจะไปทำงานของคุณชื่นเดียวนี้แหล่ะเจ้าค่ะ ไปเร็วอีแพง”
พึ่งจะลากแพงไป คุณหญิงห้ามไว้
“ยังไปไม่ได้ ข้ายังสอบสวนไม่เสร็จ เอ็งจะบอกว่า เอ็งแค่ทดแทนบุญคุณคุณหลวง ไม่คิดจะเอาท่านทำผัว เอ็งคิดแค่นั้นรึ”
แพงเงียบไป คุณหญิงยิ้มเพราะนึกอยู่แล้ว
“ข้าอายุถึงป่านนี้ ครึ่งค่อนชีวิตเข้าไปแล้ว บ่าวทะเยอทะยาน คิดอยากเอาเจ้านายทำผัว ไม่ใช่ไม่เคยจัดการ เอาน้ำเกลือมาให้ข้า”
เพ็ญเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ยื่นให้ทันที พึ่งและแพงเห็นเข้าตกใจกลัว พึ่งรีบยกมือไหว้กราบแล้วกราบอีก
“คุณหญิงเจ้าขา อีพึ่งกราบล่ะ อย่าทำอีแพงเลยนะเจ้าคะ”
คุณหญิงไม่ฟังเอามือไปจิกหัวแพงขึ้นมาด่า
“แต่ไหนแต่ไรเอ็งคิดจะขันแข่งวาสนากับแม่ชื่นกลิ่น เอ็งคงคิดสินะ ว่าเอ็งจะเอาชนะแม่ชื่นด้วยการมีผัวร่วมกับเขา”
เพ็ญยิ่งฟังยิ่งแค้น
“อีแพศยา...ขอตบทีเถิด”
คุณหญิงยกมือขวางไว้ จะจัดการเอง แววตาคุณหญิงเหมือนแม่เสือมีทั้งพละกำลังและอำนาจ
“เอ็งจะได้แค่ฝันกลางวันเท่านั้น แม่ชื่นของข้า ข้าเลี้ยงดูมาอย่างดี เพื่อจะเป็นเมีย เพื่อจะเป็นแม่ เพื่อจะเป็นเกียรติยศเชิดหน้าชูตาของหลวงภักดี เอ็งก็เห็นนี่ หลวงภักดีหลงใหลแม่ชื่นขนาดไหน”
แพงยังเถียงไม่ลดละ
“หลวงภักดีมีเมตตาต่ออีแพงเหมือนกัน”
“เมตตาแบบนั้น ผู้ชายมีแน่ มีเอาไว้ให้นางโสเภณี อีพวกช็อกกาหรี่ไงเล่า ถุย”
คุณหญิงถุยใส่หน้า แพงโกรธมาก
“คุณหญิง!”
“เจ็บปวดรึยัง ฮึ แค่นี้ยังไม่เจ็บปวดดอก...นี่ต่างหากจึงเรียกว่าเจ็บปวด”
คุณหญิงกดหลังแพงลงแล้วราดน้ำเกลือลงบนแผล แพงร้องกรี๊ด
“กินน้ำใต้ศอกน่ะ อย่านึกนะว่าสนุก ยิ่งกินน้ำใต้ศอกผู้หญิงที่มีแม่อย่าง
คุณหญิงอบเชย มึงคิดผิดแล้ว”
คุณหญิงเหยียบลงไปที่หลังของแพงแล้วใช้เท้าบดขยี้ที่แผล
“โอ๊ย”
ความโมโหของคนอย่างคุณหญิงยามรักลูก ทำให้เพ็ญสะใจและทำให้พึ่งกลัวมาก เธอร้องไห้โฮ เข้าไปเกาะขา
“คุณหญิง พอแล้วเจ้าค่ะ พอแล้ว”
“ถ้าอยากให้กูพอ ก็สั่งลูกมึง อย่ามาทำร่านในเรือนกู รู้เอาไว้นะ อีพึ่ง อีแพง ทำกูน่ะไม่เท่าไหร่ ทำลูกกูร้องไห้แม้แต่หยดน้ำตาเดียว พวกมึงตาย”
คุณหญิงเขวี้ยงถ้วยใส่น้ำเกลือลงข้างๆตัวแพง แตกดังเพล้ง แพงกับพึ่งสะดุ้ง

แพงนอนร้องไห้หันหลังให้แม่ทายา พึ่งร้องไห้สงสารลูก กล้าเดินมาที่หน้าประตูที่เปิดไว้
“ฉันเอายามาให้นังแพงมัน ไข้ขึ้นหรือเปล่า”
“มันนอนร้องไห้ไม่กินข้าวกินปลาทั้งวันเลย ไม่รู้จะยอมกินยาไหม”
“ถ้าไข้ขึ้น ก็ต้องกินยานี้ด้วย”
“ขอบคุณจ้ะพ่อกล้า”
กล้าเดินเข้าไปนั่งข้างแพง พึ่งออกเอายาไปต้ม แพงเมินหน้าหนี
“จะมาสมน้ำหน้าข้างั้นรึ”
“อย่าเข้าใจผิด ถ้าคิดจะสมน้ำหน้า ก็คงตั้งวงนินทากับพวกบ่าวข้างล่างสนุกปากไปแล้ว ทุกครั้งที่ข้าห้าม ข้าด่าเอ็ง ล้วนทำเพื่อเตือนสติเพื่อนมนุษย์ที่น่าสงสารอย่างเอ็งเท่านั้น”
“ท่านเห็นหรือยัง ไม่ใช่ข้าที่ก่อเวรฝ่ายเดียว อีนังคุณหญิงอบเชย มันก็ก่อเวรก่อกรรมกับข้าแทบปางตายเหมือนกัน ท่านเห็นหรือยังเล่า ข้ากับคุณหญิงอบเชยถึงอย่างไรเสีย ก็ต้องเป็นคู่เวรคู่กรรมต่อกันไปอีกยาวนาน ข้าไม่ยอมแพ้มันดอก”
กล้าหนักใจ
“ไม่ยอมแพ้ เอ็งจะทำยังไงรึ”
แพงหัวเราะด้วยความแค้น
“ฮะฮะฮ่า น้ำตาของคุณชื่นคือความเจ็บปวดของคุณหญิง ฮะฮะฮ่า มันตะโกนใส่หน้าข้าไว้อย่างนั้น ฮะฮะฮ่า”
แพงยิ้มร้าย คิดจะเล่นงานไปที่ชื่นกลิ่น ไม่ใช่คุณหญิงอบเชย

ค่ำคืนนั้น...ศามนกับรัมภาเสร็จธุระประจำวัน เดินเข้าห้องนอนมาด้วยกัน
“วันนี้ เห็นยายคำว่าคุณกลับมาตั้งแต่เที่ยง ได้เจอคุณเดือนไหมคะ”
ศามนชะงักเล็กน้อย
“เอ่อ...ก็เจอจ้ะ”
“แล้วทำอะไรกันคะ”
คราวนี้ศามนหน้าซีดไม่รู้ตัว รีบส่ายหน้าดิกๆ
“เปล่านี่ เขาไปช่วยดูตอนที่เรือนใหญ่กระจกแตก ยังโดนเศษแก้วกระเด็น
ใส่หน้าเป็นแผล”
รัมภาตกใจ
“ตายจริง”
“เห็นเขาว่าไม่เป็นไร เขามียาดี เขาก็เลยกลับไป”
“แล้วเรื่องกระจก”
“ผมโทรถามช่างแล้ว เขาว่ามันเก่า เสื่อมสภาพแล้ว บางทีเกิดความร้อนมากๆ มันก็แตกเอง เดี๋ยวพรุ่งนี้ช่างจะมาเปลี่ยนให้”
“คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ”
“ไม่เอา ไปอาบน้ำด้วยกันดีกว่า”
ศามนอุ้มเธอทันที รัมภาร้องวี้ดเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน

ศามนเปิดน้ำ กดรัมภาเข้าไปในน้ำตามเข้าไปกอดจูบอย่างหิวโหยติดค้างมาตั้งแต่กลางวัน จนรัมภาต้องผลักออกถามด้วยความแปลกใจ
“หมู่นี้คุณเป็นอะไรไป ดูแปลกๆ”
“ผมรักคุณไง คนรักกัน ก็ต้องอยากอยู่ใกล้ชิดกันมากกว่าปรกติ”
ศามนก้มลงจูบรัมภาในสายน้ำ หื่นกระหายอีก รัมภาเคลิ้มไปครู่หนึ่ง แล้วลืมตาขึ้น มองไปที่กระจก มีเงาของแพงทอดอยู่ รัมภาสะดุ้งเฮือกผลักศามนออกไป
“อุ๊ย”
“อะไรหรือ”
รัมภาและศามนเพ่งมองกระจกไม่เห็นมีอะไร
“คงตาฝาดน่ะค่ะ ภาขอโทษ”
ศามนก้มลงจูบรัมภาไปทั่วทั้งตัวอีก รัมภาพยายามคล้อยตามเพื่อให้สามีมีความสุข แต่แล้วจู่ๆ น้ำที่พื้นก็เริ่มมีสีเลือดเต็มพื้น รัมภาร้องกรี๊ด จนศามนสะดุ้ง
“เลือด...เลือด”
“อะไรของคุณน่ะ”
“เลือด เลือดทั้งนั้น...ดูสิคะ”
รัมภาเต้นเล่าๆชี้ไปที่พื้น ปรากฏว่าเป็นน้ำใสธรรมดา ตาฝาดอีกแล้ว
“เอ๊ะ”
“วันนี้ คุณเป็นอะไรของคุณ”
รัมภามองหน้าศามนแล้วมองไปรอบๆ ความหวาดหวั่นในบรรยากาศ เกิดขึ้นในใจ
“ฉันทำไม่ได้ ที่บ้านหลังนี้ ที่ห้องนี้ เหมือนมีคนมองเรา ฉันทำไม่ได้”
ศามนงงๆ
“คนมอง...คุณหมายถึงใคร”
“ฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้สึก ฉันบอกไม่ถูก ขอโทษนะคะคุณมน ฉันจะไปนอนห้องลูก”
รัมภาหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วรีบออกไปทันที ศามนเซ็งเลย แพงยืนมองอย่างสะใจ
“มีเมียสวยเป็นกุลสตรีนั้นน่าภูมิใจ แต่ถ้าเป็นบ้าด้วยเนี่ยสิ หึๆ”

วันใหม่...เดือนแรมมาร่วมวงทานอาหารกับครอบครัวศามนด้วยเหมือนเคย เธอตักอาหารให้ศามนกับเด็กๆเหมือนเป็นเจ้าของบ้านก็ไม่ปาน
“วันนี้มีแกงส้มชะอมที่คุณมนบ่นอยากกิน มีหมูทอดของเด็กๆ รับรองไม่เผ็ดพริกไทยเหมือนวันก่อน”
รัสตี้กับไลล่ายิ้มทานข้าวอร่อย บุญสืบกับคำหมั่นไส้มาก กระซิบกัน
“แม่ครัวหวังเงินเดือน ร้านอาหารปิ่นโตหวังค่าจ้าง แต่คุณนายเดือนแรมที่มาส่งข้าวส่งน้ำทุกวันแบบนี้เขาหวังอะไรนะแม่”
คำประชด
“เขาอยากทำเอากุศล จะได้ขึ้นสวรรค์มั้ง”
“จิตเป็นกุศลมันก็ดีหรอกนะ แต่ถ้าจิตอกุศล ประตูนรกก็เปิดอ้ารออยู่แล้วนะคะคุณนาย”
เดือนแรมหันมอง
“กระซิบอะไรกันน่ะ มารินน้ำให้พี่รัมภาสิ ไม่เห็นเหรอ น้ำพร่องไปจะหมดแก้วแล้ว”
บุญสืบทำตาม ไม่เต็มใจนัก
“ขอบคุณค่ะ”
รัมภาบอกเดือนแล้วทันใดนั้นเธอก็เห็นเงาคนวูบๆเดินเร็วๆผ่านไปที่มุมมืดมุมหนึ่ง รัมภาชะงักอึ้ง ศามนมองอย่างสงสัย
“มีอะไรจ๊ะ”
“เปล่าค่ะ”
“เดือนตักแกงจืดให้พี่ภานะคะ”
เดือนแรมตักใส่ถ้วยแบ่งยื่นให้ รัมภาหันไปมอง เงาคนเดินผ่านอีกแล้ว รัมภาสะดุ้งทำชามแบ่งตกแตกกลางวง ทุกคนงงกันหมด
“เอ๊า...ตายจริง เลอะหมด ทำไมมือไม้อ่อนอย่างนี้ล่ะคะคุณพี่”
“ฉันพอดีกว่าค่ะ...อิ่มแล้ว”
รัมภายกน้ำขึ้น กะว่าจะดื่มล้างปาก ก่อนออกไปจากวง เงาของแพงปรากฏในแก้วน้ำ
รัมภาสะดุ้งเฮือกทำแก้วน้ำตกลงพื้นแตกกระจาย
“เอ๊าไปกันใหญ่แล้ว หกหมดเลย...ไม่เป็นไรค่ะ เดือนเก็บเอง”
“ไม่ต้องครับคุณเดือน มานี่สิ”
ศามนหันไปดุ บุญสืบกับคำรีบตั้งสติ หลังจากตกใจอยู่รีบเดินมาจัดการ
“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ”

รัมภาเดินออกไปตัวสั่นเล็กๆ รู้สึกกลัวผีขึ้นมา อยากรีบออกไปจากห้องนั้น ศามนมองตามอย่างแปลกใจ











Create Date : 13 เมษายน 2555
Last Update : 13 เมษายน 2555 0:48:50 น.
Counter : 322 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]