space
space
space
space

ครั้งหนึ่งในชีวิต


Concierge ออกเสียงว่า "คอนเซียร์จ" หรือ "กงซีเอจ" เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลตรงตัวว่าคนเฝ้าประตู แต่ในธุรกิจโรงแรม คอนเซียร์จ จะมีหน้าที่มากกว่าแค่คนเฝ้าประตู 
 ในช่วงชีวิตอันแสนจะไม่ยาวของผม ผมได้เคยทำหน้าที่ คอนเซียร์จ ในที่พักเล็กๆแห่งหนึ่งที่ไม่ประสงค์จะออกนาม ซึ่งผมตั้งตำแหน่งนี้ในที่พักแห่งนี้ขึ้นมาเอง และสมัครเข้าทำงานในตำแหน่งนี้ด้วยตัวของผมเอง ผมทำเป็นช่วงๆ แต่ละช่วงจะมีระยะเวลาสั้นยาวต่างกันไปตามแต่โอกาส 7 วันบ้าง 10 วันบ้าง 20 วันบ้าง

 และเนื่องในยามที่บ้านเมืองต้องการความปองดอง ต้องการจะปฎิรูป และอาจเลยไปถึงความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะกู้ชาตินี้ ผมจะหยิบยกห้วงหนึ่งในการเป็นคอนเซียร์จของผมมาจดบันทึกไว้้ในความทรงจำ และถ่ายทอดให้ตนเองได้จดจำไปชั่วกาลนาน
 ที่พักเล็กๆที่ผมว่า ผมเคยมาครั้งแรกเมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค พ.ศ 2546 มาถึงตอนดึกกลับออกไปแต่เช้า แต่เพียงเสี้ยวเวลาสั้นๆแค่นั้น ผมก็สัมผัสได้ถึงเสน่ห์และตกหลุมรักที่พักแห่งนี้ จากวันนั้นถึงวันนี้ผมจึกสรุปได้ว่าที่พักแห่งนี้เป็นที่พักที่สวยงามที่สุดในใจผมตลอดกาลนาน

 จากปีใหม่ปีนั้นจนถึงปีใหม่ปี 2557 นี้ ถึงเวลาผ่านเลยมานาน จนผมเปลี่ยนสภาพจากนักท่องเที่ยวมาเป็นคอนเซียร์จ จนเจ้านินจา จากไปแล้ว จนรูปหล่อ พี่หอม ได้ลาออกไปหมดแล้ว จนคุณอ้อม (ลูกสาวเจ้าของ)จะเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว แต่ที่พักแห่งนี้ยังคงสวยตลอดกาลเช่นวันวาน
  งานในตำแห่งคอนเซียร์จที่ผมยกมาเล่าจะเป็นช่วง 23 ธ.ค 56 - 6 ม.ค 57 รวมระยะเวลา 15 วัน งานของผมจะเริ่มจากเช็คดูว่าวันนี้มีแขกเข้าพักกี่ห้อง แต่ละห้องจองมาอย่างไร มีกรุ๊ปละกี่คนและเหลือห้องพักห้องไหนว่างบ้าง จดออกมาเป็นรายการตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค จนหมดหน้าที่ในวันที่ 6 ม.ค ผมต้องคุมเกมส์หลักเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเรื่องอื่น ต้องศึกษาและคิดวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าคุณอ้อมรับจองแขกไว้แบบไหนในแต่ละวัน และห้องที่เหลือผมจะให้แขกแบบไหนเข้าพัก เพื่อให้เกิดความสมดุลและดีที่สุดกับแขกทุกกรุ๊ป รวมทั้งประสานกับแม่ครัวและแม่บ้านให้เกิดปัญหาขัดข้องให้น้อยสุด ถ้าแขกจองเป็นกรุ๊ปผมก็ต้องโทรถามในเช้าวันเข้าพักว่ามาทั้งหมดกี่คน มีทำที่นอนเสริมมั้ย จะมาถึงกี่โมงและทานอาหารเย็นที่ร้านมั้ย และทานประมาณกี่โมง ถ้่ากรุ๊ปใหญ่จะให้สั่งล่วงหน้าก่อนเวลาอาหาร ตลอดจนให้คำปรึกษาตอบข้อซักถามแก่หัวหน้ากรุ๊ป และอธิบายคร่าวๆถึงสถานที่พักและสิ่งควรทำและสิ่งไม่ควรทำ ต้องอธิบายด้วยความระมัดระวังไม่ให้แขกรู้สึกว่าเราไม่เป็นมิตร และขณะเดียวกันก็ต้องทำให้แขกรับรู้เรื่องการใช้สถานที่ร่วมกับแขกกรุ๊ปอื่นๆด้วย ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราต้องคุมเกมส์เหล่านี้ให้ได้ 

  หน้าที่ต่อมาของผมคือรับโทรศัทพ์ บางทีแขกที่จะเข้าพักจะโทรมาเช็คห้อง ยกเลิกห้อง เลื่อนวัน หรืออาจจะโทรมาถามข้อมูลที่พัก ถามสถานที่ใกล้เคียง บ้างก็ถามมันตั้งแต่เริ่มออกจากกรุงเทพฯมาจนถึงที่พัก และถามต่อไปจนถึงหลังวันเช็คเอาท์เลยว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง ซึ่งผมก็ต้องตอบให้ได้ให้หมด และจัดหาสิ่งที่ลูกค้่าถามและต้องการให้มากมากที่สุด และต้องคิดไว้ว่าในใต้ฟ้่าแห่งนี้ไม่มีอะไรที่เราไม่รู้หรือจัดหาไม่ได้ นอกจากนี้ยังคอยรับโทรศัพท์คนที่โทรมาจองใหม่ บ้างก็ดูมาก่อนในเว็บฯแล้ว บ้างก็ไม่รู้แม้กระทั้งว่าอำเภอปางมะผ้าอยู่ตรงไหนของประเทศไทย ไม่ว่าจะโทรมาในรูปแบบไหน ผมก็ต้องคิดอย่างรวดเร็วและสรุปให้ได้ว่าคนที่โทรมาเหมาะกับที่พักแห่งนี้หรือเปล่า ท่านที่จะเอาสระว่ายน้ำ เอาคาราโอเกะ กลัวป่า กลัวความมืด กลัวธรรมชาติ ก็ไม่เหมาะที่จะมาพักที่นี่ ส่วนคนที่ฟังแล้วคิดว่าน่าจะเหมาะ ก็ต้องพูดให้เห็นภาพและชัดเจนเพื่อช่วยในการตัดสินใจให้รวดเร็ว เพราะที่นี่มีเพียง 11 ห้อง 11 แบบ 11 บรรยากาศ เหมือนสาวสวย 11 คน ที่สวยไปคนละแบบ น่ารักไปคนละอย่าง การรับโทรศัพท์สำหรับแขกชาวต่างชาติจะฟังยากและนึกคำพูดยาก แต่จะอธิบายง่าย เพราะส่วนมากจะทำการบ้านมาดีหรือไม่ก็ค่อนข้างจะเป็นคนง่ายๆ มาง่ายไปง่าย ศึกษาข้อมูลมาอย่างดี เข้าใจถึงสถานที่ เข้าใจถึงผู้คนและชีวิตความเป็นอยู่ของท้องถิ่น อยากลองอาหารท้องถิ่น อยากเข้าถึงธรรมชาติ ส่วนคนไทยนั้นจะพูดกันฟังง่าย แต่ทำให้นึกภาพชัดเจนนั้นยากกว่า รวมๆแล้วการรับโทรศัพท์นั้นเป็นอีกงานที่สนุกที่คอนเซียร์จอย่างผมนั้นเต็มใจช่วยทำ 

 ผมลืมบอกไปว่าที่พักแห่งนี้มีเจ้าของสามีภรรยาหนึ่งคู่ ตัวสามีนั้นเป็นชาวอเมริกันอยู่ที่กรุงเทพๆนานๆมาครั้ง จะคอยรับจองทางอีเมล์ ส่วนภรรยานั้นจะอยู่ประจำที่นี่อยู่มากว่า 15 ปี ทำหน้าที่หลักเป็นแม่ครัว อีกคนคือลูกสาวคนสวยอยู่ด้วยกันที่นี่มา13 ปี ทำหน้าที่ทุกอย่างทั้งรับจอง พนักงานต้อนรับ ทำกาแฟ ทำอาหาร ทำความสะอาด ดูแลสถานที่ คุมร้านอาหาร ช่วยทำครัว สรุปคือทำทุกอย่างนั่นเอง อีกคนจะรับหน้าที่แม่ครัวมือสอง และควบตำแห่งแม่บ้าน อีกคนมาแต่ช่วงกลางวันทำหน้าที่ผู้ช่วยแม่บ้าน ผู้ช่วยแม่ครัว ผู้ช่วยร้านอาหาร คือช่วยมันทุกอย่างนั้นเอง  ทั้งหมดเป็นสุภาพสตรีมาจากต่างพื้นที่ ต่างอำเภอ มาเจอกันที่อ.ปางมะผ้าโดยไม่ได้นัดหมาย ใครจะคิดว่าที่แห่งนี้จะรวมคนภูกระดึง คนสุโขทัย คน จ.ตาก มาอยู่ร่วมกันโดยไม่มีคนพื้นที่เลยซักคนเดียว

 งานต่อมาที่คอนเซียร์จอย่างผมทำคือการเป็นพนักงานต้อนรับ ในแต่ละวันผมจะจดไว้ว่าจะมีแขกเข้าพักใหม่ห้องไหนบ้าง และห้องไหนเช็คเอาท์ ห้องไหนอยู่ต่อ พอแขกที่ลาจากผมจะขอบคุณ ถามหากุญแจ และถามเรื่องมินิบาร์ ผมจะไม่ถามว่าชอบมั้ย หรือมีอะไรไม่ชอบ เพราะผมคิดว่าเปล่าประโยชน์ กำลังจะลาจากกันแล้ว ถ้าเรามั่นใจว่าเราทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องถามให้ชมหรือถามให้ติ เพราะนั้นเป็นส่วนที่แขกผู้กำลังจะลาจากเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะกล่าวคำอำลาเราอย่างใด จะนำความชื่นชม ประทับใจ อบอุ่นใจกลับไป หรือจะพกพาความขุ่นข้องหมองใจติดไปด้วยก็สุดแท้แต่ ผมคิดว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆต่อเนื่องจากนาทีนั้นดั่งคำที่มีปราญ์กล่าวไว้ว่า..คนเราอย่าจริงจังอะไนกันมากนัก พบกันเดี๋ยวเดียวก็ต้องจากลา ขอเพียงตอนอยู่ร่วมกัน มีความจริงใจต่อกัน มีความปรารถนาดีแก่กัน เมื่อถึงวันต้องจากลาก็แล้วๆกันไป 
  ในส่วนของการรับแขกเข้าพักใหม่นั้น พอแขกมาถึงผมจะพาไปยังห้องที่จองไว้อธิบายถึงสิ่งต่างๆในห้อง จากนั้นก็พาทัวร์ที่พัก พาชมระเบียง พาดูทางลงไปแม่น้ำ ชี้ทางไปดาดฟ้าดูดาว พาชมร้านอาหารบอกเวลาเปิดปิด แจกแผนที่บอกให้รู้ว่ารอบๆที่พักมีอะไรบ้าง มีร้านอาหารแบบไหน ร้านสะดวกซื้อ ตลาดอยู่ตำแหน่งไหน สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังไปยังไง จากนั้นก็รอตอบข้อซักถามจากแขก แนะนำและจัดหาสิ่งต่างๆเท่าที่จะมีกำลังและความสามารถ บางอย่างแขกไม่ถามก็ต้องคิดแทนแขกเช่นวันเช็คเอาท์ จะไปไหนต่อ ไปยังไง มีอะไนแนะนำได้ก็แนะนำไป จากนั้นก็ต้องดูแลแขกและช่วยเหลือบริการแขกเสมือนญาติสนิท มิตรสหายตลอดช่วงเวลาเข้าพักจนวันลาจาก 

 หน้าที่ต่อมาที่คอนเซียร์จกำมะลออย่างผมได้มีโอกาศได้ทำคือพนักงานในร้านอาหาร ร้านอาหารของที่พักแห่งนี้ิมีแม่ครัวหลักคือพี่จอย เจ้าของที่พัก ช่วงที่ผมหยิบยกมานั้นพี่จอยไม่อยู่ ในครัวจึงเหลือคุณอ้อม และแม่ครัวอีกหนึ่งคน ช่วงกลางวัยจะมีสาวภูกระดึงมาช่วยอีกแรง ส่วนกลางคืนจะเหลือแค่สองคน ผมเลยรับตำแห่งพนักงานจัดเตรียมโต๊ะ รับออเดอร์ เสริฟอาหาร จดบิล เก็บเงิน และทำหน้าที่บาร์เทนเดอร์ บาร์น้ำ ไปในตัว เริ่มจากอาหารเช้า อาหารเที่ยงจะน้อยเพราะพนักงานทั้งสามคนจะไปทำความสะอาดห้องจนเสร็จก่อนถึงจะเปิดครัวทำอาหารกลางวัน ช่วงสายๆผมเลยนั่งเฉยๆในร้านอาหารคอยบอกแขกที่แวะมาจะกินอาหารว่าแม่ครัวไม่อยู่ เฝ้าร้านไป คอยวิ่งไปบอกแขกที่แวะมาว่าร้านปิดอย่างแข็งขัน แต่ถ้าแขกในหรือแขกวีไอพีมากินก็ต้องโทรแจ้งคุณอ้อมให้พากันขึ้นมาทำอาหาร อาหารเย็นนั้นแหละยุ่งสุดๆ ช่วงที่หยิบยกมานั้นแขกเยอะมาก ทำกันชุลมุน ทำแทบไม่ทัน ต้องให้แขกในจองโต๊ะ จองเวลา สั่งอาหารล่วงหน้า และเปิดรับแขกนอกเฉพาะโต๊ะที่เหลือ สองแม่ครัวทำกันไม่ได้หยุด ผมอยู่ในร้านคอยรับออร์เดอ ทำเครื่องดื่มทั้งไวน์ จิน โทนิค เปิดเบียร์ ทำน้ำผลไม้ปั่น ทำไทฮีโต้ จดบิล เก็บเงิน เก็บจาน เสริฟ สนุกสนาน ช่างสนุกสนานวุ่นวาย ชุลมุนอะไรปานนั้น แถมยังต้องหาจังหวะคุยกับแขก คุยสัพเพเหละ เป็นแบบนี้อยู่ 5-6 คืน สุดยอด ส่วนคืนที่แขกน้อยจะสบายๆ มีมุมนั่งชิวๆของตัวเองคอยแขก ในครัวก็ไม่วุ่นมาก บรรยากาศผ่อนคลายสบายๆ เงียบสงบแบบปางมะผ้า 

 หน้าที่ต่อมาของคอนเซียร์จแบบผมคือ ตรวจสถานที่ว่าทั้งรอบๆบริเวณ และในห้องพักต่่างมีอะไรชำรุด เสียหายบ้างแล้วแจ้งคุณอ้อมให้ตามช่างมาซ่อมแซม อะไรง่ายๆก็ทำเองเช่นเปลี่ยนหลอดไฟ ปรับช่องทีวี งานนี้ไม่มีอะไรมากแต่ต้องรู้ซึ่งถึงอุปกรณ์ในแต่ละห้องว่ามีอะไรบ้าง บ้านนี้จะมี 11 ห้อง 11 แบบ การตรวจตราไม่ง่ายเพราะไม่มีอะไรเหมือนกัน 
  หน้าที่ที่ผมไม่ได้รับทำหรือทำไม่เป็นหรือยังไม่ได้คิดจะทำคือ ทำความสะอาดห้อง ซักผ้า ทำอาหาร ทำสวน ซึ่งก็เป็นงานอีกไม่ใช่น้อย 
 ที่ผมทำก็แค่แบ่งงานคุณอ้อมมาทำบางส่วน แบ่งงานของหนกกับใหม่มาทำบางส่วน ก็แค่นั้น และครูของผมก็คือคุณอ้อมนั่นเอง ผมศึกษาหาความรู้ต่างๆจากคุณอ้อม แล้วค่อยๆฝึกทำ พอเอางานทั้งหมดที่ผมรับทำมาประกอบเข้าด้วยกันแล้วทำในแต่ละวันไปพร้อมๆกัน เหนื่อยและสนุกสุดยอดในวันแรกๆ และเหนื่อยและเคลียดในวันต่อๆมา ไหนจะอากาศอันหนาวเหน็บ หนาวนาน หนาวทน เจอแดดทีเหมือนเห็นสาวสวยแทบโดดเข้าใส่ 
  ผมก็แค่รับมาทำเป็นช่วงๆ ช่วงละไม่กี่วัน ส่วนพี่จอยกับคุณอ้อมประจำอยู่ที่นี้ ทำมากว่าสิบปี สุดยอดไม่รู้ทำกันได้ไงเก่งจริงๆ ลูกน้องใหม่สองคนก็เพิ่งมาทำได้ไม่นาน ส่วนพี่หอม ลูกน้องเก่าแก่ที่ร่วมเป็นร่วมตายอยู่ด้วยกันมากว่าหกปี ก็ลาไปอยู่เชียงใหม่หลายเดือนแล้ว พี่จอยกับคุณอ้อมเลยต้องช่วยกันเป็นเสาหลักค้ำยันที่พักเล็กๆน่ารักแห่งนี้ให้อยู่คู่ประเทศไทยไว้ 
  การรับหน้าที่คอนเซียร์จในครั้งนี้ของผมถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่หาไม่ได้ง่ายๆ และท้ายสุดมันทำได้ไม่ง่ายเลยครับ...




 

Create Date : 05 มกราคม 2557   
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2561 22:14:16 น.   
Counter : 1512 Pageviews.  
space
space
นินจา


นินจาเป็นสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ สีดำตัวใหญ่ อายุราวแปดขวบ ปกติผมเป็นคนชอบแมว รักแมวเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ค่อยให้ความสนใจไยดีกับสุนัขเท่าไหร่ ผมได้รู้จักนินจาครั้งแรกเมื่อปลายปี 2548 ตอนนั้นนินจายังเป็นหนุ่มน้อยหล่อเฟี้ยว จากวันที่เรารู้จักกันจนถึงวันนี้ก็กว่า 5 ปี เราสนิทสนมกันขึ้นเรื่อยๆ นับจากวันนั้น นินจาเป็นหมาตัวใหญ่ ใครเห็นครั้งแรกเป็นต้องกลัว คนที่รู้จักหมาพันธ์นี้ก็พอทน แต่สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับหมา จะกลัวและถามอย่างสั่นๆว่า ดุไม๊ครับ ดุไม๊ค๊ะ ดุไม๊ฮ้า เด็กเล็กๆบางคนถึงกับร้องไห้เมื่อแรกเห็นนินจา ผู้ใหญ่กลัวหมาบางคนถึงกับเดินหันกลับไปขึ้นรถโดยไม่หันกลับมามองนินจาอีกเลย สร้างความน้อยใจให้กับนินจาเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าก็ว่าเถอะจะโทษพวกเขาซะหมดก็ไม่ได้หรอก ด้วยรูปร่างใหญ่โต ปากอันทรงพลัง ขาอันแข็งแกร่ง หางอันตั้งชันเหวี่ยงโดนทีกระจกแทบแตก ล้วนสร้างความเกรงขามแก่ผู้พบเห็น ชาวบ้านแถบ อ.ปางมะผ้า กว่าครึ่งเจอมันบ่อยๆ ยังไม่ค่อยกล้าสบตานินจาเลย เวลาเดินๆอยู่เห็นนินจาวิ่งตามมา ยังต้องหยุดหลบๆให้นินจาผ่านไปก่อน ถ้านินจาหยุดทักทาย ดมโน้นดมนี่ หัวใจชาวบ้านแทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ผมสังเหตุมาหลายคนแล้ว
   นินจาเป็นหมาของเจ้าของสบป่อง ริเวอร์อินน์ สบป่อง ริเวอร์อินน์ก็เหมือนเป็นของนินจา  นินจาจะนั่งจะนอนมุมไหนๆในบ้านก็ได้เสมือนเป็นเจ้าของ บางครั้งสร้างความอึดอัดให้แขกที่ไม่ชอบหมาบ้าง แต่ก็ทำไงได้หละ ก็นี่บ้านนินจานี่หน่า เวลาแขกมานินจาจะวิ่งไปทักทาย ต้อนรับด้วยความเป็นมิตร ยิ้มแย้ม แกว่งหาง แขกมากินข้าวนินจาต้อนรับ ทักทาย ไม่มากไม่น้อย แล้วกลับไปนอนสงบเสงี่ยม พอแขกจะเล่นด้วยนินจาก็เล่นด้วย แขกไม่ชอบไม่สนใจนินจาก็สุภาพ ไม่รบกวนให้แขกรำคาญใจ ส่วนแขกที่มาพัก เด็กที่ร้องไห้เมื่อเจอครั้งแรก ผู้ใหญ่ที่กลัวหมา พออยู่หลายชั่วโมงเข้า สัมผัสนินจานานเข้า ก็รู้ซึ้งถึงความน่ารัก แสนรู้ ฉลาด สุภาพ และเป็นมิตรของนินจา จนบางคนถึงกับหลงรักนินจาเลยก็มี ขอถ่ายรูปกับนินจาบ้าง เอาของมาให้นินจากินบ้าง เล่นกับนินจาอย่างสนุกสนาน บางคนกลับมาแวะที่ริเวอร์อินน์อีกครั้งเพราะคิดถึงนินจา อยากมาเจอนินจา ถามทุกข์สุกดิบของนินจา เหมือนนินจาเป็นญาติสนิทมิตรสหายเลยก็มี นินจาสุดยอดหมาจริงๆ ผมไม่รู้ว่าลาบราดอร์จะเป็นแบบนินจาทุกตัวหรือเปล่า แต่นินจาสุดยอดจริงๆ เอาจากที่ผมสัมผัสนะ นินจาฟังออกทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย อยู่ร่วมกับแมวได้ สุภาพ ให้เกียรติแมว เวลาแมวกินข้าวนินจาจะนั่งมอง ไม่ไปแย่งน้องกิน รอจนน้องไม่กินแล้วค่อยเข้าไปแง๊บ อ่อลืมบอกไปว่านินจาชอบกินอาหารเม็ดของแมวมากกว่าของตัวเอง ถ้าให้แต่อาหารเม็ดของหมา นินจาจะไม่กินต้องผสมอาหารเม็ดของแมวด้วยนินจาถึงจะยอมกิน นินจาชอบกินกล้วย และแตงโมก็กินเป็นบางครั้ง กินหญ้าริมถนนบ้างเวลาพาไปเดิน นินจาชอบให้คนเดินเป็นเพื่อน เวลามันจะไปฉี่ไปอึ ยิ่งคนชอบตามใจแบบผมนินจายิ่งตื้อหนักกว่าคนอื่น ถ้านินจาจะให้พาไปเดินมันจะมาตื้อสุดๆ ผมนั่งอยู่ถ้ามันปวดอึมากๆ นินจาแทบเอาหน้างัดผมขึ้นมาจากเก้าอี้ให้ได้ บางทีเห่าเสียงดังจะให้ไปให้ได้ท่าเดียว กับคุณอ้อมหรือพี่จอยมันจะไม่กล้าขนาดนี้ นินจารู้ว่าใครที่มันตื้อได้ ความแสนรู้ของนินจาที่ทำให้ผมทึ่งมากๆคือ เวลาคุณอ้อมจะให้มันอาบน้ำ แค่เอาผ้าเช็ดตัวมา นินจาเห็นรีบมุดลงใต้โต๊ะหนีสุดชีวิต แต่ก็ไม่กล้าขัดขืน พอโดนจูงสองขาออกมา มันจะลิ้นห้อยทำขาสั่นๆทำนองว่า ไม่เอาไม่เอาผมหนาวไม่อาบ แต่พอโดนอาบน้ำนินจาจะอยู่เฉยๆให้อาบ ไม่ขัดขืน บอกนินจาหวีผม มันจะวิ่งไปคาบแปรงมาให้ทันที ผมสั่งมันไม่เคยทำตาม ต้องคุณอ้อม พี่จอย สั่งถึงจะได้เรื่อง ตอนเช้าๆนินจาเพิ่งตื่น คุณอ้อมหรือพี่จอยบอกให้นินจาเช็ดขี้ตา นินจากูดบอย มันจะเช็ดขี้ตาเสริมหล่อทันที ผมลองสั่งมันบ้างไม่เห็นมันจะทำตาม กลับเอาหน้ามาชนกางเกงผมซะงั้น คงถือโอกาสเช็ดขี้ตากับกางเกงผมเป็นแน้แท้ ตอนเย็นๆเรียกแมวไปกินข้าวที่ข้างในบ้าน นินจาจะไม่ยอมตามไปกลัวโดนขังไว้ในบ้าน ต้องเดินไปใกล้ๆมันแล้วบอกว่าไปกินข้าวแล้วออกมาใหม่ มันถึงจะยอมเดินตามไปแง๊บอาหารเม็ดแต่โดยดี อีกความน่ารักของนินนาคือมันชอบขึ้นหลังรถ ใครเปิดกระโปรงท้ายรถไว้ นินจาจะโดดขึ้นไปทันที แล้วไม่ยอมลงมา มีหลายครั้งที่เป็นแบบนี้ เดือดร้อนสายัญต้องไปดึงมันลงมาจากท้ายรถ มันชอบขึ้นหลังรถมากๆ ขึ้นแล้วไม่ยอมลง ใครอย่าเผลอเป็นอันเสร็จนินจา มีอยู่ครั้งแขกเอาสุนัขสาวแสนสวยมา นินจาเห็นมองตาเป็นมัน ตามดมตามง้อขอเล่นด้วยไม่ยอมให้ห่าง มันตามขอเจ้าของเล่นด้วยตัวสั่น ตาวาว แต่สุภาพจริงๆนินจานั่งเฝ้า สั่นหาง ขออนุญาติเล่นกับน้อง แต่ใครจะให้เล่นด้วยละ หมาเขาออกจะสาวจะสวย ตัวเท่าหัวนินจาคนละขนาดกันเลย นินจาก็อดตามระเบียบ ตอนกลางคืนนินจาจะนอนในบ้านมีผ้าปูมีหมอนหนุนหัว นอนเหมือนคนเลย หน้าร้อนเจ้าของแสนใจดีจะเปิดพัดลมคลายร้อนให้นินจายามราตรี
  มาวันนี้ พ.ศ 2553 นินจาเข้าสู่วัยชรา ขาก็ไม่ค่อยดี หูก็คัน ฉี่ก็เริ่มมีปัญหา ผมสนิทสนมกับนินจามากขึ้น เพราะไปหลายรอบมากๆช่วง 2 ปีนี้ นินจาติดผมมากขึ้น ผมก็ติดนินจามากขึ้น ต่างคนต่างเอ็นดูกันเหมือนญาติสนิท เพื่อนรักต่างเผ่าพันธ์ เวลานินจาหนีไปเที่ยวบ้านครูเจี๊ยบที่ห่างออกไปราว 2 กม พอผมขี่มอไซด์ไปตามนินจา มันก็ยอมวิ่งตามกลับมาโดยดี ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่อยากจะฟ้อง ต้องเอาเชือกไปผูกแล้วโดนมันลากทั้งคนทั้งมอไซด์กลับมา แขนเคล็ดไปหลายวัน เดี๋ยวนี้ไม่ต้องพูดกันรู้เรื่อง ผมจะลงไประเบียงนินจาก็เดินลงไปนั่งเล่นเป็นเพื่อน ลงไปที่แม่น้ำนินจาก็ไปเฝ้า มันไม่ชอบกินอาหารเม็ดของหมา ก่อนผมกลับมาสองวันฉลองปีใหม่ให้นินจา ด้วยการให้กินอาหารเม็ดของแมวเพียวๆ แฮะๆต้องซื้อกลับไปใช้ให้พี่จอยเที่ยวหน้า เช้าๆนินจาอยากกินกล้วย ผมเอากล้วยคุณอ้อมให้นินจากินไปหมดทั้งหวี พอคุณอ้อมมาหาไม่เห็นกล้วย ร้องโวยวายทั้งผมและนินจาวิ่งไปมุดใต้โต๊ะสุดชีวิต คนอารายเสียงดุชะมัด นินจาปรับทุกข์กับผมเสมอว่า เอะอะอะไรก็ขู่จะจับอาบน้ำ ขู่ทีไรก็กลัวทุกที เสียงน่ากลัวเนอะว่าเปล่า ผมก็มองซ้ายมองขวาแล้วก็อือออเห็นด้วย ความน่ารัก แสนรู้ ฉลาด มีไมตรี เป็นมิตร ซื่อสัตย์ ของนินจายังคงเส้นคงวาเสมอ แม้วัยจะผ่านล่วงเลยไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นใด ผมก็ยินดีที่ได้มีเพื่อนนาม นินจา รีทรีฟเวอร์ ครับ




 

Create Date : 09 มกราคม 2553   
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2561 22:13:52 น.   
Counter : 791 Pageviews.  
space
space
ไอ้ทิด


เย็นนี้เลิกเร็วกว่าปกติ ท้องฟ้าก็มืดเร็วมาก เป็นสัญญาณเข้าสู่หน้าหนาวแล้ว ออกมาแวะไปวัดมังกรแล้วนั่งรถสาย 204 มาต่อรถหน้าเซ็นทรัล เวิลด์ ทีวีจอยักษ์ถ่ายบอลคู่ไทย-สิงคโปร์พอดี ไทยโดนนำอยู่หนึ่งลูก เหลืออีก 10 นาทีจะหมดครึ่งแรก เลยยืนดูซักหน่อย หมดครึ่งแรกก็ยังเท่าเดิม ไม่ได้ดูบอลไทยมาเกือบ 10 ปีก็ยังเหมือนเดิม ถึงวันนี้จะมีลูกครึ่งมาเล่น มีโค้ชเป็นถึงอดีตทีมชาติอังกฤษ อะไรๆก็ยังคล้ายๆเดิม เหมือนโลกมันจะหมุนช้าที่ประเทศไทย ต่อรถฟรีไปลงคลองเตย แล้วต่อรถเสียเงินไปลงใต้ทางด่วนสาธุฯ ทีแรกว่าจะไม่กินข้าวเย็น แต่กลับมาถึงเร็วแวะกินข้าวมันไก่ ลุง-ป้า ดีกว่า เดินข้ามถนนมาเกือบโดนรถชนเพราะไม่ข้ามทางม้าลาย แถมมัวแต่มองสาวอีกต่างหาก แก่แล้วไม่เจียมจริงๆ ร้านข้าวมันไก่ขายริมถนนข้างทางด่วนใกล้แยกสาธุฯ ขายมาแล้วกว่า 15 ปี เดินมาถึงมีคนนั่งกินอยู่หนึ่งคู่ ป้าแกนั่งทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ที่โต๊ะข้างๆ เห็นผมเดินมาแกก็ลุกให้ผมนั่ง ผมเลยนั่งลงข้างๆคู่นั้น แล้วสั่งด้วยเสียงอันเบาๆว่า เนื้ออกไม่เอาหนัง สั่งเสร็จก็เหลียวมองโต๊ะข้างๆ แล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาอย่างทันทีทันใด คู่ข้างๆเป็นหญิงชาย ผู้หญิงดูท่าทางใจดี ผู้ชายหน้ายังกับโจรห้าร้อย สักเต็มตัวแบบไม่เป็นรูปเป็นร่าง เหมือนพวกสักด้วยน้ำมันเจียวในห่อมาม่า ผมหงุดหงิดว่าทำไมน้าผู้หญิงดีๆแบบนี้ถึงได้เป็นแฟนกับผู้ชายเลวๆแบบนี้ได้ ทำไมโลกเราถึงเล่นตลกได้ถึงขนาดนี้ ข้าวมันไก่มาแล้ว มาซะเยอะเลย ใครจะไปกินหมด คนยิ่งหงุดหงิดอยู่ ผู้ชายที่แสนเลวกับหญิงผู้ใจดีกำลังจะลุกไปแล้ว ผู้ชายกินคนเดียว ผู้หญิงแค่นั่งรอ ไปซะทีแต่ความหงุดหงิดก็ยังไม่จางหาย ทำไมไอ้คนเลวๆแบบนี้ถึงได้เข้ามาในชีวิตของสาวคนนี้ได้ ลุงแกนั่งใกล้ๆผม ป้าเก็บจานเสร็จก็มานั่งโต๊ะข้างๆผมทำงานแกต่อ ลุงแกก็พูดว่าไอ้ทิดพอมันเลิกใส่กางเกงขาสั้นไปโรงเรียนมันก็ติดคุกเลย ผมเงยหน้ามองว่าแกพูดกับใคร แกยิ้มให้ผม แล้วก็พูดประโยคเดิมเหมือนย้ำว่าก็พูดกับผมนั้นแหละ ผมส่ายหน้าแล้วก้มหน้ากินต่อ ลุงแกก็พูดต่อโดยไม่สนใจเลยว่าผมอยากฟังหรือไม่ แกเล่าว่า ตอนเด็กๆมันน่ารักมากินข้าวแกบ่อยๆ อยู่โรงแรียนขาสั้นสีกากีย่านสาธุฯนี่แหละ แม่ขายข้าวแกงอยู่หัวมุมถนน พอจบม.3 เท่านั้นก็คบเพื่อนไม่ดี ติดยา ติดบุหรี่ กินเหล้า แล้วไม่ยอมเรียนต่อ โดนจับเข้าบ้านเมตตา ออกมาก็สักมาซะลายเต็มตัว อยู่ไปไม่นานก็ไปยิงคนตายอีก คราวนี้ติดคุกผู้ใหญ่ยาวละ นี่เขาให้ออกมาเยี่ยมบ้านหนึ่งอาทิตย์ วันจันทร์ก็กลับไปเข้าคุก โตแล้วมันสูงเนอะ เหมือนพี่มัน พูดถึงตรงนี้ป้าก็พูดเสริมว่า เหมือนพี่มันจริงๆ นี่พี่มันก็ติดคุกที่เชียงใหม่อยู่ เห็นแม่มันบอกว่าติดยาวคดีปล้น ผมกินใกล้จะหมดจานพอดี ความหงุดหงิดก็ยังไม่จางหาย ไม่เข้าใจทำไมผู้หญิงดีๆต้องมาข้องแวะกับคนเลวๆแบบนี้ ไก่หมด ข้าวเหลือเพียบ ปกติแล้วผมจะไม่กล้ากินข้าวป้าแกเหลือ เพราะจานละ 25 แกให้ผมซะเยอะขืนเหลือรับรองแกเสียใจแน่ แต่วันนี้ขอเถอะป้า ผมหงุดหงิดจริงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงดีๆต้องมาลำบากเพราะคนเลวๆแบบนี้ แถมแววตาที่เธอมองไอ้ทิดยังเต็มไปด้วยความรัก ความหวังดี เห็นอย่างนั้นผมยิ่งทวีความหงุดหงิดขึ้นไปอีก ผมเลิกกินแล้วทิ้งข้าวเกือบครึ่งจานเอาไว้ ลุงแกถามป้าอีกว่า แล้วนี้พี่สาวมันทำงานอะไร ป้าบอกคนไหนไอ้คนที่มาด้วยนะเหรอ อ๋อเห็นแม่มันบอกว่าทำงานฝ่ายบัญชีบริษัทไอซีซี ได้ยินดังนั้นผมก็หายหงุดหงิดทันที ผู้หญิงที่ดูใจดีที่มากับไอ้ทิดนั้นเป็นพี่สาวมัน หลงนึกว่าเป็นแฟนมัน ถ้าเป็นพี่สาวก็แล้วไป ถึงมันจะเลวยังไงก็ถือเป็นหน้าที่ๆพี่สาวจะต้องดูแลน้องอยู่แล้ว มันเป็นหน้าที่ๆหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็โอเคเธอเป็นคนดี คนดีก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ แต่ถึงไงก็ต้องปล่อยมันไปมันโตแล้ว ใครอะไรกับมันไม่ได้หรอก เธอคงทุกข์แค่ในหน้าที่ ในชีวิตจริงก็น่าจะโอเคมีครอบครัวที่ดี สร้างชีวิตใหม่ได้ เลี้ยงดูลูกให้ดีเอาบทเรียนของน้องเป็นตัวอย่าง เธอน่าจะมีความสุขในชีวิตข้างหน้าได้ ส่วนไอ้ทิดที่ลุงแกเล่าให้ผมฟังนั้น ผมได้แต่คิดว่าชั่งมันเถอะลุง คนเลวๆแบบนั้นอย่าไปสนใจมันเลย ปล่อยมันไปตามวิถีแห่งโลกเถอะ เมืองไทยโลกหมุนช้า ซักวันมันจะได้รับผลกรรมที่มันก่อไว้เองแหละ...




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2552   
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2561 22:13:30 น.   
Counter : 1086 Pageviews.  
space
space
สมัคร สุนทรเวช ผู้ไม่เคยแพ้



  นี่คงเป็นฉากสุดท้ายของนักการเมืองที่ผมตามมากว่า 30 ปี นักการเมืองที่ผมชอบในบางเรื่อง และไม่ชอบในหลายๆเรื่อง แต่ตลอดเวลา 30 ปี ชายชื่อสมัคร สุนทรเวช ก็ไม่เคยทำให้ผมหมดศรัทธาหรือรังเกลียดได้เลยในทุกๆบทบาทและความเป็นไปในวงการเมือง และชีวิตส่วนตัว

   สมัยผมอายุราว 10 ขวบ น่าจะเป็นช่วงรุ่งเรื่องสุดขีด ของคุณสมัครในฐานะหัวหน้าพรรคประชากรไทย ก่อนหน้านั้นผมโตไม่ทันแต่ก็ได้รับรู้ว่าคุณสมัคร ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงตอนนั้นตอนผม 10 ขวบ คุณสมัครไม่เคยแพ้แม้แต่ครั้งเดียว ได้รับเลือกมาทุกครั้ง และพอผมเริ่มตามบทบาทของคุณสมัครมาตั้งแต่ตอนนั้น ครั้งต่อๆมายุคท่านมหาจำลองรุ่งเรืองสุดๆ พยายามโค่นคุณสมัครมาไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง ครั้งหนึ่งถึงกับส่งภรรยาเข้าแข่งขัน แต่คุณสมัครก็ยังสามารถชนะการเลือกตั้งมาได้ทุกครั้ง มีครั้งหนึ่งทั้งพรรคเหลือคุณสมัครเป็น ส.ส กรุงเทพฯเพียงคนเดียวก็ยังมี พอหมดยุคท่านมหา ก็เข้าสู่ยุครุ่งโรจน์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีคุณชวน หลีกภัย เป็นหัวหน้าพรรค พรรคประชาธิปัตย์ก็พยายามโค้นคุณสมัครลงให้ได้ในเขตดุสิต แต่ก็แพ้คุณสมัครทุกครั้ง ไม่ว่าความนิยมในตัวคุณจำลอง คุณชวน คุณอภิสิทธิ์ จะแรงแค่ไหนก็ตามในยุครุ่งเรืองของแต่ละคน แต่คุณสมัคร สุนทรเวช ที่เป็นที่เกลียดชังของคนมากมาย กลับสามารถฝ่าคลื่นลมมาได้ทุกครั้ง ยืนโต้กระแสอย่างเด็ดเดี่ยวไม่หวาดหวั่น และสามารถเอาชนะมาได้ตลอด พอตัดสินใจลงสมัครเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ก็มาลงแข่งกับพรรคไทยรักไทยซึ่งกำลังอยู่ในขาขึ้นในขณะนั้น คุณสมัครก็สามารถเอาชนะได้อย่างท้วมท้น เอาชนะท้ามกลางการโจมตีใส่ร้ายในเรื่องต่างๆนานา ยืนสู่อย่างกล้าหาญจนชนะได้คะแนนเกินหนึ่งล้านเสียง พอหมดสมัยการเป็นผู้ว่าคุณสมัครก็เหมือนๆจะยุติบทบาททางการเมือง ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข ทำรายการอาหาร เขียนหนังสือ เลี้ยงแมว สบายๆในช่วงสุดท้ายของชีวิต และแล้วคุณสมัครก็ตัดสินในกระโดดลงสมัครเป็นวุฒิสมาชิกอีกรอบ และก็เช่นเดิมชนะได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับสอง ยังสามารถครองใจประชาชนได้ท้ามกลางความเกลียดชัง พอปลายยุคของรัฐบาลทักษิณ ซึ่งโดนกลุ่มอำนาจเก่าของประเทศไทย ร่วมมือกันโค่นและทำลายล้าง ใครต่อใครโดดหนีหมดคุณสมัครก็โดดเข้ามาช่วยโดยไม่กลัวถึงภัยอันจะตามมาแต่อย่างใด สุดท้ายเลือกตั้งครั้งหลังสุดที่ผมเรียกว่า เป็นการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยในระบอบเผด็จการนั้น คุณสมัครก็อาสาเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งใครต่อใครก็พากันโดดหนีหมด แต่คุณสมัครก็กล้าเข้ามารับหน้า และก็สามารถพาพรรคนี้ชนะการเลือกตั้งมาได้ท้ามกลางการสกัดกั้นจากกลุ่มอำนาจเก่าและชนชั้นปกครองในประเทศไทย จนในที่สุดคุณสมัคร สุนทรเวช ก็สามารถขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทยได้ชนิดที่ว่า ถ้าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาใครบอกว่าคุณสมัครสุนทรเวช จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ต้องโดนด่าว่าบ้าไปแล้วแน่นอน แต่คุณสมัคร สุนทรเวช ชายผู้ไม่เคยแพ้ก็สามารถไปถึงจุดนั้นได้ และตลอด 7 เดือนที่ผ่านมาคุณสมัครก็คือคุณสมัคร ที่ยังคงเส้นคงวา ทำบางเรื่องที่ผมชอบ และทำหลายเรื่องที่ผมไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่เคยทำให้ผมหมดศรัทธาหรือรังเกลียดได้เลยในทุกๆบทบาทและความเป็นไป
จนเรื่องสุดท้ายที่มีแรงบีบจากกลุ่มอำนาจเก่า และชนชั้นปกครองในประเทศนี้ คุณสมัครก็ยืนหยัดต่อสู่ ไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ใครจะว่าคุณสมัครเสียๆหายๆยังไงก็แล้วแต่ สำหรับผมแล้วผมยืนยันได้เลยว่าถ้าเป็นผมๆก็จะยืนหยัดอย่างนี้เช่นกัน แต่ผมคงทำได้ไม่ดีและไม่อดทนได้เท่าคุณสมัครเป็นแน่แท้ สุดท้ายท่านก็เคารพและน้อมรับคำตัดสินของศาล พ้นตำแหน่งไปโดยไม่มีการพาลแต่อย่างใด แสดงให้เห็นถึงตัวทนที่แท้จริงของคุณสมัครอีกครั้ง และเมื่อพรรคบอกคุณสมัครว่าลุยต่อ คุณสมัครก็พร้อมลุย แต่พอเสียงแตกพรรคร่วมไม่หนุน คุณสมัครก็เป็นลูกผู้ชายพอที่จะถอย ทำตามคำที่เคยบอกว่า เข้ามาและทำเพราะเป็นหน้าที่ ไม่ได้อยากได้ไคร่ดีอะไร ไม่มีอะไรต้องแสวงหา แต่ในเมื่อรับหน้าที่แล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด อันนี้ผมเชื่อคุณสมัครและไม่สงสัยในตัวคุณสมัครเลย ท้ามกลางความเกลียดชัง การดูถูกดูแคลนของสังคม การโจมตีเพราะไปขวางทางของกลุ่มอำนาจเก่า และความเป็นตัวตนของคุณสมัครเอง ทำให้วันนี้เหมือนคุณสมัครจะแพ้เป็นครั้งแรก แต่ผมก็ยังจะยืนยันคำนี้ คำที่มีความหมายและแทนตัวตนที่แท้จริงของคุณสมัคร สุนทรเวช ที่จะเป็นอีกหนึ่งบุคคนที่ผมจะเล่าให้ลูกหลานฟังอย่างภูมิใจว่า อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตของผมก็เคยได้มีโอกาสได้รับรู้และติดตามเรื่องของของชายผู้นี้ ...สมัคร สุนทรเวช ผู้ไม่เคยแพ้...




 

Create Date : 13 กันยายน 2551   
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2561 22:13:11 น.   
Counter : 736 Pageviews.  
space
space
อาจารย์ออง…


อาจารย์ออง…  ผมเข้าเทพศิรินทร์มาตอน ม.1 พอราว ม.2 ก็รู้จักอาจารย์ออง ซึ่งตอนนั้นสอนอยู่ชั้นม.4 อาจารย์อองสอนวิชาภาษาอังกฤษ ที่รู้จักอาจารย์อองเพราะอาจารย์อองสนิทกับอาจารย์ประจำชั้นตอน ม.2ของผม แรกๆก็ไม่มีอะไรมากมาย พอ ม.2 เทอมสองภาษาอังกฤษผมอ่อนพอควร อาจารย์ประจำชั้นของผมเลยบังคับให้ผมมาแต่เช้า แล้วมานั่งเรียนภาษาอังกฤษกับอาจารย์อองวันละ 30 นาที อาจารย์อองก็เอ็นดูผม สอนภาษาอังกฤษผมทำให้พอลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้บ้าง และผมก็ได้รับความกรุณาจากอาจารย์อองเรื่อยมา พอผมขึ้นม.4 ผมก็ไม่ได้เรียนห้องที่อาจารย์อองสอน ได้แค่มาขอความกรุณาให้อาจารย์สอนให้ตอนเช้าวันละ 30 นาทีเช่นเดิม เรียนก็ไม่ได้เรียนห้องที่อาจารย์อองสอน แต่อาจารย์อองก็กรุณาสอนสั่งผมเสมือนผมเป็นนักเรียนในความรับผิดชอบของอาจารย์อองเอง และผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย วิชาภาษาอังกฤษส่วนที่ผมทำได้ และทำให้สามารถสอบติดได้นั้น มาจากการชี้แนะของอาจารย์อองเป็นสำคัญ จากม.2-ม.6 กว่า 5 ปีที่ผมรู้จักอาจารย์ออง มาแบบที่ว่าไม่เคยได้เรียนห้องที่อาจารย์อองสอนเลย แต่การเจอกันแค่ช่วงเช้า และการได้เจออาจารย์อองนอกเวลาเรียนนั้น ทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยกับอาจารย์ออง และอาจารย์อองก็รับรู้ความเป็นตัวผมมาตลอด ตลอดเวลากว่า 5 ปี ผมได้เห็นอาจารย์อองในอิริยาบทต่างๆ อาจารย์ออง สูงราว 155 ซม ตัวเล็กแต่ไม่ถึงกับผอม เป็นผู้หญิงไทยแท้ ตาโต หน้าสามเหลี่ยม บางครั้งจะดุมาก ปากร้าย บ้างครั้งใจดี พูดจาไพเราะ ทำอะไรรวดเร็วคล่องแคร่ว มีมนุษย์สัมพันธ์ดี เป็นอาจารย์ที่เอาใจใส่นักเรียนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะห้องที่อาจารย์อองประจำชั้นด้วยแล้ว อาจารย์อองยิ่งดูแลเป็นพิเศษ เหมือนนักเรียนเป็นลูกแท้ๆของอาจารย์อองเอง อาจารย์อองมีลูกล่อลูกชนกับนักเรียน ใครที่ว่าเจ๋งๆมาเจออาจารย์อองเป็นอันเสร็จอาจารย์อองหมด และเด็กนักเรียนที่โดนอาจารย์อองกำหราบนั้น ต่อมาภายหลังล้วนรักอาจารย์ออง ทั้งสิ้นกลับมาหาอาจารย์อองกันบ่อยๆ ส่วนนักเรียนที่มีแววมีความสามารถอาจารย์อองก็ชีแนะแนวทางให้ตามความถนัดของเด็กแต่ละคน  พอผมจบม.6 จากโรงเรียนเทพศิรินทร์ไป ตอนเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ผมได้มีโอกาสได้เจออาจารย์อองบ้างเป็นบางครั้ง เจอทีไรอาจารย์อองก็ยังถามไถ่ผมด้วยความเป็นห่วง และชี้แนะผมเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ อาจารย์อองมีความสามารถพิเศษอีกอย่างที่ผมชื่นชมคือ อาจารย์อองจะชี้แนวทาง และแนะให้ทำในเรื่องที่มองเห็นภาพได้ชัดเจน สามารถนำไปปฎิบัติได้จริง เช่นเรื่องสำคัญที่สุดที่มีผลต่อการดำรงชีวิตของผมกว่า 15 ที่ต่อมา เดิมนั้นผมมีความสามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้เพียงน้อยนิด อาจารย์อองนั้นแหละเป็นผู้จุดประกาย และเริ่มต้น วางรากฐาน และมีส่วนสำคัญทำให้ผมสามารถเริ่มต้นทำได้อย่างจริงจัง แทบจะกล่าวได้เลยว่า ถ้าไม่มีอาจารย์อองเป็นผู้เริ่มให้ในช่วงนั้น ก็คงไม่มีผมในวันนี้ในแบบที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน จากช่วงนั้นเป็นต้นมาอาจารย์ออง เป็นผู้มีบทบาทและเป็นผู้ชี้แนะแนวทางต่างๆที่ดีๆให้ผมเสมอ จะทำอะไรนั้นผมจะตัดสินใจช้า และไม่แน่ใจ อาจารย์อองเป็นผู้ชี้แนะ ให้แนวทาง และเสนอวิธีการให้ผมในเรื่องต่างๆ ทำให้สามารถกล้าตัดสินใจทำ ด้วยมีแรงสนับสนุนและการชี้ทางให้มั่นใจจากอาจารย์อองเป็นส่วนสำคัญ นอกเหนือจากนั้นอาจารย์อองยังมีใจกรุณาและมีน้ำใจให้ผมเสมอมา ผมได้กินข้าวฝีมืออาจารย์อองอันแสนอร่อยบ่อยครั้ง โรงเรียนมีของที่ระลึกอะไรออกมา อาจารย์อองก็เอามาฝากผมเสมอ ห้องทำงานจะติดแอร์ก็อาจารย์อองชี้แนะ ปูเสื่อน้ำมันอาจารย์อองก็จัดการให้ รถคันแรกอาจารย์อองก็เป็นคนบอกว่าซื้อได้แล้ว ขับรถกระบะเก่าๆอยู่ได้ อาจารย์อองไปดูบ้านผมก็ชี้แนะว่าห้องนอนผมตู้เยอะเกินไปทำให้เล็กอึดอัด เรื่องเหล่านี้และอีกหลายๆเรื่องอาจารย์อองเป็นผู้จุดประกายหรือชี้นำ พาเดิน จัดการให้ทั้งสิ้น ผมก็ทำได้แค่คิดแล้วทำตามคำชี้แนะดีๆเหล่านี้ เรื่องเดียวที่ผมยังไม่ได้ทำ ทั้งที่อาจารย์อองชี้แนะมากว่า 5 ปี แล้วคือเรื่องแต่งงาน อาจารย์อองบอกแต่งได้แล้ว บอกมากว่า 5 ปีแล้วแต่ผมยังไม่ได้มีโอกาสได้ทำ
  ผมไม่เคยเป็นนักเรียนในประจำชั้นของอาจารย์ออง ไม่เคยเรียนห้องที่อาจารย์อองสอน อาจารย์ยังมีความกรุณา และมีเมตรากับผมขนาดนี้ ยิ่งนักเรียนหลายคนที่เป็นศิษย์รักของอาจารย์ออง ท่านยิ่งดูแลเอาใจใส่ยิ่งกว่าผมหลายเท่า และผมก็เห็นอาจารย์ออง เสมอต้นเสมอปลายกับนักเรียนทุกรุ่นกว่า 28 ปี อาจารย์อองถือเป็นปูชนียบุคคนที่ทำประโยชน์ให้กับโรงเรียน และมีส่วนสร้างนักเรียนของโรงเรียนเทพศิรินทร์ให้เป็นคนดีมีความสามารถมาแล้วอย่างมากมาย ผมมั่นใจว่ามีศิษย์เก่าอีกมากมาย ที่ระลึกถึง เคารพ และซาบซึ่งในคุณความดีที่อาจารย์ออง ได้ทำให้รุ่นแล้วรุ่นเล่ากว่า 28 ปีที่ล่วงเลยมา หลังๆนี้อาจารย์ยังช่วยทำงานของโรงเรียน ทำกิจการสหกรณ์โรงเรียนควบคู่ไปกับการสอนหนังสือ ทำอย่างไม่เห็นแก่ความเด็ดเหนื่อย
   จนมาถึงต้นเดือนเม.ย 51 มีข่าวที่ทำให้ผมรู้สึกตกใจและ ไม่สบายใจเป็นอย่างมากเมื่อทราบข่าวว่าอาจารย์อองไม่สบาย มีก้อนเนื้อที่มดลูก และปวดสะโพกมากต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ ผมโทรไปถามไถ่อาจารย์ออง ท่านก็บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก นอนพักมากๆเดี๋ยวก็หาย ก้อนเนื้อหมอก็บอกว่าไม่ต้องผ่าฉีดยาสลายเอา ได้ฟังดังนั้นผมก็สบายใจขึ้น จนเข้ากลางเดือนเม.ย ผมก็ทราบข่าวว่า อาจารย์ออง ปวดสะโพกมากขึ้น และมีเลือดไหลจากมดลูกไม่หยุด จะเข้ามาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลกลาง ผมจึงไปหาอาจารย์อองที่โรงพยาบาลกลาง หมอก็ให้อาจารย์อองเข้าเป็นผู้ป่วยใน เข้ารักษาที่โรงพยาบาล เจออาจารย์อองตอนนั้นท่านปวดสะโพกมาก เป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้ลำบากมากในตอนนั้น ผมเห็นอาจารย์ปวดจนนั่งหรือยื่นแทบจะไม่ได้เลย ต้องนอนคว่ำถึงจะพอทุเลาอาการปวด ส่วนอาการเลือดออกที่มดลูกนั้น หมอกำลังวิเคราะห์อย่างเร่งด่วน จากวันนั้นผมก็ไปเยี่ยมอาจารย์อองเสมอๆ อาการอาจารย์อองก็ยังไม่ดีขึ้น และเริ่มกินได้น้อยลงเรื่อยๆทำให้ผอมลงไปมาก แต่พออาจารย์อองเจอผมก็ยังพยายามฝืนพูดคุยอย่างอารมณ์ดี ตอนต้นพ.ค ผมไปลาอาจารย์บอกจะไปแม่ฮ่องสอนซักอาทิตย์ อาจารย์อองยังบอกว่านาอิจฉานะที่ได้ไปที่อากาศดีๆ ผมยังบอกอาจารย์อองเลยว่า หายเร็วๆนะสิ้นปีไปแม่ฮ่องสอนกัน ตอนนั้นได้รับข่าวร้ายเพิ่มเติมแล้วว่า ตรวจพบมะเร็งในกระดูกและอีกหลายส่วนในตัวอาจารย์ออง ข่าวนี้สร้างความกังวลใจให้กับลูกศิษย์ของอาจารย์อองทุกคน มีลูกศิษย์มาเยี่ยมอาจารย์อองจำนวนมากมาย จนต้องงดเยี่ยมอาจารย์อองฝากบอกว่า ขอบใจทุกคนที่มาเยี่ยมครูแต่ครูไม่อยากให้พวกเราเห็นครูในสภาพนี้ พอเข้าปลายเดือน พ.ค 51 ก็ตัดสินใจย้ายจากโรงพยาบาลกลาง มายังโรงพยาบาลวชิระ เพื่อเข้ารับการรักษามะเร็งในระยะสุดท้าย อาจารย์อองฉายแสงไป 2 ครั้ง อาการก็ยังไม่ดีขึ้น กินอาหารได้น้อยมาก ทำให้อาจารย์อองผอมลงอย่างน่าใจหาย ผมยอมรับเลยว่า หลังๆผมไปเยี่ยมอาจารย์ออง ผมจะนั่งอยู่ข้างนอก ไม่อยากเข้าไปพบอาจารย์อองในสภาพนี้เลยจริงๆ จนคืนวันที่ 9 ส.ค 51 ผมก็ได้เข้าไปพบอาจารย์อองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่อาจารย์อองจะจากไปในเช้าวันที่ 10 ส.ค 51 นับเป็นการศูนย์เสียครั้งใหญ่อีกครั้งสำหรับชาวเทพศิรินทร์ อาจารย์อองจากพวกเราไปก่อนเวลาอันควร ทิ้งไว้เพียงความทรงจำ ความอาลัยอาวรณ์ ซาบซึ้งในบุญคุณ ตลอดจนการรำลึกถึงความดีที่อาจารย์อองได้ทำไว้ให้เราชาวเทพศิรินทร์อย่างหาที่เปรียบมิได้ อาจารย์อองเป็นอาจารย์ที่เราชาวเขียว-เหลือง ยอมรับว่าไม่ใช่เป็นเพียงอาจารย์ที่ได้รับหน้าที่มาสอนที่โรงเรียนนี้เท่านั้น แต่ยังมีสายเลือดและความเป็นลูกแม่รำเพยอย่างเปี่ยมล้น ....ขอแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้ง แด่ อาจารย์ สุฌาณี แก้วบรรดิษฐ์ 10 ส.ค 51




 

Create Date : 10 สิงหาคม 2551   
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2561 22:12:48 น.   
Counter : 820 Pageviews.  
space
space
1  2  3  4  5  6  7  

k.j
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]






space
space
[Add k.j's blog to your web]
space
space
space
space
space