|
ฟุตบอลในวัยเด็กกับยอดคน(ที่ผมรู้จัก)ภาคสอง |
|
ตอนที่แล้วพูดถึงทีมฟุตบอลของผมในช่วงม.1-2 พอขึ้นม.3เราก็สลายทีมไปตามแผนที่ตั้งใว้ เพราะเรารู้ว่าขึ้นม.3 เราต้องแยกห้องกันตามเกรดเฉลี่ยและม.3เป็นปีที่สำคัญบางคนต้องไปสอบเตรียมอุดม สอบชิงทุนต่างๆ คนที่เกรดไม่ค่อยดีแต่เดิมก็ต้องพยายามขยันเพื่อให้ได้เรียนต่อ เราจึงเพลาๆเรื่องกีฬาลงไป พอจบม.3 ผมก็ไม่ได้ไปไหนอยู่เรียนสายวิทย์ที่เทพศิรินทร์ต่อ ผมอยู่ห้อง4 มีเพื่อนห้องเดิมมาอยู่ด้วยไม่มาก เพราะส่วนใหญ่อยู่ห้อง5 พอเริ่มคุ้นๆกับเพื่อนๆเราก็มาตั้งทีมฟุตบอลกันใหม่ชื่อนฤมิตรเหมือนเดิม วางแผนว่าจะรวมกัน2ปีเช่นเดิมโดยผมตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าทีมเช่นเดิม และเริ่มหาตัวนักบอลต่างๆโดยเน้นเพื่อนร่วมห้องก่อน หาไปหามาหาได้เพียง 15 คนเท่านั้นเพราะไม่ครบ 22 คนเลยต้องมีการดึงตัวเพื่อนๆห้องอื่นมาเสริมในตำแหน่งที่ขาดและได้พี่เพื่อนมาร่วมทีมด้วย 1 คน จนครบ 22 คน จากนั้นเราก็ประชุมทำความเข้าใจ วางกฏระเบียบในการฝึกซ้อมและตารางซ้อมจนเป็นที่ยอมรับของทุกคน ใครมีอะไรขัดข้องก็ว่ากันให้จบก่อนลงเรือลำเดียวกัน ซึ่งยากกว่าตอนม.ต้นมากเพราะม.4 พวกเราเริ่มโตเป็นวัยรุ่น แต่ละคนมีความคิดแตกต่างกันออกไป บางคนเริ่มคบเพื่อนในสภาพแวดล้อมที่เกินวัยไปนิด การจะพูดให้เข้าใจและยอมรับกติกาที่คนส่วนใหญเห็นด้วยต้องใช้ความอดทนและจิตตวิทยาพอควร ในที่สุดเราก็สร้างกติกาและทำให้ทุกคนยอมรับกับกฎต่างๆเช่น 1สัปดาห์ทุกคนต้องวิ่งรอบโบสถ์อย่างน้อย 3 วันๆละ10 รอบ มีคนคอยจดสถิติ ต้องเล่นบอลพลาสติกตอนเย็นด้วยกันอย่างน้อย 3 วันใน 5 วัน ต้องมาประชุมแผนตอนเย็นอาทิตย์ละ 1 วัน และ 1 เดือนต้องไปซ้อมทีมที่สนามกีฬาหัวหมากวันอาทิตย์อย่างน้อย 3 อาทิตย์ ทุกคนต้องทำตามกติกานี้อย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอ เพื่อความฟิตและมีความพร้อมสำหรับการแข่งขัน ดูโหดๆอยู่เหมือนกันแต่ทุกคนก็ทำได้ไม่ว่าเด็กเรียนหรือเพื่อนบางคนที่ออกนอกทางไปบ้าง ทุกคนทำตามกฏได้อย่างสม่ำเสมอ ชีวิตส่วนตัวเป็นไงไม่สำคัญแต่ถึงเวลาเข้าทีมทุกคนต้องพร้อม แรงจูงใจที่สำคัญที่สุดคือ...ทุกคนอยากเล่น...ทีมชุดนี้เราตัดเสื้อทีมเหมือนทีมชาติเยอรมันในสมัยนั้น สวยดีครับเสียดายหารูปไม่เจอไม่รู้ไปไหนหมด เราร่วมซ้อม ร่วมเล่น ร่วมแข่งด้วยกันแบบนี้ตลอด 2 ปี แข่งเยอะมากในโรงเรียนไม่เท่าไหร่ ส่วนมากจะนัดห้องอื่นๆทั้งม4-6 แข่งกันเองนอกรอบที่สนามกีฬาหัวหมาก ซึ่งมีสนามฟุตบอลถึง 6 สนาม ผลการแข่งขันอย่าไปพูดถึงไม่สำคัญเท่าไหร่แต่ที่น่าจดจำคือยอดคนต่างๆที่ผมได้รู้จักและจดจำมาถึงทุกวันนี้... เพื่อนพระ...พระเป็นคนที่ผมพูดถึงเป็นคนแรก พระเป็นเด็กสายวิทย์แต่เป็นตัวแทนตอบปัญหาธรรมมะมือหนึ่งของเทพศิรินทร์ เคยได้ที่หนึ่งของประเทศไทยด้วย เพื่อนๆและอาจารย์งงกันเป็นแถวๆ เพราะพระไม่ได้แสดงอะไรให้เห็นว่าเป็นคนอยู่ในศิลธรรมเลย พระชอบกวนอาจารย์ คบเพื่อนกลุ่มซนๆมีหนังสือทุกประเภทให้เพื่อนๆยืมเสมอ แต่ตอบปัญหาธรรมมะทีไรชนะเลิศทุกทีเพื่อนๆงง พระเล่นฟุตบอลในตำแหน่งปีกขวา มีความใวและเล่นบอลฉลาด ดูกวนๆไม่ค่อยเอาเรื่องแต่จริงๆแล้วแฝงความคมใว้ในตัวมากมาย พระเป็นที่ปรึกษาที่ดีพูดอะไรตรงไปตรงมา กล้าแสดงความคิดเห็นบางทีก็ดูจริงจังบางทีก็ขี้เล่น พระขี้เกียจซ้อมหาเรื่องโดดไม่วิ่งรอบโบสถ์ประจำแต่ก็วิ่งครบตามกฏ แต่ถ้าให้เลือกไม่วิ่งได้ก็ไม่วิ่ง แต่ให้วิ่งก็วิ่งได้ไม่ต้องคอยจี้เพราะพระไม่ชอบทำเองได้ แต่เลือกไม่ทำได้ก็ไม่ทำ พระกวนอาจารย์และผู้อื่นได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายพอๆกับการซ้อมและเล่นฟุตบอล คนไม่รู้จักจะว่าพระเป็นคนกวน(ตีน) แต่ลึกๆแล้วพระมีดีอยู่ในตัวเสมอแต่ต้องดูดีๆ พอจบม.6 ด้วยการเรียนวิทย์เพราะตามใจพ่อ พระเลยสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ พระตัดสินใจเรียนนิติราม ตามที่ตัวเองชอบเพราะพระชอบท่องถึงตอบปัญหาธรรมมะเก่งไง พระเรียนนิติราม 3 ปีครึ่งจบ สอยเนติฯได้ในปีถัดมา และอีกปีก็สอบเป็นผู้พิพากษาได้ กลายเป็นผู้พิพากษาที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย นี้แหละเพื่อนพระที่ผมว่ามีดีอยู่ในตัวเสมอ... เพื่อนกือ...กือเป็นนักบอลที่มีปัญหาที่สุดเพราะขาดซ้อมบ่อย แต่กือก็มีเหตุผลที่ต้องขาดซ้อมคือ กือต้องขี่รถขายซาลาเปาในวันหยุด บ้านกือยากจนกือต้องหาเงินเรียนและช่วยที่บ้านด้วย กือเลยไม่ค่อยได้ซ้อมและมาเรียนไม่ค่อยทัน แต่ถึงกือจะยากจนแต่กือก็ไม่ใช่เด็กเรียบร้อยเลย กือคบเพื่อนกลุ่มซนๆสนุกสนามไปวันๆ แต่กือเป็นคนฉลาด มีไหวพริบรู้จักพูดและเพื่อนๆรัก ขนาดรู้ทั้งรู้ว่าโดนกือหลอกแต่เพื่อนๆก็เต็มใจให้หลอก กือเรียนเก่งแต่เก็บเงียบภายนอกดูไม่สนใจเรียนแต่กือซุ้มตลอด กือลอกการบ้านเพื่อนให้เพื่อนติวให้แต่สอบทีไรกือได้คะแนนต้นๆเสมอ ในทีมบอลกือเล่นตำแหน่งศูนย์หน้าผมไม่ค่อยชอบกือนัก เพราะกือขาดซ้อมบ่อยเพื่อนๆดูออกและมักช่วยพูดแก้ตัวให้กือเสมอ กือไม่ค่อยได้ซ้อมแต่ก็แสดงความตั้งใจที่จะร่วมเล่น ได้เล่นทีไรกือเล่นได้ดีและปรับตัวเก่ง กือมีความเร็วเป็นเลิศ แทงบอลไปข้างหน้ากือวิ่งแซงกองหลังทีมคู่แข่งเป็นประจำ จนบางครั้งกือวิ่งแซงบอลก็ยังเคย กือจึงเป็นศูนย์หน้าที่เร็วที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น กือเป็นคนหน้ากลัวยิ้มๆหน้าตาหล่อเหลาและแฝงใว้ด้วยอะไรก็ไม่รู้ แต่เพื่อนๆก็รักกือเพราะกือมีมนุษย์สัมพันธ์ดีเข้าได้กับทุกคน จบม.6 กือก็แสดงความเก่งให้เห็นสอบเข้าวิศวฯ จุฬาได้ จบ 4 ปีกือก็เรียนโทด้วยทุนของวิทยาลัยมหานครต่อ และเป็นอาจารย์สอน2ปีกือก็ไปต่อด๊อกเตอร์ด้วยทุนของมหานครต่อ กือเป็นด๊อกเตอร์ตอนอายุ20 กว่าๆเองปัจจุบันกือเป็นอาจารย์อยู่มหานคร ครอบครัวมีความเป็นอยู่ดีขึ้นกันถ้วนหน้า นี้คือเพื่อนกืออันแสนจะน่ากลัวของผม... เพื่อนยักษ์...ยักษ์เป็นกลางหลังตัวหลักของผมต่อจากอาโน ยักษ์มีระเบียบวินัยเคร่งครัดต่อหน้าที่ ขยันซ้อม เป็นคนนิสัยดีมากๆเป็นที่รักของเพื่อนๆทุกคน ยักษ์เป็นกองหลังตัวหลักที่เล่นบอลได้ดีและวางใจได้ แต่ด้วยนิสัยที่ดีมากๆของยักษ์ทำให้ยักษ์ขาดความโหดแบบอาโน เล่นบอลขี้เกรงใจกลัวกองหน้าทีมอื่นๆเจ็บยักษ์ไม่เคยเข้าบอลแรงๆและไม่โหด แต่ด้วยความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ยักษ์ก็ไม่ค่อยให้ใครเข้าไปยิงประตูทีมเราง่ายๆ ยักษ์หยุดกองหน้าและเป็นที่อุ่นใจของเพื่อนๆร่วมทีมเสมอเวลาอยู่ในสนาม ส่วนนอกสนามยักษ์ก็เป็นคนใจดี เป็นพี่ๆของเพื่อนๆที่ซนๆและซ่าๆ ยักษ์คอยตักเตือนเพื่อนๆเสมอ แต่ไม่เคยว่าเพื่อนแรงๆยักษ์ได้แต่บ่นเพราะกลัวเพื่อนจะเสียใจ ยักษ์เป็นตัวอย่างของคนดีคือดี สุภาพ คิดแต่สิ่งดีๆมีความจริงใจให้ทุกคน แต่ไม่โง่และไม่ซื่อบื้อ ทันคนมีความคิดความอ่าน และทันสมัย ยักษ์จบม5ก็สอบเทียบได้แล้วสอบติดวิศวฯบางมด ผมบองยักษ์ว่าอย่าเอาเลยปีหน้าได้จุฬาแน่นอน ยักษ์บอกที่บ้านรอยักษ์จบวิศวฯแล้วกลับไปช่วยงานที่บ้าน พี่ๆยอมเสียสละเรียนน้อยแล้วทำงาน แต่ให้ยักษ์ได้เรียนสูงๆ ยักษ์ต้องรีบจบเพื่อไปช่วยงานพี่ๆ เรียนวิศวฯที่ไหนก็เหมือนกันอยู่ที่ตัวเรามากกว่า ผมฟังแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะพูดไม่ออก... เพื่อนเบี้ยว....เบี้ยวเป็นเด็กเรียนเก่งนิสัยดีใจเย็นยิ้มตลอด ให้เพื่อนลอกการบ้านและคอยติวฟิสิกส์ เคมี เลขฯให้เพื่อนๆเป็นประจำ เบี้ยวไม่ได้ชอบเล่นบอลมากนักแต่และก็เล่นไม่ค่อยเก่งแต่เดิม แต่พอได้รับหน้าที่ให้เล่นกองกลางเบี้ยวก็เริ่มฝึกฝน และพัฒนาตนเองตามแบบฉบับความเก่งของเบี้ยว ฝึกหนัก อดทน ขยันศึกษาวิธีการเล่น เบี้ยวเล่นบอลเหมือนเรียนหนังสือคือทุ่มเทให้กับทุกอย่างอย่างเต็มที่ หุ่นเบี้ยวไม่ดีตัวเล็กแต่ฟิตและขยัน เล่นๆไปก็ฉลาดขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นตัวจริงที่เพื่อนๆให้การยอมรับ เบี้ยวทำทุกอย่างตามตำรา เล่นการเมืองไม่เป็นไม่ค่อยมีเลห์เหลี่ยม ทำอะไรตรงไปตรงมาเวลาเล่นบอลหรือชีวิตประจำวันก็เป็นแบบนั้นคือตรงไปตรงมาตลอด และไม่ค่อยพลิกแพลงซึ่งเป็นจุดด้อยของเบี้ยวในสายตาคนโฉดๆอย่างผม เบี้ยวจบม6ก็สอบเข้าวิศวฯลาดกระบังได้ เบี้ยวก็เรียนเก่งเหมือนเดิมแต่ผมเป็นห่วงความตรงไปตรงมาของเบี้ยว ไม่รู้ในอนาคตมันจะมีผลเสียต่อตัวเบี้ยวหรือเปล่า แต่เบี้ยวเป็นคนดีจริงๆอีกคนที่ผมรู้จัก
Create Date : 01 กันยายน 2548 |
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2561 22:01:24 น. |
|
1 comments
|
Counter : 792 Pageviews. |
|
|
|
โดย: aaa IP: 61.149.126.182 วันที่: 31 กรกฎาคม 2549 เวลา:2:57:36 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|