|
. . . . . ไป ปักกิ่ง ภาค 2 . . . . .
วันที่สอง พากันซื้อแพ็คเกจทัวร์ไปกำแพงเมืองจีน
ฝนตกพรำๆ โรแมนติคเป็นที่สุด
ถ้าได้ไปกับคนที่รู้ใจ 555
อาจจะเป็นเพราะอากาศที่เย็นๆ ลมที่พัดเบาๆ
ใครๆ ก็พากันเดินจูงมือ คล้องแขน เดินซบไหล่กัน
น่าอิจฉาเป็นที่สุดดดดด
ไปถึงกำแพงเมืองจีนเก้าโมงกว่า
คนยังไม่เยอะมากจุดที่ให้ไปเดินก็จัดว่าวิวสวยใช้ได้ทีเดียว
ที่เคยคิดว่ากำแพงเมืองจีนก็แค่เดินไปเรื่อยๆ
แต่ป่าวเลย บันไดชันมาก เข้าขึ้นไม่เท่าไหร่ แต่ขาลานี่สิ
ลำบากใจและกายสำหรับคนกลัวความสูงอย่างเราเป็นอันมาก
มีบางคนถึงขนาดใช้วิธีเดินถอยหลังเลยทีเดียว
5 ชีวิตที่ไป มี 2 ชีวิตที่สู้ต่อ ส่วนที่ 3 ขอนั่งรอที่ร้านขายกาแฟดีกว่า
เสร็จจากกำแพงเมืองจีนก็ไปต่อกันที่ โรงงานจิวเวลรี่ สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้
ร้านขายสมุนไพร และสุดท้ายที่โรงงานขายผ้าไหม
เย็นวันที่สองไปนั่งทานข้าวกันที่ ฮ่องไฮ่
เป็นสวนสาธารณะ มีทะเลสาป และร้านค้าให้เลือกมากมาย
วันสุดท้ายทำงานกันอีกนิดหน่อยช่วงเช้า
พอบ่ายไปจตุรัส เทียน อัน เหมิน กับพระราชวังต้องห้าม
ก่อนแพ็คกระเป๋าเดินทางกลับบ้านเราสักที
สิ่งที่ได้เผชิญมาแค่ 3 วันในเมืองจีนคือ
1. ไม่ว่าจะไปที่ไหนๆ เราจะได้ยินเสียงแตรอยู่เสมอ ประหนึ่งเหมือนว่าคนที่นี่เพิ่งจะขับรถกัน
แต่ก็น่าแปลกที่ไม่ยักกะมีใครอารมณ์เสียก็โมโหกับเสียงแตรเหล่านั้น จะมีก็เรานี่หล่ะ ได้ยินจนปวดหัว ตุ๊บ ตุ๊บ
ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะยังขี่จักรยานกันอยู่ แต่คิดว่าอีกไม่นานวัฒนธรรมนี้คงจะอยู่กลืนหายไปกับตึกใหญ่ๆ
ที่กำลังก่อสร้างกันเกลื่อนกลาด
2. ห้องน้ำเมืองจีน หากอยากเข้าที่ถูกสุขลักษณะ
เราจะต้องเข้าตามห้างสรรพสินค้าเท่านั้น
ต่อให้ไปใช้บริการตามแหล่งท่องเที่ยว
ก็อาจจะเจอห้องน้ำแบบเดิมๆ ที่ไม่มีประตูปิด
หรือเป็นส้วมหลุม
3. การซื้อของที่เมืองจีน จะต้องต่อรองอย่างน้อยๆ 40%
ในขั้นแรกเราจะต้องเสนอให้คนขายบอกราคาที่ลดได้มาก่อน
ขั้นต่อมาเราแสดงอาการอยากได้มั่กๆ แต่ขอที่ราคาเท่านี้ได้ไหม
คนขายจะบอกว่าไม่ด๊าย ไม่ได้
เราจะต้องทำท่า เริ่ด เชิด หยิ่ง
ไม่ได้ราคาของชั้น ชั้นไม่เอา
เราจะต้องเดินไปข้างหน้าทำดูโน่นดูนี่
สักพักคนขายจะตามง้อและให้ราคาที่เราต้องการ
ทฤษฏีนี้ใช้มาแล้วทั้งหมด 5 ร้านที่ซื้อสินค้ากลับมา หุหุ
4. คนที่นี่สูบบุหรี่เหมือนกินข้าว
ไม่ว่าไปที่ไหน จะต้องมีกลิ่นบุหรี่ในทุกที่
ตามร้านอาหาร ในห้างสรรพสินค้า
ในโรงแรม ที่นี่ไม่มีสถานที่เฉพาะสำหรับสูบบุหรี่
3 วัน ดมไปเต็มปอด ต้องขอไปเช็คร่างกาย ด่วน
5. มารยาททางสากล เช่นการรอคิว
การพูดจาเสียงดังในที่สาธารณะ
รวมถึงอัชยาศัยที่ไม่เป็นมิตร
ทำให้คิดว่าสำหรับเราแล้ว
คงเป็นการยากที่จะกลับมาเยือนเป็นครั้งที่สอง
ถึงอย่างไรเสียก็รู้สึกดี ที่ได้เปิดโลกของตัวเองให้กว้างกว่าเดิม
Create Date : 15 พฤษภาคม 2551 | | |
Last Update : 15 พฤษภาคม 2551 20:15:43 น. |
Counter : 406 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ไปปักกิ่ง ภาค 1 .
เล่าอย่างรวบรัด ที่ทำงานมีแพลนให้ไปเมืองจีน
กับเพื่อนพนักงานหนุ่มๆ อีก 4 ชีวิต
ดูน่าจะเป็นเหมือนไข่ในหิน
แต่บังเอิญเป็นไข่ที่ ... เสียแล้ว
เลยต้องกลายร่างเป็นสมหญิงในมวลหมู่ภมรแทน
เดินทานคืนวันที่ 7 ถึงเช้าวันที่ 8
ขอบอกว่าแอร์ไชน่า ที่นั่งเล็กมากๆ อึดอัดเป็นที่สุด
นั่งเป็นแหน็บแทบรับประทาน
ถึงโรงแรมที่พักก็ออกเดินทานไปดูงาน
เสร็จจากงานกลับถึงโรงแรมอีกทีสามโมงกว่า
สลบเหมือดกันเป็นแถว
นี่ขนาดอากาศดีเป็นที่สุด เย็นๆ เดินได้สบายใจ
ตื่นมาหกโมงเย็นไปหาของทานกันแล้วก็ช้อปปิ้ง
เดินกะหนุ่มๆ ไม่ใคร่มีใครจะช้อปอะไรกับมากมาย
แต่ก็มีเล็งๆ ไว้ เพราะยังไงเสียก็ต้องซื้อกับไปฝากบรรดาแม่ (ทูลหัว) ทั้งหลาย
โชคดีที่มีงานโอลิมปิคทำให้มีร้านขายของที่ระลึกน่ารักๆ
ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีอะไรที่จะซื้อไปฝาก
มีคนบอกว่าหนุ่มๆ เมืองจีนน่าตาดี (ตรงไหน)
หากให้พูดตรงๆ แล้ว มารยาทที่ได้พบเจอช่างทำให้หน้าตาที่งั้นๆ อยู่แล้ว
ยิ่งดูเลวร้ายลงไปใหญ่
วันแรกยังจบลงด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางและงานที่ต้องทำ
วันที่สองและสามยิ่งทำให้รู้สึกรักเมืองไทยที่สุดเลยหล่ะ
อย่างหนึ่งที่ยอมรับคืนความทันสมัยที่เกิดขึ้นในปักกิ่ง
เป็นการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและมีการวางแปลนอย่างดี
เสียแต่ว่าจิตใจของคนเมืองยังไม่ได้ถูกพัฒนาตามไปด้วย
สไลด์แรกสนามบินที่ปักกิ่ง
คล้ายกับที่สุวรรณภูมิม๊าก มาก
แต่ของเค้าดีกว่าไม่รู้กี่สิบเท่า หึหึ
สไลด์ที่สองเป็นบรรยากาศร้านขายของน่ากิน
กับสถานที่เดินช้อปปิ้งยามค่ำคืน
Create Date : 11 พฤษภาคม 2551 | | |
Last Update : 15 พฤษภาคม 2551 20:14:06 น. |
Counter : 319 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|