ผิวสวยด้วย AHA
ผิวสวยด้วย AHA
AHA หรือแอลฟาไฮดรอกซีแอซิด (Alpha Hydroxy Acid) ที่เรียกกันว่ากรดผลไม้ เป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในอาหาร เช่น กรดเมลิกแอปเปิ้ล กรดซิตริกในมะนาว กรดทาริกในองุ่น กรดแลกติกในนมเปรี้ยว และกรดไกลโคลิกในอ้อย เป็นต้น ช่วยต่อต้านการแก่ของผิวหนัง จากการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งและศูนย์วิจัยในอมริกา เช่น มหาวิทยาลัยฮานีแมน มหาวิทยาลัยเพ็นซิลวาเนีย เทมเปิล และยูซีแอลเอ พบว่า ให้ผลดังนี้
- มีประสิทธิภาพเมื่อใช้กับผิวหนัง และผิวที่แห้งอย่างรุนแรง
- ขจัดสิวอุดตัน และทำความสะอาดรูขุมขน
- เพิ่มความนุ่มและความตึงของผิวหนัง
- ขจัดปัญหาน้ำมันและสิวบนใบหน้า
- ป้องกันอันตรายต่อผิว เนื่องจากสารชะล้าง เป็นต้น
- ลดการเปลี่ยนสีผิว และจุดด่างดำ (age spots) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับไฮโดรควิโนน
- ป้องกันผิวหนังได้ดีเท่ากับการรักษาผิว
มีการใช้ AHA ในเครื่องสำอางมาหลายปี บ่อยครั้งใช้ในการปรับความเป็นกรดด่าง (pH) การค้นพบประสิทธิภาพของ AHA ต้องยกย่องให้ ดอกเตอร์ ยูจีน แวนสก๊อต แพทย์ทางผิวหนัง (ตจแพทย์) ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านคลีนิก ภาควิชาตจวิทยา มหาวิทยาลัยฮานีแมน รัฐฟิลเดลเฟีย มีการเริ่มใช้ AHA ครั้งแรกโดยการทดลองรักษาในคนไข้ที่มีอาการผิวแห้งและพบว่า AHA ยังมีประสิทธิภาพอย่างดีเยี่ยม ในการรักษาสิวและจุดด่างดำ กลไกการออกฤทธิ์ AHAที่ผิวนอกหรือลึกลงไปจะน้อยหรือมาก ขึ้นกับกลไกการออกฤทธิ์ของกรดแต่ละชนิด
ในปี 1990 เป็นทศวรรษของ AHA เริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ 1992 มีผลิตภัณฑ์ AHA สำหรับใบหน้าของเอวอน 1 ตำรับเข้าสู่ตลาด ซึ่งมีส่วนผสมของกรดไกลโคลิก 4% สำหรับทำให้ผิวดูอ่อนวัย เครื่องสำอางดังกล่าวมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นส่วนผลักดันให้มีการแข่งขันกันอย่างร้อนแรงในวงการอุตสาหกรรมเครื่องสำอางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ อุตสาหกรรมเครื่องสำอางทั้งหมดพัฒนาอย่างรวดเร็ว เมื่อผลิตภัณฑ์ AHA เข้ามาแข่งขันในตลาดโดยปี 1992 มีผลิตภัณฑ์ AHA ของบริษัทเครื่องสำอางมีชื่อเสียงต่าง ๆ เริ่มออกจำหน่าย มีการแข่งขันกันมาก ในปี 1993 พบว่าผลิตภัณฑ์ AHA เข้าสู่ตลาดอย่างน้อยที่สุด 50 ตำรับ ผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาในปี 1993 และผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 1994 มีการใช้ AHA ในผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ เช่น ครีมสำหรับใช้ตอนกลางคืน ครีมให้ความชุมชื้นตอนกลางวัน ครีมทาตา ครีมบำรุงหน้าอกและคอ โลชั่น ครีมทามือและลำตัว ครีมรองพื้น เครื่องสำอางขัดผิว และเครื่องสำอางถนอมผิว เป็นต้น โดยมีการใช้ AHA 1 ชนิด เช่น กรดโคลิก หรือมีส่วนผสมของ AHA 2-3 ชนิด ในสูตรตำรับ ซึ่งเป็นกรดที่สกัดจากธรรมชาติหรือสังเคราะห์ขึ้น แล้วแต่เทคนิคของบริษัทผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ซึมผ่านลึกเกินกว่าหนังกำพร้ามีความเข้มข้นของ AHA ต่ำ ส่วนมากไม่เกินร้อยละ 5 บางตำรับอาจเข้มข้นร้อยละ 8 หรือ 10 ซึ่งใช้สำหรับทามือและลำตัว ส่วนการลอกผิวหนังในสถานเสริมความสวยโดยนักเสริมความงามที่ได้รับอนุญาต อาจใช้ผลิตภัณฑ์ AHA ความเข้มข้นสูงถึงร้อยละ 40 สำหรับแพทย์อาจใช้ผลิตภัณฑ์ AHA ความเข้มข้นร้อยละ 30 - 70 เพื่อลอกผิวหนังหรือลอกหูด
การออกฤทธิ์ AHA
คนที่มีอายุมากขึ้น ขั้นตอนในการลอกผิวหนังจะช้าลง การใช้ AHA ช่วยละลายเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งยึดติดอยู่ระหว่างเซลล์ที่ตายแล้วกับผิวหนังในชั้น stratum corneum ทำให้ชั้นบนสุดของผิวหนัง ซึ่งเป็นเซลล์ที่ตายแล้วลอกออกอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอทำให้รูขุมขนไม่อุดตันช่วยในการขับน้ำคัดหลั่งของต่อมเหงื่อ เซลล์ใหม่ที่ขึ้นทดแทนเซลล์เก่าทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ทำให้ผิวหนาขึ้นช่วยป้องกันและปกป้องผิวจากมลภาวะแวดล้อม และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย การเร่งหลุดออกของเซลล์ทำให้ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และรอยย่นหลังจากการใช้หลาย ๆ ครั้ง จากการศึกษาของการผลิตภัณฑ์ AHA ประจำวันคือ ริ้วรอยเล็ก ๆ ลดลง ผิวเรียบมากขึ้น ผิวหนังสุขภาพดีและสะท้อนแสงอย่างสม่ำเสมอทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย กรด AHA ให้ผลคล้าย เรติน-เอ อันเป็นสารที่นิยมใช้ในการรักษาสิว และบำรุงผิวในทศวรรษที่ 80 (1980) แต่มีผลข้างเคียงเป็นอันตรายต่อผิวอย่างมาก เนื่องจากเรติน-เอ ทำให้ผิวหน้าส่วนบนบางลง ริ้วรอยบนใบหน้าดูจางลง สิวหลุดลอก หากใช้ไปนาน ๆ ผิวหน้าจะไวต่อแสงแดด และรู้สึกระคายเคืองมากเมื่อเทียบกับ AHA
ไกลโคลิก ซึ่งเป็นสารเด่นของ AHA มีขนาดโมเลกุลเล็ก เมื่อผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจึงออกฤทธิ์ได้ผลดีที่สุดเพราะว่าสามารถซึมเข้าผิวหนังได้โดยง่ายเป็นที่น่าสังเกตว่ากรดไกลโคลิก ได้ผลดีกับผิวหนังที่แห้งมาก นอกจากนี้กรดไกลโคลิก ยังทำหน้าที่สารฟอกจางสีผิวที่มีประสิทธิภาพดีกว่าไฮโดรควิโนน
ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ AHA
เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ควรใช้ผลิตภัณฑ์ AHA ความเข้มข้นต่ำเป็นประจำทุกวันพร้อมกับทำ AHA Treatment ในคลีนิก ซึ่งความถี่/ห่างในการทำแล้วแต่การวินิจฉัยของแพทย์ ผลข้างเคียงของ AHA เท่าที่ทราบกันอย่างแพร่หลายคือ การระคายเคืองทำให้ผิวหนังแดงจากการทำ AHA Treatment ซึ่งส่วนมากจะหายไปเอง 20 นาทีหลังจากการล้างออก
ข้อควรระวังเมื่อใช้ AHA
1.หลีกเลี่ยงอย่าให้ผลิตภัณฑ์ AHA เข้าตาหรือสัมผัสเนื้อเยื่ออ่อน
2. อย่าใช้กับผิวหนังที่เพิ่มโกนใหม่ ๆ หรือผิวเกรียมแดด
3. อย่าใช้กับผิวที่ปรากฏการระคายเคือง หรือมีแผลเปิด
สำหรับผู้ที่ผิวไวมาก ทางที่ดีที่สุดควรทดสอบก่อน โดยทาผลิตภัณฑ์ AHA เล็กน้อยลงบนท้องแขน และปิดผ้าพันแผล หากมีอาการแพ้ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ AHA
การควบคุมการใช้ AHA
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา (USFDA) โดยดอกเตอร์จอห์น ไปเล่ย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเครื่องสำอางและสีได้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ AHA มาประมาณ 2 ปีที่แล้ว และเริ่มศึกษาเพื่อดูว่า AHA ออกฤทธิ์เป็นเครื่องสำอางหรือเข้าข่ายยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นสูง สำหรับ AHA ทำให้ผิวระคายเคือง แต่ยังไม่รุนแรงพอที่จะพิจารณาดำเนินการ ในการพิจารณาควบคุมการใช้ AHA ยังขาดข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ด้านประสิทธิภาพระยะยาวการแพ้ การไวของผิวหนัง และการดูดซึมเข้าสู่ผิวทั้งระยะสั้น/ระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลระยะยาว ขณะเดียวกันผู้ผลิตพยายามรักษาให้สูตรตำรับมี AHA ความเข้มข้นต่ำ (ร้อยละ 3-5) เพื่อรักษาประโยชน์ของตลาดเป็นสำคัญ สำหรับประเทศไทยยังไม่มีการพิจารณาเพื่อควบคุมการใช้ AHA เช่นกัน
รายงานผลข้างเคียงการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ AHA
มีรายงานประมาณ 100 รายงาน ซึ่งรายงานผลข้างเคียงการใช้ AHA ว่าก่อให้เกิดการระคายเคือง แสบ และคัน สำหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย แนะนำว่าควรมีการทดสอบการแพ้กับผิวหนังก่อนการใช้ และถ้าพบการแดงระคายเคือง ต้องหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ และไม่ให้ใช้กับเด็กอ่อนและเด็ก
ส่วนผสมที่สำคัญของ AHA ที่มีใช้ในเครื่องสำอาง มีทั้งหมด 16 ชนิด
- glycolic acid
- lactic acid
- malic acid
- citric acid
- glycolic acid + ammonium glycolate
- alpha-hydroxyethanoic + ammonium alpha-hydroxyethanoate
- alpha-hydroxyoctanoic acid
- alpha-hydroxycaprylic acid
- hydroxycaprylic acid
- mixed fruit acid
- tri-alpha hydroxy fruit acids
- triple fruit acid
- sugar cane extract
- alpha hydroxy and botanical complex
- L-alpha hydroxy acid
- glycomer in crosslinked fatty acids alpha nutrium (three AHAs)
ที่นิยมใช้มากที่สุด glycolic และ lactic acid AHAs ที่ระดับความเข้มข้นสูงถึง 10% นิยมใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวทำให้ผิวดูเรียบและลดริ้วรอย ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ AHA ที่มีความเข้มข้นตั้งแต่ 20 % ขึ้นไปจะต้องใช้โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านเครื่องสำอาง เนื่องจากมีวัตถุประสงค์ในการที่จะลอกผิว AHA จะถูกดูดซึมผ่านผิวหนังได้ดีที่ระดับ pH ต่ำๆ
รายงานการศึกษาความปลอดภัยของ AHAs โดยกลุ่มของ Cosmetic Ingredient Review Panel พบว่าที่ความเข้มข้น AHA น้อยกว่า เท่ากับ 10% และค่าความเป็นกรดมีค่าเท่ากับ 3.5 จะมีความปลอดภัยในการใช้โดยต้องหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด ในร้านเสริมสวยที่มีการนำ AHAs ในการลอกผิวหน้า จะมีความปลอดภัยถ้าใช้ที่ความเข้มข้นน้อยกว่าหรือเท่ากับ 30% ค่าความเป็นกรดด่างต้องมากกว่า 3.0 และจะต้องใช้คู่กับครีมกันแดดเสมอ
เนื่องจากมีรายงานการศึกษาการใช้ AHA ทำให้ผิวหนังมีความไวเมื่อโดนแสงแดด ทั้งนี้เพราะผิวมีแนวโน้มไหม้เกรียมได้ง่าย จึงมีการศึกษาว่า AHA ส่งผลกระตุ้นให้ผิวหน้ามีความไวต่อแสงอุลตราไวโอเลต ผลการศึกษาพบว่าผิวของอาสาสมัครที่ใช้ AHA เป็นเวลาติดต่อกัน 4 สัปดาห์ จะเกิดการแดงเมื่อโดนแสงคิดเป็นร้อยละ 18 นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าอาการแดงเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเลิกใช้ AHA ก็จะไม่มีอาการดังกล่าว และไม่มีรายงานว่า AHAs ไม่เพิ่มการทำลาย DNA ของผิวที่เกิดจากการโดนแสงอุลตราไวโอเลต
คำแนะนำสำหรับผู้บริโภค
กลุ่ม Cosmetic Ingredient Review Export Panel ให้ข้อสรุปจากการทบทวนด้านวิชาการและความปลอดภัยว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHAs glycolic และ lactic acid จะปลอดภัยต่อผู้บริโภคเมื่อใช้ภายใต้เงื่อนไขนี้
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHAs ในระดับความเข้มข้น 10% หรือน้อยกว่า
- ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของผลิตภัณฑ์ต้องเท่ากับ 3.5 หรือมากกว่า
- การตั้งตำรับผลิตภัณฑ์จะต้องทำควบคู่ไปกับการเติมสารกันแดดซึ่งป้องกันผลข้างเคียงจากการโดนแสงนั่นคือ ต้องใช้ควบคู่ไปกับครีมป้องกันแดด รวมทั้งปฏิบัติตามฉลากอย่างเคร่งครัด
เอกสารอ้างอิง 1. Sarisson S. 1994. The AHA Phenomenon. Drug and Cosmetic Industry. January. p24- 30. 2. Donaks,A. D. 1994. Skin Care Headlines. Drug and Cosmetic Industry. May p38-40,44. 3. Herman, E.J. 1994. Regulatory Review. Cosmetic & Toiletries Magazine.109,:31. 4. Phillips,L.1994.Skin Care AHA Facial Treatment Recipes. Skin Inc. May-June p98,100-102. 5. AHA "Mover and Shaker" Addresses Scc Meeting. 1994. Drug and Cosmetic Industries. Jan. p46. 6. //www.cfsan.fda.gov/mdms/cosaheuv.html
Create Date : 12 มกราคม 2553 |
Last Update : 12 มกราคม 2553 13:55:29 น. |
|
2 comments
|
Counter : 577 Pageviews. |
|
|
|
ตาม link
//spreadsheets.google.com/viewform?formkey=dFBZSVJOeks5QUJxeHVGNy1ISlplMnc6MA
ขอบคุณค่ะ