Group Blog
 
All blogs
 

มาล้างพิษยามเช้ากันค่ะ น้ำแครอท แอปเปิ้ล แตงกวา by Kanphicha




มาล้างพิษยามเช้ากันค่ะ by Kanphicha

น้ำแครอท แอปเปิ้ล แตงกวา

ส่วนผสม(สำหรับ 1 ที่)
1.แตงกวา หั่นเป็นชิ้น 1 ผล
2.แอปเปิ้ลไม่ปอกเปลือก เอาแกนออกและหั่นเป็นชิ้น 1 ผล
3.แครอท หั่นเป็นชิ้น 1 หัว
4. น้ำเปล่าสุกอุ่น

วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทั้งหมดปั่นจะได้ปริมาณ 1 ถ้วย หรือ 250 มล.

สรรพคุณ
ทำให้สดชื่นมาก

-แตงกวาช่วยระบายความร้อน,เป็นยาขับปัสสาวะอ่อนๆ
-แอปเปิลเป็นแหล่งวิตามินซีคุณภาพดี มีเส้นใยที่ละลายได้ น้ำตาลธรรมชาติจากแอปเปิลช่วยให้กำลังงาน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากระหว่างการงดเว้นอาหารบางอย่าง หรืออยู่ในระหว่างสภาพกึ่งอดอาหาร เพื่อทำความสะอาดระบบภายในร่างกายด้วยน้ำผลไม้สด
-แครอทอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด




 

Create Date : 13 มกราคม 2555    
Last Update : 13 มกราคม 2555 4:57:43 น.
Counter : 2803 Pageviews.  

20 อาหาร "ล้างพิษ"

20 อาหาร "ล้างพิษ"







วันเวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ ค่ะ นี่ถึงเวลาสิ้นปีแล้ว เชื่อว่าคงมีหลายอย่างที่คุณผู้หญิงทั้งหลายตั้งใจจะทำแต่ยังไม่ได้ทำ เดาว่าเรื่องสุขภาพก็เป็นอีกเรื่องที่คุณผู้หญิงหลายท่านปล่อยปละละเลยไม่ได้ดูแลมาเสียนาน แต่ยังอย่าเพิ่งรู้สึกผิดไปค่ะ ยังทัน เพียงแค่เริ่มลงมือ วันนี้เราขอนำเสนอ 20 อาหารที่จะช่วยล้างพิษในร่างกายที่สะสมมานาน เริ่มดูแลเสียแต่วันนี้จะช่วยให้คุณผู้หญิงมีร่างกายที่สดใสพร้อมรับกับปีใหม่ที่จะมาถึงนี้นะคะ

1. สาหร่าย

พืชสีเขียวจากทะเลที่หลายคนอาจมองข้ามคุณประโยชน์ที่มากมายไป อุดมไปด้วยแคลซียมและธาตุเหล็ก ที่มีส่วนสำคัญในการบำรุงกระดูกและโลหิต ยังช่วยดูดซึมรังสีต่าง ๆ จากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคลื่นไมโครเวฟ และสามารถจับพวกโลหะหนักและขับออกจากร่างกายได้ด้วย

2. หัวหอมใหญ่

พืชหัวสวนครัวที่อยู่ติดครัวคนไทยมาช้านาน มีสารฟลาโวนอยด์เควอเซทิน ซึ่งช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส และฟอสฟอรัสช่วยทำให้ความจำดีขึ้น นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องสารต้านอนุมูลอิสระช่วยล้างพิษในกระแสเลือดและลดระดับคอเลสเตอรอล LDL ซึ่งเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคหัวใจ ยังช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น ช่วยรักษาโรคทางเดินหายใจ และที่สำคัญคือช่วยรักษาให้ระดับน้ำตาลคงที่ เป็นผลดีกับผู้ป่วยโรคเบาหวานนะคะ



3. มะนาว

อาหารที่มีรสชาติเปรี้ยวจี๊ด ช่วยเพิ่มความจัดจ้านให้กับมื้ออาหารคุณได้ค่ะ หลังตื่นนอนนำน้ำมะนาวผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มจะช่วยล้างพิษ มีส่วนช่วยทำให้เลือดสะอาดขึ้น หากผสมกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้งก็จะช่วยล้างพิษในลำไส้ และป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย

4. เมล็ดแฟลกซ์ หรือเมล็ดป่านลินิน

รู้จักกันดีในวงการผู้รักสุขภาพ ลักษณะคล้ายเมล็ดงา มีกรดไขมันโอเมกา-3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสมอง ช่วยบำรุงความจำ และมีผลดีต่อหัวใจ รวมถึงมีสารที่ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันร่างการแข็งแรงขึ้น

5. กระเจี๊ยบ

น้ำกระเจี๊ยบมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดแบคทีเรียและไวรัสออกจากระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของโรคกระเพราะอักเสบของบรรดาสาวออฟฟิศ ในกระเจี๊ยบมีสารที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสเหล่านั้นได้



6. ทับทิม

ในผลทับทิมมีสารแอสไพรินซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับแอสไพรินในยาแก้ปวด ช่วยล้างพิษ ลดการติดเชื้อ และลดอาการอักเสบ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการไขข้ออักเสบ ปวดบวม ช้ำ แนะนำให้กินทับทิม เพราะช่วยลดอาการปวดลงได้ ขณะเดียวกันยังมีไฟเบอร์สูง ช่วยให้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น

7. พืชตระกูลถั่ว

เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ช่วยลดคอเลสเตอรอล และลดอัตราความเสียงต่อการเกิดโรคหัวใจด้วย พืชตระกูลถั่วนี้ประกอบด้วยไฟเบอร์สูง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ทำความสะอาดลำไส้ ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้และมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย

8.ขึ้นฉ่าย

สุดยอดอาหารในการทำความสะอาดเลือด และช่วยลดความดันโลหิต ถ้าจะให้ดีควรดื่มน้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายสดในตอนเช้า ในขึ้นฉ่ายยังประกอบไปด้วยสารต้านการเกิดมะเร็ง และสารที่ช่วยขับของเสียจากบุหรี่ในคนที่สูบบุหรี่ หรือผู้ที่ได้รับควันบุหรี่ด้วย



9.แครอท

อุดมไปด้วยสารอัลฟาและเบตาแคโรทีน ถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมในการช่วยปกป้องร่างกายจากสารพิษในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะช่วยระบบทางเดินประสาท สายตา ผิวหนัง ที่ต้องสัมผัสแสงแดเป็นประจำ และเป็นที่ทราบกันดีว่าแครอตช่วยลดการเกิดมะเร็งได้อีกด้วย

10. มะเขือพวง

อาหารนิยมของคนไทยที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งสามารถช่วยดูดซึมไขมันในอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยจับไขมันอิ่มตัวและขับออกจากร่างกายโดยระบบขับถ่าย อีกทั้งยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยกำจัดของเสียออกจากระบบทางเดินอาหารได้เร็วขึ้นและลดการสะสมของเสีย

11. ส้มโอ

มีสารเพกตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่ง สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด นอกจากนี้เพกตินยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหนักทำอันตรายต่อร่างกาย ที่สำคัญยังช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งตับอ่อน เพราะสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยปกป้องสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย




12. กระเทียม

สุดยอดเครื่องเทศของไทยที่มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และฆ่าพยาธิในทางเดินอาหารและระบบลำไส้ ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่นและลดแรงดันโลหิต นอกจากนี้ยังช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น

13. บลูเบอร์รี่

ผลไม้ที่มีแอนติออกซิแดนต์สูงมากและถือเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารรักษาโรค เนื่องจากในบลูเบอร์รี่มีสารแอสไพรินตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดการระคายเคืองในระบบทางเดินปัสาสาวะ เนื่องจากสามารถเข้าไปขัดขวางแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะส่งผลให้ลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

14. กะหล่ำ

เต็มไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ ยังช่วยตับขับฮอร์โมนที่มากเกินไป ซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนความเครียดที่มีผลเสียต่อร่างกาย ทั้งยังช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร รักษาและปกป้องกระเพาะอาหารจากแบคทีเรียและไวรัสต่าง ๆ และช่วยกำจัดของเสียจากสิ่งแวดล้อม เช่น ของเสียจากควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสีย



15. บีทรูต

ผักสีแดงมหัศจรรย์นี้ ประกอบไปด้วยไฟโรเคมีคอล วิตามินและเกลือแร่หลายชนิด มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อโรค ทำความสะอาดเลือด ตับและระบบน้ำเหลือง อีกทั้งมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มากขึ้น จึงช่วยกำจัดของเสียได้ง่ายและเร็วขึ้น ยังช่วยปรับระดับกรด-ด่างในเลือดให้สมดุลด้วย

16. อะโวคาโด

ปัจจุบันคุณผู้หญิงสามารถหาซื้ออะโวคาโดได้ทั่วไป ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอนที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิด และขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมีและโลหะหนัก

17. ตำลึง

ผักใบเขียวที่ขึ้นง่ายและราคาไม่แพง แต่ประโยชน์นั้นมหาศาลเชียวค่ะ เพราะตำลึงมีคุณสมบัติ ช่วยผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้น นอกจากนี้สารที่มีอยู่ในตำลึงยังช่วยให้ตับสลายไขมันในร่างกายด้วย



18. แอปเปิ้ล

ประกอบไปด้วยเพกติน ไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่ช่วยจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายที่ปะปนมากับอาหาร ซึ่งจะทำลายเซลล์สมอง นอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส

19. อัลมอนด์

มีใยอาหารสูง มีแคลเซียมและโปรตีน แม้จะมีไขมันอยู่บ้างแต่ก็เป็นไขมันที่ดีและจำเป็นต่อร่างกายใน นอกจากนี้อัลมอนด์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่ปกติ



20. กล้วย

มีเกลือแร่ที่จำเป็นแก่ร่างกาย เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส มีคุณสมบัติในการบำรุงและสร้างความแข็งแรงแก่กระเพาะอาหาร ช่วยขับของเหลว หรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายโดยช่วยขับของเหลว หรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดีขึ้น

20 สารอาหาร ดูเหมือนเยอะ แต่ไม่ได้แนะนำให้กินในคราวเดียวกัน เลือกกินตามโอกาส แต่รับรองค่ะว่าอาหารแต่ละชนิดนั้นให้ผลในเร็ววัน ร่างกายสดใสพร้อมรับปีใหม่แน่นอน แต่อย่ากินเฉพาะปีนี้นะคะ ควรกินตลอดไปจะดีที่สุดค่ะ







ที่มา Modern Mom




 

Create Date : 27 ธันวาคม 2554    
Last Update : 27 ธันวาคม 2554 6:31:39 น.
Counter : 700 Pageviews.  

วิธีลดต้นขา สำหรับคุณผู้หญิง

ออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ

การว่ายน้ำ ช่วยให้บริหารได้ทุกสัดส่วนของร่างกาย ช่วยทำให้ร่างกายของคุณผู้หญิงดูเล็ก และเพรียวลง นอกจากนี้สัดส่วนยังดูเฟิร์มกระชับได้มากกว่าเดิมอีกด้วย โดยท่าว่ายน้ำที่ช่วยลดต้นขาได้มากที่สุดก็คือ ท่าฟรีสไตล์ ซึ่งคุณต้องตีขาควบคู่ไปกับการว่ายน้ำ หากคุณผู้หญิงคนไหนที่อยากเห็นผลเร็วๆ แนะนำหมั่นเกาะขอบสระตีขาสลับไปมา เหมือนตอนเริ่มหัดว่ายน้ำกันดู ทำเป็นเซ็ทๆ แล้วทำซ้ำอีกสัก 10 เที่ยว เพียงเท่านี้คุณผู้หญิงก็จะได้ออกกำลังกายร่างกายเพื่อลดต้นขาให้เพรียวลงได้แล้วละคะ

การบริหารร่างกาย โดยมีท่าบริหารให้เลือกทำกัน 3 ท่า ดังนี้

1.ท่านอนด้วยออกกำลังกายไปด้วย

สามารบริการได้โดยหาผ้าปู หรือเบาะรองนั่งมารองก้นเพื่อกันการกระแทกและเพื่อรับน้ำหนักและป้องกันการเจ็บก้น จากนั้นนอนหงายราบไปกับพื้น จากนั้นยกขาขึ้นทั้งสองข้างขึ้นเหยียดตรง ค้างเอาไว้ แยกขาออกจากกันไปทางด้านข้างแล้วหุบขา ทำซ้ำไปมา 20 ครั้ง และปิดท้ายด้วยการปั่นจักรยานกลางอากาศ อย่างน้อย 80 ครั้ง

2.ท่านั่งแต่ก็หมั่นขยับขา

นั่งโดยเหยียดขาให้ตรง จากนั้นยกขาขึ้นจากพื้นเล็กน้อย โดยสลับขาซ้าย- ขวา อย่างน้อย 100 ครั้ง

3.ท่ายืนบริหารต้นขา

โดยให้ยืนหันข้างให้กับกำแพง วางมือบนกำแพง เหยียดขาข้างที่ไม่ได้ชิดกำแพง ยกขึ้นมา 90 องศา ด้านหน้าพยายามให้ขนานกับพื้น ทำอย่างน้อย 10 ครั้ง ต่อด้วยการยกขาขึ้นทางด้านข้างและด้านหลัง อย่างละ 10 ครั้งเหมือนกัน จากนั้นเปลี่ยนเป็นขาอีกข้างหนึ่ง ทำซ้ำ ๆ เหมือนกัน

หมั้นบริหารต้นขาด้วยการออกกำลังกายตามท่าบริหารที่เรานำมาฝากกัน โดยหมั่นทำประจำทุกวัน เพียงเท่านี้ คุณผู้หญิงก็สามารถลดต้นขาได้อย่างเห็นผล และไม่ต้องกังวลกับปัญหาต้นขาใหญ่อีกต่อไปค่ะ




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2554 4:54:50 น.
Counter : 684 Pageviews.  

10 วิธี ดูแลผมสวยให้มีสุขภาพดีไปแสนนาน

1. แปรงผม ก่อนสระผมทุกครั้ง

แปรงผมเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนเส้นผมของคุณผู้หญิง และสางเส้นผมที่พันกันออกก่อน

2. สระผม ควรใช้แชมพูและครีมนวดที่ผสมอาหารชีวภาพ

เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและบำรุงเส้นผมไปด้วยในตัว เพราะสารอาหารชีวภาพจะถูกดูดซึมแล้วเข้าถึงรากและตลอดเส้นผม

3. นวดศีรษะ นวดหนังศีรษะขณะอาบน้ำใต้ฝักบัว

เพื่อกระตุ้นระบบหมุนเวียน ช่วยให้คุณผู้หญิงมีสุขภาพผมที่ดีขึ้น และช่วยลดความเครียด ใช้ปลายนิ้วนวดหนังศีรษะเบา ๆ โดยเริ่มจากด้านหน้าแล้วนวดลงไปถึงต้นคอ

4. เพิ่มความชุ่มชื้น ชโลมคอนดิชันเนอร์เฉพาะตรงปลายผม

และส่วนที่เลยปลายผมขึ้นมาครึ่งหนึ่งของความยาว (เพราะเส้นผมส่วนที่อยู่ใกล้หนังศีรษะ น่าจะมีน้ำมันที่ให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติอยู่แล้ว) การทาคอนดิชั่นเนอร์ใกล้ ๆ รากผมจะทำให้ให้รู้สึกว่าเส้นผมเป็นมันเยิ้มหลังจากสระผมไม่นาน

5. ใช้น้ำส้มสายชูเพิ่มความเงางามแก่เส้นผม

เพิ่มความเงางามและขจัดเส้นผมพันกันของคุณผู้หญิง ด้วยการใช้น้ำส้มสายชูหนึ่งช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น 600 มิลลิลิตร แล้วราดลงบนเส้นผม ใช้หวีสางให้ทั่วแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

6. ล้างด้วยน้ำเย็น

น้ำร้อนทำให้ต่อมรากผมขยายและสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติไป ทำให้ผิวผมแห้งหยาบดูไม่มีชีวิตชีวา ใช้น้ำเย็นล้างผมจะดีกว่า ความเย็นของน้ำจะช่วยให้ต่อมรากผมปิดตัว เส้นผมจะเงางามทั่วศีรษะ

7. ซับเบา ๆ อย่าใช้ผ้าขนหนูเช็ดผม

เพราะผ้าขนหนูจะขโมยความชุ่มชื้น และทำลายความยืดหยุ่นของเส้นผม ให้ใช้ปลายนิ้วบีบน้ำบนเส้นผมออก แล้วใช้ผ้าขนหนูซับเบา ๆ วิธีนี้จะช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นบนเส้นผมไว้ได้

8. สางผม อย่าแปรงผมในขณะที่ผมเปียกเด็ดขาด

เพราะขณะที่เปียก เส้นผมจะพองใหญ่กว่าปกติสองเท่า และจะทำให้ผมเสียได้ง่าย ใช้หวีซี่ห่าง ๆ สางผมเปียกที่แบ่งเป็นส่วน ๆ โดยเริ่มสางจากปลายผม

9. ปล่อยให้แห้ง ปล่อยให้เส้นผมแห้งตามธรรมชาติ

เพราะเครื่องมือแต่งผมที่ใช้ความร้อนจะทำให้แกนผมเสีย บิดผมยาว ๆ ขึ้นไปรวบเป็นมวย เส้นผมจะเซ็ตตัวได้เองเมื่อแห้งแล้ว ถ้าผมสั้นก็ทาเจลแล้วหวีให้ทั่ว

10. กำราบผมตั้งชี้ เมื่อผมแห้งแล้ว ฉีดสเปรย์ลงบนหวีแล้วหวีผมให้ทั่ว วิธีนี้จะทำให้ปลายผมของคุณผู้หญิงที่ตั้งชี้ลู่ลงไป ทำให้เส้นผมดูเงางาม เป็นระเบียบ และช่วยให้เส้นผมอยู่ทรงได้นานขึ้นค่ะ

ลองปฏิบัติตาม 10 วิธีที่วีซ่านำมาแนะนำกันดูนะคะ รับรองว่าคุณผู้หญิงจะมีผมสวยสุขภาพดี ไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียวค่ะ




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2554 4:54:30 น.
Counter : 593 Pageviews.  

บำรุงเท้า ไม่ให้หยาบและแห้งกร้าน

สิ่งที่ควรทำคืออย่าปล่อยให้เท้าแห้งกร้าน และวิธีดูแลถนอมเท้าไม่ให้แห้งกร้านซึ่งอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการดูแลเท้าด้วยสูตรธรรมชาติมีดังนี้

- น้ำมันเปปเปอร์มินต์สองสามหยด (หรือใบสะระแหน่สดหนึ่งหยิบมือ)
- น้ำตาลทรายแดง (หรือน้ำตาลทรายขาว 4 ช้อนโต๊ะ)
- น้ำมันสวีตอัลมอนด์ (หรือน้ำมันมะกอก 4 ช้อนโต๊ะ๗

จากนั้นให้ผสมน้ำตาลทรายแดงกับน้ำมันสวีตอัลมอนด์ แล้วเติมน้ำมันเปปเปอร์มินต์ลงไปสองสามหยด แต่ถ้าหากน้ำมันเปปเปอร์มินต์ไม่ได้ สามารถใช้ใบสะระแหน่หยิบมือหนึ่ง บดมันเบาๆ ด้วยหลังช้อน ซึ่งจะทำให้มีน้ำมันออกมา แต่อย่าสับหรือหั่นด้วยมีด แล้วผสมลงไปแทนน้ำมันเปปเปอร์มินต์ ใช้ส่วนผสมขยี้ขัดเบาๆ ที่เท้าของคุณผู้หญิง โดยเฉพาะบริเวณหยาบกร้านที่ส้นเท้าค่ะ

แนะนำให้ทำวิธีนี้ เนื่องจาก น้ำตาลจะช่วยขัดลอกเซลล์ผิว ขณะที่น้ำมันสวีตอัลมอนด์หรือน้ำมันมะกอกจะให้ความชุ่มชื้นและน้ำมันเปปเปอร์มินต์หรือใบสะระแหน่ จะช่วยระงับกลิ่น และให้ความสดชื่นแก่เท้าคุณผู้หญิงอีกด้วยค่ะ

ด้วยสูตรการดูแลเท้าแบบธรรมชาติที่นำมาแนะนำนี้นั้น จะช่วยทำให้เท้าของคุณผู้หญิงที่ดูแห้ง หยาบกร้าน กลับกลายเป็นเท้าที่นุ่ม น่าสัมผัสไม่แห้งหยาบกรานอีกต่อไปค่ะ

ภาพจาก : globalfashionreport.com




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2554 4:54:25 น.
Counter : 1290 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  

Kanphicha
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ที่มาของคำว่า Kefir By รัญรักษ์
ไม่ใช่ชื่อยี่ห้อ ไม่ใช่เครื่องหมายการค้า
แต่เป็นชื่อพ่อและแม่ของกานต์เองค่ะ
เมื่อกานต์ทำบุญครั้งใด ก็จะยกกุศลทั้งหมดให้พ่อและแม่
การแจกจ่ายบัวหิมะให้คนอื่นๆ
ถือเป็นการทำบุญอีกคร้งหนึ่ง
กานต์ขอยกกุศลผลบุญทั้งหมดให้บุพการีที่เป็นที่รักของกานต์ทั้งสองท่าน โดยการตั้งชื่อท่านทั้งสองในการแจกจ่าย Kefir นะคะ
free counters
Friends' blogs
[Add Kanphicha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.