Group Blog
 
All blogs
 

ทาครีมแบบคุณแม่ปลื้ม

สาวๆจ๋า ทาครีมอย่านึกว่าไม่สำคัญนะจ๊ะ ไม่ใช่ว่าพอซื้อมาแพงหูฉี่แล้วมันจะเพอร์เฟกเสมอไป เพราะถ้าคุณๆทั้งหลายหลับหูหลับตาโบ๊ะๆโป๊ะๆไป โดยไม่ได้ศึกษาวิธีใช้หรือขั้นตอนที่ถูกต้อง ก็คงไม่ต่างอะไรจากซื้อขวดละ 50 บาทใช้ แน่นอนว่าถ้าเราทำถูกต้องตามวิธีและขั้นตอน ก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิ์ภาพให้กับครีมที่เราซื้อมาขึ้นอีกด้วยนะคะคุณขา

วิธีการง่ายๆก็มีดังต่อไปนี้คะ


1. เวลาบีบครีมออกมาใช้ก็ให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ประมาณซัก2ซม.ก็พอ อย่าคิดว่ายิ่งมากยิ่งดี เพราะนอกจากจะเปลืองแล้วเนี่ย มันก็ไม่ได้ทำให้ได้ผลดีขึ้น เพราะว่าผิวหน้าเนี่ย จะซึมลงไปบนผิวหน้าได้ในปริมาณที่จำกัดเท่านั้น ที่เหลือมันก็จะค้างอยู่บนหน้าเรา เดี๋ยวคนข้างๆจะนึกว่าเราเป็นแม่ค้าขายข้าวมันไก่เอาซะ


2.เมื่อบีบออกมาแล้ว ก็ให้แต้มเป็นจุดๆ คือหน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง จมูก และคาง แล้วค่อยๆบรรจงเอานิ้วนางเกลี่ยเบาๆให้ทั่วหน้า ค่อยๆนวดให้เนื้อครีมซึมซับลงไป แบบถนุถนอม แต่สาวๆบางพวก หล่อนมักจะใช้วิธี บีบใส่มีขวา มือซ้ายจะเฉยอยู่ทำไมเอามาประกบกันแล้วนวดครีมเข้ากับมือทั้งสองข้าง เค้นมันเข้าไป แล้วค่อยนำมาลูปที่ใบหน้าอย่างเมามัน สาวบางคนกลัวเนื้อครีมจะซึมไม่ทั่วถึง ขอตบๆๆ แหม...ทาเสร็จหน้าบวมก็ตกใจนึกว่าแพ้ครีม ที่ไหนได้คุณน้องจกส้มตำมาก่อน อันนี้ผิดมหันต์นะคะ ห้ามเด็ดขาด


3.เวลาจะทาครีมรอบดวงตาเนี่ย มันก็ต้องมีกลยุทธ์พิเศษหน่อย บีบครีมแค่หยดขี้ตาแมวก็ใช้ได้ หยดเล็กๆเท่าเม็ดถั่ว(ถั่วเขียวนะคะไม่ใช่ถั่วอัลมอลล์) แล้วก็ค่อยๆไล้อย่างเบามือ จากหัวตาไปหางตาทั้งบนและก็ล่าง แต่สำคัญที่ต้องไล่ไปทางเดียวเท่านั้น ห้ามผิดทาง ไม่งั้นตีนกาก็อาจจะถามหา


4.เมื่อทาที่หน้าจบ อย่าจบแค่นั้น หน้าขาวคอดำไม่ได้เด็ดขาด บีบครีมออกมาพอเหมาะแล้วค่อยๆลูบให้ทั่วคอ แต่ลูบขึ้นนะจ๊ะ อย่าลูบลงเดี๋ยวคอจะเหี่ยวเป็นคอไก่ทอด


5.ลงมาที่แขนขาก็ทฤษฎีเดียวกันค่ะคุณ ค่อยๆลูบขึ้นจากล่างขึ้นบน และให้เน้นบริเวณที่แห้งกร้านเป็นพิเศษตั่งแต่เท้าขึ้นมา รวมไปถึงนิ้วเท้าด้วยนะคะ เวลาใส่รองเท้าเปลือยจะได้มั่นใจขึ้น


6.บริเวณสุดท้ายคือหลัง ส่วนใหญ่แล้วบริเวณนี้มักจะถูกละเลย บางคนหน้าสวยมาก หันหลังมาสิวเขอะ โอ้ย..คุณขา ชีวิตอวสาน วิธีง่ายๆก็แค่บีบครีมใส่มือแล้วไพร่มือทาสลับข้างกันไป แต่ถ้าจะให้ดี หาเพื่อนชายมาช่วยทาดีที่สุดค่ะ เพราะนอกจากผิวจะสลวยแล้วก็อาจจะแอบสยิวได้อีกด้วย




 

Create Date : 29 มกราคม 2553    
Last Update : 29 มกราคม 2553 10:54:53 น.
Counter : 363 Pageviews.  

อาหาร 8 ชนิดที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม




1.นม

นมเป็นแหล่งโปรตีนที่อุดมแคลเซียมร่างกายของผู้หญิงเราต้องการแคลเซียมไปใช้มากกว่าผู้ชายในการดูแลกระดูก ให้แข็งแรง (โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์ ช่วงให้นมแม่ หลังวัยหมดประจำเดือน) และเพื่อไม่เกิดปัญหากระดูกพรุนในภายหลัง จึงมีคำแนะนำให้ผู้หญิงดื่มนมเป็นประจำวันละ 2 แก้ว (เลือกแบบจืดชนิด low fat ) ทั้งนี้ก็เพื่อกระดูกที่แข็งแรงนั่นเองค่ะ



2.โยเกิร์ต

ในโยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราทำงานอย่างสมบูรณ์ขึ้นด้วย แต่ที่สำคัญคือจะต้องเป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่ไม่เติมผลไม้เชื่อมหรือน้ำตาลลงไป เพราะนอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว ความหวานยังไปทำลายจุลินทรีย์เสียหมด คุณค่าที่ต้องการเลยหายวับไปอย่างน่าเสียดาย



3.น้ำมันมะกอก

เป็นไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัว ซึ่งดีและเป็นประโยชน์กับสุขภาพ เพราะไปช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LDL ซึ่งเป็นไขมันในหลอดเลือดตัวอันตรายหรือไตรกรีเซอไรด์รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของความดันโลหิตสูงได ้อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีวิตามิน E สารต้านอนุมูนอิสระ (antioxidant) ที่ช่วยบำรุงผิวให้สดใสอีกด้วย



4.เมล็ดทานตะวัน

เป็นธัญพืชที่อุดมด้วยวิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ที่ช่วยต่อต้านริ้วรอย ชะลออายุของเซลล์ผิว จึงช่วยให้ผิวสดใส ดูยังเป็นสาวอ่อนวัย นอกจากนั้นวิตามินอียังจะช่วยลบเลือนรอยแผลเป็นให้จา งลงไปได้ด้วย เพราะฉะนั้นจะกินเมล็ดทานตะวันเป็นของงว่างหรือโรยหน ้าสลัดจานโปรดก็ดีทั้งนั้นค่ะ



5.บล็อกโคลี

นอกจากจะอร่อยแล้ว บล็อกโคลียังเป็นผักที่ให้วิตามินซี แคลเซียม เหล็ก ซึ่งล้วนมีประโยชน์กับร่างกายทั้งสิ้น นอกจากนั้นยังมีกากใยช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องไม่ปรุงให้สุกมากเกินไปเพราะความร้อนจะทำให้คุณค่าวิตามินต่างๆ จะหายไปหมด



6.มะเขือเทศ

เป็นแหล่งเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดีโดยเฉพาะระบบย่อย ที่สำคัญมีการวิจัยพบว่าการกินมะเขือเทศ (สดๆ ทั้งเปลือก) ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเต้านมและมะเร็งปอ ดได้ ใครที่เคยเมินมะเขือเทศรีบเปลี่ยนความคิดด่วนค่ะ



7.เต้าหู้

เป็นแหล่งโปรตีนสำคัญจากพืช จึงมีไขมันต่ำแถมแคลเซียมสูง ราคาก็ไม่แพง กินแล้วดีกับระบบย่อยอาหาร สบายท้อง นอกจากนั้นในเต้าหู้ยังมีสารที่ช่วยปรับระดับของฮอร์ โมนเอสโตรเจนในร่างกายให้สมดุลอีกด้วย



8.น้ำสะอาด

60 % ของร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบ น้ำจึงมีส่วนสำคัญเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย และด้วยความที่สำคัญอย่างนี้คุณๆ จึงควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว โดยขอย้ำว่าเป็นน้ำสะอาด ไม่ใช่น้ำหวาน น้ำอัดลม






 

Create Date : 28 มกราคม 2553    
Last Update : 28 มกราคม 2553 22:54:58 น.
Counter : 443 Pageviews.  

ประโยชน์ของมะขามเปียก



มะขามเปียก

มีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย ใครทราบบ้าง วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน....

มะขามเปียก ถือเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง

ที่มีสรรพคุณในเรื่องของระบบขับถ่าย ถ้าเกิดท้องผูก ขึ้นมา ก็ให้หยิบมะขามเปียกมาจิ้มเกลือรับประทานสักฝักสองฝักเป็นอันได้ผล แต่เรื่องของความสะอาดนั้นถือว่าสำคัญมาก เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะหยิบมะขามเปียกมารับประทาน ต้องดูให้แน่ใจว่ามีสิ่งสกปรก หรือเชื้อราเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่ทางที่ดีควรนำเข้าตู้ไมโครเวฟก่อน ถ้าเป็นไปได้ให้ซื้อมะขามเปรี้ยว ซึ่งมีจำหน่ายเป็นฝัก ๆ มาแกะเปลือกไว้กินเองดีกว่า

อีกปัญหาหนึ่งของ ผู้ที่นิยมกักตุนมะขามเปียกไว้ใช้ แต่แล้วผ่านไปไม่นาน สีของเนื้อมะขามที่เคยออกโทนน้ำตาล กลับกลายเป็นสีดำไม่น่ารับประทาน ฉะนั้นหลังจากได้ มะขามเปียกมา ให้บรรจุลงในภาชนะที่ไม่ใช่อะลูมิเนียม โรยเกลือ แกงเม็ดใหญ่ ๆ บริเวณด้านบน ปิดฝาให้สนิท

เพียงเท่านี้ ก็จะได้รับประทานมะขามเปียกสีสันตามธรรมชาติและถ้าใครท้องผูกก็อย่าลืมหัน มาทานมะขามเปียกกันดู จะได้มีระบบขับถ่ายที่ดี





 

Create Date : 28 มกราคม 2553    
Last Update : 28 มกราคม 2553 22:54:19 น.
Counter : 1028 Pageviews.  

12 อาหารทำให้คุณสวยจากศีรษะจรดปลายเท้า




สุขภาพดีที่แท้จริงคือการมี อวัยวะต่าง ๆ ที่แข็งแรง ทำงานได้ดี และจะเป็นเช่นนั้นได้จุดเริ่มต้นก็คืออาหารที่เรากินไปในแต่ละวัน ซึ่งอาหารแต่ละอย่างก็ดีต่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายต่างกัน ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมาให้คุณแล้ว

กล้วย บำรุงเส้นผม

ผมร่วง ผมบาง ต้องกินกล้วย เพราะอุดมด้วยวิตามินบีซึ่งช่วยบำรุงผมและป้องกันผมร่วงได้ดี ทั้งยังเป็นแหล่งรวมของโพแทสเซียม ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหารและลดอาการท้องผูก

ข้าวกล้อง บำรุงสมอง

ปกติข้าวกล้องดีต่อสุขภาพ เพราะมีจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว จึงมีทั้งวิตามินบีรวม ฟอสฟอรัส แคลเซียม ธาตุเหล็ก กากใย ฯลฯ แต่ตอนนี้ที่กระแสรักสุขภาพมาแรงทำให้เกิดข้าวกล้องหอมมะลิเพาะงอก ที่มีสารกาบาสูง ซึ่งช่วยรักษาสมดุลสารสื่อสาร ลดความเครียดวิตกกังวล และป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย

นม บำรุงฟันและกระดูก

สารอาหารสำคัญในการสร้างกระดูกก็คือแคลเซียม ซึ่งพบได้มากในนม แถมยังเป็นแคลเซียมที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีกว่าแหล่งอื่นๆ

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ บำรุงสายตา

ผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่าแอนโทไชยานิน (Antho-cyanin) ซึ่งเป็นสารเม็ดสีในเบอร์รี่ช่วยให้มองเห็นชัดในที่มืด หรือที่ที่มีแสงสลัวๆ ได้ชัดเจนขึ้น และช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเลนส์ตาและเส้นเลือดฝอยในลูกตาด้วย

อะโวคาโด บำรุงใบหน้า

แม้เป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง แต่เป็นกรดไขมันโอเมก้า 9 ที่มีประโยชน์ ที่สำคัญวิตามินบีและอีในอะโวคาโดสามารถช่วยบำรุงผิว ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ และปกป้องผิวจากรังสีต่างๆ ในแสงแดด

ปลาแซลมอน บำรุงหัวใจ

มีโปรตีนคุณภาพเพียบ คอเลสเตอรอลและไขมันอิ่มตัวต่ำ มีไขมันชนิดดี อย่างโอเมก้า 3 สูง ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือด และภาวะหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ชะลอการเติบโตของคราบไขมันในเส้นเลือด

น้ำมันมะกอก บำรุงหลอดเลือด

มีไขมันชนิดดี (HDL) อยู่สูง จึงช่วยขนถ่ายคอเลสเตอรอลจากเซลล์เข้าสู่ตับ เพื่อเผาผลาญจึงไม่มีไขมันสะสม ที่สำคัญช่วยป้องกันการเกาะตัวของคอเลสเตอรอล ที่บริเวณเยื่อบุผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ไม่เกิดเป็นเส้นเลือดอุดตัน

กะหล่ำปลี บำรุงทรวงอก

งานวิจัยของสมาคมเพื่อการวิจัยมะเร็งของสหรัฐ พบว่า ผู้หญิงโปแลนด์ที่กินกะหล่ำปลีทั้งสดและดอง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้ง มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมลดลงถึง 75%

ชาเขียว บำรุงกระเพาะอาหาร

ผลการวิจัยพบว่า ชาเขียวสามารถลดอัตราการเป็นมะเร็งของอวัยวะต่างๆ ได้ดี โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอดมะเร็งลำไส้ และมะเร็งตับ นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระประเภทฟลาโวนอยด์ ที่ทรงพลังหลายชนิด ดื่มแล้วจึงสวยใสพร้อมสุขภาพดี

พริกหยวก บำรุงเล็บ

พริกหวานหลากสีสันล้วนอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและกระตุ้นการเผาผลาญให้กับร่างกาย นอกจากนี้น้ำฉ่ำ ๆ จากพริกหยวกยังช่วยให้สุขภาพเล็บแข็งแรงด้วย

ถั่ว บำรุงลำไส้ใหญ่

เป็นอาหารอีกประเภทที่มีโปรตีนสารต้านอนุมูลอิสระ และเส้นใยสูงมากจึงสามารถช่วยจัดสมดุลของระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี ทำให้ช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็งลำไส้ได้

ผักโขม บำรุงกระดูก

ผักโขมยังอุดมด้วยวิตามินเคที่ช่วยเสริมสร้างความหนาแน่ของกระดูก จึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้เป็นอย่างดี และลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักด้วย

รู้แล้วก็อย่าลืมเพิ่มอาหารเหล่านี้เข้าไปในแต่ละมื้ออาหาร จะได้สุขภาพดีศีรษะจรดปลายเท้าเลยนะคะ



ข้อมูลจาก สุขภาพดี




 

Create Date : 28 มกราคม 2553    
Last Update : 28 มกราคม 2553 16:54:38 น.
Counter : 304 Pageviews.  

ดูดีได้ง่ายๆเพียงแค่ทานอาหาร

คุณรู้รึเปล่าว่าอาหารที่เรารับประทานกันทุกวันนี้ช่วยทำให้คงความหนุ่ม-สาวที่คุณแสนจะหวงแหนไว้กับคุณ
ได้นานมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ!!!

1. หยุดผมร่วง
รับประทาน กล้วย
ผลไม้มหัศจรรย์ที่อุดมไปด้วยวิตามินบี ซึ่งมีสรรพคุณป้องกันผมร่วงได้ดี เป็นสารอาหารสำหรับ เส้นผมที่ดีมาก การรับประทานกล้วยเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอ จึงช่วยรักษาเส้นผมให้อยู่คู่กับหนังศีรษะได้นานวัน ถ้ากล้วยผลใหญ่เกินกว่าจะรับประทานได้สะดวกก็หั่นให้ชิ้นเล็กลงหน่อยหรืออีกวิธี คือ ผสมกล้วยกับแชมพูที่ทำจาก น้ำผึ้งแล้วนำมาสระผม ก็จะช่วยเน้นประสิทธิภาพในการป้องกันผมร่วงและช่วยให้ผมนุ่มสลวยขึ้นด้วย

2. ถ้ามีผิวมันมากเกินไป
ต้องรับประทานธัญญาหารทุกเช้า
เพราะการรับประทานธัญญาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี2 ทุกวัน จะเป็นตัวช่วยในการหยุดยั้งการผลิตน้ำมันส่วนเกินของต่อมผลิตภายในร่างกายซึ่งเป ็นสาเหตุหนึ่ง ของเส้นผมบางและมัน แต่ถ้าไม่สะดวกในการรับประทานธัญญาหารเปล่าๆก็ลองผสมกับนมเย็นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติขึ้นก็ได้

3. หยุดการลอกของผิวหนัง
ใช้น้ำมันจาก Primrose ที่มีดอกสีเหลือง
ลองรับประทานวันละ 2 แคปซูล ทุกเย็น จะช่วยให้ได้ผลดีอย่างยิ่ง ผิวหนังและหนังศีรษะจะดีขึ้น แต่ถ้าการรับประทานอาหารเสริมแคปซูลทำให้เกิดอาการติดคอ ก็เปลี่ยนมา รับประทานปลาแซลมอนใส่เกลือรมควัน อาหารทะเลหรือสลัดผักสดก็ได้ สิ่งเหล่านี้จะให้สรรพคุณทัดเทียมกับน้ำมัน Primrose ทีเดียว

4. เพื่อผิวเนียนเหมือนเด็ก
รับประทานมะม่วง
เพราะมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดีวิตามินในเบต้าแคโรทีนจะช่วยกระตุ ้นการสร้าง ผิวหนังทั่วไปรวมทั้งหนังศีรษะให้ทดแทนของเดิมที่หยาบแห้งและขรุขระให้กลับมามีความชุ่มชื้นและ นุ่มเนียนอีกครั้ง แต่ถ้าไม่ชอบมะม่วงก็อาจเปลี่ยนเป็นมันฝรั่ง แครอท แอปริคอด แต่ควรรับประทานร่วมกับ ไข่และตับจะได้ผลดียิ่งขึ้น

5. หยุดการเปลี่ยนสีผม
รับประทาน ถั่วลิสงอบเนย ร่วมกับเกล็ดขนมปังที่อบมาร้อนๆ ก่อนมื้ออาหาร
สามารถหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลง ของสีผม เนื่องจากอาหารดังกล่าวอุดมด้วยวิตามินบีที่สามารถหยุดการเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีด อกเลาได้และยังทำให้ ผิวหนังดูดีขึ้นอีกด้วย หากไม่ชอบถั่วลิสงก็ลองรับประทานมันฝรั่งอบร้อนและชุ่มด้วยเนยแทน แต่ปัจจุบันนี้ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่หยุดยั้งการเปลี่ยนสีผมได้แน่นอนเอาเป็นว่ าทำให้ผมของเราไม่ เปลี่ยนสีรวดเร็วเกินไปก็เพียงพอแล้ว

6. ดูหนุ่มสาวขึ้นอีก 5 ปี
รับประทาน ฝรั่ง หรือน้ำฝรั่ง ซึ่งอุดมด้วยวิตามินซี
วิตามินซีสามารถช่วยเก็บรักษาคอลลาเจน ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งโปรตีนภายใต้ผิวหนัง หรือรับประทานมะละกอส้ม ลูกเกดสีดำอบแห้ง ร่วมกับผลไม้ประจำวัน ก็จะช่วยเพิ่ม วิตามินซีเช่นกัน

7. บำรุงผิวด้วยบลูเบอร์รี่
ทานบูลเบอร์รี่บำรุงผนังเส้นเลือดให้มีความแข็งแรง
อาวุธลับแห่งเครื่องสำอางหลายชนิดถูกซ่อนอยู่ภายใต้ผิวสีน้ำเงินเข้มและความเขียวอมม่วงสดของบูลเบอร์รี่นี่แหละ สรรพคุณของบูลเบอร์รี่ทำให้ผนังเส้นเลือดมีความแข็งแรงโดยการช่วยดูแลผิวหนังให้ เรียบและแข็งแรง นอกจากนี้ยังหยุดอาการเส้นเลือดเปราะบางและแตกง่ายอีกด้วย

8. ปกป้องใบหน้าจากมลพิษ
รับประทานอะโวคาโดช่วยให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัย
รับประทาน อะโวคาโด วิตามินบีในอะโวคาโดช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย และร่างกายเกิดความต้านทานจากการทำลายในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้รวมไปจนถึงการถูกทำลายจากบรรยากาศแห่ง มลภาวะที่เป็นพิษอีกด้วย หากรับประทานอะโวคาโดอย่างเดียวแล้วรู้สึกไม่คล่องคอขอแนะนำให้ลองรับประทานเมล็ด ทานตะวันเคลือบน้ำผึ้งและเมล็ดงาคั่วควบคู่ไปด้วยก็ได้ *จงจำไว้ว่าการดื่ม-กินเฉพาะสิ่งที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ก็สามารถช่วยให้สวย หล่อได้ทันตาเห็นเหมือนกัน


ข้อมูลจาก

หนังสือพิมพ์มติชน




 

Create Date : 28 มกราคม 2553    
Last Update : 28 มกราคม 2553 10:54:28 น.
Counter : 347 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  

Kanphicha
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ที่มาของคำว่า Kefir By รัญรักษ์
ไม่ใช่ชื่อยี่ห้อ ไม่ใช่เครื่องหมายการค้า
แต่เป็นชื่อพ่อและแม่ของกานต์เองค่ะ
เมื่อกานต์ทำบุญครั้งใด ก็จะยกกุศลทั้งหมดให้พ่อและแม่
การแจกจ่ายบัวหิมะให้คนอื่นๆ
ถือเป็นการทำบุญอีกคร้งหนึ่ง
กานต์ขอยกกุศลผลบุญทั้งหมดให้บุพการีที่เป็นที่รักของกานต์ทั้งสองท่าน โดยการตั้งชื่อท่านทั้งสองในการแจกจ่าย Kefir นะคะ
free counters
Friends' blogs
[Add Kanphicha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.