All Blog
ลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 8



คลื่นทะเลโถมตัวขึ้นฝั่งซัดสาดบนฝั่งชายหาดเบื้องล่างลูกแล้วลูกเล่าอย่างไม่รู้เหนื่อย ในขณะที่ปีเตอร์เดินสำรวจดูบริเวณรอบๆ สวนภายในโรงแรมทั้งทางเข้าและทางออก เหมือนจะหาร่องรอยคนร้าย ตรงบริเวณทางเข้าออกของโรงแรมด้านที่ขึ้นมาจากทะเล มีรปภ. เดินไปมาตรวจตราอยู่ เทเรซ่ามามองพ่อด้วยความสงสัย ตัดสินใจเดินเข้าไปถาม

“แดดดี้..ทำอะไร”
“คนๆนั้น..ที่มาทำร้ายเทเรซ่า..เขาปะปนอยู่ในหมู่แขกโรงแรมใช่ไหม” ปีเตอร์ไม่ตอบแต่ถามข้อมูลลูกสาว
“ถ้าเทเรซ่าบอกแดดดี้ แล้วแดดดี้สัญญาได้ไหมคะ ว่าจะไม่บอกมาดามพิณกับคุณชิงชัย” เทเรซ่าตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“หมายความว่ายังไง” ปีเตอร์ชะงัก จ้องหน้าลูกสาว
“เทเรซ่ารู้จักเค้า ทุกคนรู้จักเค้า”
“ฮะ..แล้วมันยังกล้า..มันเป็นใคร” ปีเตอร์ตาดคั้น
“ลูกชายนายหัวบัญชา” เทเรซ่าหมายถึงเกียรติบดินทร์
“โอ...” ปีเตอร์ตกตะลึง
“พ่อเค้าถูกยิง..หลังจาก..คุณพ่อของคุณชิงชัยถูกยิง” เทเรซ่าอธิบายเพิ่ม
“มันกล้ามาเอง..มันจะทำอะไรลูก” ปีเตอร์ถามต่อ
“แดดดี้ นี่มันคือเรื่องแก้แค้นของคน 2 พวกนี้ แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน” เทเรซ่าว่า
“แล้วลูกของพ่อไปเกี่ยวอะไรดัวย มันมีปัญหากัน ทำไมมันไม่ดวลกันให้ตายไปข้างนึงเลย มาแตะเทเรซ่าทำไม” น้ำเสียงปีเตอร์โกรธแค้นมาก
“เขาน่ากลัวมาก เขาเหมือนคนเสียสติ ถ้าคุณจ้างไม่เข้ามา..เทเรซ่าคง...” เทเรซ่าสยองเมื่อถึงใบหน้าเกียรติบดินทร์
“นายหัวบัญชา...คุณยังได้รับบทเรียนไม่พอใช่ไหม…”
ปีเตอร์สบถออกมา น้ำเสียงซีเรียส
“แดดดี้คะ..เราอย่าเข้าไปยุ่งกับเขาเลย” เทเรซ่าขอร้อง
ทว่าปีเตอร์ของขึ้นอย่างแรงเสียแล้ว
“แต่เขามายุ่งกะลูกของพ่อทำไม มันมากเกินไปแล้ว คนๆ นี้..คนครอบครัวนี้..เขานึกว่าพวกเขาเป็นใคร..แล้วเขานึกว่าพวกเราเป็นอะไร ทำไมลูกไม่บอกแดดดี้ตั้งแต่วันนั้น ว่ามันคือลูกนายหัวบัญชา..หา เทเรซ่า จริงๆ เราน่าจะทำตามคำแนะนำของเด็กคนนั้น..จ้าง..เราควรจะแจ้งความ..ถ้าติดต่อเค้าได้ก็ดี จะได้ให้เขามาเป็นพยาน เล่นงานลูกชายนายหัวบัญชาให้เข็ด”
สีหน้าแววตาของปีเตอร์บอกให้รู้ว่าเอาจริง จนเทเรซ่ารู้สึกเป็นกังวล

ฟ้ากระจ่างอยู่ในห้องนอนที่บ้านบัญชา ยืนงงๆ มือจับที่แผล พลางใช้ความคิด มองเหม่อออกไปทางหน้าต่างห้องนอน ซึ่งเป็นห้องบัญชาเดิม
น้อมเดินเข้ามา ยืนมองข้างๆ ถือรองเท้าที่ใส่ตอนอยู่ในบ้านมาด้วย มองดูเท้าในถุงเท้ากีฬา ที่ใส่มากับรองเท้าผ้าใบราคาถูก และเก่าของฟ้ากระจ่างอย่างอนาถใจ
“นี่..รองเท้าสำหรับใส่เดินในบ้านครับ..เอ่อ..ที่นี่เค้าไม่ใส่ถุงเท้า หรือว่า เดินเท้าเปล่าในบ้านกัน” น้อมอธิบาย
“อ้อ..ครับ ขอบคุณครับ คุณพี่” ฟ้ากระจ่างไหว้ พลางรับรองเท้ามา ยิ้มให้อย่างจริงใจ
“เอ่อ..คือ..อย่าหาว่ายังงั้นยังงี้เลย..คุณไม่ควรเรียกผมว่า..คุณพี่..ใครได้ยินเข้า จะหาว่าผมลามปาม ทำตัวสูงส่งกับคุณ” น้อมว่า
“อ้าว..งั้น..ขอโทษครับ..เฮีย” ฟ้ากระจ่างเปลี่ยนสรรพนามใหม่
น้อมสะดุ้งโหยงรีบอธิบายต่อ
“เย้ย..เรียกแบบนั้นก็ไม่ได้ มันเหมือน..ผมไปตีสนิทคุณเกินไป คุณคือคุณชายคนโตของบ้านนี้ ผม..เป็นแค่พ่อบ้าน..ของนายหัว คุณเรียกผมว่านายน้อม..พอ”
“นายน้อม..แต่คุณพี่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่..ผมต้องให้ความเคารพนับถือคนที่อาวุโสกว่าเรา เรียกแบบนั้น..มันเหมือน..ผมเป็นคนที่ไม่มีสัมมาคารวะ” ฟ้ากระจ่างแย้ง
“มันคือตำแหน่งหน้าที่ครับ..ไม่เกี่ยวกับวัย..เรียกผมว่านายน้อม..จบ โอเค้?” น้อมว่า
“ครับๆ ขอโทษครับ” ฟ้ากระจ่าง ไหว้อีก
“เย้ย..ไม่ต้องไหว้”
“อ้อ..ครับๆ” ฟ้ากระจ่างพยักหน้า
“แล้วพูดกับผม..ไม่ต้องพูดครับ” น้อมว่าขึ้นอีก
“อ้าว...” ฟ้ากระจ่างอึ้ง
น้อมมองฟ้ากระจ่าง อย่างสมเพชเวทนา ก่อนจะเริ่มอบรมหลักสูตรคุณชายคนโตของ ‘บ้านเกียรติถลาง’
“แล้วดูสิ ยืนขากาง หลังก็ก้มๆ ตัวออกสูงใหญ่..ยืนให้สง่าๆ หน่อย คุณคงต้องออกงานแทนนายหัว..ต่อจากนี้ไป..คุณจะมาทำงอๆ หงอๆแบบนี้ไม่ได้ แบบนี้คุณดินข่มตาย”
ฟ้ากระจ่างมองหน้าน้อม อย่างสนใจ
น้อมฉุกคิดขึ้นมาได้
“นี่ๆๆ..อย่าได้ไปเอ่ยให้ใครได้ยินเชียวนะ ว่าผมพูดว่าอะไรคุณดิน ผมไม่เคยเห็นใครมาดีกว่าคุณดินอยู่แล้ว..แต่ว่า..คุณมาอยู่ในฐานะพี่ชายของเค้า คุณต้องทำตัวให้สมฐานะตัวเองสิ พูดง่ายๆ ว่า..ทำตัวให้สมบทบาทหน่อย อย่าให้คนเขามาตำหนินายหัวได้ ว่าไปเอาใครที่ไหนไม่รู้ มาทำงาน”
“ครับ..เอ่อ..ได้..ผมจะ..พยายาม” ฟ้ากระจ่างรับคำ
นายน้อม ยืดตัวขึ้น “ดีมาก..แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่า..ให้คุณไปปีนเกลียวกับคุณดินนะ ถ้าเป็นไปได้ก็..ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องไปยุ่งกะแกมาก..เดี๋ยวคุณดินก็คงต้องไปเรียนเมืองนอกแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
ฟ้ากระจ่างมองด้วยแววตาขอบคุณ “ขอบ..ขอบใจ..ใช่ไหม ไม่ควรใช้..ขอบคุณ”
“ถูก..เรียนรู้เร็วดี..คุณมีธรรมชาติเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนน่ะดีแล้ว แต่ต้องรู้จักการวางตัวให้สมฐานะด้วย..แล้วคุณจะดูดี..อย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึงเลยล่ะ”
น้อมมองอย่างหมายมาด ที่จะปั้นดินให้เป็นดาว

เวลาเดียวกันดวงยิหวาอยู่ที่บ้าน นั่งมองโทรศัพท์มือถือตัวเอง แล้วก็เอามากดเบอร์ฟ้ากระจ่างที่เม็มไว้แล้ว จ้าง
แต่เสียงที่ดังกลับมา ยังคงบอกว่า ไม่มีสัญญาณตอบรับเหมือนเดิม ดวงยิหวาเซ็ง วางโทรศัพท์ลง จะเดินออกไปอีกห้อง
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ดวงยิหวาดีใจมากมาย
“โทร.มาได้ซะทีนะ..คุณพี่จ้าง...”
แต่พอวิ่งมาถึงโทรศัพท์ หยิบขึ้นมาดู แล้วทำหน้าผิดหวัง
“คุณดิน...” ถอนหายใจ ก่อนจะกดรับสาย
“ดวง..ชั้นจะอ้วกอยู่แล้วนะ” เกียรติบดินทร์โทร.จากในห้องนอน และนอนพูดบนเตียง
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็ไอ้เด็กจากถังขยะอ่ะสิ มันมาเล่นละครน้ำเน่าอยู่ได้ เห็นหน้ามันแล้วอยากถีบให้หงาย” เกียรติบดินทร์ดูหงุดหงิดเอามากๆ
“แล้วคุณทำอะไรไม่ดีใส่เค้าไปล่ะ” ดวงยิหวาถามอย่างรู้ทัน
“ก็ไม่มีอะไรมาก..ก็แค่..ไม่ยอมรับมันเป็นพี่” เกียรติบดินทร์ว่า
“ดี ออกฤทธิ์ออกเดชเข้าไป” น้ำเสียงดวงยิหวาประชด “ใครๆ จะได้เห็นเค้าเป็นพระเอก..แล้วคุณก็จะได้ดูเป็นผู้ร้าย..เป็นเด็กไม่รู้จักโตยิ่งขึ้นๆๆอีก อยากมีภาพแบบนี้ไปตลอด..ก็ตามใจ”
“งั้น..เธอมาหาชั้นหน่อยสิ วันนี้..ชั้นว่าจะต้องมีการเลี้ยงดูปูเสื่อ ต้อนรับไอ้บ้านั่นแหงๆ เธอมาร่วมโต๊ะ เป็นเพื่อนคุยของชั้น ชั้นจะได้ไม่ต้องมองหน้ามันไง”
“คุณดิน..ตลกแล้ว..จะชั้นไปนั่งกินเลี้ยงกะครอบครัวคุณเนี่ยนะ ไปในฐานะอะไรไม่ทราบ” ดวงยิหวาทำท่าจะขอบาย
“ฐานะแขกของผม..ที่บ้านผมก็รู้จักคุณทุกคน ไม่เห็นต้องคิดมากเลย..หรือจะให้บอกว่า..เราเป็นแฟนกัน”
“พอเลย..คุณดิน..จบเลย..ชั้นไม่ไปหรอก..ถ้าคุณคิดเองไม่ได้ ว่าควรทำตัวยังไง ชั้นก็เห็นสมควรแล้ว..ที่นายหัวตัดสินใจแบบนี้”
“โห..ใจร้ายอ่า ไม่ยอมๆๆ” เกียรติบดินทร์งอแง ทำท่างุงิต่อไป “ทำไมอ่า มานะๆๆ นะๆๆๆ”
ดวงยิหวาไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร ขำก็ขำ เบื่อก็เบื่อ

ตั้งใจจะอาบน้ำ แต่พอเห็นที่วางผ้าเช็ดตัวและราวในห้องน้ำ ที่มีทั้งผ้าคลุม ขนหนูแบบมีฮู้ด ผ้าผืนใหญ่แบบนุ่งได้ ผ้ากลาง ผืนเล็ก ฟ้ากระจ่างยืนงงเป็นไก่ตาแตก พอหันมาที่อ่างล้างหน้า ก็ยังมีผ้าขนหนูผืนเล็กๆ วางอีก
“โห..มันต้องใช้ผ้าเช็ดตัวกันกี่ผืนวะ ใช้เช็ดผืนละส่วนรึไงเนี่ย” อาจ้างของชาวศาลเจ้าบ่นงึมงำ
จากนั้นฟ้ากระจ่างหยิบดูของใช้หน้ากระจก ที่เรียงรายเป็นแถว
“นี่มันโรงแรมห้าดาวชัดๆ”
ฟ้ากระจ่างหยิบดู ดม เปิดดูทีละขวดๆ
“ต้องใช้ทุกอย่างเลยไหมปะเนี่ย”
ฟ้ากระจ่างเดินสำรวจมาจนถึงโถส้วมชักโครก มองรอบๆ เป็นโถที่ดีไซน์เก๋ๆ ที่ไม่มีที่กดชักโครกแบบทั่วๆไปในเมืองไทย
ฟ้ากระจ่างมองรอบๆ สงสัย หาไปหามา แล้วในที่สุด เดินออกไปโผล่หน้า
“นายน้อมครับ..นายน้อม” ฟ้ากระจ่าง
“ไม่ต้องครับ..มีอะไรครับ” น้อมขานรับ
“คือ..เชิญในนี้หน่อย..สักครู่”
นายน้อม ทำสีหน้าไม่วางใจ แต่ก็รีบมา “อะไร อย่าบอกนะ ว่าจะให้ผมถูหลังให้”
ฟ้ากระจ่าง “ชักโครกอ่ะครับ..เอ๊ย..ชักโครกเนี่ย..ที่กดน้ำมันไปไหน” ฟ้ากระจ่างถามพาซื่อ
“อ้อ..นี่ครับ” น้อมชี้ให้ดู ว่าอยู่ตรงผนังห้องน้ำ
“เอ๋อ..อ่อ”
นายน้อม มองรอบๆ “มีอะไรสงสัยอีกไหมครับ..อ้อ” น้อมเดินมาที่อ่าง “จะให้ผมเปิดน้ำให้ไหมครับ..นี่เป็นน้ำร้อน นี่น้ำเย็น มันเป็นจากุชชี่นะครับ..ทำเองไหม หรือว่า..จะให้ผมสอน”
“เอ่อ..คือ..”
น้อมกำลังจะเดินออก
“นายน้อมสอนก่อนดีกว่า..อธิบายไปทีละอย่างเลย พวกของที่บ้านคนบ้านนอกธรรมดาๆค่อนข้างจะไม่รวย..เค้าไม่มีใช้กันน่ะ”
น้อมยิ้ม ถูมือตัวเองไปมา กระตือรือร้นที่จะสอนฟ้ากระจ่าง...ปั้นดินให้เป็นดาวต่อ
“ได้เลยครับ..เริ่มจาก..กลาสบ็อกซ์ ห้องอาบน้ำฝักบัวก่อนเลยนะครับ” น้อมเดินนำไป เปิดประตูกลาสบ็อกซ์ “ไม่ว่าอ่างล้างหน้า อ่างจากุชชี่ และรวมทั้งกลาสบอกซ์นี้ เรามีก๊อกน้ำเย็น และน้ำร้อน ให้คุณเลือกผสมอุณหภูมิได้ แบบนี้นะครับ...”
ฟ้ากระจ่างตาดู หูฟัง ตั้งใจเรียนรู้เรื่องห้องน้ำระดับห้าดาวเอามากๆ

อาหึ่งอยู่ที่ศาลเจ้า กำลังออกอาการแทบจะกรี๊ด เงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือมาอวดชาวศาลเจ้าทุกคน
“อาจ้าง..อาจ้างโทมา”
ทุกคนที่กำลังกินข้าว วางชามลง ส่วนอาม่าสาลี่ที่กำลังตักกับข้าวอยู่ที่หน้าเตา ถึงกับวางตะหลิว วิ่งมา
อาม่า “หาๆๆ อาจ้างโทมาจากไหน จากคฤหาสน์ร้อยล้านหรอ”
ฟ้ากระจ่างอยู่ในเสื้อคลุมผ้าขนหนูตัวใหญ่ มีฮู้ดขาว หัวยังมีผ้ากลอสปิดแผลอยู่ เดินมาคุยสายที่มุมหนึ่ง น้อมกำลังจัดเสื้อผ้าชุดใหม่ เลือกจากเสื้อผ้าในตู้
ฟ้ากระจ่างถามอาหึ่งน้ำเสียงกระตือรือร้น “ป๊า..เป็นยังไงบ้าง”
“เป็นยังไงล่ะ ก็คิดถึงลื้ออ่าสิ แล้วลื้อล่ะ สงสัยจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะคิดถึงอั๊วใช่ม้า” อาหึ่งยิ้มเผล่
“ถูกเผงเลย ป๊า..แม่ล่ะ แม่สารภี ปวดขา ปวดหลังอีกหรือเปล่า”
“โอ๊ย..อีบ้าติงต๊องนั่นน่ะเหรอ ไม่ต้องไปสนใจมันเลย”
สารภีได้ยินรีบวิ่งมาแย่ง ร้องกรี๊ด “ลูกถามถึงอั๊วะ ลูกถามถึงแม่” สารภีมาแย่งโทรศัพท์ไป “อาจ้างๆๆ นี่ลื้อฟังให้ดีนะ ตั้งใจฟังดีๆ” สารภีร้องเพลงค่น้ำนม “แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง..ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล..แม่เราเฝ้าโอละเห่..กล่อมลูกน้อยนอนเปล มิห่างหันเหไปจนไกล”
ฟ้ากระจ่างหัวเราะอวยแม่สุดฤทธิ์ “โอ๊ย..แม่ แม่ร้องเพลงโคตรๆๆ จะเพราะเลยครับ”
นายน้อมมองเหล่ๆ แต่สนใจ อยากรู้อยากเห็น
“นั่นล่ะ ลื้อจำไว้ ว่าลื้อกินนมอั๊วมาแต่เด็ก นมจากเต้าเลย..เพราะฉะนั้น..ลื้อต้องไม่ลืมค่าน้ำนม พรุ่งนี้..ลื้อต้องส่งมาให้อั๊วเลย ห้าร้อยห้าสิบบาท เข้าใจ๋” สารภีว่า
ฟ้ากระจ่างหัวเราะร่า “อะไรอ่า แม่ ปกติอั๊วให้แม่ 500 นะ จะเอาอะไรอีก 50”
“เดี๋ยวนี้ลื้อรวยแล้วนี่นา ลื้อเป็นคุณชายแล้ว..ต้องขึ้นเงินเดือนให้แม่ 50บาทซี่
ฟ้ากระจ่างหัวเราะขำ “เอาเป็น 600 เลยละกัน”
อาหึ่งแย่งโทรศัพท์คืนมา พร้อมกับด่าตามเคย “พอแล้วๆๆ อ้าปากมาก็ไถเงินลูกเลย ลื้อเป็นแมงดารึไง”
กู๋เหลียงส่ายหน้าแย่งโทรศัพท์มาพูดบ้าง
“สองคนนี้นี่มันไร้สาระสิ้นดี เปลืองค่าโทรศัพท์อาจ้างมันแท้ๆ เอ๊ย..จ้างเอ๊ย..เป็นไงบ้าง ทำตัวดีหรือเปล่า”
“กู๋ครับ..สบายดีหรือเปล่าครับ”
“สบายดี ลื้อล่ะ” กู๋เหลียงถามอ่อนโยน
“ครับ..ดีครับ”
“แล้วคุณบัญชาล่ะ เค้าเป็นอะไรมากไหม ไม่มีทางรักษาหายจริงๆ เหรอ แล้วลื้อให้เจ้าแม่กวนอิมเค้าป่าว ให้เค้าเลิกกินเนื้อวัวซะนะ เข้าใจไหม” กู๋เหลียงถามเป็นชุด
“ครับๆ คุณบัญชา เค้าฝากขอบคุณกู๋กับอาจารย์ตงมากๆ ครับ”
“อ่ะๆๆ บอกอาจารย์เค้าเองเลย อ่ะ” กู๋เหลียงส่งโทรศัพท์ให้นักบวชตงต่อ
นักบวชตงรีบรับไป “อาจ้าง ว่ายังไง”
“อ๋อ คือ..คุณบัญชา..เขาขอบคุณอาจารย์มากครับ..เขาดีใจมาครับ”
“ลื้อก็ดูแลเค้าดีๆ นะ ตอบแทนบุญคุณของเค้าและของคุณนายแม่ลื้ออย่างเต็มที่นะ อย่าคิดเล็กคิดน้อย เราลูกผู้ชาย ต้องใจกว้าง การให้อภัย และความกตัญญูกตเวทีคือสิ่งที่มีความหมายมาก ที่ลื้อต้องยึดถือ เข้าใจไหม” นักบวชตงสอนสั่ง
ฟ้ากระจ่างรับคำเสียงจริงจัง “ครับผม อาจารย์”
น้อมฟังอยู่มองแล้วพึมพำ “นี่คุยกะคนทั้งหมู่บ้านเลยหรือเปล่าเนี่ย”
อาม่าสาลี่ เข้ามารีรอคิวต่อ “เอ่อ..ตงเซียนเซิง ขออั๊วคุยบ้าง”
นักบวชตง ส่งโทรศัพท์ให้
“อาจ้าง นี่อั๊วะนะ”
ฟ้ากระจ่างมีสีหน้าดีใจเหมือนเดิม “อาม่า..อาม่าอยากมาเที่ยวทะเลหรือเปล่า ทะเลที่นี่สวยมากนะครับ ไว้เหมารถมากันนะ ผมจะพาอาม่าทัวร์เอง”
“อะไร อาจ้าง ไปถึงยังไม่ทันทำงาน ชวนอาม่าเที่ยวซะแล้ว”
ไม่มีใครหันไปดู ที่ประตูครัว เสี้ยวท้อในชุดแต่งตัวหรูหรา เครื่องประดับแพรวพราว โผล่มา ค่อยๆ แย้มหน้าโผล่ออกมา อาม่าสาลี่พูดต่อ
“อาจ้างอย่ากังวลถึงคนที่นี่นะ คนที่นี่ทุกคนสบายดี แล้วก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องห่วงเลย”
กู๋เหลียงแย่งมาพูด
“อาจ้างต้องอย่าห่วงหน้าพะวงหลัง ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ต้องทำให้ทุกคนเห็น พวกเรา เลี้ยงดูสั่งสอนลื้อมาอย่างดี มีคุณภาพ เข้าใจไหม”
เสี้ยวท้อ ได้ฟังจับเรื่องราวได้ตาลุกวาว ดีใจสุดๆ
“ครับผม ครับผม ได้ครับ ครับ ขอบคุณครับ..สวัสดีครับ ครับ”
ฟ้ากระจ่างวางสาย แล้วนิ่งไปพักใหญ่ แววตาเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
น้อมแอบมองจากในกระจกเงา แล้วสายตาอ่อนโยนลง มีแววสงสารฟ้ากระจ่างจับใจ
เสี้ยวท้อหรือ ฟ้าใสในวันนี้ มีผลไม้นอกกระเช้าใหญ่ พร้อมขนมนอก เช่น ช็อกโกแลต ท็อฟฟี่ในถุงดิวตี้ฟรี และอีกถุง เป็นพวกอาหารแห้งจากเมืองจีน เครื่องปรุง เครื่องเทศ เครื่องยาจีน วางลงมากลางโต๊ะนั่งเล่นประจำของชาวศาลเจ้า
“นี่..ลื้อตั้งใจจะเอาของพวกนี้มาให้อาจ้างมันคนเดียวเลยเหรอ อาเสี้ยวท้อ” อาม้าถาม
“ม่า..เลิกเรียกอั๊วว่าเสี้ยวท้อได้แล้ว ฟ้าใสๆๆๆ แล้วของพวกนี้ก็มาให้ทุกคนที่นี่นั่นแหละ แต่..อั๊วะได้ยินว่า..อาจ้างไม่อยู่ที่นี่แล้วเหรอ เกิดอะไรขึ้น เรื่องราวมันเป็นไงมาไง เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย” ฟ้าใสมองหน้าทุกคน
“ลื้อนะ เลิกฝันที่จะมาเป็นสะใภ้อั๊วได้เลย จ้างมันเป็นคุณชายไปแล้ว มันเป็นลูกคนรวย รวยมาก...พ่อแม่มันมารับไปแล้ว..ไกลพู้น...ลื้อตามไม่เจอแน่นอน” สารภีคุยโอ้อวด
“จริงเหรอ อ๊าย..ว่าแล้ว..อั๊วว่าแล้ว ว่าอาจ้างต้องไม่ใช่คนธรรมดา หน้าอย่างป้า ไม่มีทางจะมาแอบอ้างเป็นแม่เค้าได้หรอก ใครจะไปเชื่อ ว่าจ้างมีพ่อแม่เป็นป้าสารภีกะอาหึ่ง ว่าแล้ว พ่อแม่เค้าต้องเป็นผู้ดี มีชาติตระกูล” ฟ้าใสเยาะเย้ย
“อ้าว อินี่..กูก็มีชาติมีตระกูลนะเว้ย ชาติไทย ตระกูลแซ่หลี่” อาหึ่งบอก
“เช้อ ขี้เกียจกับพวกพูดจาไม่รู้ภาษา” ฟ้าใสว่า
“แล้วลื้อล่ะ..อาเสี้ยวท้อ ไปทำอะไรมา ทำไมล่ำซำจัง หายไปไม่กี่เดือน กลับมา ยังกะคนละคน” กู๋เหลียงประหลาดใจไม่แพ้คนอื่นๆ
ฟ้าใสหัวเราะเบาๆ พูดสั้นๆ “ก็..ได้งานดี เงินดีก็แล้วกันล่ะ” แต่เปลี่ยนเรื่องกลางอากาศ “พ่อแม่จ้างเค้าเป็นใคร อยู่ที่ไหน กรุงเทพฯ เหรอคะ กู๋ อยู่แถวไหนอ่ะ”
“ลื้อคิดจะไปหาอาจ้างหรือไง หา อาเสี้ยวท้อ อย่าแม้แต่คิด อย่าแม้แต่ฝัน” อาหึ่งบอก
“อาม่าๆๆ” ฟ้าใสหันมาเขย่าอาม่าสาลี่ “อาม่า บอกมานะ อาจ้างไปอยู่ที่ไหน บอกมาๆๆๆ”
“ลื้อก็เอาที่อยู่ ที่ทำงาน เบอร์โทลื้อมาสิ ถ้าอาจ้างมันติดต่อมาอีกที อั๊วจะได้ให้มันติดต่อกลับเอง เป็นผู้หญิง ไปไล่ตามหาผู้ชาย คงไม่ดี ให้มันไล่ตามหาลื้อเองจะดีกว่า” นักบวชตงเตือนสติ
ฟ้าใสมองนักบวชตง ไม่เข้าใจว่าพูดอย่างจริงใจ หรือแดกดัน แล้วสะบัดหน้า เชิดนิ่ง ไม่ตอบ

ฟ้ากระจ่างยังใส่เสื้อคลุม เดินรอบเตียงก้มๆ เงยๆ น้อมหยิบทั้งเสื้อผ้าและชั้นในมาครบ
“ของๆ ผม...เป้กับกระเป๋า” ฟ้ากระจ่างถามถึงกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเอง
“ผมเก็บไปหมดแล้ว” น้อมบอก
“เก็บไปไหน”
“คุณไม่ต้องใช้ของพวกนั้นแล้ว”
“อะไรนะ แล้วผมจะใส่อะไร”
“คุณจะใส่ของพวกนี้แทน” วางเสื้อผ้า เครื่องแต่งตัวที่เลือกมาลงบนเตียง “ของพวกนั้น..ผมจะเอาไป..ให้คนอื่นก็แล้วกัน” น้อมว่า
“หา..ได้ไง..แล้วพวก...”
“คุณจะไม่ใช้อะไรพวกนั้นอีกแล้ว นี่..ของส่วนตัว เงิน..บัตร..เอกสารต่างๆ..อยู่นี่..แต่” เปิดลิ้นชัก หยิบกล่องกระเป๋าสตางค์ใหม่ที่ยังไม่ได้แกะมาวาง 2-3 กล่อง “กระเป๋าสตางค์.. นี่คือของที่คนให้ของขวัญนายหัวมา แต่นายหัวไม่ใช้ คุณเลือกเอาไปได้เลยใบนึง”
“แต่..นั่นมันเป้ผม…” ฟ้ากระจ่างแย้ง
“ทั้งเป้ ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า ของใช้ของคุณ..มันเป็นระดับ..เท่ากับพวกคนงานที่นี่ใช้กัน ซึ่ง..ไม่ใช่ของสำหรับลูกชายนายหัว คุณต้องใช้ของที่ผมจัดให้เท่านั้น” น้อมบอกตรงๆ
“จริงเหรอ” ฟ้ากระจ่างมีสีหน้าไม่พอใจ
“จริง...” นายน้อมบอกเสียงกร้าว
สองคนมองจ้องกันแบบ ว่าใครจะแน่กว่ากัน

เหตุการณ์ที่ศาลเจ้า อาม่าสาลี่มองแบงก์พันเป็นปึกในมือตัวเอง สลับกับมองหน้าฟ้าใสอย่างมึนงง
“ทำไมมันเยอะแยะอย่างนี้ล่ะ อาเสี้ยวท้อ นี่ลื้อไปค้ายาเสพติด..หรือว่าไปเป็นแก๊ง 18 มงกุฎ ที่โทร.หลอกให้ชาวบ้านโอนเงินให้”
“อาม่า ช่วยมองโลกในแง่ดีหน่อยได้ไหม” ฟ้าใสว่า
“ไม่ก็..ขายตัว” อาม่าสาลี่ดักคอ
“พอแล้ว..ไม่ต้องทายแล้ว..เอ้า..เก็บเงินไว้ให้ดี อั๊วก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าจะมีเวลามาเยี่ยมม่าได้อีกเมื่อไหร่ แต่ยังไง..จะพยายามส่งให้ไม่ขาดก็แล้วกัน” ฟ้าใสตัดบท
“แล้วตกลง..ลื้อจะเก็บเป็นความลับ ไม่ยอมบอกที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์อะไรให้อั๊วรู้ซะอย่างเลยเหรอ แล้วถ้าเกิดอั๊วตายลงไปวันนี้พรุ่งนี้..ลื้อจะให้ชาวบ้านเค้าตามตัวลื้อได้ที่ไหนล่ะ” อาม่าสาลี่บ่น
“เอายังงี้..งั้นเรามาแลกกัน..ม่าให้ที่อยู่อาจ้างมา..แล้วอั๊วจะให้เบอร์อั๊วกะม่า..ถ้าอั๊วไม่รู้ ว่าอาจ้างไปอยู่ไหน พ่อแม่เป็นใคร..ม่าก็ไม่ต้องรู้อะไรทั้งนั้น เกี่ยวกะอินังฟ้าใสคนนี้..โอเค้??”
เจอข้อแลกเปลี่ยนนี้เข้า อาม่าสาลี่งง

ส.ส. ชื่อดัง พร้อมคนสนิท และบอดี้การ์ด เดินมา มีชาวบ้านล้อมหน้าล้อมหลัง คนสนิทกระซิบกับส.ส. และส.ส.กระซิบตอบ แล้วอำลาพวกชาวบ้าน ขึ้นลิฟท์ไปกับบอดี้การ์ดไป คนสนิทกวาดสายมองเหมือนกำลังหาใครสักคน
ครู่หนึ่งก็แล้วยิ้มออกมา เห็นฟ้าใส สวมแว่นดำ นั่งดื่มน้ำส้ม ที่มุมหนึ่งของล้อบบี้โรงแรมต่างจังหวัดแห่งนั้น
คนสนิทส.ส.เดินฝ่าชาวบ้าน ตรงมาหาฟ้าใส ที่นั่งสวยๆเชิดเริ่ดอยู่
“ไงครับ คุณสกาย..ไปเดินเล่นชมเมือง..มีอะไรให้ดูบ้าง” คนสนิทเอ่นทักฟ้าใส
ฟ้าใสหัวเราะพูดเสียงแผ่วๆ “เมืองนี้เล็กและสงบดีมากค่ะ สกายไปทานข้าวที่ร้านเล็กๆ ริมแม่น้ำ บรรยากาศดีจริงๆ ลมเย็นดี ไม่มีมลภาวะ เหมือนกรุงเทพฯของเรา”
“คุณสกายนี่..ช่างอนุรักษ์นิยม และชื่นชมธรรมชาติจริงๆ เดี๋ยวเชิญคุณตามท่านส.ส.ขึ้นไปได้เลยครับ..ท่านอยู่ห้อง 608”
ฟ้าใสลุกขึ้นยืนยันหมายเลขห้องพักห้องกับคนสนิท “ขอบคุณค่ะ ห้อง 608 นะคะ”
ฟ้าใส เดินเยื้องกรายไปกดลิฟท์ยืนรอ พอดีลิฟท์มา ฟ้าใสเข้าไปลิฟท์ปิดลง
คนสนิทมองตาม แล้วเอามือถือมากดโทร.ออก
“คุณสกายขึ้นไปแล้ว เดี๋ยวพวกนายก็รีบออกมา อย่าอยู่เป็นกอขอคอล่ะ แล้วไม่ต้องไปจ้องมองคุณสกายมากนัก..เดี๋ยวท่านจะเตะเอา..อีหนูคนล่าสุดคนนี้ท่านหวงมากๆ ระวังกิริยากันด้วย เออๆๆๆ”
คนสนิทหัวเราะกิ๊กกั๊ก
ที่แท้ เสี้ยวท้อ หรือฟ้าใส รับจ๊อบเป็นสาวเอสคอร์ต และออกแขกกับส.ส.ดังในชื่อ สกาย

บัวและสาวใช้ ลูกมือสองคน ช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร โดยมีดารากานต์ คอยกำกับดูแล
“ป้าบัวจ๊ะ..ให้จ้างนั่งตรงไหนดีจ๊ะ”
บุรีเดินเข้ามา พร้อมกับทรายทอง ที่เข็นรถบัญชาเข้ามา พาไปยังตำแหน่งประธานที่หัวโต๊ะ
บัญชามาทันได้ยินดารากานต์ถามบัวพอดี
“ให้จ้างนั่งข้างๆผมเลยสิ น้องทรายไม่ต้องมาคอยทำอะไรให้ลุงหรอก ลุงดูแลตัวเองได้”
“จะดีหรือครับ นายหัว ปกติ..ก่อนนายหัวจะ..ป่วย..ข้างขวานายหัว จะต้องเป็นนายหญิงนี่ครับ ซ้ายก็คือผม” บุรีแย้ง
“ให้ดินนั่งซ้าย จ้างนั่งขวา” บัญชาสั่ง
“แต่ว่า...”
บุรีอ้าปากจะแย้งอีก แต่ดารากานต์ตัดบทเสียก่อน
“เรานั่งถัดมาก็ได้นี่คะ คุณบุรี ให้เด็กๆได้ใกล้ชิดนายหัวดีกว่า
ดารากานต์เข้ามาจัดจานชาม แก้ว ตะเกียบ ให้นายหัว ทรายทองถอยออกไป
ในขณะที่บัญชาหยิบจับอะไร จะเหมือนออกแรงเยอะมาก แต่ก็พยายามทำด้วยตัวเองอย่างคนไม่ยอมแพ้
บุรียืนอึ้งๆ อยู่ บัญชายื่นมือมาจับแขนน้องชาย
“บุรี..เธอ..คือคนที่ต้องช่วยพี่เทรนไอ้เจ้าจ้างมัน..พี่ต้องฝากมันกับเธอนะ”
ดารากานต์ ยิ้มเอาใจบุรีอีกคน “คุณบุรีเมตตาจ้างด้วยนะคะ
บุรีอึ้งไปอีก แล้วฝืนหน้าปั้นยิ้มให้ “นายหญิง..เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง”
เกียรติบดินทร์เดินเข้ามา อยู่ในเสื้อหรูออกโทนดำ ดารากานต์หันไปเห็นสีหน้าดีใจฉายชัด
“น้องดิน..แม่ดีใจจัง..ที่น้องดินไม่ออกไปทานข้าวข้างนอก”
เกียรติบดินทร์ลดเสียงเบา กระซิบข้างหูแม่
“ผมจำเป็นต้องอยู่ครับ..ขืนออกไปวันนี้.. ‘คนอื่น’ อาจจะ..ถือโอกาสมาประจบประแจง..เอาหน้า..ก็เป็นไปได้”
ดารากานต์หน้าซีด “น้องดิน..ไม่มีใครเขาทำอะไรแบบนั้นหรอกลูก”
ทรายทองรีบเสนอหน้า เลื่อนเก้าอี้ด้านซ้ายให้ “พี่ดินคะ..พี่ดินมานั่งตรงนี้ค่ะ”
เกียรติบดินทร์พอใจ เพราะเห็นว่าได้นั่งใกล้ๆ พ่อ “ขอบใจ” แล้วหันไปยิ้มกับบัญชา
บัญชายิ้มบางๆ ตอบ
ทุกคนเริ่มทยอยกันนั่ง เกียรติบดินทร์จึงเห็นว่าที่นั่งด้านขวาของบัญชาฝั่งตรงข้ามกับตัวเองพอดี ว่างอยู่
“อ้าว..นายหญิง..ทำไมไม่นั่งตรง…
“นั่นที่พี่จ้างค่ะ..” ทรายทองบอก
“อะไรนะ” เกียรติบดินทร์ฉุน
น้อมเดินนำฟ้ากระจ่างเข้ามาพอดี น้อมภูมิใจนำเสนอผลงานปั้นดินให้เป็นดาวเอามากทีเดียว
“คุณจ้างมาแล้วครับ”
ทุกคนหันไป แล้วต่างก็อึ้งๆไม่น้อยกับรูปลักษณ์ใหม่ของฟ้ากระจ่างที่เห็น
ฟ้ากระจ่างแต่งตัวในชุดลำลอง ด้วยเสื้อโปโลสีขาว กางเกงสีเบจ หวีผมเรียบ ทำแผลมาใหม่ แปะพลาสเตอร์ที่เล็กลงและดูดีขึ้น ดูราวกับเป็นคนละคน
ดารากานต์มองอย่างอยากจะกรี๊ด เอ็นดูแกมปลื้มลูกชายสุดขีด บัญชาก็ถึงกับอึ้ง ในความดูดีผิดคาด
ทรายทองตาลุกโพลง รีบเอาปิดปาก กลัวหวีดออกมา กับความหล่อและเท่ของฟ้ากระจ่าง
มีเกียรติบดินทร์คนเดียว ที่ทำหน้ามองหมิ่นและดูแคลน ไม่สนใจใยดี
ฟ้ากระจ่างมองทุกคนในอาการประหม่า เก้ๆ กังๆ ดูขัดเขินเล็กน้อย
“จ้าง..มานี่สิ..มานั่งตรงนี้” บัญชาเรียก
ฟ้ากระจ่างอึ้ง มองที่นั่งข้างบัญชา ตรงข้ามเกียรติบดินทร์ แล้วเกิดความลังเล

“มาสิลูก..จ้าง” ดารากานต์เรียกยิ้มหน้าบาน
ฟ้ากระจ่างเดินมาในอาการเกร็งนิดๆ น้อมรีบมาเลื่อนเก้าอี้ให้ เกียรติบดินทร์มองด้วยหางตา
ฟ้ากระจ่างลงนั่ง น้อมเลื่อนเก้าอี้ให้ แต่พอนายน้อมถอย เก้าอี้ยังไม่ค่อยพอดี ฟ้ากระจ่างจึงขยับเองอีกที ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นนิดหนึ่ง ทุกคนทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่อะไรเกิดขึ้น
ทว่าเกียรติบดินทร์หัวเราะออกมา “ฮะๆ ตลก!”
ฟ้ากระจ่างเหลือบตามองนิดหนึ่ง เกียรติบดินทร์ไม่มองตอบ หันเลยไปยิ้มกับพ่อและทุกคน
“ทุกคน ลงมือกันเถอะครับ..ป้าบัว ขอข้าวเลยครับ..” เกียรติบดินทร์มองบนโต๊ะอาหาร “อ้าว..มีเป๋าฮื้อด้วย ของโปรดนายหัวเลย” คีบใส่จานให้บัญชาเสร็จ หันมายิ้มให้ดารากานต์ “นายหญิงด้วย นี่ครับ”
เป็นเกียรติบดินทร์ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ผิดไปจากที่ทุกคนเคยเห็นในวันก่อนๆ เอามากๆ
“น้องดิน..คีบให้พี่จ้างด้วยสิลูก” ดารากานต์บอกยิ้มๆ
เกียรติบดินทร์มองหน้าฟ้ากระจ่าง แล้วมองแม่ ก่อนจะวางตะเกียบลง...เอ่ยขึ้น
“ไม่ดีกว่าครับ”
ฟ้ากระจ่างอึ้ง ทุกคนต่างตะลึง
เกียรติบดินทร์ยิ้มกวนๆให้ฟ้ากระจ่าง “ผมใช้ตะเกียบไม่เก่ง นั่งไกลขนาดนั้น ผมอาจทำหล่นเลอะเทอะ แล้วท่าทาง” มองหน้าฟ้ากระจ่างแวบหนึ่ง “น่าจะใช้ตะเกียบถนัดกว่าผมมั้ง ได้ข่าวว่า..มาจากศาลเจ้า”
จังหวะนั้นป้าบัวตักข้าวให้บัญชา ถัดมาที่จานของฟ้ากระจ่าง
“ป้าบัวก็ตักให้...เยอะๆ หน่อยสิ เดี๋ยวเค้ากินไม่อิ่มหรอก” เกียรติบดินทร์หัวเราะอีก ท่าทีกวนนิดๆ
ฟ้ากระจ่างอึ้งๆ แต่ก็ยิ้มให้เกียรติบดินทร์ แล้วหันไปยิ้มให้บัว
“ขอบพระคุณครับ..คุณป้าครับ..พอแค่นี้ก่อนครับ เดี๋ยวถ้าผมไม่อิ่มจริง..ผมค่อยกราบเรียนขอความกรุณาคุณป้าใหม่” ฟ้ากระจ่างว่า
น้อมทำหน้าเหนื่อยใจ เกียรติบดินทร์สวนขึ้นมาอีก
“กราบเรียน..ขอความกรุณาเติมข้าว..งั้นเหรอ” หัวเราะอย่างขำ แล้วทำเป็นพยายามกลั้นและหยุด กระแอม “เอ่อ ขอโทษครับ..ทุกคน”

บุรีหัวเราะตามเบาๆ ทุกคนเงียบงันไปทั้งโต๊ะ บัญชามองหน้าเกียรติบดินทร์อย่างเหนื่อยใจ ในขณะที่สีหน้าดารากานต์ซีดลงๆ
ค่ำวันนั้นปีเตอร์ยืนอยู่บริเวณหน้าที่ทำการของมูลนิธิกู้ภัยประจำจังหวัด ตรวจดูเอกสารในมือ พลางมองดูที่ป้ายชื่อมูลนิธิ พอดีมีเจ้าหน้าที่เดินสวนออกมา

“มาพบใครครับ” เจ้าหน้าที่ถาม
“ผมมาหา..คนชื่อจ้าง…” ปีเตอร์บอก
“จ้าง..จ้างไหน...มีธุระอะไรครับ”
ระหว่างนั้นชิงชัยที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ตามปีเตอร์มา เห็นปีเตอร์จึงรีบสะกิดให้มอเตอร์ไซค์จอด แล้ววิ่งลงไปดึงแขนออกมา

ชิงชัยหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่ที่มูลนิธิคนนั้น “ขอโทษนะครับๆ” ชิงชัยรีบดึงร่างปีเตอร์ให้ห่างออกมา “ปีเตอร์ คุณมาที่นี่ทำไม”
“ผมจะมาหาตัวคุณจ้าง” ปีเตอร์บอกเสียงจริงจัง
“หามันทำไม..คุณต้องการอะไร” ชิงชัยรู้สึกประหลาดใจ
“ผมอยากจะจัดการกับไอ้คนที่มันจะทำร้ายลูกสาวผม ก่อนที่พวกมันจะทำอะไรมากกว่านี้ คุณจ้างน่าจะเป็นพยานให้ผมได้” ปีเตอร์เอ่ยขึ้น
“ไม่ได้นะ เรื่องนี้ เราจะให้คนนอกมารู้มากไม่ได้ เราต้องจัดการกันเอง ผมจะใช้คนของผมลากมันมาสั่งสอนเอง” ชิงชัยบอกเหมือนรู้ตัวคนร้าย
“คุณรู้..ว่ามันเป็นใคร” ปีเตอร์อึ้ง
“ใครจะโง่อย่างไอ้ลูกชายนายหัวบัญชาอีกล่ะครับ หน้ามันเต็มจอซีซีทีวีขนาดนั้น มันเดินเข้ามาในโรงแรม ตามหาเราไปทั่ว เค้าบันทึกไว้ได้หมด ไม่ต้องไปเอาใครมาเป็นพยานทั้งนั้น ผมจะเคลียร์เอง” ชิงชัยรับอาสา
“คุณจะไม่ให้กฎหมายจัดการเหรอ ชิงชัย”ปีเตอร์แปลกใจระคนสงสัย
“กฎหมาย..กว่ากฎหมายจะทำอะไรได้..มันก็สายเกินไปทุกที” ชิงชัยว่าเสียงกร้าว
“ต้องเอามือปืน...มายิงมันให้ตาย...ฆ่าล้างตระกูลมันให้หมด อย่างนั้นเหรอ”
น้ำเสียงของปีเตอร์ที่ยกเหตุการณ์ยิงถล่มรถบัญชามาพูด ชิงชัยรู้ว่าตัวเองถูกประชด ชิงชัยเสียงอ่อนลง
“ปีเตอร์ครับ..ผมเสียใจ ที่คราวที่แล้วผมพลาดไปหน่อย...ไอ้บัญชามันมีพระดี...เราก็เลยเหมือนไปตีงูให้หลังหักเข้า..แต่คราวนี้..ผมจะไม่ให้พลาดอีก”
ปีเตอร์อึ้งไป

อาหารมื้อค่ำที่บ้านบัญชา ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า บัวกำลังจัดจานขนมบะจ่างซึ่งอุ่นมาเรียบร้อย และแกะเรียงดูน่ารับประทาน วางลงบนโต๊ะอาหาร 2 ที่
“ลืมไปค่ะ...ขนมบะจ่างที่คุณจ้างนำมา..เผื่อใครจะอยากชิม”
“จ้าง...ให้นายหัวชิมสิ” ดารากานต์บอกใบหน้ายิ้มแย้ม
ฟ้ากระจ่างทำตาม หยิบจานขนม แล้วนำมาส่งให้บัญชา “ลองสิครับ ป๊าผมทำเอง”
เกียรติบดินทร์ชะงัก “ป๊าเหรอ..ป๊า?” หันมามองหน้าดารากานต์เป็นเชิงถาม “อ้าว..ไหนว่า..เป็นกำพร้า ถูกใครเอาไปทิ้งถังขยะ หรือว่า...เป็นนิทานที่แต่งขึ้นมา”
บุรีหัวเราะหึๆ อยู่ในลำคอ “สงสัยว่าต่อไปนี้ เราคงต้องฟังนิทานกันจนเพลิน” น้ำเสียงเยาะหยัน
เกียรติบดินทร์หัวเราะรับ
บัญชาไม่ใส่ใจคำพูดและอาการของสองคนแม้แต่น้อย พูดเสียงเข้มขึ้น “ฝีมืออาหึ่ง...” บัญชาจิ้มขนมไป แต่เป็นการจิ้มตักที่ทุกคนต้องลุ้นไปด้วย เพราะมือบัญชาจะแกว่งๆ เหมือนของชิ้นนั้นหนักมาก “ชั้นจำได้เสมอ ขนาดทำแกงจืด..ยังอร่อยที่สุด” นายหัวหันมาทางเกียรติบดินทร์ และน้องชาย “บุรี.. น้องดิน ชิมฝีมือป๊ะของจ้างเค้าสิ อาหึ่ง คือคนที่ดูแลจ้างมา..ชั้นรู้จักดี”
สองอาหลานที่คิดว่าตัวเองจะฉีกหน้าฟ้ากระจ่างได้ อึ้งไป ฟ้ากระจ่างมองบัญชา ด้วยแววตาขอบคุณ
ดารากานต์ยิ้มเยื้อนตักผัดผักส่งให้ฟ้ากระจ่าง “แต่จ้างคงกินฝีมืออาหึ่งจนชินแล้วล่ะ มา..ชิมฝีมือแม่บ้าง”
“ขอบคุณครับ” ฟ้ากระจ่างไหว้ดารากานต์
บัญชามองฟ้ากระจ่างพลางเอ่ยขึ้น “จ้างไม่ได้กินเจไม่ใช่เหรอ”
“อ๋อ เปล่าครับ ตอนนี้ก็..รับประทานปกติครับ..แต่ไม่รับเนื้อวัวครับ” ฟ้ากระจ่างบอก
เกียรติบดินทร์มองด้วยสีหน้าหมั่นไส้ถามประชด “แล้วควาย..ล่ะ”
ฟ้ากระจ่างทำหน้ายิ้มๆ “ก็ไม่..เหมือนกันครับ”
เกียรติบดินทร์ยังไม่ยอมจบ “แล้วหมาล่ะ..เนื้อหมา..กินไหม”
ฟ้ากระจ่างมองหน้าเป็นเชิงถาม ว่าถามจริง หรือกวนกันแน่?
ดารากานต์เห็นท่าไม่ค่อยดี จึงรีบพูดตัดบท “จ้างเค้าจะกินเจเฉพาะตอนเดือน 10 น่ะค่ะ ก็เหมือนใครๆหลายๆ คน”
“ดีจัง..งั้น...พอถึงเดือน10 ทรายจะกินเจเป็นเพื่อนพี่จ้างดีกว่า” ทรายทองรีบผสมโรง
“เดือน 10 หรือ..อีกตั้งนานนี่” เกียรติบดินทร์มองจ้องหน้าฟ้ากระจ่าง “คิดว่า..จะอยู่ที่นี่ถึงเดือนอะไรหรือครับ”
“น้องดิน.. ไม่เห็นค่อยกินอะไรเลย เอาแต่คุย..ยิ่งผอมๆอยู่ น้องดินต้องแข็งแรงกว่านี้นะ เดี๋ยวไปเรียนเมืองนอกแล้วจะป่วย..พ่อเป็นห่วง” บัญชาพูดน้ำเสียงแข็งกร้าว
เกียรติบดินทร์เงียบ สายตาขุ่นเคือง แต่ต้องพยายามข่มใจ

หลังบรรยากาศอันแสนมาคุบนโต๊ะอาหารมื้อนั้น เกียรติบดินทร์เดินหงุดหงิดออกมา ในมือถือโทรศัพท์ กดแล้วยกหูรอสาย แต่รอๆๆ แล้วไม่มีคนรับสาย พอกดใหม่รอสายอีกสักพัก แต่ก็เป็นเหมือนเดิม ไม่มีคนรับสาย เกียรติบดินทร์ออกอาการหงุดหงิดหนักกว่าเดิม ทรายทองเดินออกมาเห็นพอดี
“ไม่มีใครเขาอยากคุยกะพี่ดินหรอก” ทรายทองเยาะ
เกียรติบดินทร์หันขวับมา จ้องหน้าทรายทอง มองหัวจรดเท้า “แส่!”
“คนนิสัยไม่ดี แม้แต่นายหัวยังรำคาญ” คราวนี้ทรายทองหยัน
“ยัยทราย” เกียรติบดินทร์เข้าไปกระชาก “หาเรื่องอยากเจ็บตัวใช่ไหม หา..ถ้าไม่โดนซักตุ้บสองตุ้บจะนอนไม่หลับใช่ไหม” เกียรติบดินทร์เสียงกร้าวตาดุ
“ว้ายๆๆ” ทรายทองร้องโวยวายลั่น แต่ต้องชะงัก เมื่อมองเห็นแผลเหมือนโดนอะไรตีอย่างแรงจนช้ำเป็นปื้นที่ต้นแขนเกียรติบดินทร์ “เย้ย..พี่ดิน ไปโดนอะไรมาน่ะ” ทรายทองเอานิ้วจิ้มแผลอย่างแรง
“อ๊าก...” เกียรติบดินทร์สะดุ้ง รีบปล่อยทรายทอง “...เจ็บนะ นังเด็กบ้า จะไปไหนก็ไปไกลๆ เลย ไป๊!”
“ไปซ้อมบาสมาแน่..เหรอ..ยังกะไปต่อยไปตีกะใครมา..พี่ดิน..พ่อทุกสถาบัน..เก่งตายละ” ทรายทองไม่อยากจะเชื่อ
ฟ้ากระจ่างเดินออกมาพอดี ทั้งสามคนมองกันไปมา
ทรายทองออกอาการดี๊ด๊ารีบเข้าไปหาฟ้ากระจ่าง “พี่จ้าง..ไปเดินเล่นกันไหมคะ ทรายพาพี่จ้างชมบ้านดีกว่า”
“ขอบคุณครับ ผมไม่รบกวนดีกว่า” ฟ้ากระจ่างบอกเสียงสุภาพ
“พี่จ้างอ่ะ..ทำไมต้องพูดเป็นทางการจังเลย เราเป็นพี่น้องกันนะคะ” ทรายทองออดอ้อน
เกียรติบดินทร์เหล่มองตาม ด้วยความหมั่นไส้
ทรายทองจงใจทำตัวอี๋อ๋อฟ้ากระจ่าง ต่อหน้าเกียรติบดินทร์ จับแขนฟ้ากระจ่างมาควง แต่แล้วต้องชะงักอีก เมื่อเห็นรอยช้ำหนัก และรอยขีดขูดเป็นทางยาว ที่แขนฟ้ากระจ่าง
“อุ๊ย..แขนพี่จ้าง..มีแผลเหมือนแขนพี่ดินเลย ยังกะไปสู้รบตบมือกะใครมาแน่ะค่ะ” ทรายทองเอามือลูบๆ อย่างสนิทสนม
ฟ้ากระจ่างแกะมือทรายทองออก ถดตัวถอยออกมาอย่างนุ่มนวล
“อ๋อ..เปล่าครับ..ผมไปทะเลกับเพื่อนๆ ดำน้ำ พอดีคลื่นแรง..เลยกระแทกหินเกือบสลบนะครับ
ทราย” ฟ้ากระจ่างพาทรายทองเดินไป
“แบบพวกที่โดนคลื่นสึนามิพัดไปชนหินเหรอคะ ต๊าย โชคดี ไม่แรงมาก ใช่ไหมคะ”
เกียรติบดินทร์เมียงๆ มองๆ ฟังที่ฟ้ากระจ่างเล่าแล้วตงิดๆ ในใจ เกียรติบดินทร์ มองฟ้ากระจ่างกับทรายทอง ที่เดินผ่านเงามืดในสนามห่างออกไปๆ แต่ได้ยินน้ำเสียงที่พูดคุยกัน ทรายทองหัวเราะอย่างเบิกบาน
ขณะเพ่งมองในเงามืดในสนาม จู่ๆ ภาพฟ้ากระจ่างในแสงสลัวตอนที่ไล่ล่า ต่อสู้กันที่ป่าใกล้โรงแรมก็แว่บเข้ามาในความคิด เกียรติบดินทร์เพ่งมอง ครุ่นคิดหนัก แต่ไม่อยากจะเชื่อ และคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่ชายคนนั้นคือ...ฟ้ากระจ่าง

เช้าวันต่อมา ปีเตอร์กับชิงชัยยืนเผชิญหน้ากันอยู่ ในห้องพักที่โรงแรมริมหน้าผาแห่งนั้น
“เพราะสิ่งที่คุณทำลงไป..มันก็คืออาชญากรรม คุณถึงกลัวตำรวจจะมาเกี่ยวข้อง” ปีเตอร์พูดใส่หน้าชิงชัย
“ใช่..แต่ไอ้บัญชามันทำผมก่อน พ่อผมตาย พ่อผมถูกฆ่า..อย่างเลือดเย็น ถ้าคุณไม่เจอเอง คุณไม่เข้าใจหรอก เค้าทำเรา..รังแกเราทุกรูปแบบ ทั้งๆที่เราไปขอร่วมหุ้นกับเค้าก่อนดีๆแท้ๆ..คุณก็รู้” ชิงชัยว่า
“ผมไม่เข้าใจ ทำไมนายหัวบัญชาถึงเกลียดเรา ทำเรื่องโหดร้ายกับเราอย่างไร้เหตุผลทุกเรื่อง”
“ก็ไม่ต้องไปเข้าใจมัน ผมจะอัดพวกมันให้จมดิน ใหญ่มากนักใช่ใหม่ ดี ยิ่งใหญ่ยิ่งล้มดัง คุณปีเตอร์ ผมเข้าใจถ้าคุณกลัว คุณต้องห่วงเทเรซ่าเป็นธรรมดา ผมก็คงต้องต่อสู้กับแม่..ตามลำพัง ถ้าคุณหนีไป...”
ชิงชัยพูดไม่ทันจบปีเตอร์ก็สวนขึ้นมาเสียงกร้าว “หนี..ผมหรือหนี ผมเกลียดความรุนแรง เกลียดการฆ่าฟัน แต่ไม่ใช่ผมจะวิ่งหนีพวกคนชั่วหางจุกตูดหรอกนะ ชิงชัย”
“คุณปีเตอร์จะสู้กับเรา..ใช่ไหมครับ” ชิงชัยดีใจสุดขีด
“นายหัวบัญชา..เขาไม่ได้ใหญ่ที่สุดในโลกนี้หรอกครับ” ปีเตอร์พูดเสียงกร้าว แววตามุ่งมั่นฉายชัด

เช้าวันเดียวกันบัญชานั่งกึ่งนอนบนเตียง โดยมีน้อม ทำหน้าที่บีบนวดอยู่
“ก่อนจ้าง...จะออกไปทำงานกับเรา ทุกๆ คน ต้องรับรู้ในข้อมูลเดียวกัน และพูดให้ตรงกัน หากมีข่าวที่แตกต่างไปจากนี้ หลุดออกไปถึงคนนอก แล้วชั้นสืบได้ ว่าหลุดออกไปจากใคร อย่าหาว่าชั้นไม่เตือน”
บัญชาพูดเสียงกร้าวจริงจัง ฟ้ากระจ่าง บุรี ทรายทอง บัว และน้อม ต่างตั้งใจฟัง บัญชาพูดต่อ
“ชั้นไปคิดมาดีแล้ว...เรื่องที่...จ้างเป็นลูกของดารากานต์กับผู้ชายอื่น...ขอให้จบลงที่ตรงนี้ เพราะมันจะทำให้ดารากานต์หมดความน่านับถือ เพราะเราจะไปแก้ไขความเชื่อ..หรือความคิดเก่าๆ ของชาวบ้านไม่ได้”
“เอ๊ะ...” ฟ้ากระจ่างงง มีคำถามในใจ บัญชาอธิบายอย่างมีเหตุผล
“เดี๋ยวก่อน จ้าง เธอเองไม่ใช่เด็กๆ ขอให้ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ผู้หญิง...กับผู้ชาย...จะถูกตัดสินต่างกัน..ในการกระทำเดียวกัน เพราะฉะนั้น เพื่อเห็นแก่หน้าชั้น และหน้าแม่เธอ..” บัญชากวาดสายตามองทุกคน “จ้าง...จะต้องไปเปลี่ยนนามสกุล เป็นนามสกุลของชั้น และทุกคน ต้องเล่าเรื่องจ้างว่า..จ้าง...คือลูกของชั้น ไม่ใช่ลูกของดารากานต์”
“นายหัว..นายหัวคิดอะไรอยู่ แบบนี้มันไม่ถูกต้อง” บุรีไม่เข้าใจเหตุผลและคำพูดของพี่ชาย
“บุรี..แต่ผลลัพท์มันไม่ได้มีอะไรต่างกันไม่ใช่เหรอ จ้างจะอยู่ที่นี่ในนามของลูกชายคนโตของเราสองคน ลูกดารากานต์ ก็เหมือนลูกชั้น ในเมื่อจ้างเป็นผู้ใหญ่กว่า เรียนจบแล้ว ก็ต้องช่วยพ่อทำงาน แต่น้องดิน ยังเด็ก ยังเรียนไปจบ ก็ต้องไปเรียนต่อ แล้วในที่สุด...ทรัพย์สินทุกอย่างของเรา ก็ต้องเป็นของเด็กทั้งสองนี้อยู่แล้ว” บัญชาอธิบาย
“เดี๋ยวครับ..ผมขอคัดค้าน” ฟ้ากระจ่างขัดจังหวะขึ้น น้ำเสียงจริงจัง
ทุกคนมองเป็นตาเดียวกันด้วยความแปลกใจ
“ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องของตัวผม..ผมก็มีเงื่อนไขของผมเหมือนกัน”
“ว่ามา” บัญชาบอก
“ผมยินดี..ให้นายหัวไปบอกใครก็ได้ ว่าผมเป็นลูกใคร รวมทั้งการเปลี่ยนนามสกุล..เพื่อความสะดวกในเรื่องเอกสาร..หรืออะไรก็ตาม แต่สำหรับการทำงาน ผมขอยืนยันและจะไม่ขอเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด และขอให้คุณบุรี และทุกคน..รับรู้ให้หมด ว่า..ยังไงๆ ผมก็จะอยู่ในฐานะลูกจ้างคนหนึ่งของนายหัว รับค่าแรงเป็นงานๆ ไป แล้วแต่ตัวงาน ส่วนเรื่องทรัพย์สิน หรือหุ้นส่วนใดๆ ผมไม่ขอรับรู้ทั้งสิ้น ถ้าผมทำงานไม่ดี ไม่บรรลุเป้าหมาย ก็ขอให้ท่านพิจารณาตามเกณฑ์มาตรฐานทั่วไป..หรือจะไล่ผมออกก็แล้วแต่กรณีที่ท่านเห็นสมควร แล้วพอคุณเกียรติบดินทร์เรียนจบกลับมา มีความพร้อม..อย่างที่นายหัวตั้งใจ..ผมก็จะขอลาออก..และกลับบ้านผม ถ้าไม่ตกลงตามนี้..ผมก็คงรับงานไม่ได้ครับ”
คำอธิบายยาวเหยียดของฟ้ากระจ่าง เล่นเอาทุกคนอึ้ง ไม่เว้นแม้กระทั่งนายหัวประมุขของบ้าน ที่เพ่งมองหน้าฟ้ากระจ่าง ครุ่นคิด และกังขาในใจ

ไม่นานหลังการประชุมลับจบลง ดารากานต์รู้เรื่องราว กำลังจิบชาอยู่ในสวน มือไม้สั่น วางถ้วยชา ลงน้ำตาหยดลงอาบแก้ม บัวยืนใจคอไม่ดีอยู่ใกล้ๆ
บัญชานั่งอยู่บนรถวีลแชร์ มือกุมกันวางนิ่งสงบอยู่บนโต๊ะ
“การกระทำของฉัน..มันชั่วร้ายเลวทรามขนาดนั้นเลยหรือคะ ชั้นต้องโกหก ต้องซุกซ่อน..ไปตลอดกาลอย่างนั้นเหรอ คุณบัญชา” ดารากานต์ เอ่ยขึ้นเสียงสะอื้น
แววตาบัญชาฉายแววเยือกเย็นแวบหนึ่ง โดยที่ใครไม่ทันเห็น แล้วพยายามยิ้มอบอุ่น “คุณต้องเห็นใจจ้างบ้าง...ว่าเขาจะถูกคนตั้งคำถามในใจมากมายแค่ไหน ว่า พ่อของเค้า...เป็นใคร”
“คุณก็ด้วย..ใช่ไหม” ดารากานต์ย้อนถาม
“ผมถามเหรอ ผมไม่มีวันถาม แต่ผมจะยอมให้จ้างถูกสงสัย หรือตัวคุณเอง ถูกสงสัย..ได้ยังไง ดารากานต์ ผมทำทุกอย่าง..เพื่อคุณ...กับจ้างนะ...ผมยังเข้าใจคุณ..คุณก็น่าจะเข้าใจกันบ้าง” บัญชายกเหตุผลขึ้นมาอ้าง
“จ้าง..จะไม่ใช่ลูกฉัน แต่จะกลายเป็น..ลูกคุณ..กับ..ใครก็ไม่รู้” ดารากานต์พิลาปรำพัน
“นายหญิงคะ..เอ่อ แต่วิธีของนายหัว..เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วนะคะ” บัวสนับสนุน
“มันง่ายขึ้นตั้งเยอะ..สำหรับคนอื่น ที่จะยอมรับ แล้วจ้างก็จะเป็นที่ยินดีต้อนรับ..ในทุกวงสังคมของเรา..มากกว่าอย่างแน่นอนที่สุด” บัญชาสรุป
จังหวะนั้นมีเสียงเกียรติบดินทร์ดังขึ้น “เว้นผม”
ทั้งสองคนหันไป เกียรติบดินทร์เดินเกรี้ยวกราดเข้ามาอย่างเอาเรื่อง
“มันอะไรกันนักหนาหรือครับ..ถึงต้องโกหกแล้ว โกหกอีก บ้านนี้เต็มไปด้วยเรื่องโกหกหลอกลวง..ตั้งแต่ไอ้นั่นมันเหยียบเข้ามา”
บัญชาทำใจเย็น พยายามข่มความรู้สึก ค่อยๆ ประคองถ้วยชามาจิบช้าๆ
“ผิดแล้ว น้องดิน..บ้านเรา..มันเต็มไปด้วยเรื่องโกหกหลอกลวง...มานานมากแล้ว”
ดารากานต์อึ้ง นึกว่าบัญชาหมายถึงตัวเอง “นายหัว..ที่แท้..นายหัวก็คิดแบบนี้”
“นายหญิง..นายหัวไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอกค่ะ” บัวรีบปลอบ
“อย่างน้อย..ตอนนี้ ในบ้าน ความจริงทุกอย่างก็เปิดเผยหมดแล้ว เราจะโกหกคนข้างนอก..เพื่อความอยู่รอด เพื่อภาพที่ดูดี น่าชื่นชม..ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่นา ดารากานต์” บัญชาว่า
“ผมไม่แคร์ ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น แต่ขอให้ไอ้เด็กศาลเจ้ามันไปซะให้พ้น ไปจากที่นี่ กลับไปที่ของมัน มาทางไหน ไปทางนั้นเลย” เกียรติบดินทร์แค้นใจจนแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว
“น้องดิน..น้องดินอย่าทำให้อะไรมันยุ่งยากอีกเลยนะ พ่อขอร้อง” บัญชาพูดเสียงเย็น
เกียรติบดินทร์มีหรือจะยอมอะไรง่ายๆ
“ถ้าแม่รักมันมากนัก..แม่ก็ให้เงินมันไปสิ ไม่ต้องเอามันมาเกี่ยวกะพวกเรา เงินทองข้าวของ จะเท่าไหร่ ผมไม่ว่า..มันอยากได้อะไร ให้มันเอาไปให้หมด..มันอยากเป็นอะไร ก็จัดให้ไป..แต่อย่าให้มันมาอยู่ในบ้าน ในครอบครัว ให้เรามีกันแค่ 3 คนพ่อ แม่ลูก..เหมือนเดิม แค่นี้ไม่ได้เหรอครับ”
“น้องดิน..พ่อ...มีความจำเป็น ที่ต้องให้..พี่ชายของลูก..มาทำหน้าที่นี้จริงๆ มันจำเป็นจริงๆ ลูก” บัญชาบอกความจริง แต่ไม่มีใครคิดว่ามันจะมีนัยซ่อนซุกอยู่
“แต่ผมทำได้ นายหัวจะให้ผมทำอะไร ผมก็ทำได้ทุกอย่าง ผมอาจจะเคยทำอะไรพลาดไปบ้าง..แต่ต่อไปนี้ ผมสัญญาว่า..ผมจะขอเปลี่ยนแปลงตัวเอง นายหัวให้โอกาสผมด้วยสิครับ” เกียรติบดินทร์อ้อนวอนผู้เป็นพ่อเสียงสั่น
“ไม่ได้น้องดิน โอกาสของน้องดิน ไม่ใช่ตอนนี้ เวลานี้น้องดินต้องทำตามที่พ่อบอก น้องดินก็มีหน้าที่ของตัวเอง น้องดินต้องไปทำ น้องดินต้องเชื่อพ่อ ว่าพ่อทำทุกอย่างเพื่อลูก...เพื่อลูกจริงๆ”
“ไม่ ผมไม่ไปเรียน ผมจะอยู่กะนายหัว..ผมทำได้ดีกว่าไอ้เด็กศาลเจ้าแน่ๆ ไม่เชื่อนายหัวคอยดู!!” เกียรติบดินทร์ผลุนผลันไป
“น้องดิน” บัวร้องเรียกไว้
“น้องดิน” ดารากานต์ร่ำไห้ออกมา
“เกียรติบดินทร์ กลับมาพูดกันให้รู้เรื่อง” บัญชาตะโกนสั่ง แต่ไม่มีผลตอบรับ เกียรติบดินทร์เดินไปยอมเหลียวหลังกลับมา

เวลาเดียวกัน น้อมยืนอยู่ที่หน้าตึกใหญ่ กำลังส่งมอบโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ให้ฟ้ากระจ่าง โดยมีทรายทองยืนขวางกลางอยู่ในอาการตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็น
“โหย..พี่จ้างได้รุ่นนี่เลยเหรอ ว่างๆ ให้ทรายยืมใช้บ้างนะ” ทรายทองเนื้อเต้น เพราะเป็นโทรศัพท์รุ่นล่าสุด
“นี่ให้ผมยืมหรือครับ” ฟ้ากระจ่างสงสัย
“ไม่ใช่ให้ยืมครับ ของคุณเลย คุณจะไปเปิดเบอร์ใหม่ หรือยังไงก็ตามใจ” น้อมบอก
ทันใดนั้น เสียงสตาร์ทรถดังขึ้น พร้อมๆ กับรถสปอร์ตพุ่งออกมาจากทางโรงรถ เกียรติบดินทร์ที่ขับมา มองเห็นฟ้ากระจ่าง ทรายทอง และนายน้อม ยืนอยู่กลางถนน ทำหน้าสะใจ กดคันเร่ง เจตนาพุ่งใส่ฟ้ากระจ่างเต็มที่
ทรายทองหันไปเห็นตกใจ ร้องกรี๊ดดังลั่น
ฟ้ากระจ่างได้สติก่อนใคร โอบทั้งทรายทองและน้อม กวาดพากระโดดหนีออกไปจากทางรถ ล้มกันไม่เป็นท่า
เกียรติบดินทร์เบรกเอี๊ยด หันมาดูผลงานอย่างสะใจ ฟ้ากระจ่างพลิกตัวกำลังจะลุกหันไปดู เห็นเกียรติบดินทร์หัวเราะเยาะ แสยะยิ้มใส่หน้าฟ้าตัวเอง แล้วขับออกไป
ฟ้ากระจ่างแค้น รีบกระโดดลุกขึ้น เสียงน้อมร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น
“โอยๆ”
ฟ้ากระจ่างตกใจ รีบหันไปดู แล้วเข้าไปประคอง “นายน้อม เป็นอะไรครับ”
“แขน..แขน..ดูเหมือนจะซ้น” น้อมว่า
ทรายทองลุกขึ้น ลูบเข่าตัวเองไปมาป้อยๆ “ทรายเข่าถลอกเลยค่ะ พี่จ้าง”
“นายน้อม ไหนดูหน่อยครับ” ฟ้ากระจ่างจับแขนน้อมมาดู ลองพลิก แล้วงอเข้าออก “ทำแบบนี้เจ็บไหมครับ” พยายามสังเกตอาการ
“ไม่ครับ..บอกแล้วไง คุณไม่ต้องมาพูดครับกับโผม…” เจ็บขนาดนั้นน้อมก็ยังสอนสั่งเด็กปั้นตัวเอง
“โอเค ถ้าไม่เจ็บ ก็คือไม่หัก แต่เดี๋ยวต้องดูอาการข้อมือ ถ้าบวม..ก็อาจมีปัญหา” ฟ้ากระจ่างคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับอาการบาดเจ็บเหล่านี้ สมัยทำงานในหน่วยกู้ชีพกู้ภัยของมูลนิธินั่นเอง
“ผมไม่เป็นไรหรอก” น้อมว่า
“พี่ดินนี่เลวจริงๆ ถ้าพวกเราบาดเจ็บมากกว่านี้ จะว่าไง พี่จ้าง แล้วโทรศัพท์พี่ล่ะ พังป่าว” ทรายทองทั้งเจ็บใจและโมโห
ฟ้ากระจ่างมองหาจนเจอ หยิบขึ้นมาจากพื้นสนามใกล้ๆ “ไม่เป็นไร ไม่กระทบกระเทือนครับ”
“ทำไมคุณดินถึงได้โหดร้ายขึ้นทุกวันก็ไม่รู้ จะมีใครสั่งสอนคุณดินให้กลับตัวกลับใจได้ไหม ชาตินี้.. นายหัวกะนายหญิงหมดปัญญาจะทำอะไรได้แล้ว” น้อมเหนื่อยหน่ายใจ
ฟ้ากระจ่างถามอย่างจริงจัง “นี่เค้าไปไหนหรือครับ”
“คนอย่างพี่ดิน จะมีที่ไปซักกี่ที่กันเชียว ยังกับมีคนอยากคบเยอะนักหนิ” ทรายทองว่า
“นายน้อม มีรถคันไหน ให้ผมใช้ได้บ้าง” ฟ้ากระจ่างถามอย่างร้อนใจ
“ใช้ตอนนี้เลยเหรอครับ” น้อมงงๆ
“คุณทราย..ช่วยไปกับผมหน่อย..พาผมไปที่ๆ คุณดินไปที ผมจะต้องพูดกับเค้า ให้รู้เรื่อง..เดี๋ยวนี้”
ฟ้ากระจ่างพูดเสียงซีเรียส ทรายทองกับน้อมหน้าตื่นๆ

ที่ห้องทำงานภายในตู้คอนเทนเนอร์ บริเวณไซด์งาน ดวงยิหวาละสายตาเงยหน้าขึ้นจากการตรวจเช็คงานในคอมพ์ฯ เมื่อได้ยินเสียงเกียรติบดินทร์เปิดประตูเดินปึงปังเข้ามา
“คุณดิน”
“ดวงยิหวา ชั้นพยายามทำดีที่สุดแล้ว แต่เธอไม่มีวันเข้าใจหรอก ว่ามันเป็นยังไง ถ้าเธอไม่ได้เป็นชั้น” เกียรติบดินทร์โวยวายทันที
“ใจเย็นๆ นะคะ คุณดิน นั่งลงก่อนไหม” ดวงยิหวาเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
เกียรติบดินทร์นั่งลง ท่าทางเหมือนคนหมดแรง
“ทุกคนเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว ไม่มีใครมีเหตุผล หรือมีสำนึกผิดชอบชั่วดีอะไรกันเลย ตั้งแต่ไอ้บ้านั่นมันมา ทุกคนทำเหมือนมันคือซูเปอร์ฮีโร่ ที่จะมากอบกู้โลก.. ส่วนชั้นเป็นไอ้โง่ ปัญญาอ่อนอยู่คนเดียว ไม่มีใครอยู่ข้างชั้นเลย” เกียรติบดินทร์ระบายอย่างอัดอั้น
“คุณดิน...” ดวงยิหวาสงสาร ลุกมานั่งข้างๆ ตบที่เข่าเบาๆ “ดวงไง นั่งอยู่ข้างๆ คุณอยู่เนี่ย...ไม่เอาน่า คุณดิน คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ จะเป็นไปได้ยังไงกัน ที่ครอบครัวคุณ จะไปเห็นคนที่เพิ่งมาได้วันสองวันดีกว่าคุณได้” ดวงยิหวาปลอบ
“จริงๆ นะ ดวงยิหวา นานมาแล้วล่ะ ที่มันแย่งแม่ผมไปจากผม ตอนนี้มันมาแย่งนายหัวไป..นอกนั้น คนในบ้านทั้งหมด ทั้งหมด ทุกคนเลย..ก็โดนมันเอาไปเป็นของมันหมด แม้แต่นายน้อม..หรือยายทราย..มันแย่งคนของผมไปทุกคน” เกียรติบดินทร์โวยวาย
พูดไม่ทันขาดคำ ประตูก็เปิดเข้ามา ทรายทองเดินนำเข้ามา
“ยัยทราย…” เกียรติบดินทร์อึ้ง ประหลาดใจ
“ว่าแล้ว...พี่ดินต้องมาที่นี่” ทรายทองพูดน้ำเสียงเยาะหยัน ประมาณว่าเกียรติบดินทร์ไม่มีที่อื่นจะไป
เกียรติบดินทร์รีบโอบไหล่ดวงยิหวาเข้ามาชิด ทำหน้าเหยียดหยาม
“อะไร แกมาทำอะไร นายหัวนายหญิงใช้มาตื๊อให้ชั้นกลับไปเหรอไง ชั้นจะอยู่กะแฟนชั้น แกนึกว่าตัวเองเป็นใคร ที่จะมาลากชั้นกลับไปได้ อย่าหวังเลย”
“มาเลยค่ะ พี่จ้าง” ทรายทองไม่ใส่ใจ หันไปเรียกฟ้ากระจ่างที่รออยู่ข้างนอก
เกียรติบดินทร์อึ้ง ดวงยิหวางงๆ
ฟ้ากระจ่างเดินเข้ามา แล้วพอเห็นคนในห้องนี้ถนัด ก็ผงะ งง ยิ่งเมื่อเห็นเกียรติบดินทร์นั่งโอบดวงยิหวาอยู่ พอเกียรติบดินทร์เห็นฟ้ากระจ่าง ก็ทำหน้ากวน ท้าทายใส่ ในขณะที่ดวงยิหวาเห็นหน้าฟ้ากระจ่างถนัด ก็ได้สติ รีบลุกพรวดขึ้นออกจากการโอบของเกียรติบดินทร์ทันที

นาทีนั้นฟ้ากระจ่างกับดวงยิหวามองหน้ากัน ทั้งคู่มีคำถามมากมายมาเข้าคิวรอที่ริมฝีปาก แต่พอนึกถึงว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย จึงได้แต่มอง แล้วต่างนิ่งงัน อึ้ง พูดไม่ออก











Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2555 2:18:15 น.
Counter : 418 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]