*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 
ขอไว้อาลัยแด่ทหารกล้า

วันนี้ (๒๑ ส.ค.๔๘) ผมอ่าน ข่าว ชาวบ้านบ้านตันหยงลิมอ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จับทหารนาวิกโยธิน เพราะเข้าใจว่า ทหารสองนายนี้ เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ชาวบ้านถูกยิงในร้านน้ำชาฯ แล้วผมรู้สึกสลดหดหู่กับการกระทำของกลุ่มชาวบ้านมาก




ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนใต้ที่เป็นคนไทยด้วยกัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ จะใจร้ายใจดำได้ขนาดนี้ หากเข้าใจผิดจริง เหตุใด จะต้องจับทหารสองนายนี้ ถอดเสื้อ เอาผ้ามัดปาก มัดมือในลักษณะไพ่หลัง และปล่อยให้เขาถูกแทงจนไส้ทะลักเช่นนี้

ผมจึงขอไว้อาลัยต่อการจากไปของทหารกล้าทั้งสองนาย สำหรับนายทหารทั้ง 2 นายที่เสียชีวิตดังกล่าว คือ “ร.ต.วินัย นาคะบุตร” และ “จ.อ.คำธร ทองเอียด” สังกัดกองพันทหารราบที่ 9 กรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กองพลนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์

ร.ต.วินัย นาคะบุตร เป็นผู้บังคับหมวดต่อสู้ยานเกราะ กองร้อยบังคับการและบริการ กองพันทหารราบที่ 9 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน เกิดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2502 ปัจจุบันอายุ 46 ปี เข้ารับราชการเมื่อปี 2522 เคยผ่านการอบรมในหลายหลักสูตร อาทิ การรบพิเศษ และการรบแขนงการลาดตระเวน โดยมีความชำนาญในการใช้ภาษายาวีเป็นพิเศษ สมรสกับ นางประนอม นาคะบุตร มีบุตร 1 คน อายุ 14 ปี

จ่าเอก คำธร ทองเอียด ตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่ปืนกล กองร้อยปืนเล็กที่ 2 กองพันทหารราบที่ 9 กรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2510 อายุ 38 ปี เข้ารับราชการเมื่อปี 2532 ปัจจุบันยังโสด

ขอดวงวิญญาณของทั้งสองท่านไปสู่สุขคติครับ ผมภูมิใจที่ได้เกิดมาร่วมวิชาชีพกับท่าน

ปล. เมื่อใดที่คนไทย มีอุดมคติแบบชาวญีปุ่น คือ ยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้งแล้ว ประเทศไทยคงจะเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมาสังเกตว่า คนที่ต่อต้านมาตรการต่าง ๆ ของรัฐ มักจะอยู่บนพื้นฐานของความกลัว .... กลัวว่ามาตรการนั้น จะกระทบตนเอง ญาติ พี่น้องฯ กล่าวง่าย คือ คิดแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง มันน่าเศร้าจริง ๆ นักสิทธิมนุษยชนทั้งหลายครับ เจ้าหน้าที่ ก็มีมีสิทธิในชีวิต ร่างกาย และเสรีภาพ เหมือนพวกที่ทำร้ายคนบริสุทธิ์เหมือนกันครับ เอ่ย คำว่าเสียใจสักคำ...คงไม่ลำบากกระมัง


Create Date : 22 กันยายน 2548
Last Update : 21 มิถุนายน 2553 8:35:36 น. 55 comments
Counter : 648 Pageviews.

 


โดย: rebel วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:7:10:12 น.  

 
เศร้าค่ะ ทำไมต้องทำร้ายกันขนาดนี้ด้วย

ดูข่าวแล้วก็ได้แต่อึ้ง เฮ้ออ พูดไม่ออก




...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:7:11:01 น.  

 
...ถ้าเทียบกับชาวบ้านแล้ว เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคนสนับสนุนช่วยเหลือ มากกว่าชาวบ้านธรรมดา นักสิทธิมนุษยชนพยายามจะช่วยเหลือคนที่มีกำลังช่วยเหลือตัวเองน้อยกว่าเท่านั้นเอง...

เสียง NGO เบานะคะ มันจะดังพอได้ยินต่อเมื่อรัฐเงียบ
เวลานี้รัฐกำลังเสียงดังเพื่อทหารที่เสียชีวิตอยู่
เสียงเบาๆ คงกำลังพูดอยู่เพื่อคนที่เสียงของรัฐดูแลไปไม่ถึงนะคะ



โดย: rebel วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:7:16:35 น.  

 
เศร้ามากค่ะ
ดูข่าวแล้วน้ำตาไหล



โดย: prncess วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:7:21:32 น.  

 
ไม่ได้ดูข่าวค่ะ แต่ขอไว้อาลัยให้เค้าทั้งสองด้วยค่ะ


โดย: พ ริ ก ขี้ ห นู @ UK วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:7:29:40 น.  

 
ความเข้าใจผิด..นำไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสีย

กองทัพเรือ..เป็นอีกกองทัพหนึ่งที่อยู่เคียงข้างประชาชนไทยมาตลอด..โดยเฉพาะในประวัติศาสตร์พัฒนาการของกระบวนการทางประชาธิปไตยไทยช่วงหนึ่งที่มีบางกองทัพเข้าประหัดประหารพี่น้องคนไทยด้วยกัน "กองทัพเรือ" ..คือผู้ที่ให้ความปกป้องคุ้มครองพี่น้องไทย..

ผมเคยออกภาคสนามทางชายแดนไทย-กัมพูชาด้านอรัญประเทศและจันทบุรี รวมทั้งแถบสตูล..ก็ได้รับความร่วมมือในการอารักขาจากกองกำลังนาวิกโยธิน..โดยตลอด..

ขอร่วมไว้อาลัยในการสูญเสียครั้งนี้ครับ..


โดย: กุมภีน วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:7:35:30 น.  

 


โดย: Zantha วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:7:50:28 น.  

 
เห็นข่าวแล้วเหมือนกัน ... น่าสงสารมากค่ะ..
...
...
มีประเด็นหนึ่งที่คุยกับเพื่อนเมื่อคืน
ว่าทำไมเราต้องมีคำว่า "ไทยมุสลิม" ในเมื่อเราไม่มีคำว่า "ไทยพุทธ" "ไทยคริสต์"
อันนี้รึเปล่าที่ทำให้คนไทยทางใต้รู้สึกแปลกแยก

ไม่ได้จุดประเด็นนะคะ แค่สงสัย
เพราะเรากับเพื่อนคิดว่า "คนไทย" ก็คือคนไทยทุกคน

เลิกใช้คำแบ่งกลุ่มซะที น่าจะดี


โดย: ซีบวก วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:8:08:51 น.  

 
ผมขอแสดงความเสียใจ และไว้อาลัยกับนายทหารทั้งสองท่านที่เสียชีวิตด้วยครับ แต่ ที่จะขอแสดงความเสียใจเพิ่มเติมด้วยคือ กับคนไทยทุกคนไม่ว่าจะเป็น ไทยพุทธ หรือไทยมุสลิม เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และชาวบ้านบริสุทธิ์ ที่ตายไปเป็นเบือ จากเหตุการณ์ความไม่สงบต่อเนื่องที่สามจังหวัดภาคใต้.. เพราะ...ทุกชีวิตมีค่าเท่ากันหมดครับ...

คุณตำรวจในสหรัฐ...ท่านออกจะรีบด่วนสรุปไปนิด ว่าชาวบ้านใจร้าย และเป็นตัวหลักในการก่อเหตุ หรืออยู่เบื้อหลังงานนี้ เพราะเอาเข้าจริง ทหารหลายคนก็ยังไม่กล้าออกมารับรองเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น ว่าใครอยู่เบื้องหลัง หรือมีมือที่สามหรือเปล่า ? ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์นี้ หรือเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่ชาวบ้าน จำนวนหนึ่ง ก็ถูกกราดยิงในร้านน้ำชา ตายไปสอง บาทเจ็บอีกเป็นสิบ....(ซึ่งจริง ๆ มันก็ควรต้องไว้อาลัยเหมือน ๆ กัน แต่...เชื่อผมม้าว่า ในข่าวทุกฉบับ ผมไม่เห็น มีทหารระดับสูงคนไหน ออกมาไว้อาลัยกับ ชาวบ้านที่ตายไปสองคนก่อนหน้านี้เลยนิ ??? ทำไม ๆ เคยตั้งคำถามกันบ้างไหมล่ะครับ)

นอกจากนี้ คุณตำรวจที่สหรัฐ อาจยังเขาใจประเด็นสิทธิมนุษยชนไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ หรือเปล่า ??

เพราะเรื่องนี้ เป็นจริงดั่งที่คุณ ขอบคุณที่รักกัน กรุณาแสดงไว้

เพราะไอ้เรื่องสิทธิมนุษยชน หรือ human rights ที่เขาพยายามปกปักรักษากันอย่างกว้างขวางเนีย แท้จริงแล้ว มันไม่ใช่เรื่องของ “สิทธิพิเศษ” หรือ “สิทธิเทวดา” สำหรับคนบางกลุ่ม ที่มีคนพยายามจะสื่อความหมายเลยครับ

ตรงกันข้าม สิทธิมนุษยชนที่เป็นประเด็นต่อสู้กันในเวทีสากล เป็่นเรื่องที่ต้องสู้ให้กับ คนที่เป็นเบี้ยล่างของสังคม, คนที่รัฐบาลปกป้องไม่ได้, กฎหมายไปไม่ถึง และเป็นผู้ถูกกระทำในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการเมืองหรือสังคมหรือเศรษฐกิจ ต่างหากเล่า .....

นายทหารตายสองนาย ท่านใหญ่ ๆ นายโต ๆ ออกมาเต้นไม่เป็นอันหลับ ประกาศกร้าว "ไม่มีวันตายฟรี" (แต่ ไอ้ที่ชาวบ้าน ตายไปฟรี ๆ ก่อนหน้านี้เป็นสิบ เป็นร้อย..อืม...เขาทำไปถึงไหนกันแล้วนะ ผมไม่ได้ติดตาม ?)

เมื่อนายทหารเสียชีวิต ต้องรีบควานหาตัวผู้กระทำมาลงโทษ นั่นก็เแสดงให้เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่า สิทธิของผู้วายชนทั้งสอง ได้รับการปกป้องกันอย่างเต็มขีดความสามารถที่กองทัพ และรัฐบาลจะทำให้ได้แล้ว...จะให้เรียกร้องสิทธิอะไรให้อีกล่ะครับ ?

ดังนั้น กรุณาเ้ข้าใจปัญหา "สิทธิมนุษยชน" ให้ถูกด้วย

นอกจากนี้ ไอ้การที่คุณตำรวจบอกว่า ไม่มีใครออกมาเรียกร้องสิทธิให้นั้ั่น ดูเงียบ ๆ แปลก ๆ นั่นมันก็ไม่ได้ หมายความด้วยว่า บรรดาผู้ทีเ่คยเรียกร้อง ให้กับ ชาวบ้านที่ ดูท่าคงตายกันฟรี เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการตายของนายทหารทั้งสอง สักกะหน่อยนี่นา....

แล้วกรุณาสักนิด คิดกลับกันบ้าง...คนตายที่ตากใบ เกือบร้อย ที่แบบว่า รัฐไม่ต้องควานหาด้วยว่า ใครทำให้ตาย ใครสั่งแบบนั้น...ไม่เห็นมีใครออกมาวิ่งเต้นปกป้องสิทธิ ยอมไม่ได้ มันผู้ทำให้ชาวบ้านตายมากมาย มันคนนั้นต้องตายตกตามกัน...

ที่ผมคิดแบบนี้ โปรดอย่าเข้าใจผิด ว่าผมเข้าข้างใครทั้งสิ้น ผมเพียงแต่คิดว่า ชีวิตทุกคนมันก็มีค่าเท่ากัน...อย่าไปมองให้มันต่างชั้นกัน
ให้เสียความเป็นคนในตนเองเลยจะดีกว่า

ประเด็นการต่อต้านมาตรการ ท่านตำรวจเองก็ดูว่า ยังขบไม่แตก ตีไม่จบ กลายเป็นว่า คนประท้วงมาตรการ (แหม..ใครก็รู้ว่า มาตรการไหน ที่มันเคยเป็นปัญหากันอยู่)กลายเป็นพวกมองกันแต่ประยี่ ประโยชน์ ส่วนตง ส่วนตัวไป (ซึ่งไม่รู้ว่า ประท้วงแล้วจะได้ประโยชน์โภคผลอะไรขึ้นมาเหมือนกัน ยังงง ๆ)
ทั้ง ๆ ที่ประเด็นสำคัญที่ต้องคัดค้าน มันอยู่ที่ "เจตนา วิธีการออก และบทบัญญัติให้อำนาจ" ต่างหาก...

โธ่... พ่อคุณ ถ้าออกมา ถูกต้อง มองรอบคอบ ไม่รวบอำนาจ ไม่ทำให้ ใครกลุ่มใด มี "สิทธิเทวดา" ทำผิดแล้วไม่ต้องรับโทษ ออกมาแล้ว จะทำให้เรื่องมันสงบได้จริง เพื่อชาติ คนไทยที่ไหน เขาจะค้านกันล่ะคร๊ีาบบบบบ นี่ยังมิพักต้องพูดถึงเลยว่า ใช้มาตั้งนานเนิ่น จน ต้องขอใช้ต่ออีกสามเดือน เหตุการณ์ยังไม่คลี่คลายเลย แถมเกิดเหตุรุนแรงกันไม่ได้หยุดเลยนะขอรับ...เหอ ๆ ๆ ๆ

เอาน่ะครับ รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทยครับ
คนไทยที่ไหนตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมาตายแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่แบบนี้ มันก็น่าเสียใจ และไว้อาลัยกันทั้งนั้นแหละ

ด้วยมิตรภาพครับ


โดย: cheguevara IP: 137.193.11.27 วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:8:13:11 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของชาวบ้าน
ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตที่ร้านน้ำชา
ขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของ 2 นาวิกโยธิน
มายังครอครัวของท่านทั้ง 2

คนลงมือทั้งสองด้าน โหดร้าย และไร้เกียรติโดยสิ้นเชิง

เกียรติของความเป็นมนุษย์ ที่เท่าเทียมกัน
โดยไม่เกี่ยวข้องกับศรัทธา อันเป็นสิทธิที่เป็นปัจเจก
ที่สุดแล้วในหัวใจมนุษย์...การตามหาความยุติธรรม
ในหลายๆเรื่อง มันจะยังมีเหลือไหม ในท่ามกลาง
ความไม่ลึกซึ้ง ถึงจิตวิญญาณ ของ คนร่วมแผ่นดิน
ด้วยความเคารพ ต่อกัน

เสียงของพวกเราตรงนี้ ก็ เบา เสียเหลือเกินใช่ไหมคะ



โดย: แก้มเล่า วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:8:20:57 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของ 2 นาวิกโยธินด้วยครับ...


โดย: **mp5** วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:8:34:54 น.  

 
อีกนิดแล้วกันครับ

เห็นด้วยกับคุณซี..นะครับ

การใช้ "ศัพท์"..เพื่อการเรียก..ในลักษณะเป็นการแบ่งกลุ่มหรือจัดจำแนก..บางครั้งต้องระมัดระวัง..เพราะอาจกลายเป็นคำเรียกที่เข้าทำนอง.."อคติเชิงชาติพันธุ์"..ไปโดยผู้พูดไม่รู้ตัว..เกิดเป็รปัญหาที่ตามมาคือ การเหยียด การแบ่งกลุ่ม..ซึ่งนำไปสู่ความแตกแยก ขัดแย้ง..ความรุนแรง..ในที่สุด


โดย: กุมภีน วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:8:44:32 น.  

 
....

ขอไว้อาลัยครับ


โดย: dont wanna no วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:8:45:29 น.  

 
ผมขอแอบเข้ามาแลกเปลี่ยนเรื่องไทยพุทธ ไทยมุสลิมด้วยคนนะครับ (เพราะในความเห็นของผมก่อนหน้านี้ ก็ใช้คำนี้เหมือนกัน)

จริง ๆ ก่อน หน้านี้ ในระยะที่เกิดปัญหาภาคใต้ใหม่ ๆ สื่อหลายฉบับ มักเขียนรายงานปัญหาระหว่าง คนไทยด้วยกันที่สามจังหวัดภาคใต้ว่า เป็นความขัดแย้งระหว่าง คนไทย กับ คนมุสลิม โดยบางครั้งมีการเน้นด้วยว่า โจรใต้ ก็คือ พวกคนมุสลิม เลยมีคนสงสัยว่า อ้าว แล้ว คนมุสลิมที่ภาคใต้ เขาไม่ใช่คนไทยดอกหรือ ? จนมีการออกมาเรียกร้องกันว่า สื่อไม่ควรใช้คำที่แบ่งแยกแบบนั้น เพราะไม่ว่า ใครจะนับถือศาสนาอะไร เขาก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ดังนั้น ควรต้องใช้คำที่เคยใช้กันมาตลอด คือ ไทยพุทธ ไทยมุสลิม หรือไม่ก็ไทยไปเลย

ประเด็นที่บางท่านมองว่า แม้จะใส่ไทยไปแล้ว ก็ยังน่าจะแบ่งแยกอยู่ดีถ้ายังมีศาสนากำกับข้างหลัง โดยส่วนตัวนะครับ ผมว่า คงต้องพิจารณากันให้ดีว่า แท้จริงแล้ว สาเหตุในการบัญญัติ และใช้อย่างนั้น มันเป็นมาอย่างไร

ที่ผ่านมาประเทศไทย ไม่เคยมีปัญหาเรื่องว่าใครนับถือศาสนาไหน สิทธิในการเลือกที่จะนับถือศาสนาใดก็ได้ ถูกรับรองในรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด เพราะทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้ ใครจะนับถือศาสนาไหน ไม่สำคัญ ยังไง ๆ เราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ประเด็นการนับถือศาสนาที่แตกต่างจนแตกแยกจึงไม่เกิด

การบัญญัติและใช้คำว่า ไทยพุทธ หรือไทยมุสลิม แท้จริง เกิดขึ้น และเป็นไปก็เพียงเพื่อให้เกิดความชัดเจนเท่านั้นว่า

เขา หรือเธอคนนั้น นับถือ มีวัตรปฏิบัติ หรือมีความเชื่อ ความศรัทธาบางอย่างที่แตกต่างกัน (แตกต่าง แต่ไ่ม่แตกแยกนะครับ) ดังนั้น บางครั้ง เพื่อให้การปฏิบัตต่อเขา หรือการปฏิบัติต่อกันและกัน ถูกต้อง ไม่กลายเป็นการหลบหลู่ ทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ทั้งในแง่ของอาหารการกิน การประกอบพิธีกรรม และเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ก็จำเป็นต้องถามไถ่กันให้ชัด หรือบอกกันให้ชัดว่า อืม คุณเป็นไทยพุทธ ไทยมุสลิม หรือไทยคริสตร์ล่ะครับ

ดังนั้น การกำหนดให้เห็น่ความแตกต่างในกรณีนี้ ผมเข้าใจว่า นอกจากจะมิได้มีเจตนา หรือมีนัยยะไปเพื่อสร้างความแตกแยกในความเป็นคนไทยเหมือนกันแล้ว

ยังเป็นเรื่องของการกำหนดกันเพื่อให้เกิดความชัดเจน และช่วยลดปัญหา ในแง่ของการปฏิบัติตัวต่อกัน ซะมากกว่าน่ะครับ ..


โดย: Cheguevara IP: 137.193.11.27 วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:9:14:58 น.  

 
เมื่อก่อนมันไม่เป็นแบบนี้เลยนี่น่า แล้วทำไมถึงได้เกิดเหตุการณ์รุนแรงๆขึ้นเรื่อยๆอ่ะ ...

ยิ่ง สส.ปากดีไปให้ข่าวว่า น่าจะยุบ ปอเนาะเข้าไปอีก ทีนี้ยิ่งไปกันใหญ่เลย เป็นถึง สส. น่าจะมีความคิดที่เข้าท่ากว่านี้นะ รัฐเคยสังเกตุบางไหมว่า เราแรงไป เค้าก็ยิ่งแรงกลับมา ผมว่าถ้าเล่นกันแบบนี้ เราไม่ได้เปรียบเลยนะครับ คนเดือดร้อนเห็นจะเป็นชาวบ้านนะครับ

แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าต้องแก้ยังไงครับ แต่ผมว่าควรไปขอความคิดเห็นพวกรุ่นก่อนๆดีกว่าครับ ว่ารุ่นนั้นเค้าแก้กันยังไง ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ แถวใต้นั้น พวกคอม..เยอะมากๆ ไหนจะโจรใต้อีก แต่รัฐก็แก้ปัญหามาได้จนมาถึง...

ขอให้ความสงบจงกลับมาเร็วๆด้วยเถอะครับ เพี้ยง...


โดย: merf1970 วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:9:51:12 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านครับที่แวะเข้ามา

สำหรับ คุณ cheguevara ยินดีที่เข้ามาในบล๊อกผมครับ ผมว่าที่จริงเราก็คงมีความรู้สึกคล้าย ๆ คือ ความรักชาติ รักแผ่นดินเกิด แต่แค่ผมรู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์บางประการที่เกิดขึ้น

ผมคงเรียนปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนน้อยกว่าท่านกระมัง แต่ไม่ได้ความว่า ที่ผมเขียนดังนั้น จะใช่ว่าไม่เข้าใจหลักการเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่แค่ผมรู้สึกว่า พอเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ทำไมนักเคลื่อนไหวจึงเงียบฯ แค่นั้น ไม่ได้แปลเหมือนกันว่า ท่านเหล่านั้นจะไม่ได้เสียใจฯ หรือ ท่านเหล่านั้นจะดีใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรอกครับ ถ้าทำให้เข้าใจอย่างนั้น ก็ขออภัยด้วย

ที่สำคัญ ผมก็ยืนในจุดที่ว่าชีวิตมนุษย์ทุกคนมีค่าเท่ากันหมด และทุกคนต้องได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายเดียวกัน อีกทั้ง คำว่า "ประโยชน์" มันก็หาใช่ เฉพาะเรื่องเงินทอง อย่างเดียวที่ไหนละครับ มันมีตั้งหลายด้าน ด้านไหนก็แล้วแต่จุดมุ่งหมายของแค่ละคน บางคนมีอคติกับคนบางคนจนสุดขั้ว ทำอะไร ก็ผิดไปหมดก็มีเยอะแยะ

มาตรการที่รัฐออกมา ถ้ามันสำเร็จได้ในเวลาฉับพลันก็คงจะดีซิครับ อยากรู้เหมือนกันว่า มันมีไหมไอ้มาตรการที่ว่า ออกมาแล้วทุกอย่างเรียบร้อยในทันทีทันใด ที่ว่าคนส่วนใหญ่ ออกมาคัดค้านเพราะเอาประโยชน์ของตนเองเป็นที่ตั้ง ก็เพราะได้อ่านงานเขียน หรือ อ่านคำให้สัมภาษณ์ของหลายท่านที่คัดค้าน มันก็สื่อความหมายเป็นนัย ๆ ว่า ให้ระวังเครื่องมือเหล่านี้ มันจะสะท้อนเข้าหาตัวเอง ญาติ พี่น้อง หรือ พวกพ้องฯ นี่แหละที่ผมกล่าวเช่นนั้น

มาตรการที่รัฐบาลออกมา มันก็วิธีการทางรัฐธรรมนูญที่จะตรวจสอบและควบคุมอยู่แล้ว ซึ่งบางเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องการรักษาเอกภาพและบูรณาการของประเทศนี้ ก็เป็นที่ยอมรับว่า มันอยู่นอกเขตอำนาจขององค์การตุลาการที่ควบคุมตรวจสอบ ซึ่งทั่วโลกเขาก็ยอมรับหลักการนี้ทั้งนั้น กฎหมายที่ว่า ก็กำหนดวิธีการชดเชยและคุ้มครอง ไว้ด้วยเช่นกัน หาใช่ไม่มีมาตรการอะไรเลย

พอผมยกเรื่องทฤษฎีกฎหมายต่างประเทศว่าเขามีกันทั่วโลก เดี๋ยวก็จะมีข้อครหาว่า ผมเป็นลูกนายบุชฯ หรือไง หรือไม่ก็ว่า ประเทศเราเป็นเอกราช เหตุใด ต้องไปสนคนอื่น ผมว่ามันตลกดี เพราะตอนจะอ้างอะไรที่เป็นประโยชน์ในการสนับสนุนตนเอง ก็อ้างทฤษฎีกฎหมายต่างประเทศ แต่พอเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ในการสนับสนุน ก็ปฏิเสธมันดื้อ ๆ โดยไม่สนใจใยดีอะไรกับมันเลย และที่สำคัญ กฎหมายไทย ก็รับแนวคิดต่างชาติมาเกือบจะ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ก็ว่าได้ ไม่เห็นพูดถึงว่าเราเป็นเอกราชนี่

ขอย้อนกลับมาเรื่องอนุสัญญาทั้งสองฉบับที่คุณกล่าว เป็นที่ยอมรับกันว่า อนุสัญญาดังกล่าวมันมีพัฒนาการมาอย่างไร มีปัญหาการดำเนินการอะไรตั้งแต่ในอดีต ที่มีการแข่งขันอำนาจระหว่างสหรัฐ กับโซเวียต บทบัญญัติที่เขียนไว้ มันล้วนแต่เป็นการสร้างอุดมคติที่ไม่มีประเทศไหนสามารถปฏิบัติได้ทั้ง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ประเทศมหาอำนาจก็อ้างคำว่า "สิทธิมนุยชน" แทรกแซงกิจการประเทศอื่นมามากมาย ไอ้เรื่องสิทธิมนุษยชนนี้ ในอดีต ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องสร้างภาพและการแข่งขันอำนาจระหว่างสองขั้วเท่านั้นเอง หลายประเทศมหาอำนาจก็เพิ่งจะมายอมรับข้อผูกพันตามอนุสัญญาดังกล่าวไม่นานมานี้เองด้วยซ้ำ

กล่าวโดยสรุปแล้วกัน ยินดีที่ได้เข้ามาชี้แนะฯ ว่าง ๆ ส่งข้อความหลังไมค์นะครับ จะได้ทำความรู้จักและแลกเปลี่ยนกันแนวคิดกัน ผมก็เขียนบนประสบการณ์ชีวิตที่ต้องทำงานเสียงชีวิตฯ เป็นธรรมดา ผมย่อมต้องการสิ่งที่จะมารับรองความมั่นคงในการทำงานของผม ต่างจากพวกที่ทำงานอยู่เฉพาะในห้องแอร์เย็น ๆ ครับ

ปล. ผมขอไว้อาลัยกับทุกชีวิตแล้วกัน พี่น้องคนไทยด้วยกันทั้งนั้น


โดย: POL_US วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:9:54:09 น.  

 
เศร้าฮะ ขอไว้อาลัยและสดุดีทหารทั้งสองท่านด้วยฮะ


โดย: err_or วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:10:28:32 น.  

 
ไว้อาลัยไว้ในบล็อกแล้วค่ะ

อื่นๆ ขอไม่ออกความเห็นนะคะ
นอกจากจะบอกว่า ชาวบ้านไม่ใช่คนทำหรอก

ผีห่าซาตานที่มันสิงใจบางคนต่างหาก
ที่อาศัยสถานการณ์ทำเช่นนี้

ชาวบ้านเองก็คงเสียใจไม่ใช่น้อย ที่เหตุการณ์ต้องถึงแก่ชีวิต




โดย: มรกตนาคสวาท วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:10:46:17 น.  

 


ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของทั้งสองท่านด้วยค่ะ

ขอพูดนิดนึงเรื่องลักษณะคนไทยบางประการ
คนไทยต่างจากคนญี่ปุ่นมากอย่างในป.ล.ของพี่ค่ะ
คนไทยมีความเป็นปัจเจกชนสูง
ในขณะที่สังคมญี่ปุ่นแต่ไหนแต่ไรจะมีความเป็นCollectionสูง
( โทษทีใช้ภาษาอังกฤษ )

การจะสร้างวัฒนธรรมให้คนไทยมีสำนึกส่วนรวม
คงต้องใช้เวลานาน

วันนี้รู้สึกเศร้าเหลือเกิน





โดย: keyzer วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:10:51:49 น.  

 
เข้ามรับทราบค่ะ คุณ cheguevara ขอบคุณมากค่ะ สำหรับความคิดเห็น

แต่ก็ยังขอดื้อนิดนึง ว่าการใช้คำพูดแบบนี้ มันทำให้เรารู้สึกแปลกทุกครั้งที่ได้ยิน
ก็เลยคิดว่า คนที่เค้าถูกเรียกเอง .. ที่เค้าโดนมองอยู่แล้วว่าเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่แตกต่างจากคนไทยอื่นๆ ทั้งประเทศ
จะไม่รู้สึกอะไรบ้างเชียวหรือ
และมันจะดีกว่าไม่ ถ้าเราจะทำให้เค้ารู้สึกว่าเค้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเหมือนกับๆ คนไทยส่วนอื่นๆ

ก็อย่างที่บอกแหละค่ะ ว่าไม่ได้พยายามสร้างประเด็นอะไร
เพราะส่วนตัวแล้ว ก็คิดว่าไอ้คำเรียกขานนี้ คงมีส่วนกับเหตุการณ์แย่ๆ ที่เกิดขึ้นไม่เท่าไหร่

ความรู้สึกแปลกแยก และความไม่เชื่อมั่น + เชื่อใจในอำนาจของรัฐ น่าจะมีส่วนมากกว่า

ปอ-ลอ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ นะคะ ผิดถูกประการใด ยินดีรับฟังการติเตียน


โดย: ซีบวก วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:11:49:47 น.  

 
ไม่ชอบคำว่า "คุณตำรวจในสหรัฐ" ของคุณcheguevara

ขอโทษ ก็แค่ความคิดเห็นส่วนตัว

ปล. ขอไว้อาลัยให้กับผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตโดยไร้เหตุผล และไร้ความปรานีทุกท่าน


โดย: จตุพร วงษ์หงษ์ (พฤษภาคม 2510 ) วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:12:38:45 น.  

 
ดูข่าวแล้วโกรธแค้นมากครับ เมื่องันก่อนยังพูดกับเพื่อนๆอยุ่เลยว่าตอนนี้บ้านเรามันเยบๆ เดี๋ยวต้องมีอะไรแน่ๆ แล้วก็มีจริงๆ เพราะตอนต้นเดือนจังหวัดผมก็ถูกวางระเบิดสะพานไปสามแห่ง ก็คิดๆกันว่าเดี๋ยวจะมีเรื่องที่ไหนระหว่างยะลากับนรา เฮ้อ ประณามครับ และขอสาปแช่งเดนมนุษย์พวกนี้

ทุกวันนี้ ผมแทบไม่ต้องออกจากบ้านแล้ว เพราะไม่อยากถูกหวยครับ คนที่นี่ไม่มีความปลอดภัยเหลืออยู่แล้ว








โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:14:13:08 น.  

 
สงสารคนบริสุทธิ์ที่อยู่บริเวณนั้นจังเลยครับ


โดย: เงือกลม วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:15:49:39 น.  

 
การเมือง

ศาสนา

สงคราม


เศร้า และ สลด


โดย: zmen วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:15:49:42 น.  

 
กรณีปัญหาชายแดนใต้นั้น ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีมาตรการแก้ไขอยู่ แต่รัฐไม่เคยแล เนติบริกรไม่เคยแนะ หรือจะแนะแต่ ทักษี่ไม่เชื่อ หลักรัฐธรรมนูญดังกล่าว คือ มาตรา ๔๖ ครับท่าน

มาตรานี้ยอมรับสิทธิชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม ที่เขาสามารถมีสิทธิอนุรักษ์ ฟื้นฟูจารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะหรือวัฒนธรรม...........ของตนได้

หลักดังกล่าว มีที่มาทางประวัติศาสตร์กฎหมายจากกติกาที่มีรากฐานความคิดแบบ "พหุนิยมทางวัฒธรรม" (Pluralism) ที่บรรจุอยู่กติการะหว่างประเทศที่เกี่ยวกับ สิทธิพลเมือง สิทธิของชนกลุ่มน้อย หลายฉบับ จนเค้ายอมรับกันทั่วโลก แล้วไทยก็รับมาเป็นหลักรัฐธรรมนูญ(ผมว่าน่าจะผลักดันโดยนักวิชาการสาย อ.เสน่ห์ )

แต่รัฐบาลไม่รู้ ไม่เข้าใจ ก้มหน้าก้มตา เป็นเอกนิยมอยู่ร่ำไป มาตรา 46ถ้าใช้สมองเพิ่ม ออกกฎหมายรองรับ สร้างระบบ ประกาศอัตลักษณ์ของเขาให้ชัด เหมือน Eminem ไปร้องเพลงแร็พ ซะน่าจะดีกว่า ออกกฎหมายไปกดหัวกบาลคน

กรณีตันหยง เสียใจครับ แต่กรณีตากใบ กรือเซะ ก็มีคนเสียใจ เหมือนกัน

กรณีสั่งยุบโรงเรียนปอเนาะ ไม่รู่ท่านใดผีเจาะปากให้พูด
ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร ขอหยิบสำนวนไอ้ฉุยเพื่อนรักที่ชอบด่าผมเล่นๆ ว่า "โง่แล้วอยากนอนเตียง" น่าจะดีที่สุด



โดย: greenmercy IP: 61.90.250.73 วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:16:15:10 น.  

 
สลดใจมากค่ะ


โดย: ป้ามด วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:17:08:31 น.  

 
อ่านแล้วมีแต่เศร้ากับสลดค่ะ พยายามอ่านข่าวและดูทีวีและจะไม่คิดอะไรก็ไม่ได้เพราะมันสะท้อนหลายๆ อย่างเหลือเกิน บอกตรงๆ ว่าโกรธและแค้น ทำกันแบบนี้เหมือนไม่ใช่คนแน่ะคะ


โดย: JewNid วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:21:29:38 น.  

 
อ่านข่าวแล้วก็น้ำตาร่วง ได้แต่ถอนหายใจ
นี่ขนาดเราไม่ใช่ญาติพี่น้องอะไรยังรู้สึกสลดได้ขนาดนี้ เฮ้อ... น่าเศร้าใจจริง ๆ ค่ะ

คนไทยด้วยกันไม่น่าทำกันแบบนี้


โดย: ZAZaSassY วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:22:13:28 น.  

 
เรื่องส่งเสริมความเป็นเอกลักษณ์ของสังคมท้องถิ่น ผมว่ารัฐเราส่งเสริมมากกว่าที่ไหน ๆ ในโลกแล้วละครับ เสรีภาพในการพูด ฯลฯ เราก็มีมากกว่าที่ใดในโลก มากจน ไม่ต้องรับผิดชอบ เหมือนดังหลักกฎหมาย เรื่อง First Amendment ที่กระผมได้เขียนในไว้บล๊อกของท่าน ศาตรา ฯ หรือ ท่านเขียนผู้ปรานี (Greenmercy) นั่นแหละ

นโยบายของรัฐ เป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญกล่าวไว้กว้าง ๆ ว่า รัฐควรดำเนินการอะไรหรือไม่ แล้วแต่ดุลพินิจของรัฐ ซึ่งแน่นอนจะต้องกระทำอย่างเหมาะสม และมียุทธวิธีที่ดีพอ มีคนชอบยกตัวอย่าง ตอนเปิดเสรีทางการเงินฯ สมัยคุณธารินทร์ฯ กับคุณชวนฯ นั่นแหละ นักวิชาการส่วนใหญ่ก็บอกเราไม่พร้อมจะทำอย่างนั้นฯ ไอ้เรื่องเสรีทางการเงินและการดำเนินทางเศรษฐกิจ ก็เป็นแนวนโยบายพื้นฐานของรัฐฯ ที่ไม่มีผลเป็นการบังคับรัฐบาลให้กระทำแต่อย่างใด แต่มันอยู่ที่ว่าเรามีความพร้อมที่จะรับสถานการณ์ขนาดไหน เพราะการดำเนินการอะไร ย่อมมีปัญหาไปหมดฯ

อย่างเรื่องปัญหาในภาคใต้ เมื่อก่อน เด็กนักเรียนทุกคน ต้องพูด อ่าน เขียน แต่งกายชุดนักเรียนแบบภาคอื่น ๆ ไม่เห็นเคยมีปัญหา ต่อมาก็บอกว่า ต้องให้อิสระในความคิด ฯลฯ ซึงผมไม่ได้บอกว่าไม่พูด อิสระ ต้องมีกรอบของกฎหมาย เรายอมรับให้ประชาชนในเขตดังกล่าว ใช้กฎหมายมรดกของตนเอง ฯลฯ จนปัจจุบัน เขาไม่ยอมแม้แต่จะพูดภาษาไทยไง ........ นี่ไง ส่งเสริมความเป็นเอกลักษณ์ฯ ที่ขาดระบบจัดการที่ดี ปัญหา มันไม่ได้เกิดในวันเดียวหรอกมั๊ง มันสะสมมาตั้งแต่รัฐฯ บอกว่า "มึงจะทำอะไรก็ทำ" นั่นแหละ มันจึงเกิดเรื่องขึ้นมากมาย ผมไม่ได้บอกให้ยุบโรงเรียนปอเนาะ หรือ ไม่ต้องส่งเสริมความเป็นเอกลักษณ์ของเขานะครับ ... แต่ต้องการบอกว่า ทุกอย่างต้องมีระบบจัดการที่ดี ถ้ายิ่งทำให้เขารู้สึกแตกต่างจากคนไทยมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งยากที่จะเยียวยา.... ความเห็นส่วนตัวนะครับ

ปัญหานี้ คงเปรียบกับกรณีตากใบลำบาก เพราะข้อเท็จจริงต่างกันมาก กรณีตากใบ ก็หาใช่ว่า ทหารไปไล่จับคนที่กำลังกรีดยาง หรือ ซ่อมรถยนต์ข้างทางเสียเมื่อไหร่ ถ้าข้อเท็จจริงปรากฎว่า ทหารไปไล่จับคนที่กำลังกินข้าว กรีดยาง หรือ ซ่อมรถยนต์อยู่ ก็ต้องตำหนิกันอย่างไม่มีทางแก้ตัว แต่กรณีดังกล่าว เป็นความพยายามที่จะทำให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายของบ้านเมือง ที่ทั่วโลกก็ยอมไม่ได้เหมือนกันฯ กรณีดังกล่า หากจะมีข้อผิดพลาดแล้วมีผู้เสียชีวิต ก็ว่าไปตามกระบวนการเยียวยา และกฎหมายฯ

กรณีนี้ จะเห็นได้ว่า ชาวทำกับทหาร... แย่ยิ่งกว่า การกระทำของ กทม. จับหมาจรจัดข้างถนนนซะอีก จากภาพข่าว ก็เห็นเขาเอาทหารไปมัดมือไขว้หลัง เอาผ้ามัดปาก ท่อนบนเปล่าเปลือย ให้นอนอยู่บนพื้นทีที่ไม่สามารถป้องกันอันตรายได้ หมาที่ กทม. จับ มันยังถูกเก็บไว้ในกรงเหล็กเลยกระมัง ... ทั้งป้องกันมันกัดกันเอง และป้องกันมิให้มันทำร้ายใคร และไม่ถูกทำร้าย

เมื่อข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่ปรากฎฯ แล้วจะหาว่ากระผม สรุปเกินเหตุว่าพวกเขาช่างใจร้ายใจดำฯ ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เขาอาจจะ หรืออาจจะไม่เล็งเห็นผลตั้งแต่ต้นหรือไม่ ก็เป็นเรื่องสุดจะบอกได้ แต่ที่แน่ ๆ ถ้าจะจับเป็นตัวประกันจริงฯ ก็ควรจะทำอะไรให้เหมือนทำกับคนยิ่งกว่านี้ครับ ไม่ใช่ มัดเหมือนตัว(เหี้ย) อะไรก็ไม่ทราบ แล้วก็ไม่ดูแล ปล่อยให้ใครเอามีดมาจิ้มพุงเล่น จนไส้ทะลักฯ

ถ้าจะบอกว่า ไม่ตั้งใจ ก็น่าจะจิ้มได้ทีเดียว ตอนคนเผลอฯ แต่นี่ ตามภาพฯ เนื้อตัวบอบช้ำฯ เหมือนถูกซ้อมข้ามวันข้ามคืน แทงจนไส้ทะลักนี่ ลองคิดดูว่า ...มันต้องแทงสักกี่ครั้ง ...... น่าเศร้าใจจริง ๆ ครับ


โดย: POL_US วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:23:24:18 น.  

 


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:9:03:43 น.  

 
นี่เรากำลังเต้นไปตามบทของพวกผู้ก่อร้ายรึเปล่า้เี่นี่ย แต่ก็อดโกรธแค้นไม่ได้จริงๆ


โดย: praphrut608 วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:10:30:56 น.  

 
ผมอ่านข่าวนี้เมื่อวาน อ่านไปก็รู้สึกสลดใจไป ทั้งๆที่ทหารทั้งสองท่านเข้าไปปฏิบัติงาน เสียสละเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงภัย แต่กลับถูกทารุณกรรมด้วยมือคนไทยด้วยกันเอง
สภาพศพโดนจับมัด ทุบด้วยไม้ แทงด้วยมีด,ชะแลงจนเละ

แม้เรื่องนี้จะบอกว่ามีเบื้องหลัง มีคนยุยง แต่การกระทำของชาวบ้านก็เกินจะให้อภัยเช่นกัน จะมาอ้างคนของหมู่บ้านถูกยิงเสียชีวิต และสงสัยว่าทหารทั้ง2ท่านเป็นคนทำ แต่การใช้ศาลเตี้ยตัดสินชีวิตคน มันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับได้

ผมเองก็เห็นด้วยกับทุกๆท่านที่บอกว่า ชีวิตทุกชีวิตมีค่า แต่ดูเหมือนนโยบายก่อนหน้านี้จะคำนึงถึงชาวบ้าน แต่ไม่ได้คำนึงถึงคนที่เข้าไปปฏิบัติงาน ลองคิดดูสิครับ ทหารทั้ง2ท่านมีทั้งมีปืนพก มีเอ็ม16 แต่ยอมให้ชาวบ้านจับตัวนั่นเพราะอะไร
เพราะเรามักมองในแง่มุมว่าทหารต้องไม่ใช้กำลัง ต้องใช้ความนุ่มนวลกับชาวบ้าน ถ้าทหารทั้ง2ท่านต่อสู้เพื่อให้ตัวเองรอดจากการจับตัวของชาวบ้าน ก็คงโดนประนามว่าทหารเลว

เราพยายามคุ้มครอง ให้สิทธิเสรีภาพ ให้อิสระกับชาวบ้านเหล่านั้นแต่บางทีเราก็ลืมว่าคนที่เข้าไปปฏิบัติงาน เขาก็มีชีวิต มีครอบครัวเหมือนกัน
ถ้าความยุติธรรมมีจริง ถ้าสิทธิมนุษยชนมีจริง คนที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ก็ควรได้รับความคุ้มครอง
หวังว่าจะมีมาตรการที่เด็ดขาดสามารถคลี่คลายสถาณการณ์แบบนี้ได้ และคนทำผิด ทั้งผู้ที่อยู่เบื้องหลังและคนที่ลงมือฆ่าจะถูกลงโทษในสิ่งที่กระทำตามกฏหมาย


โดย: Carlziess Lens วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:10:34:21 น.  

 
ตี๋น้ิอย แวะมาทักทายในวันศุกร์ครับ


โดย: Zantha วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:11:26:57 น.  

 
ผมได้รับภาพผู้ตายทั้งสองท่านมาจากเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่ง สภาพศพฯ เป็นดังคุณหมอป๊อบฯ ว่าไว้ นอกจากนี้ ผลการชันสูตรยังพบว่า สภาพร่างกาย มีลักษณะถูกทำร้ายตลอดคืน ก่อนจะเสียชีวิต ถูกน้ำร้อนลวก มีรอยกัดคล้ายมดแดงจำนวนมาก ฯลฯ

ผมไม่กล้าจะเอามาลงไว้ เพราะเป็นการไม่เคารพผู้ตายฯ และเกิดการยั่วยุมากขึ้น น่าเสียใจครับ


โดย: POL_US วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:13:10:46 น.  

 
เป็นข่าวที่น่าเสียใจอีกข่าวครับผม...
เดี๊ยวนี้มนุษย์สามารถฆ่าล้างมนุษย์ด้วยกันง่ายดายเหลือเกิน
คุณธรรมสูญหายไปหมดแล้ว...
ขอร่วมไว้อาลัยแด่ทหารหาญทั้งสองท่านครับ...
พี่Polรักษาสุขภาพครับผม...


โดย: อัยคุง วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:13:28:55 น.  

 
อย่างไรเสียกระผมเอง ไม่ยืนอยู่ข้างใครครับ แต่ขอยืนอยู่ข้าง เมตตาธรรม สันติประชาธรรม ครับผม

รับไม่ได้กับ ตันหยงลิมอร์สังหาร แต่ก็รับไม่ได้กับ กรณี ตากใบเหมือนกัน รับไม่ได้กับความรุนแรงครับ

อย่างไรเสีย ขอแสดงความเสียใจอีกครั้ง


โดย: greenmercy IP: 61.90.250.73 วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:14:23:40 น.  

 
เรียนท่านพี่พลด้วยความเคารพรัก

เรื่องยึดโรงเรียน ปอเนาะ ท่านพี่มิได้เสนอและพูดครับ

ผมเองเสียใจยิ่งครับเมื่อเห็นสภาพศพ เพียงแต่ให้แง่คิดเพิ่มเติมสำหรับฟากรัฐด้วย

ผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงข้ามกับรัฐ แต่ผมยืนอยู่ตรงข้ามกับภาครัฐที่ไม่ใช้สันติวิธี (ในอดีต) และผมก็ไม่ได้ยืนหรือเชียร์ให้ชาวบ้านเอามีดไปควักไส้เพื่อนมนุษย์ด้วยกันมาออกที่วีเหมือนกัน ต้องดำเนินตามกฎหมายครับ

กรณีนี้ขอเชิญพี่ไปเยี่ยมเมืองไทยที่ บล็อกผมได้ขอรับ เขียนไว้ขำๆเหมือนกัน

บุญรักษาชีวาสดชื่น ครับ ท่านพี่


โดย: greenmercy IP: 61.90.250.73 วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:15:14:31 น.  

 
กราบเรียน น้องโต!

ต้องขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดนะครับ พี่ไม่ได้กล่าวโทษน้องโตว่า พี่พูดให้ยุบโรงเรียนปอเนอะเลย.... ( ตูมีปัญหาในการสื่อสารหรือวะเนี่ย)

สำหรับโรงเรียนที่ว่า ควรส่งเสริม และมีระบบจัดการที่ดี มาตรการที่ใช้ ต้องไม่ทำให้เขารู้สึกว่า เขาไม่ใช่คนไทย ระบบมาตรฐานการศึกษาและหลักสูตร จึงต้องมีระบบประกันคุณภาพ และเรียนรู้เอกลักษณ์ประจำชาติไทย ร่วมกัน ไม่ใช่เขารู้สึกว่าเขาเป็นแขก แตกต่างจาก คนไทย อย่างในอดีตที่ปล่อยปละละเลย เพราะอ้างแต่ว่า ส่งเสริมความเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นนี่แหละ ทุกอย่างต้องมีกฎกติกาการอยู่ร่วมกันครับ

พี่เข้าไปอ่านบล๊อกเราแล้ว แต่ไม่ได้แสดงความเห็น ครับ ยังทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในระยะเวลาที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้อยู่ในไทย แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะประเทศไทยไม่มีความสงบสุขฯ ประชาชนส่วนใหญ่ และตัวผมเองก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน

ถ้าคนไทยส่วนใหญ่ รักใคร่สามัคคี เลิกมีอคติที่จนสุดขั้ว ปรองดองกันเสียที คิดอะไรก็ให้อยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้งเป็นอันดับแรก รักษาหน้าที่ของตนอย่างเคร่งครัด ความผาสุกและความเจริญ คงเกิดขึ้นในเร็ววันครับ



โดย: POL_US วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:15:37:17 น.  

 
โกรธ


โดย: sunnine วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:16:14:07 น.  

 
เห็นสภาพของสองท่านจากเมล์แล้วยิ่งสลดครับ


โดย: เงือกลม วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:17:06:26 น.  

 


สันติ..สันติ..สันติ


โดย: กุมภีน วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:17:47:59 น.  

 
เฮ้อ

ทำได้แค่ถอดถอนหายใจ


โดย: ศล วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:18:33:05 น.  

 
เรียนท่านเจ้าของบล็อก ครับ

ผมคงมิบังอาจบอกว่า ท่านเรียนสิทธิมนุษยชนมาน้อยกว่าผมกระมัง เพียงแต่ เมื่อการตั้งประเด็น หรือจะเรียกว่า ข้อสังเกตอะไรก็สุดแท้แต่ ขึ้นมาของท่านมันดูไม่เคลียร์ ก็ำเลยลองยกสิ่งที่พอทราบมาแลกเปลี่ยน แบ่งปันกันเท่านั้น ถ้าคิดว่าน่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ก็ยินดี แต่ถ้าคิดว่า ไม่จำเป็นหรอก เรารู้ดีพออยู่แล้ว นั่นคงไม่ใช่ปัญหาของผมแล้วครับ...

ปัญหาเรื่องใครเรียนน้อย เรียนมากไม่สำคัญสำหรับผม เรียนน้อยกว่า แต่ทำความเข้าใจได้มากกว่า กับ เรียนมามากกว่า แต่ไม่พยายามทำความเข้าใจเอาซะเลย...อย่างแรกคงดีกว่าจมหู

ประเด็นเรื่อง "ประโยชน์" ความหมายที่ทั้งท่านเจ้าของบล็อก และสิ่งที่ผมสื่อไว้ ไม่ต่างครับเพราะผมเองก็หาได้หมายเฉพาะประโยชน์ที่เป็นทรัพย์สินเงินทอง
เท่านั้น เอาเป็นว่า ข้ามไปแล้วกัน เพราะประเด็นนี้มันเคยร้อนมาพอแล้ว

จากคำกล่าวของท่านที่ว่า

"...มาตรการที่รัฐออกมา ถ้ามันสำเร็จได้ในเวลาฉับพลันก็คงจะดีซิครับ อยากรู้เหมือนกันว่า มันมีไหมไอ้มาตรการที่ว่า ออกมาแล้วทุกอย่างเรียบร้อยในทันทีทันใด..."

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ และไม่เคยเรียกร้องว่า ต้องหายวันหายคืน ในชั่วพริบตา ที่สำคัญมันเริ่มจะเิกินกำลังของรัฐไปมากเสียแล้วด้วยซ้ำ คงต้องใจเวลาเป็นธรรมดา

เีพียงแต่....ขอให้ท่าน นำถ้อยคำนี้ กลับไปใช้กับ "หลักการสมานฉันท์ และสันติวิธี" ด้วยนะครับ...หุ ๆ ๆ เพราะ ครั้งที่แล้วที่ประเด็น พรก. ร้อน ผมก็เห็นว่า ท่าน ๆ ทั้งหลายที่เห็นด้วยกับพรก. ออกมาบ่นกันทุกคนว่า "...แหม สันติวิธี มันไม่ทันใจตูเลยว่ะ..." จำได้อ๊ะเป่า ???

ดีครับดี...ที่ท่านทำหน้าที่ของท่าน บนพื้นฐานประสบการณ์ชีวิตของท่าน มันคงต้องเหนื่อยยากระดับหนึ่ง ผมเอาใจช่วย และก็ขอส่งกำลังใจไปให้พี่น้องทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ ในการช่วยกันแก้ไขปัญหา ดูแลพี่น้องที่ภาคใต้

แต่....ท่านโปรดอย่าไปคิดเลยครับว่า คนอื่น ๆ ที่เขาก็กำลังทำหน้าที่ตามฟังชั่นของเขาอยู่เหมือนกัน เขาสบายกว่า หรือเหนื่อยยากลำบากน้อยกว่าท่าน ก็ดังที่เคยบอก ๆ ไว้แหละครับ ทุกคน ที่มีหน้าที่ และทำหน้าที่ในสังคมนี้ มันก็เป็นฟันเฟืองตัวหนึ่่งที่จะช่วยกันขับเคลื่อนสังคม หรือ ช่วยกันแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้

มีแต่หน่วยปฏิบัติ ไม่มีหน่วยคิด ไม่มีหน่วยกลั่นกรองความถูกต้อง ไม่มีการถ่วงดุลย์ การทำงานมันก็ไปไม่ได้ หรือถ้ามันจะไปได้ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลมันก็ไม่ดี หรือไปได้ไม่นาน ในทางตรงกันข้าม มีแต่ หน่วยคิด ไม่มีหน่วยปฏิบัติ มันก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน

ถ้าทุกคนตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตน พร้อม ๆ กับเปิดใจรับฟังผู้ทำหน้าที่ในอีกฟากหนึ่งบ้าง ป่านนี้สังคมไทยคงไปลิ่ว ๆ แล้ว...อย่าเลยครับ อย่าไปมองแต่ว่า กูลำบาก มึงสบาย ความคิดของคนสบาย... คนลำบากอย่างกูไม่เห็นว่ามีประโยชน์...สังคมก็จบเห่กันเท่านั้นเอง

แหะ ๆ สุดท้ายครับ ท่านเจ้าของบล็อกอย่าใส่อารมณ์เกรี้ยวกราดไปเลยครับ...จากคำกล่าว
ของท่านที่ว่า

"...ถ้าจะจับเป็นตัวประกันจริงฯ ก็ควรจะทำอะไรให้เหมือนทำกับคนยิ่งกว่านี้ครับ ไม่ใช่มัดเหมือนตัว(เหี้ย)..."

อ่านแล้วตกใจน่ะครับ... ปัญหาแบบนี้ คงต้องแก้กันด้วยปัญญาครับ ไม่ใช่อารมณ์ เพราะถ้าใช้อารมณ์เมื่อไหร่ ก็เข้าทางคนร้าย ที่อยู่เบื้องหลังเท่าั้นั้นเอง แล้วคนที่จะซวย ก็เป็นใครไปไม่ได้ นอกจากชาวบ้าน ที่โดนจับเ่ล่นไปตามเกม เกมที่ผู้ร้ายชนะมั่ง เกมที่รัฐชนะมั่ง แต่ชาวบ้านนอกจากไม่เคยชนะกับเขาแล้ว ยังมีแต่เสียกับเีสีย เสียลูก เสียผัว เสียอิสรภาพ เสียขวัญ เสียกำลังใจ

ตอนนี้ เรื่องมันซับซ้อนมาก คงต้องหันมาช่วยกันขบ ช่วยกันคิด ช่วยกันตั้งคำถามว่า ทำไมถึงเกิดเหตุน่าสลดใจแบบนี้ มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง มีต้นตอมาจากที่ไหน ก็แก้ไขกันไป ไม่ใช่ไล่ใช้อารมณ์ หรือเกรี้ยวกราดใส่อยู่แต่กับ "ผล" โดยไม่เคย ไล่ดับกันที่ตัว "เหตุ"

เหตุไม่ดับ ผลมันจะดับได้ไงล่ะครับ ?

แหม....แต่ อย่าว่าแต่ ท่านเจ้าของบล็อกเลยครับ แต่ก่อนนานมา ผมเอง ก็เคยเป็นนะ ตอนตากใบ ไงท่านจำได้ไหมครับ

"ควรจะทำอะไรให้มันเหมือนกับคนทำกับคนหน่อย ไม่ใช่ มัดมือมัดเท้ายังกับ... แถมให้นอนซ้อนทับกันสามสี่ชั้น จนหายใจไม่ออก ขี้แตกตายอนาจ ยังกับผักเน่า ปลาเน่า...มันทำกับคนด้วยกันได้ยังไงวะ ???"

ด้วยมิตรภาพครับ



โดย: Cheguevara IP: 137.193.11.27 วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:22:05:58 น.  

 
It was a tragedy of misunderstanding and mistrust. Someone planned this incident to stimulate and call for more violence.

We have Iraq-like area just in the southern part of our country. When will this finish?



โดย: Celtic Scholar IP: 61.91.119.168 วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:23:21:41 น.  

 
มาร่วมไว้อาลัยคับผม


โดย: St.Patrick วันที่: 24 กันยายน 2548 เวลา:1:37:38 น.  

 
บังเอิญไปเจอมา....จึงนำมาโพสต์ไว้

"หมอพรทิพย์บอกว่า นี่คือการทรมานและการฆ่าที่สุดโหดโคตรเหี้ยม ! (ข้อมูลจากรายการคุยคุ้ยข่าว คืนนี้ ศุกร์ 23 ก.ย.48 )

เป็นข้อมูลสด ๆ ร้อน ๆ ที่ผมได้รับมาจากรายการคุยคุ้ยข่าว ถึงการออกมาแถลงผลการชันสูตรศพของทหารกล้าทั้งสองนายโดยคุณหมอพรทิพย์และทีมงาน

ซึ่งแค่ได้ยินได้ฟังก็ต้องขนลุกถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตของอ้ายอีพวกนี้ คุณหมอบอกว่าทหารทั้งสองนายถูกทรมานอย่าหนักตั้งแต่คืนที่ถูกจับได้........................

วิธีการก็มีตั้งแต่ใช้เชือกขันชะเนาะแขนขาจนเลือดคั่ง แขนและขาบวมจนถึงขนาดที่ว่าถึงรอดตายมาก็ต้องพิการสถานเดียวเท่านั้น

ใช้มดแดงทั้งรังมาปล่อยใส่ร่างกายของนายทหารทั้งสอง ซึ่งต้องได้รับความทรมานอย่างแสนสาหัสจาการถูกกัดจากมดแดงนับร้อยนับพันดิ้นก็ดิ้นไม่ได้ ร้องก็ร้องไม่ออก ....... มีการใช้ของแข็งทุบจนน่วมไปทั้งร่างกาย...

ใช้ของแหลมทั้งมีด ชะแลง และไม้ทิ่มแทงเข้าไปในร่างของทหารกล้าทั้งสอง เสร็จแล้วก็ยกขึ้นเหนือหัวเพื่อให้เลือดหยดลงมาใส่ร่างของพวกเขาทั้งสอง เลือดเหยื่อหยดใส่ตัวเหยื่อจนแดงฉาน นี่เป็นการทรมานที่สุดโหดโคตรเหี้ยมและอำมหิตผิดมนุษย์มนา .............................

จากสองทุ่มข้ามคืนสู่ตอนเช้าของอีกวัน นานนับสิบ ๆ ชั่วโมงที่ทหารทั้งสองนายต้องเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสจากการทำทารุณ .................."


โดย: POL_US วันที่: 24 กันยายน 2548 เวลา:10:39:11 น.  

 
เรียนท่านที่เข้ามาอ่าน และแลกเปลี่ยนความคิดครับ

ขอบคุณแทนทหารกล้าด้วยครับ ทุกคนคงเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนคุณ Cheguevara คงจะเข้าใจผิดในประเด็นของผมเรื่องพระราชกำหนด หรือ เรื่องนี้ไปมาก ผมเองก็ยืนในจุดสันติฯ แต่ผมไม่เคยคิดว่า ไอ้คำว่า "สมานฉันท์" อย่างเดียวมันจะได้ผลต่างหาก หากอ่านความเห็นผมดีพอ ในทางตรงกันข้าม ผมเขียนตลอดว่า การปกครอง ต้องมีทั้ง "พระเดชและพระคุณ" ซึ่งก็สะท้อนอยู่แล้วว่า ไม่สามารถใช้ไม้อ่อนได้อย่างเดียว และก็ไม่สามารถใช้พระเดช ได้อย่างเดียวเช่นกัน

เรื่องความเข้าใจในเรื่องสิทธิมนุษยชนของท่านจะดีเพียงใด หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นของผมเช่นกัน เพราะผมก็ไม่อาจจะอวดอ้างว่าผมรู้ดีกว่าท่านได้เลย เพราะผมไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร ..... ผมก็มีความเข้าใจของผม เพราะเรียนรู้เรื่องนี้มาทั้งในด้านรัฐศาสตร์และกฎหมายมาช้านาน

สุดท้าย ด้วยความเคารพ ผมก็ไม่เคยเห็นด้วยกับวิธีการนอกกฎหมายเลย นับแต่การอุ้มทนายคนนั้น ที่ผมก็ไม่เคยรู้จัก ได้แต่อ่านประวัติที่ไม่ค่อยโสภาฯ ( ทนายคนนี้ ให้สัมภาษณ์อย่างสุดยอดว่า ตำรวจทรมานคนร้ายด้วยการเอาขี้ยัดปากคนร้ายให้รับสารภาพ ฯลฯ ซึ่งเขาใช้วิธีการนี้มาตลอดเวลาการมีชีวิตของเขา ฯลฯ) ผมก็ไม่เห็นด้วยมานานแล้ว แต่ก็ไม่เห็นด้วยว่า ต้องใช้แต่สันติวิถี ชาวบ้านจะทำอะไรก็ทำ ทางการไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน




โดย: POL_US วันที่: 24 กันยายน 2548 เวลา:10:43:04 น.  

 
ขอ quote ประโยคจาก พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพ ที่ประชนชนไทยควรใส่ใจให้มากไว้นะครับ


พวกเราชาวไทย กล้าหาญชาญชัยตลอดมา
ทว่า เรารักสันติภาพ
ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของพวกเราทุกคน


...


โดย: Nutty Professor วันที่: 25 กันยายน 2548 เวลา:3:28:54 น.  

 
เห็นด้วยกับคุณ POL_US ครับ

จากประชาชนธรรมดา


โดย: noom_no1 วันที่: 25 กันยายน 2548 เวลา:21:51:54 น.  

 
เข้ามาไว้อาลัยอีก


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:2:18:39 น.  

 
เข้ามาฟังเพลงอะ คุณPOL_US เรียกอินทรีทองคำ ว่า อินทรีก็ได้อะจะจาได้พิพม์ง่ายๆ


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:4:25:53 น.  

 
ผมไม่อยากเสียใจและไว้อาลัยพร่ำเพรื่อ ไม่ว่าต่อข้าราชการหรือชาวบ้านที่เสียชีวิต ขอให้เหตุการณ์คลี่คลายโดยเร็วครับ หวังว่าคนในท้องถิ่น เขาจะคงจะมีสติฯ ขึ้นมาบ้าง ไม่ตกเป็นเหยื่อในการชักจูงใจของคนร้ายได้ง่ายดายเช่นที่ผ่านมา ทุกคนคงต้องร่วมมือ ร่วมใจ และที่สำคัญ "ร่วมแรง" กัน พัฒนาชาติไทยเสียที เลิกเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เลิกอคติจนสุดขั้ว ทั้งฟากรัฐบาลและนักวิชาการฯ ครับ


โดย: POL_US วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:5:02:37 น.  

 
มาฟังขวัญดาวตามคำชวน ไพเราะมากครับ
อยากให้สังคมมีสันติสุขและความรักต่อกันมากๆจังอ่ะ


โดย: เงือกลม วันที่: 27 กันยายน 2548 เวลา:8:23:36 น.  

 
อย่าเห็นแก่ตัวมัวพะวง.............ลุ่มหลงฤศยาไม่ควรที่ ;
อย่าต่างคนต่างแก่งกันแย่งดี.....อย่าให้ช่องไพรีที่มุ่งร้าย .
แม้เราฤศยากันและกัน.............ไม่ช้าพลันจะพากันฉิบหาย ;
ระวังการยุยงส่งร้าย..................นั่นแหละคือเครื่องทำลายสามัคคี .
คณะใดศัตรูผู้ฉลาด..................หมายมาดทำลายให้เร็วรี่ ,
ก็ยุแยกให้แตกสามัคคี.............เช่นกษัตริย์ลิจฉวีวงศ์โบราณ .
พราหมณ์ผู้เดียวรับใช้ไปยุแหย่...สาระแนยุญาติให้แตกฉาน ,
จนเวลาศัตรูจู่ไปราญ...............มัวเกี่ยงกันเสียการ , เสียนคร.
ฉนั้นไซร้ขอไทยจงร่วมรัก.........จงร่วมสมัครสโมสร ,
เอาไว้เผื่อเมื่อมีไพรีรอญ...........จะได้สู้ดัสกรด้วยเต็มแรง .
ไทยรวมกำลังตั้งมั่น..................จะสามารถป้องกันขันแข็ง ,
ถึงแม้ว่าศัตรูผู้มีแรง...................มายุทธแย้งก็จะปะลาศไป .
ขอแต่เพียงไทยเราอย่าผลาญญาติ....ร่วมชาติร่วมจิตเป็นข้อใหญ่ ;
ไทยอย่ามุ่งร้ายทำลายไทย..............จงพร้อมใจพร้อมกำลังระวังเมือง .
ให้นานาภาษาเขานิยม.....................ชมเกียรติยศฟูเฟื่อง ;
ช่วยกันบำรุงความรุ่งเรือง.................ให้ชื่อไทยกระเดื่องทั่วโลกา .
ช่วยกันเต็มใจใฝ่ผดุง.......................บำรุงทั้งชาติศาสนา ,
ให้อยู่จนสิ้นดินฟ้า...........................วัฒนาเถิดไทย , ไชโย !

พระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖


โดย: ระมาด IP: 66.191.112.237 วันที่: 27 กันยายน 2548 เวลา:11:13:06 น.  

 


โดย: POL_US วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:9:40:26 น.  

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.