Group Blog
 
All blogs
 
3 สเต็ป มาสก์หน้าให้ใสแบบธรรมชาติ




ล้างหน้า ทาครีมมาสก์ แล้วล้างออก...เรารู้กันดีว่าการมาสก์หน้าทำกันยังไง แต่เบื้องหลังของ 3 สเต็ปที่ซ่อนเรื่องจริงน่ารู้อยู่ในเครื่องสำอางนี่สิ ยิ่งรู้ ก็ยิ่งช่วยให้ผิวหน้าสวยใสอย่างปลอดภัยกันมากขึ้น



พญ.กอบกาญจน์ ไพบูลศิลป นักเขียนประจำคอลัมน์ Green Beauty Guide ใน //www.sabai-arom.com ให้คำแนะนำน่าสนใจว่า "ความถี่ในการมาสก์นั้น ให้ดูที่ผิวหน้าเราเป็นหลักค่ะว่าเราแพ้หรือไม่ และสภาพแวดล้อมของเราเป็นอย่างไร ถ้าไลฟ์สไตล์ของเราเป็นคนที่ต้องเจอแดด เจอลมบ่อยๆ ทำงานสมบุกสมบันมาก ก็สามารถมาสก์หน้าวันเว้นวันได้ เพราะหน้าเราอาจโทรมง่ายกว่าผิวทั่วไป แต่ถ้าเราทำงานในออฟฟิศ การมาสก์เพียงอาทิตย์ละ 1 - 2 ครั้งก็เพียงพอแล้วค่ะ เพราะผิวไม่ได้เผชิญมลภาวะทำร้ายผิวมากมายนัก"



ว่าแล้วมาพกเคล็ดมาสก์หน้าให้ใส หอม และเนียนนุ่มทันที ด้วยไปใน 3 สเต็ปเหล่านี้ ที่ง่ายมากๆ


Step 1: Cleansing
ก่อนมาสก์หน้าทุกครั้ง เราจำเป็นต้องล้างหน้าให้สะอาดเสียก่อน เวลาที่เหมาะกับการมาสก์หน้าที่สุดคือช่วงก่อนนอน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่ใบหน้าเราผ่านการแต่งหน้ามาไม่มากก็น้อย แถมยังมีฝุ่นละอองเกาะใบหน้าอีกต่างหาก จึงสำคัญมากที่เดียวที่จะลดการเสี่ยงต่อการอุดตันผิว ด้วยการเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมด ตามด้วยการล้างหน้าให้สะอาด ระหว่างล้างหน้าควรนวดผิวเป็นวงกลมไล่ขึ้นไป เพื่อให้ผิวถูกกระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียน เตรียมผิวให้พร้อมก่อนรับการบำรุงที่ลึกล้ำจากครีมมาสก์ในขั้นต่อไป



Step 2: Face Masking
ตอนนี้หยิบครีมมาสก์ที่เราชอบมาบีบลงบนฝ่ามือในปริมาณที่เพียงพอกับใบหน้า บางคนอาจชอบแบบเนื้อโคลน ที่เหมาะกับผิวมันถึงผิวธรรมดามากเป็นพิเศษ เพราะเนื้อโคลน อาทิ คาโอลิน เคลย์นั้นจะช่วยกระชับรูขุมขน และดูดซับสารพิษ บางคนอาจชอบแบบเนื้อเจล เช่นเจลว่านหางจระเข้ ที่ช่วยเพิ่มน้ำให้ผิว เป็นต้น ขั้นตอนนี้เราสามารถเล่นสนุกกับครีมมาสก์ที่เราชอบได้อีก อย่างการนำอาหารผิวดีๆ อย่างน้ำผึ้ง (มีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย), แตงกวาบด (ให้ผิวเย็น สดชื่น), มะเขือเทศบด (แก้ฝ้าได้ด้วย) เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งมาผสมกับครีมมาสก์ แล้วทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 - 30 นาที



Step 3: Moisturizing
ถึงตอนนี้ให้ล้างเนื้อมาสก์ออกให้ผิวสะอาด การมาสก์ที่ช่วยเพิ่มอาหารผิวกับหน้าคงยังไม่เสร็จสมบูรณ์หากเราไม่ได้ปิดท้ายด้วยการทาครีมบำรุงเพื่อให้อุ้มน้ำใต้ผิวให้คงความชุ่มชื่นไว้ แต้มครีมบนใบหน้าทั้งหมด 5 จุด คือ หน้าผาก จมูก แก้มทั้งสองข้าง และคาง จากนั้นใช้นิ้วนวดเบาๆ วนเป็นวงกลมจากคางไล่ขึ้นไปถึงหน้าผาก ปิดท้ายด้วยการใช้ฝ่ามือกดใบหน้าเบาๆ ให้ครบทุกจุด




Create Date : 23 มีนาคม 2553
Last Update : 23 มีนาคม 2553 7:55:01 น. 1 comments
Counter : 533 Pageviews.

 
อยากทำมั่งจัง แต่ยังไม่แน่ใจเลยว่าผิวเราเป็นแบบใหน

เพราะนานมาแล้วไปหาหมอๆบอกว่าเราผิวแห้ง

แต่เราก้ยังมีสิว พอสักเมื่อสองเดือนที่แล้วไปหาหมออีกท่านนึง เค้าบอกว่าเราผิวไม่แห้ง เลย งง


โดย: barbieboomy วันที่: 24 มีนาคม 2553 เวลา:15:19:09 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Kanphicha
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ที่มาของคำว่า Kefir By รัญรักษ์
ไม่ใช่ชื่อยี่ห้อ ไม่ใช่เครื่องหมายการค้า
แต่เป็นชื่อพ่อและแม่ของกานต์เองค่ะ
เมื่อกานต์ทำบุญครั้งใด ก็จะยกกุศลทั้งหมดให้พ่อและแม่
การแจกจ่ายบัวหิมะให้คนอื่นๆ
ถือเป็นการทำบุญอีกคร้งหนึ่ง
กานต์ขอยกกุศลผลบุญทั้งหมดให้บุพการีที่เป็นที่รักของกานต์ทั้งสองท่าน โดยการตั้งชื่อท่านทั้งสองในการแจกจ่าย Kefir นะคะ
free counters
Friends' blogs
[Add Kanphicha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.