อย่าปล่อยให้คนแก่อยู่บ้านคนเดียว
ณ ปัจจุบันเรามักจะเจอมิจฉาชีพในหลายรูปแบบ ถ้าเราไม่รู้เท่าทันก็อาจจะตกเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ การอยู่ภายในบ้านก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะมีอยู่หลายๆ ครั้งมักจะมีคนแปลกหน้ามาตะโกนหน้าบ้านเสมอ บ้างก็เสนอขายสินค้า บ้างก็ชวนให้ศึกษาพระคัมภีร์ ซึ่งเรามองว่าถ้าไม่มีความประสงค์จะเข้ามาในบ้าน ก็ไม่มีปัญหาอะไร แค่แจกแผ่นพับ หรือแค่เสนอขายสินค้า ถ้าหากเราไม่ต้องการ เราก็ปฏิเสธได้ คนแก่ๆ ที่อยู่ในบ้านคนเดียวก็สามารถปฏิเสธได้
แต่ถ้าหากมาในรูปแบบแปลกๆ เช่นจะมาตรวจสายไฟในบ้านให้ฟรี ถ้าหากทิ้งคนแก่ไว้ในบ้านคนเดียวโดยที่เขาไม่รู้ เขาก็อาจจะเชื้อเชิญให้บุคคลภายนอกเข้ามา ดังนั้น ถ้าเป็นในลักษณะนี้ก็ต้องให้ถามก่อนว่ามาจากการไฟฟ้าหรือไม่ ถ้าไม่ใช่การไฟฟ้าคือให้ปฏิเสธ แต่ถึงจะเป็นการไฟฟ้า ถ้าไม่แน่ใจ ก็ให้โทรถามลูกหลานก่อน
บ้านเราถ้าปล่อยยายไว้คนเดียวในบ้านคงแย่แน่ๆ ดังนั้น เรากับน้าเวลาจะออกไปข้างนอก จะต้องมีคนหนึ่งคนใดอยู่บ้านเสมอ เพราะมีอะไรเราก็ยังปรึกษา รายงานกันได้ คนที่มาตะโกนหน้าบ้านถ้าไม่ใช่คนข้างบ้าน ไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ ถ้าอยู่กันตามลำพังยายหลาน คือไม่ต้องออกไปเลย ถ้าเขาตะโกนแล้วเห็นว่าไม่มีใครตอบรับ เดี๋ยวเขาก็จะไปเอง ก็ทำเหมือนว่าบ้านนี้ไม่มีคนอยู่
ถ้าเขามีธุระหรืออะไรสำคัญจริงๆ เดี๋ยวเขาก็คงจะมาใหม่ หรือไม่ก็คงจะโทรมาว่ามาจากที่นั่นที่นี่ ซึ่งเราก็ต้องโทรรายงานน้าก่อน ก่อนที่จะให้ใครเข้ามาในบ้าน หรือไม่ก็รอจนกว่าน้าเราจะมาถึง
ดังนั้น จึงอยากจะฝากไว้หากใครที่มีคนแก่อยู่ในบ้าน อย่าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวนะคะ เพราะสังคมสมัยนี้ค่อนข้างอันตรายมาก ถ้าหากเป็นคนแก่ที่มีสติสัมปชัญญะรู้ว่าใครจะมาในลักษณะไหนอันนี้ก็ไม่ค่อยน่าห่วง และถ้าหากสามารถป้องกันตนเองได้ แข็งแรงอยู่ อันนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากเป็นคนแก่ที่มีโรครุมเร้า และจำอะไรไม่ค่อยได้ ไม่ควรนะ บางทีเราอาจจะไม่รู้ว่ามีคนเข้ามาในบ้าน เพราะยายก็จำไม่ได้แล้ว ณ ปัจจุบันก็จำไม่ได้ว่าวันนี้วันอะไร กินข้าวแล้วหรือยัง ต้องคอยบอกเสมอๆ ว่ายายกินข้าวแล้วนะ ยายวัดความดันแล้วนะ ไม่อย่างนั้นแกก็จะเอาเครื่องวัดความดันมาตั้งไว้อยู่อย่างนั้น บางทีน้าก็แซว เออ ไม่ต้องทำอะไรกันละวันนี้ วัดความดันกันทั้งวัน ฮา...
อยู่กับคนแก่ก็มีเรื่องสนุกๆ ดี ถ้าเขียนก็คงยาว ก็ฝากไว้เท่านี้แล้วกัน
คนแก่เหมือนเด็กน้อย ปล่อยให้อยู่ตามลำพังไม่ได้หรอกนะคะ อิอิ