All Blog
ลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 17 (ต่อ)




ดวงยิหวาขี่มอเตอร์ไซค์สวมหมวกกันน็อคแล่นมาเรื่อยๆ จังหวะหนึ่งหันมองไปข้างทาง แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นรถฟ้ากระจ่างจอดอยู่ข้างทาง แต่เพราะดวงยิหวาขับมาอย่างเร็ว เลยเบรกไม่ทันในจุดที่รถสปอร์ตคันนั้นจอดอยู่

ดวงยิหวาเลยต้องยูเทิร์นวนกลับมาจอดชิดริมทางหลังรถฟ้ากระจ่าง ลงจากรถถอดหมวกกันน็อค เดินเข้ามามองหา สักพักมองเห็นว่าฟ้ากระจ่างยืนกอดอกชมวิวอยู่ แต่ไม่เห็นว่าเวลานั้นฟ้ากระจ่างมีสีหน้าขรึมเครียด ใคร่ครวญครุ่นคิด วิตกกังวลอย่างหนัก เหมือนคิดไม่ตก และความคิดไม่คลี่คลาย
ครั้นได้ยินเสียงคนเดินมาฟ้ากระจ่างจึงหันขวับมา พอเห็นว่าเป็นดวงยิหวาก็ถึงกับอึ้ง เพราะนึกไม่ถึงว่าจะเจอ หน้าตาเปลี่ยนเป็นดีใจขึ้นมาทันที ดวงยิหวายิ้มอ่อนโยนให้ ขณะเอ่ยทักทาย
“ไม่ทราบว่า พี่อยากอยู่คนเดียว..แล้วดวงมากวนหรือเปล่า”
“กำลังคิดอยากจะไปหาดวง..แต่ไม่แน่ใจ ว่าดวงจะอยากเจอหรือเปล่า”
ทั้งสองคนสบตากัน ดวงยิหวาก้าวเดินเข้าไปหา
ฟ้ากระจ่างยื่นมือออกมา ดวงยิหวายื่นมือไปจับ แล้วฟ้ากระจ่างจึงใช้ 2 มือรวบมือดวงมากอบกุมเอาไว้ แววตาที่จ้องมองมานั้นอยากสวมกอด แต่ต้องระวังตัว รู้สึกว่าไม่เหมาะไม่ควร
“ดวงขอโทษ...”
“ขอโทษทำไม”
“ขอโทษที่ดวงไม่เข้าใจพี่จ้าง..คิดแต่ในมุมของตัวเองแคบๆ เอาแต่ใจตัวเอง..ตอนนี้ดวงรู้แล้ว”
“พี่สิ ต้องขอโทษดวง...”
ดวงยิหวาสบสายตา ถามอย่างจริงจัง “พี่จ้าง..ชอบ..หรือคิดยังไง กับคุณเทเรซ่าล่ะคะ”
ฟ้ากระจ่างฟังคำถามแล้วถอนใจยาวออกมา “พี่ไม่ได้คิดอะไรกะเค้าแบบนั้น”
ดวงยิหวาท้วง “แต่เค้าชอบพี่”
“เค้ายังเด็กมากๆ ไม่เคยเจอใครอะไรมากมาย..ก็คงคิดอะไรแบบเด็กๆ ฝันๆ พี่ไม่คิดว่าจะต้องเจอกะเค้าบ่อยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องมันบานปลายมาถึงขั้นนี้” เหมือนนึกขึ้นได้ ชะงัก อึ้ง นิ่งไปพัก มองหน้าดวงยิหวาตาดุ “แล้วดวง..คิดจะไปเรียนเมืองนอกกะคุณดิน..หรือเปล่า”
“พี่จ้าง..พี่จ้างต้องรู้สิคะ..ว่าไม่จริง” ดวงยิหวาโอดครวญ
“พี่จะไปรู้ได้ยังไง ดวง พี่..พี่ไม่รู้อะไร ไม่เข้าใจอะไรตั้งหลายอย่าง” ฟ้ากระจ่างระบดระบาย
ดวงยิหวามองหน้าด้วยความเห็นใจ

ในเวลาเดียวกันนั้นชิงชัยขับรถมาตามทาง เห็นรถฟ้ากระจ่างจอดอยู่ แล้วจำได้ ชิงชัยชะงัก เบรกเสียงดังเอี๊ยด

ฟ้ากระจ่างกับดวงยิหวามองหน้ากัน แล้วหันมามองทางที่มาของเสียงรถเบรก
“ใครมา...” มีลางสังหรณ์บางอย่างดวงยิหวาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงระแวงภัยร้าย
ฟ้ากระจ่างยังไม่เฉลียวใจ สงสัยท่าทีที่เกร็งกลัว หว่านหวั่นและระวังตัวของดวงยิหวา “ทำไม มีอะไร?”
ดวงยิหวาเข้ามาจับแขนจ้องหน้า “พี่จ้าง..หลบเถอะค่ะ”
“ทำไมต้องหลบ..เราไม่ได้...”
“อาจจะเป็นพวกนั้น”
“พวกไหน”
ฟ้ากระจ่างฉุกคิด ระวังขึ้นมา ดึงตัวดวงยิหวาให้มาแอบหลังตน ทั้งสองต่างกวาดสายตา ขณะที่ฟ้ากระจ่างจะพาดวงยิหวาหลบไปอีกด้าน ทันใดนั้น ก็มีเสียงกดชัตเตอร์ของกล้องถ่ายรูปดังมาจากอีกด้าน
ทั้งสองหันไป มือดวงยิหวายังอยู่ในมือของฟ้ากระจ่าง
ชิงชัยนั้นเองที่ใช้กล้องโทรศัพท์ถ่ายรูป และยังถือโทรศัพท์ชูเย้ยอยู่
ชิงชัยแสยะยิ้ม “ถ้านี่เป็นปืน..ก็คงตายโหงกันหมดแล้วทั้งคู่ น่าเสียดายจริงๆ...” เอาโทรศัพท์มากดดูผลงาน “หึๆๆ..สุดยอด..คุณฟ้ากระจ่าง..มีกิ๊กให้แอบมาจู๋จี๋กันข้างถนน แล้วยังชั่วช้าสารเลวไปหลอกให้เทเรซ่ากับปีเตอร์เคลิ้มได้อีกนะ”
“ชิงชัย” ฟ้ากระจ่างอุทานเสียงขุ่น
“แกแน่มาก..ไอ้จ้าง..ยิงนัดเดียวได้นกทั้งฝูง แกก็ทำให้ชั้นเอาแต่หวาดระแวง หึงหวง จนมองข้ามลืมระวังเรื่องงาน..ว่าแกจะมาเสียบวินาทีสุดท้าย..เอาชนะพวกเราไปได้..เหมือนที่พ่อแกทำครั้งที่แล้วเปี๊ยบ”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณฟ้ากระจ่าง” ดวงยิหวาแก้ตัวแทน
“โอ๊ววว..คุณแฟนแก้ตัวแทนซะด้วย พวกแกนี่มันโรคจิตทั้งแก๊งค์ ดวงยิหวา คุณเต็มใจด้วยเหรอ ที่ผู้ชายของคุณใช้เสน่ห์เที่ยวไปหว่านใส่ผู้หญิงอื่น เห็นความรู้สึกของคนอื่นเป็นของเล่นแบบนี้ แกคงคิดแผนกันนานมากนะ ทำงานกันเป็นทีมเวิร์ค เป็นขั้นเป็นตอน ที่จะทำให้ครอบครัวคุณปีเตอร์เค้าตายใจ จากพ่อถึงลูก..ส่งไม้ต่อกันเป็นสเต็ปๆ ตั้งแต่ไอ้เกียรติบดินทร์มาทำเป็นฉุดเทเรซ่า แล้วไอ้จ้างมาช่วย จนถึงวันที่แกส่งดอกไม้มาให้น้องเค้า..ก่อนวันประกาศผลประกวดราคาแค่ไม่กี่วันเท่านั้นเอง เลือดเย็นจริงๆ แผนแบบนี้ไม่ระยำจริงๆ ทำไม่ได้นะเนี่ย”
“อะไรนะ ส่งดอกไม้” ฟ้ากระจ่างงงสุดๆ
“ยังทำหน้าเซ่อได้อีก ไอ้ฟ้ากระจ่าง ไอ้คนใจโหด ขอบอกแกให้เตรียมตัวไว้ให้ดี นี่คือการเตือนครั้งแรก..แกจะได้รับผลกรรมของแกเร็วๆนี้แน่ๆ” ชิงชัยมองจิก อย่างเกลียดชัง แล้วเดินออกไป
ฟ้ากระจ่างยืนอึ้งอย่างงงๆ อยู่อย่างนั้น ในขณะที่ดวงยิหวามองทั้งห่วงใย และสงสารจับใจ

ไม่นานหลังจากนั้นรูปภาพในโทรศัพท์ที่เป็นรูปฟ้ากระจ่าง จับมือกับดวงยิหวา กำลังเหลียวหน้าเหลียวหลังระแวงระวังภัย ปีเตอร์กำลังดูภาพนั้นจากมือถือในมือตน
ปีเตอร์ส่งคืนให้ชิงชัย สีหน้าเรียบเย็น “อย่าเอาไปให้เทเรซ่าดูล่ะ”
“ทำไมล่ะครับ เทเรซ่าสมควรที่จะได้เห็นมากกว่าใครเลยนะครับเนี่ย” ชิงชัยว่า
ปีเตอร์พูดเสียงเข้ม ด้วยท่าทีจริงจัง “ถ้าใครทำร้ายลูกสาวผม.. มันก็ต้องโดน”
ชิงชัยมองหน้า แล้วแอบหันหน้าไปด้วยความสะใจ

เย็นวันนั้นเทเรซ่านั่งกอดน้องกระต่างอยู่บนเตียงลูบหัวมันเบาๆ ดวงตาเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง ปีเตอร์ถือถาดซุปเข้ามา
“เทเรซ่า..ได้เวลาอาหารเย็นแล้วลูก”
เทเรซ่าเหลือบมามอง ไม่ยินดียินร้าย “แต๊งกิ้ว แดดดี้”
“รับประทานตอนนี้เลยดีไหมลูก”
“ยังค่ะ เทเรซ่ายังไม่หิว” เทเรซ่าหันหน้าไป มองเหม่อต่อ
“งั้น..แดดดี้วางไว้ตรงนี้นะคะ ที่เดิมนะ เดี๋ยวเทเรซ่าต้องรับประทานซักคำสองคำก็ยังดีนะ”
เทเรซ่ารับคำทั้งที่ยังอยู่ในอาการมึนๆ “ค่ะ”
เทเรซ่าดึงน้องกระต่ายมากอดแนบอก น้ำตาไหลออกมาอีก ปีเตอร์มองภาพนั้นด้วยความปวดร้าวใจ สีหน้าเจ็บแค้นแทนลูกสาว

ทางด้านดวงยิหวายกถ้วยกาแฟใส่นมเยอะๆ มาให้ ฟ้ากระจ่างรับมากำไว้ในมือเหมือนจะซึมซับรับเอาความอุ่น ก่อนจะค่อยๆ จิบอย่างช้าๆ สีหน้าและแววตากำลังใคร่ครวญครุ่นคิดอย่างหนัก
ดวงถือแก้วกาแฟมานั่งข้างๆ กัน
ฟ้ากระจ่างถอนใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น..หมายความว่า..บริษัทเราทำธุรกิจโดยใช้เล่ห์เหลี่ยมสกปรกเอาชนะคู่แข่งมาตลอดๆเลยเหรอดวง”
“เท่าที่ดวงรู้..แต่ก่อน ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เลยนะคะ”
“แล้ว..ทำไม..ตอนนี้นายหัวต้องทำแบบนี้”
“ดวงก็ไม่เข้าใจนายหัวเหมือนกัน พ่อก็ไม่เข้าใจ แต่งานนี้..เหมือนพี่จ้างเป็น..เอ่อ..” ดวงยิหวาทำท่าจะพูด แต่ไม่กล้า
“เครื่องมือ..ใช่ไหม พี่เหมือนเป็น..หมากตัวนึง..บนกระดานของนายหัว” ฟ้ากระจ่างก็คิดเช่นนั้น
“ดวงอยากให้พี่จ้างออกไปให้พ้นจากจุดนี้..ดวงกลัว”
“กลัวอะไร”
ดวงยิหวามองหน้า ไม่กล้าพูดออกมา ฟ้ากระจ่างมองสบตาครุ่นคิดอย่างหนัก

เย็นวันเดียวกัน เกียรติบดินทร์คิดหนัก ขณะที่บุรีเดินเข้ามาโอบบ่า
“น้องดิน อาไปคิดมาหลายวันละ ทางเดียวที่จะให้มันพ้นไปจากเส้นทางของเรา ก็คือต้องทำให้มันหายไปจากโลก”
“อาบุรี!!” เกียรติบดินทร์ตกใจ
“มันไม่มีทางอื่นจริงๆ..น้องดิน ไอ้นี่มันดวงแข็งมาก แล้วมันก็ดื้อด้าน เรามัวแต่ทำแผนอ้อมค้อมไปก็เสียเวลาเปล่า”
“แต่..แม่ผมรักมันมากนะครับ”
บุรีหัวเราะ “นั่นไง..พ่อแม่น้องดินรักมันมากไง..รักจนไม่เห็นหัวน้องดินแล้วไง..ยัยดวงยิหวาก็รักมันเหมือนกัน..น้องดินแพ้มันไม่มีประตูสู้แล้ว ยังจะต้องลังเลอะไรอีก”
เกียรติบดินทร์ไม่พอใจนักที่ได้ยิน “นี่..อาบุรีใช้คำว่าแพ้เลยเหรอ”
“แล้วจะให้ใช้คำว่าอะไร”
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว..อาบุรีอยากจะทำอะไรกะมันก็ทำ”
“แหงล่ะ เรื่องแบบนี้ อาจัดการเอง อาต้องระวังไม่ให้กระทบไปถึงน้องดินแน่ อาจะหามือดีมาลงมือ..ช่วงนี้ใครจัดการกะไอ้จ้างก็สบาย..เพราะทุกคนก็ต้องคิดว่าพวกไอ้ปีเตอร์ทำ รับรอง ไม่มีคนนึกถึงพวกเรา น้องดินนอนรอสบายๆแล้วกัน”
บุรีพูดจบก็เดินออกไป เกียรติบดินทร์อึ้ง

ระหว่างที่เกียรติบดินทร์เดินเข้าบ้านมา ได้ยินเสียงระรื่นของทรายทองกำลังอวดกระเป๋าใบใหม่กับป้าบัว
“สวยไหม ป้าบัว..นายหัวให้ทรายล่ะ ต่อไปนี้ ทรายจะออกงานกะพี่จ้างทุกงานเลย..ในฐานะเลขาจ้า”
“เลขา..คุณทรายน่ะเหรอ จะเป็นเลขา คุณทรายทำอะไรเป็น” ป้าบัวดูแคลน
“อย่าดูถูกกันมากนักนะ ป้าบัว ทรายเรียนเลขามานะ..ถึงจะไม่จบ แต่ก็มีความรู้มากพอแล้วล่ะ”
เกียรติบดินทร์ฟังแล้วทำหน้าหยันๆ แล้วทำท่าจะเดินผ่านขึ้นบ้านไป
“แล้วดวงยิหวาล่ะ ดวงยิหวาเค้าเป็นคู่หูคุณจ้างนะ เค้าจะยอมเหรอ”
“ฮะๆๆ ยัยดวงยิหวาน่ะเหรอ..ยังไงๆ มันก็จะโดนรวบหัวรวบหาง ส่งไปเรียนเมืองนอกกะพี่ดินจนได้ พี่ดินก็เหมือนกัน ต่อไปนี้จะขัดขืนพ่อแม่ไม่ได้แล้ว นายหัวเอาจริงแน่”
“แต่คุณดินบอกว่าจะไม่ไปนะ” ป้าบัวว่า
เกียรติบดินทร์ชะงัก หยุดฟัง
“ถ้านายหัวสั่งให้นายเด่นบังคับยัยดวงล่ะ ยัยดวงจะกล้าขัดใจนายเด่นเหรอ ยัยดวงมันไม่ใช่คนมั่งมีอะไร ถ้านายหัวให้ทุนมันไปเรียนสูงๆ ทำไมมันจะไม่ไป มันไม่ใช่ลูกคุณหนูนี่ จะได้กล้าแข็งข้อพ่อแม่ แล้วถ้ามันไป..พี่ดินจะทำไง พี่ดินรักมันจะตาย..
เกียรติบดินทร์ฟังแล้วถึงกับผงะ
“แล้วคุณรักคุณจ้างจริงๆเหรอ คุณทราย” ป้าบัวถาม
“รักสิ ทรายจะใช้ความดีเอาชนะใจพี่จ้างเอง ในเมื่อพี่จ้างรักยัยดวงไม่ได้ รักยัยเทเรซ่าก็ไม่ได้..ในที่สุด..ก็ต้องเสร็จทราย..ฮิๆๆๆ” ทรายทองตอบอย่างภูมิใจ
เกียรติบดินทร์ฟังแล้วในที่สุดเปลี่ยนใจเดินออกจากบ้านไป

เกียรติบดินทร์มาจอดรถซุ่มอยู่ที่ริมถนนด้านหนึ่งในเงามืดมิดยามค่ำคืน แถวนั้นมีรถจอดทิ้งกันเต็มข้างทาง เปิดรถแล้วเดินมาเรื่อยๆ ตรงไปที่บ้านดวงยิกวา แต่แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นรถฟ้ากระจ่าง จอดอยู่หน้าประตูบ้าน
“ไอ้จ้าง..ที่แท้..แกมาอยู่บ้านนี้เองเหรอ”
เกียรติบดินทร์สบถ ยืนอึ้ง ปวดใจยิ่งนัก แล้วสักพักดีกรีความแค้นพุ่งปรี๊ด สะบัดตัวหันหลังกลับไปที่รถตน เปิดรถแล้วเข้าไปนั่งดึงเก๊ะออกมา ภายในมีกระเป๋าใบหนึ่ง
เกียรติบดินทร์นิ่งมอง แล้วตัดสินใจเปิดกระเป๋า ซึ่งในนั้นคือปืนพกขนาดเหมาะมือ
หนุ่มเลือดร้อนชั่งใจอีกนิด แล้วหยิบปืนออกมา กระชับปืนในมือ
ใบหน้าเกียรติบดินทร์ยามนี้ มีแววเหี้ยมโหดผุดขึ้นมา เกียรติบดินทร์เงยหน้าขึ้น ขยับจะออกจากรถ แล้วชะงัก เมื่อเห็นดวงยิหวาเดินมาส่งฟ้ากระจ่างที่รถ
เกียรติบดินทร์อึ้ง ตะลึงนิ่งดูอยู่ ฟ้ากระจ่างท่าทางมึนๆ ซึมๆ เหมือนยังไม่อยากกลับ
“พี่จ้างต้องระวังตัวนะคะ”
“พี่จะระวัง..ดวงเองก็เหมือนกันนะ”
ดวงยิหวาดึงมือฟ้ากระจ่างมากุมไว้ “พี่จ้าง..พูดกะนายหัวได้ไหมคะ”
“พูดอะไร..ขอถอนตัวจากงาน..เพราะกลัวน่ะเหรอ”
“ค่ะ นะคะ พี่จ้าง..นะคะๆ ดวงขอร้อง..” ดวงยิหวาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
ฟ้ากระจ่างลำบากใจ มองหญิงคนรักแล้วจับหัวดวงยิหวา ลูบผมเบาๆ
“อาจจะ..ไม่มีใครทำอะไรพี่ก็ได้..เราเป็นคนดี..พระย่อมคุ้มครองเราสิ”
ดวงยิหวางอแง “แล้วถ้าพระไม่คุ้มครองล่ะคะ”
ฟ้ากระจ่างอึ้ง แล้วดึงดวงมากอด ไม่รู้จะบอกอะไรเหมือนกัน เกียรติบดินทร์แค้นจัด มองภาพเบื้องหน้า แล้วกัดฟัน เปิดประตู ก้าวออกมา
ทันใดนั้น จากอีกด้านหนึ่งของซอย มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นพุ่งออกมา ฟ้ากระจ่าง และดวงยิหวาหันไป
มอเตอร์ไซค์คันนั้นพุ่งเข้ามา แล้วชะลอลงเล็กน้อย คนซ้อนถือปืนในมือ หันกระบอกมาที่ฟ้ากระจ่าง แล้วเล็งยิง
ฟ้ากระจ่างเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แล้วขยับตัวดึงดวงยิหวาพุ่งล้มตัวหลบ มือปืนยิงเปรี้ยง ออกมาจึงพลาดเป้าไป มอเตอร์ไซค์ขับแล่นผ่านไป
เกียรติบดินทร์มองภาพตรงหน้า ตกใจ ยืนตาค้างตะลึงจังงัง ระหว่างนั้น มอเตอร์ไซค์วนรถกลับมาอีกรอบ
ฟ้ากระจ่างกับดวงยิหวายังล้มอยู่ พยายามจะพยุงกันลุกขึ้น เกียรติบดินทร์มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างช็อกๆ จังหวะนั้นมอเตอร์ไซค์แล่นกลับมาอีกรอบ แล้วมือปืนขยับตัวให้ถนัด หันไปทางฟ้ากระจ่าง
ฟ้ากระจ่าง กับดวงยิหวา ที่กำลังจะทรงตัวลุกยืนขึ้นมา ต่างชะงัก อยู่ในภาวะจนตรอก มือปืนยกปืนขึ้นกำลังจะยิง
ทันใดนั้น เกียรติบดินทร์ตัดสินใจยกปืนเล็ง ปลดล็อกแล้วยิงใส่มือปืนทันที มือปืนเองก็ยิงเปรี้ยงในจังหวะไล่เลี่ยกัน เร็วช้ากว่ากันเพียงเสี้ยววินาที
กระสุนของเกียรติบดินทร์เข้าที่ไหล่มือปืน ทำให้แขนมือปืนเบนไป กระสุนพลาดจากฟ้ากระจ่าง
ฟ้ากระจ่างและดวงยิหวายืนนิ่งตะลึงตาค้าง ตกใจแทบช็อก
เกียรติบดินทร์ก้าวเข้าไปหมายจะยิงซ้ำมือปืน คนขับมอเตอร์ไซค์ตกใจ รีบพุ่งทะยานพามือปืนหนีไปสุดชีวิต เกียรติบดินทร์ยืนอึ้ง แล้วก็งงๆ กับสิ่งที่ตนทำลงไป มองปืนในมือ ตกตะลึง จังหวะนั้นดวงยิหวาหันมามองเกียรติบดินทร์
ฟ้ากระจ่างรีบเข้าไปหา “คุณดิน..ขอบคุณ..ขอบคุณมาก”
“พวกนั้นมัน…” ดวงยิหวาสงสัย
“ไอ้ชิงชัยส่งมาแน่” ฟ้ากระจ่างบอกอย่างมั่นใจ
เกียรติบดินทร์มองทั้งคู่ ยังไม่อยากเชื่อกับเหตุการณ์เมื่อครู่
“ดวง...ไม่เป็นไร ใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“โชคดี ที่คุณดินมาช่วยทัน..ไม่งั้น..ผมคงแย่”
เกียรติบดินทร์ได้สติ มองสองคนสลับกันไปมา สีหน้ามึนตึง
“ชั้นไม่ได้มาช่วยใคร ชั้นมาหาดวง”
“โชคดีนะคะ ที่คุณดินมีปืนด้วย..แต่..ปกติคุณไม่ได้พกปืนนี่คะ”
แม้ดวงยิหวาจะแปลกใจแต่ก็ไม่ติดใจสงสัย
“อือ..” เกียรติบดินทร์เหลือบมามองหน้าฟ้ากระจ่าง กวนๆ “แต่ก็มีติดรถไว้..เผื่อจำเป็น..
ฟ้ากระจ่างนิ่งฟัง แล้วนึกบางอย่างได้ รู้สึกสงสัยตงิดในใจ ขณะจ้องหน้าน้องชาย
เกียรติบดินทร์มองสบตาอย่างท้าทาย

คืนนั้นบอดี้การ์ด 2 คน ยืนชะเง้อรออยู่บริเวณหน้าบ้านปีเตอร์ กังวลๆ ทันใด รถเก๋งคันนึง แล่นเข้ามาอย่างเร็ว บอดี้การ์ดทั้งสองรีบลงไปรับ
บอดี้การ์ดคนนั้นเปิดประตูรถก้าวลงมา เดินเข้ามาสมทบ แล้วซุบซิบกันแบบร้อนใจ ปีเตอร์เดินออกมาเหมือนรออยู่นานแล้ว ถามด้วยเสียงร้อนรน
“เป็นไง”
บอดี้การ์ดคนหนึ่งซึ่งเป็นหัวหน้าทีมส่ายหน้า พลางพูดขึ้นด้วยสำเนียงไทยไม่ชัด “ไม่สำเร็จครับ มันมีคนมาช่วย ไอ้ฮงถูกยิง ส่งหมอแล้ว”
“เป็นอะไรมากมั้ย”
“ไม่มากครับ โดนไหล่ เฉี่ยวๆ ไป”
“แล้วแกกลับมาที่นี่ทำไม”
“ผมดูดีแล้ว ไม่มีใครตามครับ”
“มันมีคนคุ้มกัน.. มันรู้ตัวว่าจะโดนล่ะสิ” ปีเตอร์แค้นใจไม่หายที่แผนล้มเหลว
เทเรซ่าเดินลงมาโผล่หน้ามาดู 3 บอดี้การ์ดเห็นมองหน้ากันไปมา แล้วหันมามาสบตาปีเตอร์
ปีเตอร์เห็นสายตาทุกคน รีบหันกลับมาดู “อ้าว เทเรซ่า ลงมาทำไมลูก”
“เทเรซ่าได้ยินเสียง..เหมือนใครมา”
ปีเตอร์อึ้งพยายามหาคำตอบ “ไม่มีใครหรอกลูก..ไอ้พวกนี้มันกลับมาจากข้างนอก
“เทเรซ่าได้ยินเสียงรถ..นึกว่า...” เทเรซ่าโหยหาแต่ฟ้ากระจ่าง
ปีเตอร์รู้สึกปวดใจ “เทเรซ่า”
“เค้าคงไม่มาแล้วใช่ไหมคะ แดดดี้” เทเรซ่าเสียงเศร้าลงอีก
“เทเรซ่า..เข้าไปข้างในกันดีกว่า..ข้างนอกนี่อากาศเย็นลูก”
“เทเรซ่าไม่เข้าใจ..ทำไมเค้าทำกับเทเรซ่าแบบนี้”
ปีเตอร์เก็บความรู้สึกพยายามข่มใจ “มันจะต้องได้รับบทเรียน เทเรซ่า แดดดี้ไม่ปล่อยให้มันรอดไปได้แน่”
“แดดดี้จะทำอะไรเค้าคะ”
“เทเรซ่าไม่ต้องไปแคร์ ไอ้คนนั้นมันไม่มีตัวตนอีกต่อไปแล้ว..ในโลกของเรา” ปีเตอร์เสียงขุ่นเขียว
เทเรซ่าอึ้ง ยืนเบลอ “ไม่มีตัวตน..แปลว่าอะไรคะ”
ปีเตอร์ไม่ตอบ ประคองลูกเดินเข้าบ้านไป 3 บอดี้การ์ดมองตาม สบตากันรู้สึกเศร้าใจ

คืนนั้นนายเด่นยังเครียดไม่หาย ดวงยิหวาทำแผลบริเวณข้อศอกฟ้ากระจ่าง ที่ถลอกตอนล้ม เกียรติบดินทร์มองมา แล้วทำเป็นเมินอย่างหมั่นไส้
“พวกมันเล่นขนาดนี้เลยเหรอ” นายเด่นปรารภขึ้น
“ทำไงดีล่ะจ๊ะ พ่อ” ดวงยิหวากังวลนัก
“ต่อไปนี้ ห้ามทุกคนไปไหนมาไหนตามสบายกันแบบนี้ คุณจ้าง คุณดิน..คุณต้องเข้าใจนะครับ..ว่าเวลานี้พวกคุณตกเป็นเป้าที่พวกมันปองร้าย” นายเด่นเตือนภัย
“นายเด่นกับดวงก็เหมือนกัน ประมาทไม่ได้กันทุกคนล่ะครับ” ฟ้ากระจ่างว่า
“แล้วไง..พวกเราต้องทำตัวเป็นตัวตุ่น ขุดดินอยู่กันเลย ดีไหม ..พูดยังกะพวกมันมีมือมีเท้าอยู่ฝ่ายเดียวนี่..พวกเราก็ไม่ใช่กระจอกๆ จะได้ไปกลัวมัน” เกียรติบดินทร์สวนขึ้นมา
“เราต้องแจ้งความ บ้านเมืองมีขื่อมีแป คนเราจะมาทำรุนแรงป่าเถื่อนแบบนี้ไม่ได้”
ฟังคำพูดฟ้ากระจ่าง เกียรติบดินทร์หัวเราะใส่หน้าทันที
“เอาเลย แจ้งเล้ย..ตำรวจเค้าคงสนุกสนานหรอก เพราะพวกเรากะพวกมัน แจ้งความกันไป แจ้งความกันมาหลายคดีแล้ว ไม่เห็นมีความคืบหน้าซักคดีเดียว นายแค่โผล่ไป..บอกว่านายเป็นใคร ตำรวจเค้าก็รู้แล้ว ว่าจะลงบันทึกประจำวันว่าอะไร ฮ่ะๆๆ”

ทุกคนอึ้งไปตามๆ กัน ในขณะที่ฟ้ากระจ่างมีใบหน้าเคร่งขรึม ในใจคิดทบทวนอย่างหนัก
คลื่นในทะเลสาดซัดกระแทกโหดหินอย่างรุนแรง ฟ้ากระจ่าง และเกียรติบดินทร์เผชิญหน้ากันอยู่ตรงหว่างกลางช่องเขาที่มีลมแรงกรรโชกตลอดเวลา

“ตำรวจเค้าหมายความว่ายังไง..ที่บอกว่า..ฝ่ายเรา..เป็นคนไปทำกับเขาก่อน” ฟ้ากระจ่างถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตำรวจมันก็มั่ว นายจะไปใส่ใจจริงจังอะไรนักหนา” เกียรติบดินทร์โบ้ย
“ถ้าอย่างนั้น เรื่องทั้งหมดนี้..มันเริ่มจากอะไร”
เกียรติบดินทร์พูดกวนตีนใส่ “นึกไม่ออก”
“คุณดิน..คุณไม่เห็นใจผมบ้าง ผมมาทีหลัง ไม่รู้เหตุผลที่มาที่ไปอะไรเลย แล้วผมจะรับมือถูกไหมล่ะ”
“งั้นเอาแบบตรงๆ เลยละกัน นายหัวชนะประมูลงานพวกมัน..แบบที่นายทำอยู่นี่เลย..แล้วไอ้แก่นพชัย พ่อไอ้ชิงชัย มันมากระทืบชั้นสลบ พอใจรึยัง”
“จากนั้นนายนพชัยก็ถูกยิงตาย” ฟ้ากระจ่างเดาเรื่องราว
“ชั้นเปล่านะ..ชั้นไม่ได้ยิง” เกียรติบดินทร์รีบปฏิเสธ
ฟ้ากระจ่างมองจ้องหน้า ไม่เชื่อคำพูดเกียรติบดินทร์
“ไม่ต้องมามองหน้า ตำรวจเอาปืนชั้นไปตรวจพิสูจน์แล้ว เดี๋ยวเค้าก็จะรู้ ว่าชั้นไม่เคยยิงใคร ปืนอันนั้นตั้งแต่ซื้อมาเป็นปี เพิ่งยิงครั้งแรก เมื่อคืนนี้”
“เมื่อคืนถ้าคุณไม่มา..ผมคงตายไปแล้ว”
“ไม่ต้องมาขอบใจอะไรละกัน ชั้นไม่ได้คิดจะไปช่วยนาย” เกียรติบดินทร์ว่าเชิดๆ
“คุณจะไปหาดวง”
“ใช่”
“ดี...”
“จะไม่ถามหน่อยเหรอ ว่าชั้นไปหาดวงทำไม” เกียรติบดินทร์สงสัย
“ผมไม่อยากรู้”
“เฮอะ..อยากรู้หน่อยน่า..อยากบอก” เกียรติบดินทร์กวนอีก
“อ่ะ..บอกมา”
“จะไปบอกเค้าว่า..ถ้าใครมาบังคับให้ไปเรียนเมืองนอก อย่าไป”
“เพราะคุณจะไม่ไป ให้ดวงอยู่เมืองไทยกับคุณ” ฟ้ากระจ่างเดา
“ใจเย็นๆ คุณฟ้ากระจ่าง..ที่จริงนายก็ไม่ใช่คนเยือกเย็นมีเหตุผลอะไรนักนะเนี่ย ชั้นจับได้แล้ว..นายมีจุดอ่อนเรื่องดวงยิหวา..นายจะกลายเป็นคนหุนหันพลันแล่น หัวทึบ ใช้แต่อารมณ์ ไม่มีเหตุผลอีกต่อไป..ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับดวงยิหวา ชั้นพูดถูกไหม”
ฟ้ากระจ่างฟังแล้วอึ้ง เมินหน้าหนีไป
เกียรติบดินทร์เดินเข้าไปใกล้ๆ “ชั้นจะบอกดวงยิหวาว่า..ดวงไม่ต้องไปยอมให้ใครมาบังคับให้รักชั้น ถ้าดวงจะรัก..ก็ต้องรักเพราะดวงรักเอง..ไม่ใช่รักเพราะเหตุผลอื่น”
ฟ้ากระจ่างหันมามองแบบพยายามคิดตามให้ทัน
เกียรติบดินทร์เดินเข้ามาใกล้ขึ้นอีก “ชั้นรู้ว่าตอนนี้..ดวงรักนาย..แต่ใจคนเรา มันเปลี่ยนกันได้ทุกวินาทีเว้ย..ใครจะไปรู้..ซักวัน..ดวงอาจเปลี่ยนใจมารักชั้นก็ได้ ถ้าชั้นไม่ยอมหยุดรักดวงซะอย่าง” มองจ้องแบบท้าทายและกวนตีนสุดๆ
ฟ้ากระจ่างอึ้ง

ฟ้ากระจ่างเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้อง อึ้งๆ มึนๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนอ่อนเพลียในใจ ดวงตาของเขาเหงาและเคว้งคว้าง

ทางด้านเกียรติบดินทร์เดินเข้ามาในบ้าน เห็นป้าบัวกำลังจัดของ เช็ดนั่นนี่อยู่ตามประสา
“ป้าบัว มีอะไรกินมั่ง หิวมากเลย”
“ผลไม้ไหมคะ”
“อะไรก็ได้ เอามาเถอะ หิว”
ทันใดนั้น นายน้อมมาโผล่
“คุณดิน..นายหัวเชิญหน่อยครับ”
“เชิญไปทำไร” เกียรติบดินทร์ย้อนถาม
“นายหัว..บอกว่า มีเรื่องอยากจะคุยด้วยครับ ที่ห้องทำงานครับ”
“เรื่องจะไล่ไปเรียนเมืองนอกตามเคย..ป้าบัว เอามากินก่อน..ไม่ต้องรีบหรอก..” นั่งลงอย่างไม่แยแส
นายน้อมเห็นถึงกับอึ้ง

เวลาเดียวกันฟ้ากระจ่างหลับสนิทอย่างหมดท่า เหมือนคนอ่อนเพลียเหนื่อยล้าหมดสิ้นเรี่ยวแรง ฟ้ากระจ่างหลับฝันไป ในผันฟ้ากระจ่างเดินตามหาใครคนหนึ่ง สีหน้าฉงน สงสัย เดินเข้ามา แล้วมาหยุดที่หน้าแท่นบูชาบรรพบุรุษที่เหมือนฟ้ากระจ่างตั้งอยู่ตรงนั้น
ฟ้ากระจ่างยืนมองดูภาพนั้น หน้าตางงๆ ระหว่างนั้นมีเสียงฝีเท้าของชายคนหนึ่ง เดินมาข้างหลัง
ฟ้ากระจ่างได้ยินเสียง หันไป แต่เพราะแสงข้างหลังสว่างจ้ามาก จึงเห็นเพียงว่าเป็นชายร่างสูง เดินเข้ามา
“คุณปีเตอร์?” ฟ้ากระจ่างร้องเรียก
ชายคนนั้นไม่ตอบ ยกมือขึ้นมีปืนในมือของเขา ชายคนดังกล่าว ก้าวเข้ามาในแสงสว่าง ปรากฏว่าคือตัวฟ้ากระจ่างนั่นเอง แล้วยิ่งปืนเปรี้ยงใส่ฟ้ากระจ่าง กระสุนเข้าที่อก ร่างฟ้ากระจ่างกระเด็นไปตามแรงปืน ล้มลง เลือดไหลออกมาจากอก

ฟ้ากระจ่างบนเตียงนอน สะดุ้งเฮือก ผวาลืมตาตื่นขึ้น เอามือคลำดูที่บริเวณหน้าอกที่โดนยิง ไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยใดๆ
ฟ้ากระจ่างยันตัวลุกขึ้นนั่ง มือยังทาบนิ่งอยู่ที่อกตัวเอง

บ่ายแก่ๆ ฟ้ากระจ่างเปลี่ยนชุดเรียบร้อย หลังกลับมาจากข้างนอก มาเป็นชุดอยู่บ้านแล้ว เพิ่งจะล้างหน้ามา ดูสดใส เดินลงบันไดมา ฟ้ากระจ่างตั้งใจจะไปหาอะไรกิน พอลงมาถึง จะเลี้ยวไปทางครัว เสียงเกียรติบดินทร์ดังมาจากทางห้องทำงาน
“ผมกราบเรียนนายหัวแล้ว ไม่ทราบว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง..แต่ดูเหมือนว่านายหัวจะไม่ยอมเข้าใจ ผมจะไม่ไปเรียนเมืองนอก ไม่ไปที่ไหนทั้งนั้น ยังไงๆก็ไม่ไป”
ฟ้ากระจ่างชะงัก หยุดฟัง
“น้องดินจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ต่อจากนี้ไป พ่อเชื่อว่าสถานการณ์ระหว่างเรากับไอ้พวกนั้นมันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มันอันตรายมากนะน้องดิน” เสียงบัญชาดังลอดออกมา
ภายในห้องทำงานเวลานั้น พ่อลูก...บัญชากับเกียรติบดินทร์เผชิญหน้ากันสองคน
“อันตรายแล้วไง นายหัวจะให้ผมหนีหางจุกตูดเอาตัวรอดเหรอ นายหัวคิดเหรอ ว่าไอ้จ้างมันจะเจ๋งกว่าผม ผมบอกไว้เลยนะ ผมตะหาก ที่เหนือกว่ามัน ถ้าผมไม่ช่วยมันเมื่อคืน ป่านนี้มันคงนอนมีรูโบ๋ที่กลางหัวกบาลไปแล้ว”
“น้องดิน..น้องดินห้ามทำแบบนี้อีกเด็ดขาด” บัญชาลดเสียงเบาลง “น้องดินควรจะต้องรู้ ว่าพ่อแม่ให้คนไปเอาตัวจ้างมาอยู่ที่นี่เพื่ออะไร”
ฟ้ากระจ่างสนใจยิ่งขึ้น ขยับก้าวเข้ามายืนฟังในเงาข้างประตู
“เพราะผมมันไม่ดีพอ ที่จะเป็นทายาทของนายหัว..ใช่ไหม”
“ผิดแล้ว..น้องดิน จ้างมันต้องมาอยู่ที่นี่..เพื่อจะเป็นเหยื่อเอาไว้ล่อเป้าแทนน้องดินตะหาก”
“อะไรนะครับ”
ฟ้ากระจ่างผงะ ตกตะลึง อึ้งไป ในขณะที่บัญชายังพูดต่อ
“การที่พ่อประกาศตัวเป็นศัตรูคู่แข่งกับไอ้ปีเตอร์..พ่อไม่ต้องการให้น้องดินมาเกี่ยวข้อง..แต่น้องดิน..ดื้อ..จนเกิดกรณีกับพวกนายนพชัย มาดามพิณ บานปลายใหญ่โต เล่นกันถึงตาย..แล้วในเมื่อพ่อมากลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้ว.. น้องดินคิดว่าคนที่จะโดนเป็นคนต่อไป..ในบ้านเรา มันจะเป็นใคร..ถ้าไม่ใช่น้องดิน!!!”
“ผมไม่กลัว..คนต่อไปที่ควรโดน..เป็นพวกมันตังหาก..ไอ้ชิงชัย ยัยเทเรซ่า” เกียรติบดินทร์อวดดีต่อ
“หยุด! รู้จักฟังซะบ้าง..น้องดิน..เรื่องนี้พ่อเป็นคนก่อ แต่พ่อไม่ต้องการให้ลูกต้องมารับ..พ่อไม่ยอมให้ลูกเป็นอะไรเด็ดขาด..แม่เค้าแอบซุก..เลี้ยงไอ้จ้างไว้ตั้งนาน..จนโตขนาดนั้น..จะให้มันอยู่ลอยนวลสุขสบายคนเดียวได้ไง ในเมื่อพวกเรามีปัญหา มันก็ควรจะต้องกลับมา..ทำหน้าที่ของมันบ้าง”
เกียรติบดินทร์งง “หน้าที่...?”
“มันเป็นลูกติดของแม่เค้า แม่เค้าเมตตา ไม่ปล่อยให้มันตายอยู่ในกองขยะก็บุญแล้ว..มันก็ควรมารับใช้พวกเราบ้างสิ..มันเก่ง ฉลาด ไม่ใช่โง่ ใช้การณ์ได้หลายอย่าง..เพราะฉะนั้น..ขอให้น้องดินเข้าใจซะใหม่ ว่าพ่อเอามันมา ไม่ได้เห็นว่ามันดีวิเศษ แล้วเชิญมันมาแย่งตำแหน่งของน้องดิน..แต่ตำแหน่งที่พ่อต้องการจะให้มันรับไว้..ก็คือให้มันมาตาย..แทนลูกคนเดียวของพ่อกะแม่ตังหาก!!”
ได้ยินคำพูดบัญชา ฟ้ากระจ่างช็อกสุดขีด

ค่ำวันนั้นที่ศาลเจ้า เกิดฝนตก ฟ้าคะนอง ฟ้าแล่บ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า โดยไม่มีเค้ามาก่อน
ลมกรรโชกแรง ฝนสาดเข้ามาทางประตู หน้าต่างด้านหนึ่ง ลมพัดแรงจนเครื่องเซ่นไหว้ที่เป็นของเบาๆ กระดาษ หรือผ้าปลิวว่อนกระจายไปทั่วบริเวณ
กู๋เหลียงรีบวิ่งมาเก็บ
“โอ๊ยๆๆๆ ฝนหลงฤดูอะไรกันนักหนาว้า..เอ้าๆๆ ช่วยด้วยๆๆ ชวยกันหน่อยเว้ย”
นักบวชตงรีบวิ่งมาปิดหน้าต่าง ปิดบานนี้เสร็จ รีบจะไปปิดอีกบาน เพราะไม่ทันระวังเท้านักบวชตงเหยียบลงไปที่น้ำฝนที่เปียกเจิ่งนองพื้น แล้วลื่นปื๊ด นักบวชตงล้มลงไม่เป็นท่า
“ไอ๊หย่าๆๆ ขาหักแล้วโว้ยๆ” นักบวชตงร้องลั่น
กู๋เหลียงตกใจ รีบวิ่งเข้ามาดู
“เฮ้ย..อาจารย์ตง..พูดจริงหรือหลอก..ไหน ดูซิ เจ็บตรงไหน”
“ตรงๆนี้ๆๆ” นักบวชตงชี้ที่ข้อเท้า
กู๋เหลียง เอามือจับๆ ดู แล้วเงยมา หน้าซีด “แย่แล้ว..หักจริงๆ ด้วย ดูสิ บวมขึ้นมาเลย”
สองชายชราเสาหลักของชาวศาลเจ้าหน้าซีดเผือด

โทรศัพท์ฟ้ากระจ่าง มีเสียงสัญญาณโทร.เข้า แสงวาบ แต่ปรากฏว่าโทรศัพท์ถูกทิ้งไว้บนเตียงนอน
ท่ามกลางต้นไม้ต่างๆ ที่โดนลมแรงพัดไหวไปมา ฟ้ากระจ่างกำลังยืนเหวออยู่ในสายลม หน้าซีดเผือด แววตาตื่นตระหนก เสียใจ และปวดร้าวเกินจะบรรยาย
ภาพเหตุการณ์ที่ได้ยืนได้ฟังมา ผุดขึ้นมาในความคิดอีกครั้ง
“ขอให้น้องดินเข้าใจซะใหม่ ว่าพ่อเอามันมา ไม่ได้เห็นว่ามันดีวิเศษ แล้วเชิญมันมาแย่งตำแหน่งของน้องดิน..แต่ตำแหน่งที่พ่อต้องการจะให้มันรับไว้..ก็คือให้มันมาตาย..แทนลูกคนเดียวของพ่อกะแม่ตังหาก!!”
ใบหน้าฟ้ากระจ่างยามนี้ กำลังเสียขวัญอย่างหนัก

เวลาเดียวกัน อาหึ่งกดตัดสายโทรศัพท์ หันมามองหน้าสารภี
“จ้างไม่รับโทรศัพท์อีกละ”
“มันคงไม่รับเบอร์พ่อเบอร์แม่แล้วมั้ง ค่ำๆ แบบนี้ คงรับแต่โทรศัพท์สาวๆ” สารภีเยาะ
“เฮ้อ..ใส่ร้ายป้ายสีมันอยู่ได้ มันอาจจะกำลังยุ่งมากกว่า ไหวมั้ย..อาจารย์”
นักบวชตง นั่งหน้าซีด ลูบที่ข้อเท้าไปมา พนมมือ เสกคาถา ใส่ขาตัวเอง
ในสภาพน้ำเจิ่งนองไปทั่วพื้น และฝนยังพรำๆ กู๋เหลียงถอยรถกระบะมาเทียบ เปิดลงมา
“เร็วๆๆ ลูกชายไม่อยู่ คนแก่ๆ ก็ต้องช่วยเหลือกันเองล่ะวะ”
กู๋เหลียง อาหึ่ง ช่วยกันประคอง หิ้วปีกอาจารย์ตง ที่เขย่งเดินขาเดียว มีสารภีกุลีกุจอช่วยเปิดประตูรถให้
“ไม่ต้องไปบอกไอ้จ้างมันร้อก..มันยิ่งปัญหาเยอะอยู่ด้วย แล้วมันก็เพิ่งกลับมา กะอีแค่ขาหัก ไกลหัวใจนัก อย่าไปทำให้มันมาห่วงอั๊วเล้ย”
อาจารย์ตงบอก

เกียรติบดินทร์เปลี่ยนชุดลำลองอยู่กับบ้านแล้ว กำลังนอนหงายอยู่บนเตียง หนุ่มเลือดร้อนนอนแผ่แขนขาเต็มเตียง ดวงตาที่มองเพดาน ดูอึ้งๆ งงๆ สับสน หน้านิ่ว คิ้วขมวด คิดหนัก
“ขอให้น้องดินเข้าใจซะใหม่ ว่าพ่อเอามันมา ไม่ได้เห็นว่ามันดีวิเศษ แล้วเชิญมันมาแย่งตำแหน่งของน้องดิน..แต่ตำแหน่งที่พ่อต้องการจะให้มันรับไว้..ก็คือให้มันมาตาย..แทนลูกคนเดียวของพ่อกะแม่ตังหาก!!”
คำพูดของบัญชาดังก้องในหัวอีกครั้ง ใบหน้าเกียรติบดินทร์ครุ่นคิด รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง เขารับไม่ได้
ทันใดนั้น มีเสียงเคาะประตูถี่ๆ เป็นทรายทองที่กำลังเคาะประตูติดๆ กัน
“พี่ดินๆๆ”
เกียรติบดินทร์ลุกไปแบบเนือยๆ ขี้เกียจ เปิดประตู
“อะไร”
“เชิญลงไปรับประทานอาหารค่ะ”
“เออ..ขอบใจ”
เกียรติบดินทร์หาวใหญ่ๆ เดินเฉียดไหล่ทรายไป

เวลาต่อมานายน้อมกำลังดูแลเครื่องใช้ส่วนตัวของบัญชาที่นั่งหัวโต๊ะ แต่ยังไม่ลงมือกิน ดารากานต์ช่วยป้าบัวจัดน้ำสลัดชนิดต่างๆ
เด็กรับใช้นำชามผัก และของใส่สลัดต่างๆ มาวางบนโต๊ะ ดูเหมือนสลัดบาร์ เกียรติบดินทร์เดินเข้ามา นั่งลงที่ตน กวาดตามองอาหารไปทั่วโต๊ะ
“โอ๊ว..พวกเราจะสุขภาพดีกันใหญ่แล้ว”
“นี่ไงจ๊ะ โปรตีนแล้วแต่ชอบ ใครชอบซีฟู้ด ใครชอบไส้กรอก ไก่ ไข่ต้ม ก็เชิญตามสบายเลย”
ทรายทองเดินทำหน้ายุ่งเข้ามาจากหน้าบ้านรายงานบัญชาและดารากานต์
“พี่จ้างไม่อยู่นะคะ เด็กที่โรงรถบอกว่า..ขับรถออกไปซักครึ่งชั่วโมงได้แล้วค่ะ”
“อะไรกัน แล้วทำไมไม่บอกใคร..จ้างนี่ยังไงนะ ก็รู้อยู่แล้ว ว่าไม่ควรไปไหนมาไหนตามลำพัง พวกเรากำลังมีคนปองร้ายอยู่ เฮ้อ..เด็กพวกนี้นี่”
“ไปบ้านนายเด่นละมั้ง..จ้างมันไม่มีที่อื่นให้ไปหรอก”
“ชอบทำให้พ่อแม่เป็นห่วงอยู่เรื่อย..แย่จัง”
บัญชาจิบน้ำ สีหน้าสะใจ หมั่นไส้
เกียรติบดินทร์ตักโน่นนี่กินไป แต่หน้าตาครุ่นคิด

เวลาต่อมา นายเด่นพูดโทรศัพท์ “ไม่ได้มานี่”
เป็นสายที่นายน้อมโทร.หาจากที่บ้านบัญชา
“อ้าว เหรอ..แล้ว..ดวงยิหวาล่ะ”
นายเด่นมองไป ที่หน้าคอมพ์ฯ เห็นดวงยิหวานั่งทำงานอยู่
“ดวงก็นั่งทำงานอยู่นี่..ทำไม..มีอะไรเหรอ” นายเด่นถามกลับ
“เอ..งั้นคุณจ้างหายไปไหนของเค้านะ” นายน้อมแปลกใจ

ด้านบุรีแต่งตัวเรียบร้อยเตรียมจะออกไปเที่ยวข้างนอก ฟ้าใสใส่ชุดนอนอยู่ใกล้ๆ
“คืนนี้ชั้นไม่กลับนะ จะไปนอนที่บ้านซะหน่อย พรุ่งนี้จะมีพวกผู้รับเหมามาคุยแต่เช้า ขี้เกียจรีบตื่น”
“แหม..แล้วทำไมไม่ให้ฟ้าใสไปอยู่ที่บ้านคุณซะเลยล่ะ”
“ไม่ดีหรอก..ยังไม่ถึงเวลา..ไปนะ”
ฟ้าใสเข้ามาจูบแก้ม บุรียิ้มกริ่ม รู้สึกอิ่มเอม แล้วออกไป
ฟ้าใสปิดห้อง บิดตัวไปมา บริหารกายเล็กน้อย แล้วเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำออกมาเปิด เงยหน้าซดแบบไม่ต้องใส่แก้วอย่างเคยชิน
ทันใดนั้น เสียงมือถือฟ้าใสดังขึ้น ฟ้าใสทำหน้าแปลกใจ เดินไป เอามาดูเบอร์ที่โชว์แล้วทำหน้างง
“เบอร์ใคร..แปลกๆ”
ฟ้าใสมองนิ่งคิด ตัดสินใจครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจกดรับ “ฮาโหล”
เสียงทางนั้นเงียบๆ
“ใครคะ ทำไมไม่พูดล่ะคะ..นี่ฟ้าใสนะคะ”
“เจ๊เสี้ยวท้อ..นี่ผมนะ”
“เจ๊เสี้ยวท้อ..บ้า..แกเป็นใคร ชั้นชื่อฟ้าใสนะ..” ฟ้าใสเม้งเพราะไม่มีใครเรียกชื่อนี้มานาน สักพัก นึกได้ ตาเบิกโพลง ละล่ำละลัก “จ้าง..นั่นจ้างใช่ไหม”
น้ำเสียงฟ้าใสตื่นเต้นเหลือกำลัง

ไม่นานหลังจากนั้นฟ้าใสลงจากมอเตอร์ไซค์วินที่ปากซอยแห่งหนึ่ง มองไปในซอย เห็นรถคันงามของจ้าง จอดอยู่ในเงามืดของสุมทุม
มองซ้ายแลขวา ชัวร์ว่าไม่มีใครจึงรีบเดินเข้าไป ฟ้าใสมาหยุดที่รถที่จอดทิ้งไว้ ไม่มีคน ฟ้าใสระวังๆ ระแวงๆ มองรอบๆ แล้วสะดุ้ง
“ว้าย!”
จ้างยืนอยู่ในเงาสลัว ยกมือไหว้ หน้าตาท่าทางเป็นจ้างแบบเดิมๆที่สุด
ฟ้าใสตัวเผลอรับไหว้ “อาจ้าง”
“เจ๊เสี้ยวท้อ..สบายดีนะ”
“บอกเป็นล้านหนแล้วนะ ว่าอย่าเรียกเจ๊ แล้วชั้นก็เปลี่ยนชื่อแล้วด้วย”
ฟ้ากระจ่างหน้าตาขมขื่น “แล้วเจ๊กลายเป็นคนอื่นจริงๆเหรอ..เหมือนเกิดใหม่เลย..ประมาณนั้นเลยเหรอ”
“ใช่! เธอเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ..คุณฟ้ากระจ่าง..คุณชายฟ้ากระจ่าง”
ฟ้าใสทำเสียงประชดจิกกัดแดกดันเต็มที่
ฟ้ากระจ่างหัวเราะออกมาแบบขำที่สุดในโลก ฟ้าใสตกใจมองเหมือนกับว่าฟ้ากระจ่างบ้าไปแล้ว
ฟ้ากระจ่างหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล แล้วค่อยๆ เช็ดน้ำตา ยิ้มเย้ยหยัน
“คุณชายฟ้ากระจ่าง..นี่มันลิเก..หรืองิ้วที่เราชอบดูเวลาศาลเจ้ามีงานหรือเปล่าเจ๊”
ฟ้าใสยังงงๆ อยู่ “นี่คุณจ้าง..ชั้นไม่ชอบให้ใครมาเรียกชั้นเจ๊นะ”
“เจ๊เสี้ยวท้อ..คือพี่สาวที่ช่วยอาม่าสาลี่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็กๆ ไม่ใช่เหรอ..เจ๊เคยป้อนข้าวผม เคยเล่นกับผม..เคยจูงผมไปตลาด..เคยสอนผมทำเลข..ไม่ใช่เหรอ..เจ๊ไม่ใช่คนๆ นั้นหรอกเหรอ”
ฟ้าใสอึ้ง สะอึก “อาจ้าง..”
“เจ๊จะเปลี่ยนไป..ยังไง..ผมก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ผม..ก็เป็นแค่อาจ้างคนเดิม เป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อไม่มีแม่คนเดิมนั่นแหละ”
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ จ้าง”
“ก็มันจริงหนิ..คนเรา..ถ้าเค้าเคยเอาอะไรไปโยนทิ้งซะหนนึงแล้ว เจ๊นึกว่าเค้าจะเก็บมันกลับมา..เพราะรู้สึกว่ามันมีค่าจริงๆ เหรอ..ไม่มีวันหรอก”
ฟ้าใสจ้องหน้าฟ้ากระจ่าง ซึ่งฟ้ากระจ่างมองตอบด้วยแววตาแสนว่างเปล่าโดดเดี่ยวอ้างว้างที่สุด ฟ้าใสผวาตัวดึงรั้งร่างฟ้ากระจ่างเข้ามากอดไว้เหมือนกอดเด็กๆ

ฟ้ากระจ่างกอดฟ้าใส เหมือนกับเด็กน้อยที่หลงทาง และกำลังต้องการที่พึ่งทางใจสุดๆ














Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 21:30:28 น.
Counter : 241 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]