แม่จะเข็มแข็งเพื่อหนู/ที่หนึ่งในหัวใจ
Group Blog
 
All blogs
 

เพื่อน ใหม่

กิจกรรมตลอดอาทิตย์ที่แล้วเยอะจนสามารถเขียนได้แทบทุกวัน

วันนี้ขอเขียนเฉพาะเรื่องของปันปันก่อน

วันอาทิตย์หลังจากเราคุยธุระกับน้องที่ทำหนังสือแล้ว

ตอนบ่ายเพื่อนสาวโสดและนซิงสองคนมารับเราไปเยี่ยมแม่ลูกสอง

ไปถึงเจอน้องปริมโตกว่าปันปัน 6 เดือน กับน้องปลายที่อายุแค่ 9 เดือน

เจอกันปุ๊บก็คงเหมือนที่เราไปมีทติ้งทั่วๆ ไป

คุณพ่อต้องออกไปซื้อของมาประเคนให้บรรดาเพื่อนภรรยารับประทาน

ส่วนภรรยาและเพื่อนก็เม้าท์กันอย่างออกรสออกชาด

เด็กๆ ตอนแรกที่เจอกัน ยังต่างคนต่างเล่นกันอยู่

พอผ่านไปสักชั่วโมง เครื่องติดเหมือนแม่

ก็ตัวติดกันตลอด ปริมเดินไหน ปันปันเดินตาม

เล่นอะไรก็เล่นด้วยกัน แถมช่างเจรจาพาทีและเจ้าหลักการเหมือนกันอีก

ด้วยปริมไม่ใช่สาวห่วงสวย และปันปันไม่ใช่หนุ่มห้าวนัก

สองคนเลยเข้าขากันดี

ปริมชวนปันเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถือ

แบบผลัดกันเล่นคนละเกมส์

เห็นตอนปันเล่นเกมส์แล้ว อืม เอาดีด้านนี้ไหมลูก

ตั้งใจและพยายามอย่างมาก

เราบอกให้ทำอะไรก็ทำ ช่างว่าง่ายดีแท้

อยู่กันตั้งแต่บ่ายสองถึงสองทุ่ม

กินอาหารว่างและต่อด้วยอาหารเย็น

ร้านเรือนหยกสุกี้โบราณ

เราว่าถ้าเทียบราคา+คุณภาพ+รสชาด+บริการ

ก็ถือว่าสอบผ่านสำหรับเราเลยหล่ะ

เด็ก 2 ผู้ใหญ่ 4 คน กินไป ห้าร้อยกว่าบาทเอง

ถ้ามื้อนี้ไปกินเอ็มเคคงต้องเป็นหลักพันหน่ะ

ร้านอยู่แถวถนนราษฎร์บูรณะ ฝั่งตรงข้าม บิ๊กซี

ใครว่างเชิญให้ไปชิมนะค่ะ

เป็นครั้งแรกที่ปันปันเอ่ยปากว่า หนูขอนั่งข้างๆ เพื่อนนะ

ฟังแล้วชื่นใจ เพราะเหมือนว่า ปันปันเริ่มที่จะรู้จักผูกมิตรกับคนอื่นบ้างแล้ว

กลับมาบ้าน อาม่ายืนรออยู่ พร้อมกับบอกว่า

ปันปันยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย ครูสั่งมาบอกให้อ่าน

เด๋วจะมีทดสอบที่ รร ด้วย

5555555555555555555555555555

คิดดูสามทุ่มครึ่งเมื่อคืน ปันปันไปหยิบหนังสือ ดรุณศึกษา มานั่งอ่านให้เราฟังอ่ะ

พออยู่กับเรา ปันปันนั่งอ่านได้เป็นคำๆ

แต่ถ้าอยู่กับอาม่า ปันปันจะต้องลีลาทำอ่านไม่ได้บ้าง ง่วงนอนบ้าง

ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

จนอาม่าหมั่นไส้บอกว่า งั้นก็ไปสอนกันเองแม่ลูกหล่ะกัน เชอะ

เราขำ เพราะอาม่ากับปันปันงอนกันบ่อย ถึงอาม่าจะพูดแบบนี้ประจำ

แต่พอข้ามวันไป อาม่าก็ทำเหมือเดิม คือ จับปันปันมานั่งอ่าน นั่งเขียนหนังสือ

เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ช่วงเย็นวันจันทร์ อาม่าพาปันปันไปตัดผม

ปันปันบอกกับช่างตัดผมว่า

บ้านหนูเป็นร้านขายของเล่นชื่อ ร้านปันปันทอยส์

ช่างถามว่า แล้วหนูอ่ะชื่ออะไร

ปันปันบอก ชื่อปันปัน

ช่างพูดอีก ไม่ใช่ ชื่อหนูอ่ะ ไม่ใช่ชื่อร้าน

ปันปันบอก ก็ชื่อปันปันไง

กว่าช่างจะเข้าใจก็ปาไปสามยก

เราฝึกให้ปันปันพูดตั้งนานว่า เวลาเจอเพื่อนให้บอกเพื่อนว่าร้านขายของเล่น เพื่อนจะได้มาซื้อ

555555555555555555 เอาลูกเข้าล่อ

แต่ดู๊ ดู ปันปันทำ ดันไปบอกกับช่างตัดผม

แล้วเค้าจะมาซื้อไหมหล่ะเนี้ย




 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 5 มิถุนายน 2551 22:15:36 น.
Counter : 477 Pageviews.  

สบ ตา









ปฎิบัติการขั้นแรกที่เราและทุกคนในบ้านทำได้อย่างง่ายที่สุด

คือการพูดโดยให้ปันปันมองหน้า สบตากัน

เหมือนจะง่าย แต่ไม่เลย

สายตาของปันปันจะต้องเหลือบมองซ้าย ขวา บน ล่างเองโดยอัตโนมัติ

หากปันปันเริ่มเบนความสนใจไปสิ่งอื่น

เราจะหยุดพูดทันที ก็เหมือนสติปันปันจะกลับมา

สายตาก็มามองที่เราต่อ พูดไปได้ไม่ถึง 4-5 คำ

ปันปันก็ไปอีกหล่ะ เราก็หยุดพูดอีก

ในหนึ่งประโยคกว่าจะพูดจบ

หยุดกันหลายครั้ง

เราไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด ไม่อารมณ์เสียเลยนะ

เพราะปันปันเองก็ดูจะพยายามที่จะมองหน้าเรา

ยอมรับว่าพูดมากพูดเยอะ ใส่ใจปันปันมากขึ้นกว่าเดิม

แต่ไม่ถึงขนาดต้องไปจุกจิกกับปันปันตลอด

คิดดูปันปันเค้าก็เป็นของเค้าแบบนี้มาจะ 5 ปีแล้ว

ที่ผ่านมาปันปันพูดโดยไม่ต้องมองใคร และไม่มีใครต้องมานั่งมองหน้าปันปัน

นี่จู่ๆ เราก็เหมือนบังคับให้เค้ามาทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย

ย่อมเป็นการยากทั้งเราทั้งปันปัน

แค่ปันปันไม่ต่อต้านหรือไม่แสดงอาการหงุดหงิดมากขึ้นก็ดีแล้ว




ปฎิบัติการต่อไป กำลังนั่งคิดสื่อที่เราทำเพื่อให้ปันปันใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียน

ลุง ป้า น้า อา หลายคนว่า ให้ปันปันย้ายโรงเรียนดีไหม

เอาเป็นโรงเรียนที่ครูกับสัดส่วนของเด็กในห้องน้อย

ครูจะได้มีเวลาดูแลได้ทั่วถึง

อาม่าก็อยากให้ไปฝึกสมาธิวันเสาร์-อาทิตย์

ในมุมของเราคิดว่า

สมัยนี้โรงเรียนก็คือธุรกิจอย่างหนึ่ง

เพราะฉะนั้นเป้าหมายของทุกธุรกิจคือการทำกำไร

เมื่อเราเข้ามาอยู่ในวงจรของเค้าเสียแล้ว

ก็คงต้องทำความเข้าใจกับการดำเนินการของโรงเรียนด้วย

ครูต่อเด็กจะมากหรือน้อยเราว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลย

หากครูคนนั้นมีจิตวิญญาณของการเป็นครูอย่างแท้จริง

ยิ่งครูที่สอนเด็กอนุบาลด้วยแล้ว

เราว่าน่าจะมีการฝึกสติและสมาธิมากกว่าเด็กเสียด้วยซ้ำ

เด็กในวัยช่างจำแบบนี้

ถอดแบบอย่างมาจากพ่อแม่แล้ว ครูก็มีส่วนสำคัญเหมือนกัน

เด็กที่มีปัญหาย่อมไม่ใช่ภาระของครูแต่เพียงคนเดียว

พ่อแม่หรือผู้ปกครองก็ต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขด้วย

แต่สมัยนี้พ่อแม่โยนให้ครู

ส่วนครูก็โยนกลับมาให้พ่อแม่

บางครั้งจากเด็กที่ปกติก็อาจกลายเป็นเด็กไม่ปกติเสียได้

ขึ้นเทอมใหม่นี้ ขอแค่ครูเข้าใจปันปัน

เรื่องอื่นก็ไม่น่ากังวล






ตอนนี้ปันปันเริ่มอาการตื้อสุดฤทธิ์

ตื้อเพื่อให้ได้ของที่ตัวเองอยากได้

ตื้อจนกว่าฉันจะได้

อันนี้สร้างความรำคาญใจเป็นอย่างมาก

เพราะพูดไปอธิบายไปทำท่าเหมือนเข้าใจ

แต่อีกสองนาทีเดินมาพูดใหม่

แทบไม่มีเวลาทำงานอย่างอื่น

และถึงแม้เราซื้อให้แล้ว

ปันปันก็เล่นอยู่ไม่นาน

จากนั้นก็เริ่มขบวนการตื้อเรื่องใหม่

ต้องไปหาเทคนิคสำหรับปราบนักตื้อเสียหน่อย

ใครพอจะแนะนำได้ บอกด้วยนะจ๊ะ




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2551 21:30:22 น.
Counter : 484 Pageviews.  

เด็กซน

ยอมรับว่าหลายปีที่ผ่านมา

ชีวิตวนเวียนกับคำว่า

“สมาธิสั้นและออทิสติก”

อยู่ตลอดเวลา

ในเมื่อปันปันเป็นเด็กที่ซนมากกว่าเด็กคนอื่น

หลายครั้งเราก็ทำเฉยเมย

แต่หลายหนก็ต้องกังวลเมื่อถูกเรียก ผู้ปกครอง

ไม่ได้กังวลว่า ปันปันเป็นหรือไม่เป็น

แต่กังวลในสิ่งที่ปันปันจะต้องเจอเมื่อไม่ได้อยู่กับเรา

คิดว่าคนอื่นๆ จะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน

สองเดือนก่อน พ่อจ๊าง โทรมา บอกว่าอยู่ที่ มศว ประสานมิตร

แล้วบังเอิญเจอศูนย์พัฒนาศักยภาพเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

เราก็ เอ่อ ออ จดเบอร์โทรเอาไว้

แต่เหมือนจ๊างจะรู้ว่า เราคงไม่โทรแน่

เลยส่งสายให้คุยกับเจ้าหน้าที่

เราจำต้องให้ข้อมูลคร่าวๆ ไว้

แล้วเจ้าหน้าที่จะโทรมานัดไปพบเองอีกครั้ง

ผ่านไปเกือบเดือน พ่อจ๊าง โทรมาตามผล

ไม่รู้ช่วยลุ้น ช่วยเชียร์ให้เป็นหรือไม่เป็นกันแน่

ดูอาการตื่นเต้นกว่าเรามากนัก 555

แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่โทรมานัด เราเองยังลืมเลย

เมื่อวันศุกร์เจ้าหน้าที่โทรมาให้มาพบวันจันทร์ที่ 28 ตอนบ่ายโมง

ศูนย์ฯ อยู่ที่อาคาร 8 ชั้น 1

เบอร์ติดต่อ 02-664-1000 # 5639, 02-258-4443

ไปถึงก็กรอกข้อมูลตัวเราและปันปัน

จากนั้นพูดคุยกับครูที่ทำการทดสอบ

ครูใช้เวลาทดสอบประมาณ 45 นาที

จากนั้นเอาผลไปวิเคราะห์ดู

แล้วเรียกเราเข้าไปพบ

อาจารย์หัวหน้าศูนย์และครูที่ทดสอบรออยู่ในห้อง

หลังจากเล่าพฤติกรรมระหว่างที่ทำประเมินปันปันให้ฟังหมดแล้ว

ผลก็สรุปมาว่า ปันปันเป็นออทิสติกแบบเล็กน้อย

เพราะเหมือนเด็กทั่วๆ ไป ใกล้เคียงกับปกติ

เพียงแต่สิ่งที่ปันปันขาดคือ

ทักษะการเรียนรู้ทางสังคม

ทักษะในการสื่อสาร

พฤติกรรมบางอย่างที่ชอบทำซ้ำๆ

การไม่ยอมสบตา

ใครจะรู้บ้างไหมว่า

แค่เด็กคนหนึ่งที่ชอบตื้อไม่เลิก

เช่นเวลาสัญญาอะไรไว้แล้วไม่ยอมทำตาม

เค้าก็จะพูดจะตื้อเราจนกว่าเราจะทำตามสัญญา

ส่วนอาการที่ปันปันไม่อยู่นิ่ง ถือเป็นส่วนหนึ่งใน ออทิสติก

แต่ไม่ใช่เป็นสมาธิสั้น เพราะปันปันสามารถทำกิจกรรมบางอย่างได้นานๆ

มาช่วงนี้เพราะการจำกัดทางด้านภาษา

ปันปันไม่สามารถสื่อสารความโกรธออกมาได้

ทำให้เริ่มตีหรือทุบตัวเองเวลาโกรธหรือโมโห

ในเรื่องของการฝึกเข้าสังคมให้มีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่น

อาจารย์แนะนำว่าให้ ทำเป็นภาพเพื่อประกอบคำพูดของเรา

หรือแสดงให้เห็นระหว่างที่พูดไปด้วย จะทำให้ปันปันมีพัฒนาการที่ดีขึ้น

ถามอาจารย์ไปว่า

ถ้าเราฝึกปันปันไปเรื่อยๆ และเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นปันปันจะหายไหม

อาจารย์บอกว่า ไม่มีทางหายขาดได้ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เราเพียงทำให้เค้า

สามารถอยู่ในสังคมนี้ได้ เพื่อนอาจจะน้อยกว่าคนอื่น โลกอาจจะแคบหน่อย

แต่เค้าก็มีความสุขในแบบของเค้า อยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพายาช่วยรักษาก็น่าจะดีที่สุดแล้ว

จริงสินะ ความสุขของคนเราไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน

สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราอยากให้เค้าเป็นหรือให้เค้ามี

ถ้ามีแล้วมีความทุกข์ มีแล้วเป็นภาระ

ไม่มีคงจะดีกว่า

และถ้าปันปันมีความสุขในโลกของเค้า

โลกที่อาจจะมีคนเข้าถึงได้น้อย

โลกที่วัตถุมากมายไม่ได้มีผลอะไรกับจิตใจ

ในเมื่อหลายเรื่องที่ผ่านมา

เรามองโลกในแง่บวกมาเสมอ

ครั้งนี้ก็เช่นกัน การได้รู้ ณ ตอนนี้ย่อมดีกว่ารู้เมื่อสายไป

ยังดีใจด้วยซ้ำ กับคำพูดของอาจารย์ที่ว่า

ปันปันเค้าดูดีนะ

ดูดีกว่าเด็กออฯ คนอื่นๆ

แค่นี้ก็มีกำลังใจมากมาย

ให้พูดจริงๆ จากใจ

ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายกับคำว่าเด็กออฯ เลย

ให้เมื่อเวลาที่เรามองปันปัน

เค้าก็คือลูกชายตัวเล็กๆ ของเราเสมอ

กับคำพูดล่าสุดของปันปัน

“หนูอยากโตช้าๆ หนูอยากเป็นเด็กเล็กๆ

เพื่อที่หนูจะได้อยู่กับแม่นานๆ”

เท่านี้ก็ซึ้งใจแล้ว




 

Create Date : 30 เมษายน 2551    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2551 7:44:19 น.
Counter : 457 Pageviews.  

ขาด

เย็นวันพฤหัส ปันปันพร่ำพูดว่า

"แม่คับ พรุ่งนี้ที่ รร หนูจะมี ปาร์ตี้ แม่อย่าลืมต้องเอาขนมกับของเล่นไปด้วยนะ"

เราเองยัง งง ปาร์ตี้อะไร คิดว่าใกล้จะปิดคอร์สซัมเมอร์

เลยไม่ได้ใส่ใจ โอเค ปาร์ตี้ ก็ปาร์ตี้

หน้าที่ของคนเป็นแม่จะทำไรได้ นอกจากเตรียมขนมและของเล่นไว้ให้

เช้าวันศุกร์ อาม่าเดินขึ้นมาบอกแต่เช้า

นี่ครูที่ รร โทรมาบอกว่า

วันนี้ที่ รร มีปาร์ตี้ ถามว่าเราสะดวกไปไหม 10-11 โมงเช้า

อาม่าไม่มีการถามความคิดเห็นใดใดทั้งสิ้น

สวนกลับครูไปว่า อ๋อ ไม่ว่างค่ะ ไม่มีใครว่างไป

หลังจากเล่าให้เราฟังเสร็จก็เดิน ฉับๆ ฉับๆ ออกไป

เราถามปันปันว่า ปันปันคับ ครูบอกให้แม่ไปด้วย ไม่เห็นปันปันบอก

ถามจบ ปันปันถึงพูดว่า หนูอยากให้แม่ไปด้วย

วุ้ยมาอาการนี้มึน

เราต้องบอกไปว่า

ครั้งต่อไปหากครูบอกอะไรมา ปันปันต้องบอกให้หมด จะได้เตรียมตัวได้ถูก

มาบอกเอากะทันหันแบบนี้ แม่ลางานไม่ทัน แม่คงไปงานไม่ได้หรอก

ปันปันไม่หงอย ไม่เซ้าซี้อะไร รับคำไปงั้นๆ

พอไปถึง รร เห็นบรรยากาศ

อ้าว ดูไม่ใช่เล่นๆ นะเนี้ย

มีตกแต่งสถานที่และจัดบุฟเฟ่เล็กๆ จากโรงแรมด้วย

ส่งปันปันเสร็จ กลับไปนั่งปั่นงานที่ บริษัทฯ

คิดไปคิดมา ตอนนี้ก็มีกันแค่สองคนแม่ลูก

ถ้าพลาดอะไรที่สามารถทำร่วมกันกับปันปันได้แล้ว

วันหน้าจะมีโอกาสแบบนี้อีกหรือป่าวก็ไม่รู้

เอาหล่ะ ตัดสินใจ ขอลาไปงานลูกสักชั่วโมงนะค่ะ บอส

บึ่งรถไปถึง ทุกคนกำลังทานข้าวกันอยู่

ปันปันก็เหมือนกัน กินไก่ทอดแบบอร่อยเริ่ด

แต่เราก็สะดุดใจหน่อยตรงที่ ปันปันออกมานั่งกินคนเดียว

มานั่งกินข้างๆ พี่บริกรที่เสริฟอาหาร

พอปันปันเห็นหน้าเรา

ดีใจแบบไม่เคยเป็นมาก่อน

ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแปลงร่างเป็นตุ๊กแกมาเกาะเราไม่ยอมปล่อย

แถมระหว่างทางที่จะเดินไปพบครู

ปันปันเที่ยวบอกคนโน่นคนนี่ว่า

นี่ นี่ นี่ไงแม่หนู คนเนี้ยแม่หนูนะ

ไม่รู้ปลื้มแม่อะไรนักหนา

ไปเรียกครูฝรั่งมาแล้วบอกอีกว่า

Hey, this is my mommy.

จนครูแซวว่าถ้าแม่ไม่มา ป่านนี้หาตัวปันปันไม่เจอเพราะวิ่งไปทั่วค่ะ

ตอนจะกลับปันปันอยากจะขอกลับด้วย

แต่เราก็บอกให้อยู่ทำกิจกรรมให้เสร็จก่อน

ครูหลอกล่อไปทำกิจกรรมที่ชอบ แป๊บเดียวก็ลืมเราหล่ะ

ถึงจะชิ่งออกมาได้

ไปงานครั้งนี้ทำให้ได้รู้ว่า

ปันปันไม่ใช่ปันปันเด็กตัวเล็กๆอีกแล้ว

ไม่ใช่ที่เราคิดว่าอะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ ไม่แคร์สิ่งรอบข้าง

แต่ปันปันเริ่มที่จะเรียนรู้สิ่งที่ตัวเองรู้สึกว่า ขาด

สิ่งที่ตัวเอง ไม่มี

ตั้งแต่กลับมาจากภูเก็ต

ปันปันจะถามหาเราบ่อยมาก

หากเห็นๆ กันอยู่ แล้วเราหายไปสักพัก

ปันปันจะเริ่มถาม แม่หายไปไหน

หากจะมองย้อนไป

คงด้วยเหตุที่อยู่ดีดี

พ่อก็หายไป

ตอนนี้กลัวแม่จะหายไปบ้าง

พรุ่งนี้ทำบุญร้อยวันให้เฮีย

ถามไปว่า

ปันปันพรุ่งนี้ไปหาพ่อกันไหม

ปันปันส่ายหน้าบอกจะอยู่กับแม่

555 ปันปันคงเข้าใจว่าไปหาพ่อแล้วไปอยู่กับพ่อเลยกระมั้ง

ไม่รู้ว่าปันปันจะคิดถึงพ่อหรือป่าว

แต่ถ้าถามแม่นะ

แม่คิดถึงพ่อมากๆเลยหล่ะครับ




 

Create Date : 27 เมษายน 2551    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2551 7:43:48 น.
Counter : 410 Pageviews.  

รวบ หัว รวบ หาง เล่า

เล่าแบบย่นและย่อ

กลางอาทิตย์ที่แล้ว

จู่ๆ ก็งานเข้ากะทันหันแบบไม่ตั้งตัว

เวลางานเยอะ อยากให้หนึ่งวันมีมากกว่า 24 ชั่วโมง

ไม่อยากพักไม่อยากนอนไม่อยากให้เวลาหมด

อยากทำให้สำเร็จลุล่วงไป

จะได้ไม่ต้องกังวล

เช้าวันเสาร์เอาไปให้นายดูเป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ค่อยไปเช้งเม้งต่อได้อย่างสบายใจ

เช้าวันอาทิตย์ต่อเนื่องจากเทศกาลแห่งความรัก(ฝังใจ)ที่ยังไม่จบ

เราพากันไปไหว้แม่เฮียชัยที่วัดหัวลำโพง

ไปถึงเจ็ดโมงครึ่ง ประตูโบสถ์ยังไม่เปิดเลย 555

เป็นครั้งแรกที่ทำหน้าที่เอง

คิดว่าทำอย่างไม่ขาดตกแล้ว

แต่ก็ยังลืมเอาเทียนไปจุดด้วย

ไหว้เสร็จเลยแวะไปถามเรื่องแผ่นปิดหน้าโกฐิเฮียชัย

ทำมาแล้ว แต่ไม่หล่อเลย

ไม่เห็นเหมือนเฮีย ไม่เห็นเหมือนกับรูปที่ให้ไปเลยง่ะ

ว่าเด๋วจะเอารูปใหม่ไปให้ทำอีกที

จากนั้นก็จรลีพาพ่อกับแม่ไปไหว้เหล่ากงต่อ

กลับมาก็พาปันปันไปท้องฟ้าจำลอง

ตั๋วผู้ใหญ่ 20 เด็ก 10

ถ้าดูพิพิธภัณฑ์ตามตึกต่างๆ ด้วย

ก็เพิ่มอีก 20 สำหรับผู้ใหญ่ และ 10 บาทสำหรับเด็ก

เสียดายไม่ทันดูก่อนว่าเดือนนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ระบบสุริยจักรวาลแบบใหม่

เรื่องไม่น่าสนใจสำหรับเด็กและผู้ใหญ่อย่างเราด้วย 555

ไม่หรอกความจริงมีประโยชน์ แต่ด้วยความเหนื่อยเราเลยหลับ

ไว้เดือน เมษายน – พฤษภาคม เป็นเรื่องเกี่ยวกับ นิทานแห่งดวงดาว

เหมาะสำหรับเด็กๆ มาก ปันปันยังว่าไว้แม่พามาดูอีกทีนะ

ที่จำได้ไม่ลืมเลยก็ตอนที่เค้าปิดไฟมืดมากๆ แล้วดาวก็โผล่เต็มห้อง

สมัยเด็กๆ ไปดูแล้วตื่นตาตื่นใจยังไง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ไปก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม

ทำให้สมองน้อยๆ เริ่มทำงาน

อยากพาปันปันไปนอนกางเต้นท์ดูดาวกัน

ไว้ไปสืบเสาะข้อมูลช่วงดูดาวเหมาะๆ ก่อนนะ

ออกมาจากห้องก็ไปตามตึกต่างๆ อีก 3-4 ตึก

ของบางอย่างก็ใช้งานไม่ได้

ของบางอย่างน่าสนใจ

แต่ถ้าให้เทียบกับพิพิธภัณฑ์เด็กแล้ว

ที่นี่ยังคงต้องปรับปรุงอีกมาก

เสียแต่ว่าเก็บค่าเข้าชมในราคาเท่านี้

กลัวแต่จะไม่มีงบสำหรับซ่อมแซมหรือปรับปรุงให้ดีขึ้น

พาปันปันตะลอนดูจนพอใจ

ก็ขอแว่บไปโยคะเสียหน่อย

อยากจะร้องกรี๊ดกับอาจารย์ที่สอน

ท่ายากมากและให้พักน้อยที่สุดเลยง่ะ

ออกมาจากห้องเดินแทบไม่เป็น เสื้อเปียกประมาณนางเอกวิ่งหนีฝน

แล้วรีบบึ่งรถไปรับหลานชาย 2 คน ไปงานหนังสือ

คิดว่าจะหาที่จอดรถยาก สำหรับวันอาทิตย์ตอนสี่โมงเย็น

แต่ผิดคาดคนไม่เยอะเท่าไหร่ (แต่ก็ยังเยอะอยู่) ที่จอดรถก็มี

ว่าจะไม่ซื้ออะไร ก็อดไม่ได้

หนังสือของตัวเองต้องไปตามมุมลด 50%

ส่วนหนังสือปันปันได้มากองหนึ่ง

เดินยังไม่ทั่วเลย ไว้วันพฤหัสนี้จะไปเดินอีกรอบ

ช่วง 2 อาทิตย์ก่อนหยุดยาววันสงกรานต์

งานราษฎร์งานหลวงเริ่มมาให้เคลียร์อีกแล้ว

เอาเถอะเอา ทำงานแล้วได้เงินก็ต้องก้มหน้าทำกันต่อไปหล่ะ




 

Create Date : 02 เมษายน 2551    
Last Update : 26 เมษายน 2551 22:57:33 น.
Counter : 484 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

แม่เจ้าปัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ขอรหัสผ่านหลังไมค์นะค่ะ
Free Counters
Friends' blogs
[Add แม่เจ้าปัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.