*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 
Too Far Enigmatic To Fathom: “เข้าใจยาก เหี้ย เหี้ย”

ผมชอบระบายความเครียดด้วยการเขียนอะไรสักอย่าง เขียนไปเรื่อยเปื่อย ไร้สาระบ้าง มีสาระบ้าง แต่วันนี้ อยากทำตัวเป็นคนแก่ระบายความในใจ เกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กสมัยใหม่ ซะหน่อย ผมจึงตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า “Too Far Enigmatic To Fathom” ขออนุญาต แปลเป็นไทย ตามต้นฉบับของผมว่า “แม่ง ! เข้าใจยาก เหี้ย เหี้ย” ครับ




ปีก่อน (๒๐๐๓) ผมได้เดินทางมาสหรัฐฯ โดยได้รับความช่วยเหลือและน้ำใจจากหลาย ๆ คนที่ Indiana University – Bloomington เช่น ดร. ภูมิ, คุณออม, คุณติ๊ก, คุณพลอย, คุณใหม่ ฯลฯ หลายคนได้แนะนำการเดินทาง คุณพลอย และคุณใหม่ฯ แค่คุยกันว่าจะมาถึง Bloomington วันเวลาที่เท่าใด ทางอีเมลล์ฯ เขาทั้งสองคน มารอรับที่ Indiana Memorial Union (IMU) โดยไม่ได้ร้องขอสักนิดเดียว ผมยังซึ้งน้ำใจของเขาไม่หายเลย

ขณะที่เรียนที่ IUB ก็ได้รับน้ำใจงาม ๆ จากอีกหลายท่าน ไม่ว่าคุณกู๊ด (เลขานุการ นายกรัฐมนตรี) คุณโอ๊ตฯ พี่แซม คุณโต คุณเอ้ ฯลฯ โดยเฉพาะ เมื่อยามเจ็บป่วย อาหารเป็นพิษ อาเจียนและอุจาระเป็นเลือด ก็ได้พวกเขานี่แหละ ช่วยเหลือฯ ด้วยเหตุที่ได้รับน้ำใจงาม ๆ ของหลายคน เมื่อมีสิ่งใดที่ผมช่วยเหลือได้โดยเฉพาะในเรื่องการเรียน การติวกัน การทำชี้ท ฯลฯ ซึ่งผมได้ทำมาโดยตลอดตั้งแต่สมัยไหน ๆ ก็เรียกกลุ่มนักเรียนไทย มานั่งและก็ลงมือติวกันอย่างเต็มที่ ก่อนสอบ บางวิชา ถึงกับทำชี้ทแจกจ่ายทั้งภาคภาษาไทยและภาคภาษาอังกฤษ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนเข้าใจเนื้อหาวิชาเหล่านั้นจริง ๆ โดยเฉพาะวิชา Torts และ Constitutional Law ของสหรัฐฯ ที่ผมชอบเป็นพิเศษ ซึ่งผมทำไปด้วยความสุขใจของผม ที่เห็นคนสอบผ่านและทำได้คะแนนดี นักเรียนไทย จึงได้คะแนนยอดเยี่ยมกันหลายคนในช่วงนั้นฯ เพราะช่วยกันเรียนนี่แหละครับ

อย่างไรก็ตาม ก็มีบางท่านเหมือนกันที่ทำตัว Fake เพราะอยากได้ประโยชน์บางสิ่งบางอย่างเท่านั้น ซึ่งผมก็ไม่อยากจะนึกถึงในทางที่ไม่ดีของเขา เพราะมันทำให้ผมเองไม่สบายใจไปด้วย แต่วันนี้ ผมชักเริ่มอึดอัดกับพฤติกรรมบางอย่างที่ผม ทนไม่ได้(วะ) จึงมาเขียนระบายให้มันคลายความอัดอั้นตันใจของผมสักเล็กน้อย ผมสาบานกับตนเองว่า เมื่อเขียนระบายเสร็จแล้ว ผมจะไม่โกรธพวกเขาอีก

เรื่องแรก คือ ทาง UIUC College of Law ได้ให้ E-mail address ของกระผม แก่นักเรียนที่จะมาใหม่ไปหลายท่าน น้อง ๆ หลายท่าน ก็ติดต่อมายังผม ถามโน่นถามนี่ ฯลฯ ด้วยความเป็นผู้มาอยู่ใหม่ และได้รับน้ำใจจากพี่ ๆ มาก่อน จึงได้กระวีกระวาดตอบไปอย่างรวดเร็ว บางท่านวานให้ไปดูสถานที่พัก ฯลฯ ก็ไปอย่างเต็มใจ แล้วก็ตอบจดหมายอิเล็คทรอนิกส์กลับไปอย่างเร่งด่วน เพราะรู้ว่า คนที่จะมาอยู่ใหม่ ก็อาจจะกังวลหลายเรื่อง ผลลัพธ์ คือ “เงียบฉี่” ไม่มีวี่แวว อะไรเลย ไม่มีจดหมายตอบกลับใด ๆ ทั้งสิ้น

เอาละ ครั้งแรก ก็ไม่ว่าอะไร สักพักใหญ่ เธอก็มีจดหมายอิเล็คทรอนิกส์ กลับมาอีก ขอความช่วยเหลือ (ตามเคย) โดยคราวนี้แจ้งว่าจะมาถึงที่มหาวิทยาลัยเมื่อใด อยากจะหาที่พักชั่วคราวก่อนเข้าที่พักของตนเอง เนื่องจาก ยังไม่ถึงกำหนดวันที่ระบุไว้ตามสัญญา ไอ้ตัวกระผม ก็ไม่เข็ด กระวีกระวาด บากหน้าไปขอความช่วยเหลือคนโน้นที คนนี้ที บอกว่า น้องมาใหม่ ต้องการ .... บลา บลา บลา...... หน้าด้านจริง ๆ ว่างั้นเหอะ หลังจากเรียบร้อย ก็อีเมลล์กลับไป เงียบเหมือนเดิม .... จึงได้สอบถามน้องที่เราไปร้องขอความช่วยเหลือ เธอก็บอกว่า ได้รับการติดต่อ พูดจากันรู้เรื่องแล้ว.....

ผมงง เลยฯ นี่มันเป็นวิถีของวัยรุ่นสมัยใหม่หรือ ใครทำอะไรให้ ไม่ต้องขอบคุณ ไม่มีแม้แต่จะตอบจดหมายกลับมาบอกว่า ได้รับข้อมูล ฯลฯ จากเราแล้ว ผมได้แต่สงสัย และถามกับตัวเองว่า ผมควรจะทำตามวิถีวัยรุ่น แบบเขาบ้างหรือไม่ ใครสอบถามอะไรมา ก็เงียบไปเลย เพราะวิถีวัยรุ่นสมัยนี้ มันเป็นอย่างนี้

อีกเรื่อง คือ เมื่อผมย้ายมาจากอินเดียนน่าใหม่ ๆ ก็มีน้อง ๆ ที่อินเดียนน่า ฯ ก็มาขอ Lecture ที่ผมทำเองบ้าง ไปขอจากเด็ก JD. บ้าง ในวิชาต่าง ๆ ผมก็ส่งให้ไปเรียบร้อย .... แน่นอนครับ ไม่มีเสียงวี่แววอะไรตอบกลับมาแม้แต่น้อยว่า “ขอบคุณ” ไม่มีจริง ๆ เล่นเอาผมอึ้ง (วะ) แต่ก็ไม่เป็นไร ก็ปล่อยไป ผมก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าน้องคนที่ขอ Lecture ผมไปเนี่ย เขาไม่ได้เฉพาะ Lecture ของผมนะครับ เขาได้ทั้ง เฟอร์นิเจอร์ โต๊ะทำงาน ฯลฯ เพราะผมไม่ได้ขนมาจากอินเดียนน่า มาอิลลินอยด้วย ผมก็ลืมไปจริง ๆ

เรื่องราวที่ผมนึกขึ้นมาได้ (แต่ไม่ใช่จะพูดบุญคุณอะไร แค่บ่นนะครับ) ก็ตอนคอมพิวเตอร์ ตัวเก่า ของผมมันพัง ข้อมูลไม่เหลือเลย ผมจึงอยากได้ Lecture ที่ผมทำไว้ และร้องขอให้น้องคนนั้น ส่งมาให้หน่อยทางอีเมลล์ ผมก็ร้องขอไปประมาณเกือบเดือน เงียบหายไปเลย จึงได้ร้องขอผ่านน้องอีกคนไป ..... เงียบไปพักใหญ่ ๆ ๆ ๆ ๆ เธอวานให้น้องอีกคน ส่งเมลล์ มาถามผมว่า “รีบหรือไม่” และฝากขอโทษในความล่าช้าฯ

ผมเลยตอบกลับไปว่า “การขอโทษ” นี่มันฝากทำกันได้ด้วยเหรอ ทำไม ผมแก่จะตาย(ห่า)อยู่แล้ว ผมไม่ยักจะรู้(วะ) ว่ามันขอโทษแทนกันได้ และอีกประการหนึ่ง ทำไม จึงถามว่า “รีบหรือเปล่า” ถ้ามันจะรีบร้อนอะไรเนี่ย “เวลามันผ่านมาเดือนเศษ ๆ เกือบสองเดือนแล้ว” มันจะยังมีคำว่า “รีบ” ได้อีกเหรอ สงสัย ผมคงไม่ได้เอกสารนั้นคืนมาแล้วละ

อันที่จริงยังมีหลายเรื่องนะครับ บางคนเนี่ย เวลาจะสอบฯ อยากให้เราติว อยากได้ชี้ท จากเรา พูดดี ทำดี ฯลฯ พอหมดประโยชน์ เขาบล๊อก MSN messenger เลย เขาคงกลัวผมจะไปร้องขอความช่วยเหลืออะไรจากเขากระมัง ผมอยากจะแฉฯ จริง ๆ ทว่า มันรังแต่จะทำให้จิตใจผมหมองมัวไปเปล่า ๆ ผมจึงเลิกคิด เพื่อนผมคนหนึ่ง เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ฯ ร้องขอให้ผมเขียนต้นฉบับส่งไปเป็นปีแล้ว ผมยังไม่มีเวลาจะทำให้ (ความจริง คือ ยังไม่คิดจะทำมากกว่า) แต่ตอนนี้ อาจจะมีการทบทวนกันใหม่




ตามสัญญาครับ ผมระบายเสร็จแล้ว ผมจะไม่โกรธพวกเขาอีก และที่สำคัญ ผมจะลืม.................................ผมจะยึดหลัก เวทนา สังขาร วิญญาณ ไม่นึก ไม่ระลึก เห็นมันเป็นเครื่องกระตุ้น “ผัสสะ” ของผมให้จิตใจเศร้าหมองอีกต่อไป





Create Date : 23 กรกฎาคม 2548
Last Update : 21 มิถุนายน 2553 8:22:31 น. 26 comments
Counter : 702 Pageviews.

 
น่าสงสารจัง โดนหาผลประโยชน์ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ตอนเรามาเรียนที่นี่ก็โดนเหมือนกันละ ตอนย้ายมาจาก เทนเนสซี่ มาสู่ ซานดิเอโก้ มีคนไปถามเพื่อนเราว่า เด็กมาใหม่ นามสกุลอะไร

แล้วส่วนใหญ่พี่แกก็เป็นพวกลูกท่านหลานเธอเยอะ พักเที่ยงก็ออกไปชอปปิ้งซื้อเฟอรากาโม
เรามันจน (ยาก) ก็เลยต้องเล่นปิงปอง (มาเป็นที่นี่) กับพวกเพื่อนต่างชาติ มันก็เอาเราไปว่า ว่าหยิ่ง พรีเฟอต่างชาติ ซวยอีก

พอสอบเข้า มหาลัย ได้ เขาไม่เคยใช้เราเข้ากลุ่มทำรายงานด้วยเลย เราก็ถือว่าดีนะ ทำงานกะฝรั่ง ทะเลาะกัน (แบบใช้ปัญญา) แต่ก็ได้ความรู้ ดีกว่าไอ้พวกคุณชาย คุณหนู ที่เอาแต่ลอก ๆ ๆ ก๊อปปี้

แต่กลับไปเมืองไทยก็อีกละคะ พ่อแม่ไม่มี บ. หรือรู้จักคนใหญ่คนโต ที่จะช่วยให้ทำงานที่ได้เงินเดือนเยอะ ๆ ได้

เวลาเห็นพวกเขาในแม๊กกาซีนที่เมืองไทย แล้วเล่าเรื่องเรียนว่าตัวเองจบโน่นจบนี่มา แม่..ง อยากจะบอกเหลือเกินว่ามันโดน อจ. จับได้ว่าลอกแล้วติด ไอ มา 2 รอบแล้ว

โอ๊ย เพ่ ระบายมากไปหรือเปล่านี่ ไปดีกว่า คิก ๆ ๆ จริง ๆ แล้วมีอีกเยอะคะ แต่ช่างมันเหอะ... โกรธไปก็เท่านั้น พระเจ้าให้ชีวิตเรามาเป็นแบบนี้ก็ พอใจแล้วคะ


โดย: Angel Tanya วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:6:55:08 น.  

 
คิดซะว่า การเป็นผู้ให้นั้นเป็นสุขยิ่งกว่า
อย่าเพิ่งท้อถอยกับการให้ของคุณนะครับ
สักวันหนึ่งผลที่คุถทำดีย้อมย้อนมาสู่ตัวคุณเอง
ส่วนคนที่ไม่ดี ธรรมชาติ คงมีวิธีจัดการเองแหละครับ


โดย: เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:6:59:30 น.  

 
ทำใจค่ะ

คิดซะว่า ความสุขของการให้ อยู่ที่การได้ให้นะคะ


โดย: rebel วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:7:51:32 น.  

 
ไม่โกรธดีแล้วค่ะ

ใจจะได้ไปนสุขนะคะ


โดย: รักดี วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:8:34:47 น.  

 
โถ

ทำดีไปเรื่อยนะคะ

อย่างน้อยก็มีคนรักคณตำรวจที่เป็ฯคนดีอย่างนี้เยอะแยะค่ะ


โดย: PADAPA--DOO วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:9:56:38 น.  

 
เรื่องหลอกใช้ มันเป็นกันทุกชาติเลยครับ แล้วก็คำว่า ขอบคุณกับขอโทษนี้ เดี๋ยวนี้มันพูดกันยากเหลือเกิน โดยเฉพาะพวกผู้หลักผู้ใหญ่นะ แทบจะไม่มีเลย ใช้แต่พระเดชกันอย่างเดียวเลย พระคุณไม่รู้จัก มันก็เลยไม่ค่อยผูกพันธ์กัน เรียนจบหรือลาออกเมื่อไหร่ก็ทางใครทางมัน


โดย: เพราะผมไม่มี Time Machine วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:11:13:15 น.  

 
มานั่งเป็นเพื่อนเฉยๆ


โดย: ป้ามด วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:12:12:11 น.  

 
เอาน่าพี่ตำรวจ ใจเย็นๆ ให้อารมณ์ร่มๆก่อน

สังคมสมัยใหม่แบบนี้ คนรุ่นใหม่ก็เริ่มเป็นปัจเจกคนกันมากขึ้น เป็นตัวของตัวเองเสียจนไม่เห็นแก่ใคร แต่ละคนเริ่มที่จะขวนขวายหาทางเอาตัวรอด หาผลประโยชน์ของตนเองโดยไม่คำนึงถึงคนอื่น ขอให้พี่ยอมรับตรงจุดนี้ก่อนก็แล้วกัน

และสุดท้ายนี้ ขอให้ความหวังดีหรือสิ่งใดๆที่พี่ทำลงไปด้วยบริสุทธิ์ใจ ขอให้ผลดีนั้น ส่งผลถึงตัวพี่ในเร็ววันครับ


โดย: แจ้น วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:13:31:48 น.  

 
พอนึกภาพออกค่ะ..

แต่อย่าไปโกรธเลย..คนมาจากต่างที่ต่างทาง

เดี๋ยวนี้คนเขาไม่รุ้ทำไมพูดคำว่าขอบคุณกับขอโทษ ยากจัง

ไม่ค่อยจะได้ยินน้อ
.





โดย: zaesun วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:13:33:37 น.  

 
อย่างนี้แหละค่ะ เราเองก็เจอมาแยะเหมือนกัน

ไม่เข้าใจเลยเนอะ ว่าทำไม เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ เป็นอย่างนี้กันแทบทั้งนั้นเลย

เสียดาย อนาคตของประเทศชาติ

ได้แต่สอนลูกเรา ตัวเรา ให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี

แล้วก็ระวังตัวจากคนร้าย คิดร้าย ทำร้าย จิ


โดย: พฤษภาคม 2510 วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:14:22:22 น.  

 
เป็นสัจจธรรมของมนุษย์โลกว่ะเฮีย ... ผมไปตอบกระทู้ในเว็บไซต์และทิ้งอีแมวเอาไว้เผื่อว่าใครไม่เคลียร์ จะได้แอดมาคุยกัน

มีหลายๆ คนเลยขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผม แล้วปรากฏว่า พอได้คำแนะนำหรือความช่วยเหลือเรียบร้อยแล้วก็ "ถีบหัวส่งซะงั้น"


โดย: กิ๊กคนใหม่ของน้องเค้กชาเขียว (Invisible Guy ) วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:16:33:05 น.  

 
พี่ก็ได้ทำบุญโดยการให้ไง ก็อย่าคิดมาก การให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด และน้องคิดว่า ก็มีหลายคนที่จริงใจกับพี่ เพราะเห็นคุณค่าที่มีมอบให้ไง ก็อย่างเพื่อนๆภาคบัณฑิตที่พี่เล่าให้ฟังไง ส่วนใครไม่เห็นบุญคุณก็ช่างเขาเถอะ อย่าเก็บมาให้รุกสมองเลยพี่ ก็ขอให้มีความสุขในต่างแดนนะพี่ชาย


โดย: น้องชาย IP: 203.118.112.44 วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:21:02:36 น.  

 
จั่วหัวซะนึกว่าเข้ามาผิด blog ซะอีกกั๊บ ... เอ่อ


โดย: แ ม ง ป อ วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:23:01:22 น.  

 


.....ตะเอ๋ๆๆๆ ..From ...เนเธอร์แลนด์ จ้า..

ยังคงมี ..ลมหายจายแห่งฟามคิดถึง..มาฝากนะจ้า

**ขอบคุณนะจ้าที่แวะไปเล่นกับจอมแก่น**


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 24 กรกฎาคม 2548 เวลา:0:13:43 น.  

 
มาอ่านคำระบายค่ะ มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความเห็นแก่ตัวก็เป็นอย่างนี้ล่ะค่ะ..

มองแต่ด้านดีเถิด...อย่างพระ..ท่านว่า...
แล้วจะได้สบายใจ บ่อยครั้ง..ที่เราเสียเวลา..เสียของ..เสียสตังค์ให้คนอื่น ๆ อาจเป็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมโลก เราไม่ได้รับอะไร..นอกจากทำเพื่อความสบายใจ หรืออาจจะเรียกได้ว่า ชอบช่วย..บางคนเขาหมั่นใส้ ว่าให้เสียใจชอกช้ำอีกว่า อยากได้หน้า........ ก็ช่าง...เถิด..

เข้ามาให้กำลังใจค่ะ อยู่บ้านไกลต้องพบเจอะเจอคนหลายประเภท ต้องดิ้นรน ต้องช่วยเหลือตนเอง ตอนนี้..ใกล้จบหรือยังคะ...เอาใจช่วยตลอดเวลาค่ะ..


โดย: srisawat วันที่: 24 กรกฎาคม 2548 เวลา:6:30:57 น.  

 
เคยเจอไหมคะ
กดลิฟท์รอให้ ก็ไม่มีคำว่าขอบคุณ
ตะโกนข้ามหัวผู้ใหญ่
กินตรงไหนทิ้งตรงนั้น

นี่อ่ะค่ะ ปัญญาชนที่เราเจอทุกๆวัน


โดย: นกซิลล่า (NoK_Zilla ) วันที่: 24 กรกฎาคม 2548 เวลา:14:02:30 น.  

 
เขียนอย่างนี้ก็เท่ากับสอนคนหลายๆคน ดีมากค่ะ


โดย: Aisha วันที่: 24 กรกฎาคม 2548 เวลา:14:46:38 น.  

 
ได้ระบายแล้ว...คงโล่งขึ้นนะครับ

ผมว่าคุณเรียนในมหาลัยที่คนไทยมากไปหรือเปล่าครับ...
จากประสบการณ์ของผม บางครั้งการไปอยู่ในที่ที่ไม่มีคนไทยเลย..โดยมีคุณเป็นคนไทยเพียงคนเดียว..มันก็ดีกว่านะครับ..

ป.ล.แค่นี้..เรื่องขี้ผงครับ..อย่าไปใส่ใจเลย..


โดย: กุมภีน วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:10:00:10 น.  

 
สมัยนี้การแข่งขันมันสูงมั้งคะ ใครเห็นแก่ตัวได้มากก็รอด
เด็กสมัยนี้ไม่มีมารยาท ต้องโทษพ่อแม่ค่ะ ที่ไม่สั่งสอน...

อย่าให้พูดเลยค่ะ เดี๋ยวจะบ่นยาวกว่าคุณตำรวจ กลายเป็นบล๊อกคนแก่บนไป หุหุหุ


โดย: sunnine วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:11:39:14 น.  

 
กราบเรียน เพื่อนสมาชิกทุกท่านครับ

ขอบพระคุณมากที่เข้ามาอ่าน สิ่งที่ผมระบายมาฯ จริง ๆ เด็กสมัยใหม่ ได้รับการอบรมมาแบบแปลก ๆ ๆ ครับ พูด “ขอบคุณ” กับ “ขอโทษ” ไม่เป็น อีกประการหนึ่ง ผมว่าระบบการสอนของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในเมืองไทย ก็มีปรัชญาแบบแปลก ๆ ๆ คือ แนวคิดของอาจารย์ส่วนใหญ่ในมหาวิทยาลัย คือ “การสอนศีลธรรม และเรื่องมารยาท สำหรับนิสิต นักศึกษา ระดับมหาวิทยาลัย เป็นเรื่องผิดปกติ สำหรับการเรียนการสอนระดับนี้”

น้อง ๆ ที่กล่าวถึง ล้วนจบจากมหาวิทยาลัย ที่ตัวนิสิต นักศึกษา เหล่านั้นเอง ถือว่า เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ ของเมืองไทย เลยทีเดียว ผมว่ามันสะท้อนปรัชญาการเรียนการสอน และสภาพของสังคมได้ดีเหมือนกัน เรื่องที่ผมว่ามาเนี่ยนะ เพราะหลายคน ก็เจอประสบการณ์ อย่างที่ผมเขียนมาเหมือนกัน กลายเป็นว่า สังคมเราเสื่อมทรามไปมาก

เรื่องการช่วยเหลือกันแบบ จริงใจ ไร้ผลประโยชน์ เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงเป็นเรื่องที่ดูเหมือนว่า เป็นไปไม่ได้สำหรับโลกในปัจจุบันของสังคมไทย “การลงแขก” ที่ชาวบ้าน มาร่วมแรงร่วมใจ ช่วยกันทำงาน โดยไม่มีค่าตอบแทบ แบบโบราณ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไม่ได้แล้วในสังคมปัจจุบัน

การเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีคนไทยเยอะ ๆ ไม่เกี่ยวกับ เรื่อง เด็กจะดีหรือเลว หรอกครับ เพราะมันจะดีหรือเลว มันมาจากสังคม ครอบครัว และการหล่อหลอม ตามกระบวนการขัดเกลาทางสังคมตั้งแต่วัยเยาว์แล้วละครับ มันจะ ไม่รู้จักมารยาทที่ควรจะทำ ไม่รู้จักขอบคุณ ไม่รู้จักขอโทษ ก็เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการจำนวนนักเรียนไทยหรอกครับ

ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัย อิลลินอย เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน สมาคมไทย ก็จัดกิจกรรมดี ๆ หาเงินไปสร้างโรงเรียนในชนบท ปีละต้อง ๔ หรือ ๕ หลัง มาโดยตลอด นักเรียนไทย ก็ช่วยเหลือกันดีมาก ๆ ๆๆ ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปครับ งง เหมือนกันว่า เพราะอะไร


โดย: POL_US วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:12:55:15 น.  

 
ไม่ค่อยชอบเหมือนกันค่ะ พวกส่งอีเมล์ไปให้แล้วไม่ตอบกลับ
โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเค้าจริงๆ...
อย่างน้อยส่งให้เรารู้ซักนิดว่าได้แล้วก็ยังดี...
...
หลังๆ เลยใส่ Return Receipt ซะมันทุกเมล์... ไม่ตอบกลับก็ยังรู้แล้วว่าได้อ่าน
ถ้าตอนหลังมาอ้างว่าไม่ได้ล่ะ จะได้เอาให้ดูซะ... เหอ เหอ


โดย: ซีบวก IP: 203.147.33.1 วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:13:43:29 น.  

 
อ่า.. ข้างบนผิดเป้าหมายที่คุณตำรวจเขียนไปนิ๊ด... งั้นเล่าประสบการณ์ให้ฟังก็ได้
รุ่นพี่จบไปแล้ว ขอให้หา paper ส่งไปให้หน่อย
ตอนนั้นเรากำลังจะ defense ก็ค่อนข้างยุ่งอ่ะนะ..
แต่ก็หาส่งไปให้... ทั้ง 6 paper ที่อยากได้แหละ...
...
ส่งไป... เงียบ
...
ไอ้เราก็กังวล เอ๊ะ จะได้รึเปล่าน๊า
...
รออีกซักพัก เลยส่งเมล์ไปถามว่าได้รึเปล่า...
...
ไม่ตอบ
...
พอเราเรียนจบ กลับมา ได้เจอกัน ถามว่าได้มั้ย... บอกว่าได้..
...
เฮ้อ.. จะบอกกันซักคำก็ไม่ได้... เบื่อเหมือนกันค่ะ


โดย: ซีบวก IP: 203.147.33.1 วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:13:48:04 น.  

 
ผมเจอมาเหมือนกันครับ ช่างมันเถอะครับ หมาข้างถนน ขอทาน เรายังช่วยเหลือได้ คนพรรณนั้นก็ไม่ต่างกันครับ


โดย: เด็กชายรอยยิ้มโทรศัพท์และน้ำตา วันที่: 27 กรกฎาคม 2548 เวลา:1:15:25 น.  

 
ผมให้อภัยเขาแล้วละ เพราะมันคงเป็นกมลสันดานของเขาแล้วละครับ ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาแชร์ประสบการณ์ หวังว่า คนที่เคยมีพฤติกรรมเหล่านี้ เขาจะเป็นบัวพ้นน้ำสักวันครับ


โดย: POL_US วันที่: 27 กรกฎาคม 2548 เวลา:3:36:46 น.  

 
"ก็ตอนคอมพิวเตอร์ ตัวเก่า ของผมมันพัง ข้อมูลไม่เหลือเลย " ต้องทำสองอย่างนี้ครับ
- Backup ด้วย USB HDD ทุกๆเดือน เพื่อถ่ายข้อมูลออกมาเก็บไว้ข้างนอกเป็นระยะๆ
- Comp ที่เสีย ให้ช่างถอดเอา HDD ออกมาถ่ายไว้ USB HDD หรือ CD ก่อน format ใหม่
ผมเคยเจอเครื่องมีปัญหา ไม่ถึงกับพัง ตอนนี้ไม่เจอปัญหาแบบนี้แล้ว


โดย: surachai IP: 58.11.66.14 วันที่: 27 ตุลาคม 2548 เวลา:11:19:56 น.  

 
คุณเคยโดนแบบนี้มาแล้ว ทำไมคุณไปแบบนี้กับคนอื่นทำไมล่ะ คุณน่าจะเห็นใจคนอื่นบ้างนะ..หรือว่าคนเราน่ะ คบกันแค่ผลประโยชน์เท่านั้น


โดย: .... IP: 124.122.246.224 วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:20:09:50 น.  

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.