space
space
space
space

ผมเป็นศิลปิน


ผมเป็นศิลปิน    ผมไม่เคยเข้าใจตัวเองเลยว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นคนแบบไหน มีนิสัยยังไง มีอารมณ์ในแต่ละความรู้สึกและแสดงออกมาอย่างไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร มีความรู้สึกโกรธเกลียดหรือเปล่า ทุกๆส่วนในตัวผมรวมทั้งอารมณ์การแสดงออก ล้วนไม่สามารถควบคุมหรือทำให้มันเป็นระบบระเบียบได้ ผมเหมือนไม่มีความคงที่ทางอารมณ์ ไม่มีแบบอย่างที่ตายตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง...
   ลายมือผมเป็นไก่เขี่ยเหมือนลายมือเด็กปัญญาอ่อน สะกดก็ผิดๆถูกๆเป็นมาตั้งแต่เด็ก คุณครูพยายามแก้ไขผม ให้คัดลายมือมาตั้งแต่เด็กขนาดป.5-6 แล้วยังบังคับให้ผมคัดไทยอยู่เลย และให้เขียนไทยทุกวันๆละ20 คำ เขียนผิดแก้ตัวละ 20 สมุดปกแข็งผมใช้ไม่กี่วันก็หมด หมดไปกับการแก้ จนผมจบป.6 ก็ยังแก้ไม่สำเร็จทั้งลายมือและการเขียนผิด จนคุณครูอ่อนใจ แต่ผมดันมาอยากเขียนเล่าเรื่องต่างๆ จะเขียนทีไรผมไม่เคยวางโครงเรื่อง หรือทำบทย่อ หรือวางจุดหลักจุดเสริม หรือหาบทเสริมให้เรื่องมันน่าสนใจเลย และไม่กำหนดจำนวนอักษร ผมนึกได้ขึ้นมาบางทีนั่งอึอยู่ บางทีเดินอยู่ บางทีนอนอยู่ บางทีนั่งรถเมล์อยู่ นึกขึ้นมาได้เล่าให้ตัวเองฟัง แล้วกลับมาก็นั่งเขียนหน้าจอเลย เขียนตามอารมณ์ ณ ขณะที่เขียนตอนนั้นมีความรู้สึก มีอารมณ์อย่างไร มีสภาพร่างกายอย่างไรก็เขียนไปตามนั้น อย่างเรื่องนี้ผมเขียนในเช้าวันนี้ วันที่ผมอยู่ในอารมณ์เศร้าปนเหงา ฟังเพลงมาตั้งแต่เมื่อคืนต่อถึงเช้านี้ลุกขึ้นมาฟังต่อ และนึกอยากเขียนขึ้นมา ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ พอเขียนเสร็จนั่งอ่านที่ตัวเองเขียน ผมจะรู้สึกชอบและรักที่จะอ่านมันมาก ผ่านไปหลายเดือนกลับมาอ่านใหม่ ผมก็ยังตั้งใจอ่านมันทุกตัวอักษร ทั้งๆที่ผมเขียนมันเอง แต่กลับอ่านมันเหมือนไม่เคยอ่านมันมาก่อน ผมไม่เคยเรียนการเขียนไม่ใช่นักเขียนและไม่อยากเป็นนักเขียน ผมเขียนทุกอย่างด้วยอารมณ์ความรู้สึกของผม ใช้ใจเป็นตัวกำหนดคำทุกคำประโยคทุกประโยค ผมไม่ได้อยากขียนให้ใครอ่าน ผมเพียงแต่อยากเขียนและชอบที่ตัวเองชอบอ่านและเก็บไว้อ่านเอง ส่วนใครที่เข้ามาอ่านเรื่องไร้สาระต่างๆของผม ก็ขอได้อย่าตำนิความไม่ได้เรื่องของสำนวณ หรือ โครงเรื่องเลยนะครับ เพราะผมตั้งใจเขียนไว้อ่านคนเดียวครับ
    ผมเป็นคนชอบฟังเพลงไทยสากลมากๆ ผมฟังมาตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กๆซื้อเทปเพลงเต็มบ้านไปหมด ผมยอมอดข้าวเที่ยง 3 วันเพื่อเอาเงินไปซื้อเทป พอมี mp 3 ผมซื้อตั้งแต่แผนละ 600 บาท จนตอนนี้แผนละไม่กี่บาท ผมมีเก็บไว้เกือบครบทุกเดือนกว่า 12-15 ปี ผมฟังเพลงแบบรักที่จะฟังและมีอารมณ์ร่วมไปกับเพลง ผมจะแยกmp3ที่ผมชอบมารวมกันในซีดีต่างหาก แล้วแยกย่อยเป็นเพลงรักกับเพลงเศร้า แล้วก็ค่อยๆคัดเพลงรักที่มีดนตรีและอารมณ์คล้ายๆกันมาทำเป็นซีดีเพลงเอาไว้ฟังอีกที เพลงเศร้าก็คล้ายๆกันผมจะแยกความเศร้าในแต่ละประเภทเข้าไว้ด้วยกัน แล้วเรียงลำดับอารมณ์และดนตรีเพื่อทำออกมาเป็นซีดี ที่ผมทำทั้งหมดนั้นล้วนเอาไว้ฟังเองเท่านั้น และทุกชุดจะมีเพียง 1 แผนเท่านั้น มันจึงเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับผม เพราะในโลกนี้มีเพียงแผ่นเดียว ผมเคยลืมไว้ที่เกาะมันนอก 2 แผ่น ผมยอมขับรถกลับไปท่าเรือเพื่อรอเรือเอาซีดีกลับมาให้ผม 2แผนนั้นผมรักมากมันเป็นเพลงรักที่ผมทำเพื่อบอกความในใจ ให้นางอันเป็นที่รักของผม ทำใหม่ผมจำอารมณ์หรือการเรียงอันดับเพลงไม่ถูกแล้ว ผมไม่เคยมีกำหนดการแน่นอน ว่าจะทำซีดีช่วงไหน เวลาใดทุกอย่างขึ้นอยู่อารมณ์และความอยากของผมทั้งสิ้น ช่วงไม่มีอารมณ์ผมไม่แม้จะมองมันเลย ช่วงอยากทำตกพื้นซักแผ่นผมยังใจหายเลย กลัวมันแตก ผมใช้ใจทำทุกแผ่นทำเสร็จมานั่งฟังผมจะชอบมากมันวิเศษและดีที่สุดในสายตาผม อีกกี่เดือนเอามาฟังใหม่ ผมก็ยังสามารถปลื้ม หรือร้องไห้ไปมันมันได้ แต่มีเรื่องไม่น่าเชื่ออย่างหนึ่งคือผมเป็นคนร้องเพลงไม่เป็น ไม่ชอบร้องเพลงเอามากๆ ไม่เคยร้องคาราโอเกะ ไม่เคยร้องเพลงเวลาไปงานอะไรทั้งสิ้น ไม่เคยร้องเพลงให้ใครฟัง ขนาดตอนม.3 โดนบังคับให้ร้องเพลงผมยังยอมโดนหักคะแนนแต่ไม่ยอมออกไปยืนร้องหน้าห้อง เสียงผมอุบาทมากมาย ร้องไม่เคยเป็นเพลงซักเพลง และเรื่องแปลกสุดๆคือ ขนาดเพลงที่ผมชอบมากๆฟังมาไม่ต่ำกว่า100-200 เที่ยวฟังซ้ำๆทั้งคืนก็มี แต่ผมจำเนื้อเพลงไม่ได้เลย ผมไม่เคยจำขึ้นใจแบบเต็มเพลงได้เลยแม้แต่เพลงเดียว ไม่สามารถท่องจำเนื้อเพลงแล้วร้องหรืออ่านเนื้อเพลงได้ในใจเลยแม้แต่เพลงเดียว ขนาดเพลงที่ชอบที่สุดอย่างรักนิรันดรของภูสมิง หน่อสวรรค์ ผมยังจำเนื้อเพลงได้แค่บางประโยคไม่เคยจำได้เต็มเพลงเลย อาจเป็นเพราะเวลาฟังผมใช้ใจฟัง ฟังไปตามอารมณ์ ฟังแล้วเหมือนเข้าไปล่องลอยอยู่ในบทเพลง ไม่ได้สนใจคนร้อง เนื้อเพลง หรือไม่ได้อยากร้องเพลงเพียงแต่อยากมีอารมณ์ร่วมกับประเด็นต่างๆในเพลงก็เท่านั้น
     ผมไม่ชอบวาดรูปผมเกลียดเอามากๆตอนเด็กๆเรียนทัศนศิลป์ผมให้เพื่อนทำให้ทุกงาน ไม่เคยวาดเองได้เลยซักรูป เคยลองวาดแล้วสุดห่วยเลย แต่ผมเป็นคนชอบดูภาพเขียนสีน้ำมัน ตอนไปบาหลีทั้งสองครั้ง ผมหลงใหลเกลอรี่ภาพวาดสีน้ำมันของศิลปินต่างๆที่บาหลีมาก ผมจะเข้าไปยืนดู นั่งดูและซึมซับเรื่องราวต่างๆในภาพ เก็บทุกรายละเอียด ถ้าไม่มีใครมายุ่งกับผม ผมอยู่เกลอรี่แห่งหนึ่งได้เป็นวันๆเลย
     ผมไม่เคยเรียนหรือศึกษาการถ่ายรูป กล้องที่ผมใช้ก็ราคาไม่ถึงหมื่น ไม่ใช่รุ่นใหม่ซื้อตอนลดราคา เวลาผมไปเที่ยวก็เลือกใช้ความละเอียดต่ำๆเพื่อประหยัดหน่วยความจำ ไม่คิดจะไปอัดอยู่แล้วถ่ายมาสะสมในคอมเท่านั้น เวลาผมไปเที่ยวผมจะถ่ายรูป 2 แบบคือถ่ายสถานที่และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสถานที่นั้นๆ ถ่ายแบบเก็บรายละเอียดไม่เน้นสวยงาม อีกแบบคือถ่ายภาพในมุมหรือลักษณะต่างๆที่ผมชอบและอยากถ่าย เช่นภาพด้านหลังของผู้หญิงสวยๆในสถานที่ต่างๆ มีคนว่าผมโรคจิต ชอบถ่ายหลังผู้หญิง แต่เปล่าเลยผมเพียงแต่คิดว่าผู้หญิงสวยๆกับสถานที่งามๆมันเป็นของคู่กัน เข้าคู่กันได้อย่างลงตัว ผมไม่ได้ทำให้เธอเสียหายด้วย มีเพียงด้านหลังที่สุภาพไม่มีอะไรวาบหวิว ผมหลีกเลี่ยงมุมต่างๆที่ทำให้คนในภาพเสียหาย เพียงแต่ขอภาพที่ลงตัวไว้ดูก็เท่านั้น ไม่มีคิดเป็นอื่นขนาดบางครั้งเธอมาคนเดียว เข้าไปคุยได้เลย ผมก็ใช่ว่าจะคุยกับใครไม่เป็น แต่ผมก็ไม่เคยทำตัวแบบนั้นเลย ถ่ายรูปแล้วก็แล้วๆกันไป มุมอื่นๆของผมก็ล้วนแล้วแต่มาจากความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองทั้งสิ้น ผมถ่ายแล้วมานั่งดูก็รู้สึกชอบทุกรูปรักทุกมุมที่ผมถ่าย
     งานที่ผมทำหาเลี้ยงชีพอยู่ทุกวันนี้ก็เหมือนๆกัน ผมไม่ได้อยากทำเพราะมันต้องทำหรือเพราะมันรายได้ดี ผมเริ่มต้นทำมันเพราะผมคิดว่า ผมเหมาะและรักที่จะทำ ผมรักที่จะทำมันและใช้ใจทำในทุกๆรายละเอียดของงาน ผมไม่มีการเตรียมหรือกำหนดแผนงาน หรือบางเป้าหมายให้แน่นอนในแต่ละงาน ผมจะเข้าไปสัมผัสกับพวกเราที่ผมต้องทำงานด้วย เข้าไปรับรู้ความเป็นตัวตนของทุกคน แล้วค่อยทำงานของผมไปตามที่ผมเห็นว่าเหมาะสำหรับแต่ละคน มันไม่มีวิธีหรือหลักการตายตัว ทุกกลุ่มงานต้องปรับให้เข้ากับพวกเขา แต่ละคนก็มีปัญหา มีจุดต้องปรับปรุง จุดต้องเน้นต่างกัน วิธีการที่จะใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายก็ต้องมีวิธีต่างๆกันไปตามแต่ละคน ผมจะพยายามเข้าให้ถึงแก่นลึกของแต่ละคน เข้าไปให้ลึกที่สุดแล้วมองออกมาข้างนอก แล้วนึกว่าเขามีลักษณะอย่างไร คิดและทำอะไรได้แค่ไหน และอะไรที่เหมาะสมสำหรับเขา แล้วผมจะทำงานของผมในแบบที่เขาคิด เขาทำ ไม่ใช่ผมคิดผมทำ ผมไม่เคยวางแผนหรือเตรียมเครื่องมือต่างๆที่ต้องใช้ทำงานไว้ล่วงหน้าเลย ผมจะทำไปเตรียมไป คิดไป ปรับไป ขนาดงานเดียวกันแต่ทำกับคนละกลุ่มคน ผมยังทำมันออกมาไม่เหมือนกันเลย เพียงแต่ทั้งสองงานมันสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี วิธีการต่างกันไปตามกลุ่มคนแต่บรรลุเป้าหมายเดียวกัน แต่การทำงานแบบนี้ของผมมันไม่ง่ายเลย ผมต้องศึกษากลุ่มคนที่ร่วมงาน เข้าใจความเป็นตัวตนของทุกคน วางแผนสดๆ แล้วเลือกใช้เครื่องมือและวิธีการ เพื่อทำให้งานนั้นๆสำเร็จตามเป้าหมาย ต้องใช้จิตใจและสมอง สายตา ไหวพริบ และสิ่งสำคัญที่สุดคือใจ ผมทำมันได้ดีในทุกวันนี้เพราะผมรักที่จะทำมันมาก ไม่ว่าผมจะอยู่ในอารมณ์ไหนผมก็ยังแยกออก และเมื่อไหร่ที่ผมทำงานผมจะรักมันและอยากทำมันให้ดีที่สุด โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่มีอะไรสำคัญกว่ากลุ่มคนตรงหน้าผม ผมรักพวกเขาและทุ่มเทชีวิตจิตใจทำเพื่อพวกเขา และอยู่ข้างในพวกเขาทุกคนจนกว่างานจะบรรลุ  ทุกอย่างใช้ใจทำล้วนๆเงินทองมันเป็นผลพลอยได้ เป็นเพียงเปลือกนอกถ้าผมเห็นมันสำคัญกว่าใจผม ก็ไปทำอย่างอื่นนานแล้วได้เงินเยอะกว่ามากมาย แต่ผมกลับเลือกทำในสิ่งที่ผมรัก และรักที่จะทำมัน



Create Date : 26 มิถุนายน 2549
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2561 22:09:11 น. 2 comments
Counter : 775 Pageviews.

 


โดย: FaRaWaYGiRL วันที่: 26 มิถุนายน 2549 เวลา:12:43:50 น.  

 
สวัสดีค่ะ ชอบเข้ามาดูรูปค่ะ ถ่ายได้สวยงามค่ะ
ละเอียดทุกขั้นตอน เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยค่ะ
ขอบคุณน่ะค่ะ



โดย: rayasuree (Jeab) (rayasuree ) วันที่: 1 ธันวาคม 2549 เวลา:23:17:34 น.  

k.j
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]






space
space
[Add k.j's blog to your web]
space
space
space
space
space