Group Blog
 
All blogs
 
อาหาร เพื่อสมองสดใส

1.บลูเบอร์รี่

ลูกเบอร์รี่ต่าง ๆ คือหนึ่งในอาหารที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์เรา และบลูเบอร์รี่ก็ดีต่อสมองมาก ๆ เนื่องจากมีใยอาหารสูงแต่ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ หมายความว่า ผู้ป่วยเบาหวานก็กินได้โดยที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงเฉียบพลัน เคยมีการศึกษามากมายที่ชี้ว่า มันจะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์ ช่วยให้เราเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น สิ่งที่ต้องระวังก็คือให้เลี่ยงบลูเบอร์รี่เชื่อม หรืออบแห่งเท่านั้นล่ะค่ะ

2.แซลมอนธรรมชาติ

กรดไขมันจำเป็น โอเมก้า-3 เป็นสิ่งที่สำคัญต่อสมองมาก ไขมันที่มีประโยชน์นี้มีความเกี่ยวพันกับสติปัญญา ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า ชะลอความเสื่อมถอยของระบบประสาทส่วนกลาง พัฒนาความจำ ทำให้อารมณ์ดี และลดโอกาสเกิดโรคซึมเศร้า หรือโรคสมาธิสั้น แต่ถ้ามีโอกาสก็ให้เลือกแซลมอนตามธรรมชาติดีกว่าแซลมอนจากฟาร์มเลี้ยงนะคะ

3.ทับทิม

คนรัก ทับทิมควรจะกินจากผลสด ๆ มากกว่าดื่มน้ำคั้น เพราะจะได้ใยอาหารด้วย ทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเดียวกับบลูเบอร์รี่ ซึ่งจำเป็นมาก ๆ สำหรับสุขภาพของสมอง เพราะสมองคืออวัยวะแรก ๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากความเครียด ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่ช่วยระงับความเครียดได้จะดีต่อสมองเช่นกันนะคะ

4.กาแฟ

เมล็ด กาแฟคล้ายกับเมล็ดโกโก้ตรงที่มันเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ กรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุ โดยเฉพาะผงกาแฟจากเมล็ดที่บดใหม่ ๆ จะมีประโยชน์ต่อทั้งสมองและร่างกายมาก ส่วนกาเฟอีนก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีผลดีต่อสมองเช่นกัน การดื่มกาแฟเป็นประจำจะช่วยชะลอไม่ให้สมองเสื่อม ถอย ป้องกันโรคอัลไซเมอร์หรือโรคหลงลืมได้จริง แม้กระนั้นก็ยังมีคำถามว่า ตกลงแล้วกาแฟมีประโยชน์หรือเปล่า ปัญหาอยู่ที่เรามักจะผสมกาแฟกับของที่ไม่ดีต่อสุขภาพอื่น ๆ เช่น ครีม น้ำตาล ช็อกโกแลต หรือวิปครีม สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เพิ่มทั้งสารเคมีและไขมันให้แก่กาแฟ ความจริงแล้วเมล็ดกาแฟเป็นของปลอดภัย ยิ่งถ้าเป็นเอสเพรสโซ่เพียว ๆ ยิ่งดีต่อทั้งหัวใจและสมองเลยล่ะ

5.ถั่ว

ถั่วมี ทั้งโปรตีน ใยอาหาร และไขมันที่มีประโยชน์ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่อยู่ในถั่วจะทำให้เราแจ่มใสได้ ในขณะที่โปรตีนและไขมันจะช่วยให้พลังงานคงระดับตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ ยังมีวิตามินอีซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของสมอง แต่อย่างไรก็ควรหลีกเลี่ยงถั่วเหลือบน้ำตาล หรือปรุงรส ส่วนทางเลือกที่ดีก็มีตั้งแต่เฮเซลนัต เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัต และอัลมอนต์ ส่วนแมคคาเดเมียนั้นมีปริมาณไขมันมากกว่าถั่วชนิดอื่น ๆ

6.ทูน่า

นอกจาก จะเป็นแหล่งของโอเมก้า-3 แล้ว ปลาทูน่า โดยเฉพาะปลาทูน่าครีบเหลือง ซึ่งมีระดับวิตามินบี 6 สูงกว่าอาหารประเภทอื่น ๆ วิตามินบี 6 นี้เกี่ยวพันโดยตรงกับความจำและสติปัญญา รวมถึงสุขภาพโดยรวมในระยะยาวของสมอง โดยรวมแล้ววิตามินบีคือ หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อการรักษาอารมณ์ให้คงที่ แต่วิตามินบี 6 จะส่งผลต่อการรับสารโดพามีนที่เป็นหนึ่งในฮอร์โมนความสุขเหมือนกับเซโรโทนิน


7.ข้าวกล้อง

ด้วย ความที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ข้าวกล้องจึงดีมาก ๆ สำหรับคนที่แพ้กลูเธนเพื่อให้สุขภาพของหลอดเลือดหัวใจแข็งแรงขึ้น ยิ่งระบบไหลเวียนโลหิตของเราดีเท่าไหร่ สมองก็ยิ่งเฉียบแหลมมากเท่านั้น

8.ชาเขียว

ชาเขียว นี้คือ มัตชะ ชาเขียวจากใบชาอ่อน ๆ ที่ผ่านกรรมวิธีบดด้วย หินตามแบบฉบับญี่ปุ่น เมื่อเราดื่มชาเขียวเหล่านี้เข้าไป ก็เหมือนกับเราดื่มใบชาเข้าไปทั้งใบ ผงชาเขียวนั้นอุดมไปด้วยสารคลอโรฟิลด์จึงทำให้มีสีเขียวสด เมื่อผสมเข้ากับน้ำร้อน (แต่ไม่เดือด) จะมีรสชาติฝาดนิด ๆ และเพียงแก้วเดียวก็ทำให้คุณรู้สึกปลอดโปร่งได้ ว่ากันว่า มัตชะคือเหตุผลหนึ่งซึ่งทำให้พระสงฆ์ญี่ปุ่นสามารถนั่งสมาธินาน ๆ ได้ แต่ถ้าพูดในแง่วิทยาศาสตร์แล้วมัตชะมีสารที่ชื่อว่า Catechin วิตามินเอและซี ฟลูออไรด์ และสาร L-Theanine ซึ่งช่วยในเรื่องสมาธิ แค่เฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเดียวก็มีมากกว่าบลูเบอร์รี่ถึง 33 เท่า

9.เมล็ดพืช

ไม่ว่า จะเป็นเมล็ดทานตะวัน เมล็ดแฟล็กซ์ เมล็ดฟักทอง หรือเมล็ดพืชอื่น ๆ ก็ล้วนมีโปรตีน ไขมัน วิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ และแร่ธาตุซึ่งช่วยเสริมสร้างสมองอย่างแมกนีเซียม

10.ข้าวโอ๊ต

ถ้ามันดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ก็แปลว่ามันดีต่อสมองของ เราด้วย ข้าวโอ๊ตมีใยอาหารและก็มีโปรตีนอยู่พอสมควร หรือแม้แต่โอเมก้า-3 ก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่ง การกินข้าวโอ๊ตตอนเช้าจะช่วยให้เราแจ่มใส และไม่ง่วงนอนแม้ในยามบ่ายด้วย

11.หอยนางรม

ไม่ใช่หอยทุกชนิดจะเป็นอาหารสมองได้ แต่หอยนางรมน่ะใช่แน่ ๆ เพราะมีทั้งซีลีเนียม แมกนีเซียม โปรตีน และแร่ธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อสุขภาพสมอง ก่อนหน้านี้เคยมีการทดลองพบว่า คนที่กินหอยนางรมมีความจำและอารมณ์ดีขึ้นด้วย

12.ผักใบเขียว

ผักโขม คะน้า ปวยเล้ง บร็อกโคลี่ กวางตุ้ง ฯลฯ ไม่ว่าคุณจะชอบผักใบเขียวชนิดไหน ควรพยายามกินทุกวัน ผักใบเขียว อุดมด้วยธาตุเหล็ก ถ้าขาดธาตุเหล็ก ก็อาจมีโรคต่าง ๆ ตามมาได้ เช่น กลุ่มอาการขาอยู่ไม่เป็นสุข (Restless Legs Syndrome) อาการเหนื่อยล้า อารมณ์เสีย สมองตื้อตัน และปัญหาสภาพจิตอื่น ๆ

13.มะเขือเทศ

แม้ใคร ๆ จะรู้กันว่ากินมะเขือเทศแล้วผิวสวย แต่มะเขือเทศเองก็จัดว่าเป็นอาหารสมองชั้น ดีเหมือนกัน เพราะมันมีสารต้านอนุมูลอิสระชื่อว่าไลโซปีน จึงช่วยป้องกันโรคหลงลืมได้ เพียงแต่ต้องผ่านความร้อนก่อนเพื่อให้เรารับไลโคปีนได้เต็มที่ อย่างนี้ก็หมายความว่าซอสมะเขือเทศ ก็มีประโยชน์น่ะสิ? จริง แต่ว่าซอสมะเขือเทศก็มากับน้ำตาล เช่นกัน หากเป็นไปได้ก็ทำอาหารเองจะดีกว่านะ

14.น้ำมันมะกอก

อย่าลืมว่าร้อยละ 60 ของสมองคือ ไขมัน ดังนั้น เราไม่สามารถมองข้ามไขมันไปได้ การศึกษาจำนวนมากชี้ว่า ถ้าไม่มีไขมันแล้วเราจะคิดอ่านไม่ชัดเจน อารมณ์แปรปรวน และอาจเป็นโรคนอนไม่หลับ การกินอาหารที่อุดมด้วยไขมันนั้นจำเป็นมาก ๆ ต่อสมองที่ ปลอดโปร่ง ความจำที่ดี และอารมณ์ที่สมดุล ทั้งนี้ อาหารสำเร็จรูปขนมกรุบกรอบ หรือแม้แต่น้ำราดสลัดส่วนใหญ่จะใช้น้ำมันข้าวโพด หรือน้ำมันอื่น ๆ ที่มีไขมันโอเมก้า-6 ตรงนี้ต้องคอยสังเกตไว้ ถึงจะชื่อว่าโอเมก้า-6 แต่ก็ไม่ใช่ไขมันที่ดี

15.น้ำสะอาด

เพื่อสมองที่ แจ่มใส จะขาดน้ำเปล่าไปไม่ได้ อย่าลืมหาโอกาสจิบน้ำเปล่าตลอดทั้งวัน (และสูดอากาศบริสุทธิ์ด้วย) การดื่มน้ำเปล่ากับสูดอากาศจะช่วยเพิ่มพลัง และทดแทนออกซิเจนเข้าไปในเซลล์ ทำให้สมองของ คุณไม่รู้สึกเหนื่อยล้ามากเกินไปนัก อย่างไรก็ตาม ต้องหลีกเลี่ยงน้ำหวานหรือน้ำอัดลม ของพวกนี้มีทั้งน้ำตาล และกาเฟอีนอยู่ในปริมาณมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การเสพติดได้เลยทีเดียว

16.ผงกะหรี่

เครื่องปรุงนี้เป็นหนทางที่ดีในการเพิ่มรสชาติ ให้แก่สมอง ส่วนประกอบหลักในผงกะหรี่ คือขมิ้น และขมิ้นก็มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากมาย มันจะช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระ ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในสมองและร่างกาย นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันโรคเบาหวานและโรคหัวใจได้ด้วย เพียงแค่เดือนละครั้งที่กินกะหรี่ก็มีผลดีต่อสมองแล้วล่ะ

17.ไข่

มีทั้งโปรตีนและไขมันซึ่งให้พลังงานแก่สมองได้นานหลายชั่วโมง นอกจากนี้ ซีลีเนียมในไข่ออร์แกนิกก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า จะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้

18.โยเกิร์ต

เป็นอาหารว่างที่ง่ายและมีประโยชน์ด้วยโปรตีนและแคลเซียม โปรตีนสำคัญมาก ต่อสารสื่อประสาทที่จะช่วยให้สมองแจ่ม ใส ส่วนแคลเซียมก็ช่วยในเรื่องของความจำ แต่ก็ต้องดูว่าโยเกิร์ตนั้น ไม่มีน้ำตาลมากเกินไป ถ้าจะให้ดีกว่านั้น ก็ลองกินคู่กับธัญพืชต่าง ๆ เพื่อเป็นของว่างเมื่อไหร่ก็ได้ที่หิว

19.ช็อกโกแลต

ไม่ว่ารสชาติหรือประโยชน์ช็อกโกแลตก็ดีตรงที่มีสารช่วยกระตุ้นสมอง มีปริมาณกาเฟอีนในระดับที่พอเหมาะ เพิ่มสารเซโรโทรนินซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข นอกจากนี้ ดาร์กช็อกโกแลตยังมีใยอาหารจำนวนมาก (ยังจำกันได้มั้ย ใยอาหาร = หลอดเลือดหัวใจแข็งแรง = สมองแข็งแรง)

20.กระเทียม

ถ้าไม่ สงสารคนนอนข้าง ๆ ก็กินกระเทียมสด ๆ เลย เห็นเล็ก ๆ อย่างนี้ กระเทียมเต็มไปด้วยสารอาหารมากมาย ไม่เพียงแต่มันจะมีชื่อเสียงในเรื่องการลดระดับคอเลสเตอรอล "เลว" และทำให้หลอดเลือดหัวใจแข็งแรง กระเทียมยังช่วยส่งสารต้านอนุมูลอิสระไปที่สมองด้วย



จาก kapook.com


Create Date : 18 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2553 7:55:19 น. 0 comments
Counter : 447 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Kanphicha
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ที่มาของคำว่า Kefir By รัญรักษ์
ไม่ใช่ชื่อยี่ห้อ ไม่ใช่เครื่องหมายการค้า
แต่เป็นชื่อพ่อและแม่ของกานต์เองค่ะ
เมื่อกานต์ทำบุญครั้งใด ก็จะยกกุศลทั้งหมดให้พ่อและแม่
การแจกจ่ายบัวหิมะให้คนอื่นๆ
ถือเป็นการทำบุญอีกคร้งหนึ่ง
กานต์ขอยกกุศลผลบุญทั้งหมดให้บุพการีที่เป็นที่รักของกานต์ทั้งสองท่าน โดยการตั้งชื่อท่านทั้งสองในการแจกจ่าย Kefir นะคะ
free counters
Friends' blogs
[Add Kanphicha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.