Group Blog
 
All blogs
 

* o * ......แกงเลียงกุ้งสด.....

lozocatlozocat


เมนูนี้ก็เป็นเมนูง่าย ๆ ธรรมดา ๆ สำหรับคนอื่น (แต่ตัวเองก็ทำไม่เป็นเหมือนกันค่ะ) แต่คราวนี้มีแม่มาคอยกำกับ ก็เลยได้ทำเป็นอีกแล้ว



เครื่องปรุงข้างบน อาจจะแปลก ๆ หน่อย คือแม่เค้าให้ใส่กระชายด้วย จำได้ว่าเค้าไม่ใส่กันนี่หว่า แต่ไม่เป็นไรเพื่อคุณค่าทางโภชนาการที่มากกว่า ก็ใส่ไป แต่คราวหน้ากะว่าจะใส่กุ้งแห้ง ลงไปปั่นด้วย

และที่ขาดไม่ได้เลย



คราวนี้แม่เค้าซื้อผักที่แม่ค้าเค้าขายสำหรับทำแกงเลียงโดยเฉพาะมาเลย ก็ได้ครบหลายอย่างดี



แต่วัถตุดิบสำคัญอีกอย่างที่ลืมถ่าย คือกุ้งสดค่ะ

วิธีทำก็เอาเครื่องทุกอย่างปั่นรวมกัน แล้วก็ใส่เครื่องที่ปั่นแล้วลงหม้อใส่น้ำ ใส่เกลือนิ๊ดนึง ใส่ผักที่สุกยากลงก่อนแล้วก็ตั้งเตา พอน้ำเดือดผักที่ใส่ไปทีแรกสุกดีแล้วก็ใส่กุ้งสด ใส่ผักที่เหลือ ชิมรส แค่เนี๊ยะเสร็จแล้ว





และครั้งนี้มีประโยชน์ของกระชายมาฝากค่ะ

กระชายมีรสเผ็ดร้อน สารสำคัญในรากและเหง้ากระชายมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยเจริญอาหารและแก้โรคในช่องปาก

1. แก้บิด ท้องร่วง ท้องเสีย นำรากกระชายย่างไฟ ตำให้ละเอียด ผสมน้ำปูนใสคั้นเอาแต่น้ำดื่ม

2. รักษาโรคริดสีดวงทวาร ต้มกระชายพร้อมมะขามเปียก เติมเกลือแกงเล็กน้อย รับประทานก่อนนอนทุกวัน

3. ช่วยบำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะ ตำรากกระชาย 1 กำมือให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำ ผสมกับน้ำผึ้ง รับประทานก่อนอาหารเย็น

4. ช่วยบำรุงหัวใจ กระตุ้นให้หัวใจเต้นสม่ำเสมอ นำกระชายแห้งบดให้เป็นผงละลายกับน้ำร้อน

5. นำรากกระชาย ตะไคร้ หอมแดง ข่า ใบสะเดาแก่ ตำผสมกัน ใช้ฉีดบริเวณที่มีแมลงรบกวน


lozocatlozocat









 

Create Date : 23 มีนาคม 2552    
Last Update : 23 มีนาคม 2552 12:04:48 น.
Counter : 3749 Pageviews.  

* o * ...... แกงส้มปักษ์ใต้ ใส่ปลาโทงเทง.....




lozocatlozocat


แกงส้ม ความจริงแล้วเป็นเมนูง่าย ๆ แต่มันไม่ง่ายสำหรับเชอร์รี่เล้ยทำทีไรรสชาติแปลก ๆ ทุกที แล้วปกติก็จะซื้อน้ำพริกแกงสำเร็จรูป

ที่แม่เคยบอกเคยสอนไม่เคยจะจำ พวกน้ำพริกแกงแบบนี้ต้องใส่อะไร ความจริงแม่สอนค่ะ แต่ไม่เคยจำ มีความรู้สึกว่ายุ่งยาก หลายอย่างจำไม่ไหว แต่พอดีวันนี้มีแม่มาอยู่พักฟื้นที่บ้านด้วย เลยได้โอกาสทำน้ำพริกเองซะเลย โดยมีแม่คอยกำกับค่ะงานนี้

ความจริงมันก็ไม่ยากเลย สำหรับคนขี้เกียจอย่างเรา เครื่องปั่นน่ะปั่นไปเลย แป็บเดียวเดี๋ยวได้กินแล้ว

เครื่องปรุงน้ำพริก ตามรูปเลยค่ะ (กลัวตัวเองลืมนะเนี๊ยะ)



ปั่นทุกอย่างรวมกันเลย ยกเว้นมะขามเปียกค่ะ ต้องแช่น้ำอุ่น เอาไว้ปรุงรสความจริงจะมีมะนาว กับน้ำตาลปี๊บนิ๊ดนึง ด้วย แต่ลืมรูปค่ะ ถ้าเปรี้ยวไม่สะใจก็บีบมะนาวได้เลย



วันนี้ทำแกงส้มผักบุ้ง ใส่ปลาโทงเทง ไม่รู้ตัวเป็นไง เห็นแต่ที่แม่เค้าซื้อมาจะเป็นชิ้นใหญ่ ๆ เนื้อขาว ๆ คงจะตัวใหญ่ แล้วเวลาสุกเนื้อก็จะแข็ง ๆ ความจริงเชอร์รี่ไม่ค่อยชอบทำแกงส้มปลา เพราะกลัวจะคาว จะชอบทำแกงส้มกุ้ง แต่คราวนี้มีแม่คอยกำกับไม่เป็นไร



วิธีทำก็ตั้งหม้อใส่น้ำ ใส่เครื่องแกงที่ปั่นแล้ว พอเดือดใส่ผักบุ้ง ถ้าชอบนิ่ม ๆ แต่ถ้าชอบกรอบ ๆ ก็ใส่ปลา ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาลปี๊บนิ๊ดนึง น้ำมะขามเปียกที่แช่ไว้ แล้วค่อยใส่ผักบุ้ง เสร็จ

กินกับไข่เจียวเข้ากั๊น เข้ากัน



มีประโยชน์ของขมิ้นมาฝากด้วยค่ะ

ขมิ้นชันมีวิตามิน เอ, ซี, อี ที่เข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานพร้อมกันทั้ง 3 ตัว จึงมีผลทำให้ช่วยลดไขมันในตับ สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ ต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็งตับ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่รับประทานเข้าไปและสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง ช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังการคลอดบุตรได้ดี รองมาจากการกินหัวปลี

กินขมิ้นชันให้ตรงเวลา ที่อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายเปิดการทำงานในช่วงเวลานั้น จะได้ผลตรงกับประเด็นที่ต้องการจะบำรุง หรือแก้ไขฟื้นฟูอวัยวะ รับประทานเพียง 1 แคปซูลเท่านั้น จะออกฤทธิ์มากกว่าเวลาอื่นถึง 40 เท่าตัว แต่ถ้ามีปัญหาหลายอย่างก็รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล ทุก ๆ 2 ชั่วโมง ถ้ารับประทานขมิ้นจำนวนมาก ส่วนที่เหลือจะทำหน้าที่ขับไขมันในตับ

กินขมิ้นชันให้เป็นอาหาร ไม่ใช่กินเป็นยา ต้องกินให้สนุกใช้ปรุงอาหารกินบ้าง หุงข้าวก็ใส่ขมิ้นชันได้ ทอดปลาคลุกขมิ้นชันก็ดี ทำให้หอมน่ากิน และยังได้ประโยชน์อีกด้วย เพราะตัวขมิ้นจะช่วยย่อยไขมันจากน้ำมันที่ใช้ทอดปลาได้เป็นบางส่วน

ถ้ากินขมิ้นชันสดๆ ต้องปอกเปลือกก่อน แต่ถ้าทำขมิ้นบดเป็นผง ต้องนำขมิ้นมาต้มน้ำให้เดือดสักพักหนึ่ง เสร็จแล้วตักออกนำมาผึ่งให้เย็นหั่นเป็นแว่นเล็กๆ ตากแดดจนแห้ง อาจจะตากหลายครั้ง แล้วถึงจะนำมาบดให้เป็นผง ถ้าใช้เครื่องอบให้ขมิ้นแห้ง ความร้อนไม่ควรเกิน 65 องศา ถ้าความร้อนเกินอาจเกิดสารสเตรอยด์ได้

กินขมิ้นชันตามเวลาต่อไปนี้จะได้ผลโดยตรงกับอวัยวะส่วนนั้น

เวลา 03.00 - 05.00 น. ช่วยบำรุงปอด ป้องกันการเป็นมะเร็งปอด ช่วยทำให้ปอดแข็งแรง ช่วยเรื่องภูมิแพ้ของจมูกที่หายใจไม่สะดวก และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง

เวลา 05.00 - 07.00 น. ช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ ถ้าเคยกินยาถ่ายมาเป็นเวลานาน ให้กินขมิ้นชันเวลานี้ ขมิ้นชันจะฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ แต่ต้องกินเป็นประจำ ถึงจะทำให้ลำไส้ใหญ่บีบรัดตัวเพื่อขับถ่ายอย่างปกติ แก้ปัญหาลำไส้ใหญ่กลืนลำไส้เล็ก หรือลำไส้ใหญ่มีปัญหาถ่ายมากเกินไปหรือถ่ายน้อยเกินไป ถ้าลำไส้ใหญ่ไม่มีปัญหา ให้กินขมิ้นชันพร้อมกับสูตรโยเกิต + นมสด + น้ำผึ้ง + มะนาว หรือน้ำอุ่นก็ได้ จะไปช่วยล้างผนังลำไส้ที่มีหนวดเป็นขนเล็กๆ อยู่เป็นล้านๆ เส้น ซึ่งขนเหล่านี้มีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารเพื่อไปสร้างเม็ดเลือด ขมิ้นชันจะช่วยล้างให้สะอาดได้ ก็จะไม่ค่อยมีขยะตกค้าง จึงไม่เกิดแก๊สพิษที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว และจะไม่ค่อยเป็นริดสีดวงทวาร ไม่เป็นมะเร็งลำไส้

เวลา 07.00 - 09.00 น. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหาร เกิดจากการกินข้าวไม่เป็นเวลา ท้องอืด จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันความจำเสื่อม

เวลา 09.00 - 11.00 น. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลที่ปาก อ้วนเกินไป ผอมเกินไปที่เกี่ยวกับม้าม ลดอาการของโรคเก๊าต์ ลดอาการเบาหวาน

เวลา 11.00 - 13.00 น. สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ มีหรือไม่มี ถ้ากินขมิ้นชันเวลานี้ จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง ถ้าเลยเวลา 11.00 น.ไปแล้ว ขมิ้นชันจะไปทำงานที่ตับ แล้วตับจะส่งมาที่ปิด ปอดจะส่งไปยังผิวหนัง แต่ส่วนมากมาไม่ถึงเพราะกินขมิ้นชันน้อยเกินไป อวัยวะส่วนอื่นจะดึงไปใช้งานก่อนเลยมาไม่ถึงผิวหนัง จึงต้องลงขมิ้นชันทางผิวหนังช่วยอีกทางหนึ่ง

เวลา 15.00 - 17.00 น. ช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้ปัญหาเรื่องตกขาวของสตรี และควรกินน้ำกระชายเวลานี้ด้วย จะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงือกออกจะดีมาก เพราะร่างกายต้องการขับสารพิษให้ได้มากที่สุดในเวลานี้

กินเหลือเลยเวลาจากช่วงนี้ จนไปถึงการกินก่อนนอน ขมิ้นชันจะไปช่วยเรื่องความจำให้ความจำดี ตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าจะไม่ค่อยอ่อนเพลีย และช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น กินขมิ้นชันมากๆ จะช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ผิวหนังไม่เป็นผดผื่นคันง่ายๆ และช่วยขับไขมันในตับ ถ้ากินปริมาณมาก

กินขมิ้นชัน แบบผงหรือบรรจุแคปซูล ควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานและสะอาดเชื่อถือได้ ไร้สารเคมีไม่มีสเตรอยที่เกิดจากการอบแห้งด้วยความร้อนเกิน 65 องศา ควรตัดสินใจเอง เพราะเราจะต้องกินทุกวัน ก็ควรกินให้ปลอดภัยและสบายใจ ถ้ากินขมิ้นชัน แบบผง 1 ช้อนชา ใช้ผสน้ำ 1 แก้ว (ไม่เต็ม) ขมิ้นชันจะไหลผ่านส่วนต่างๆ ตั้งแต่
- ผ่านลำคอ ช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ลำคอ ไปผ่านปอดช่วยดูแลปอดให้หายใจดีขึ้น ลดความชื้นของปอด
- ผ่านม้าม ก็ลดไขมัน และปรับน้ำเหลืองไม่ให้น้ำเหลืองเสีย
- ผ่านกระเพาะอาหาร ก็จะรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
- ผ่านลำไส้ ก็สมานแผลลำไส้
- ผ่านตับ ก็ไปบำรุงตับ ล้างไขมันในตับ

ขมิ้นชันยังช่วยดูแลเซลล์ต่างๆ ที่ฉีกขาดก็จะไปเชื่อมให้ และไปกวาดขยะ กวาดไขมันมากองไว้ ถ้าจะอุ้มขยะไปทิ้งโดยการถ่ายก็กินอาหารปกติ เช่น พืช ผัก ผลไม้ ที่มีกากใย หรือกินน้ำลูกสำรอง (พุงทลาย) เพื่ออุ้มไขมัน อุ้มแก๊สไปทิ้ง

คนธาตุเบา แสดงว่ามีการระคายเคือง อักเสบ เป็นแผลเรื้อรังบางอย่างที่ผนังลำไส้เป็นอาจิณ

คนธาตุหนัก แสดงว่าปลายประสาทลำไส้ใหญ่เสื่อม อาจเกิดจากการกินยาถ่ายเป็นประจำ หรือดื่มน้ำน้อย ทั้งธาตุเบาและธาตุหนักไม่ดีทั้งคู่ ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่ามีปัญหาที่ลำไส้ และปลายประสาทลำไส้ใหญ่ผิดปกติ หากปล่อยไว้วันข้างหน้าจะมีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ควรกินขมิ้นชันเป็นประจำ เพื่อค่อยๆ ปรับให้เข้าที่แล้ว จะกลับมาถ่ายเป็นปกติ

ข้อมูลจาก : //www.nathasorn.com ค่ะ

lozocatlozocat





 

Create Date : 20 มีนาคม 2552    
Last Update : 20 มีนาคม 2552 16:10:47 น.
Counter : 1785 Pageviews.  

* o * .....เป็ดพะโล้ สูตรประยุกต์....



lozocatlozocat


เมนูนี้ได้ลอกเลียนแบบมาจากบ้านเพื่อน (พลอย)

สืบเนื่องจากได้เข้านอกออกในบ้านพลอยมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ก็จากกันไปเป็นช่วง ๆ ซึ่งการที่เราสนิทกับบ้านนี้ ทำให้เราได้อะไรดี ๆ มาหลายอย่าง เช่น กินน้ำพริกปลาร้าเป็น กินส้มตำปู ส้มตำปลาร้าเป็น แกงส้มหน่อไม้ดอง หอยแครงต้มสุก ๆ (เรื่องกินทั้งนั้น)

ซึ่งหอยแครงนี่เป็นอะไรที่ถูกใจมาก เพราะตอนเด็ก ๆ จำได้ว่าเคยลองขอพ่อกินในวงเหล้า (ของพ่อ) แต่มันเป็นเลือดเลยค่ะ กินไม่ได้ ไม่ชอบกลิ่นเลือดสด ๆ จนมีอยู่วันนึง พลอยเค้าจะลวกหอยแครงกินของเค้าเอง แต่เค้าลืมไม่ได้ปิดแก๊ส แล้วก็แช่นานไปหน่อยจนไม่เป็นเลือดแบบที่พลอยเค้าชอบ เค้าเลยเรียกเราให้ช่วยกินแทน (กิโลเดียวเอง) ถึงพึ่งรู้ ว่าหอยแครงมันอร่อยอย่างนี้นี่เอง พึ่งจะรู้ตอนเรียนม.ต้นนี่แหละ

ส่วนเมนูนี้ ตอนย้ายกลับมาจากสงขลาก็ไปเที่ยวบ้านพลอยอีก เห็นพลอยเค้าทำเมนูนี้ให้พี่เพื่อนกิน อื้มถึงได้รู้ว่ามันอร่อยขึ้นจริง ๆ

ตามสูตรดั้งเดิมของบ้านพลอย จะต้องใช้พริกสีส้ม แต่พอดีบ้านเชอร์รี่ไม่มีเลยประยุกต์สูตรเค้าอีกที ใช้พริกขี้หนูที่ปลูกไว้แทนซะเลย

เวลาที่เราซื้อเป็ดพะโล้มา ไม่ว่าเจ้านั้นจะทำรสชาติได้ไม่อร่อย หรืออร่อยอยู่แล้ว การนำมาปรุงเพิ่มแบบนี้ ก็จะทำให้อร่อยขึ้นได้จริง ๆ



ความจริงแล้วเมนูนี้ก็แค่เพิ่มความเข้มข้นของเป็ดพะโล้ แล้วก็รสเผ็ด ๆ เข้ามาเท่านั้น จะเห็นได้ว่าใช้น้ำพะโล้ที่ซื้อมาแล้วด้วย



วิธีทำก็ตั้งกะทะ ใส่น้ำมันนิ๊ดนึง เจียวกระเทียมกับพริกให้หอม แล้วก็ใส่เป็ด ผัดให้เข้ากัน ใส่น้ำพะโล้ ถ้าน้ำพะโล้เดิมไม่ค่อยเค็ม ก็ใส่น้ำปลากับซีอิ๊วขาวลงไปอีก ส่วนความหวานโดยมากจะหวานอยู่แล้ว เชอร์รี่จะไม่ค่อยปรุงหวานอีก คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตั้งกะทะจนน้ำงวดลงเหลือประมาณครึ่งนึง เสร็จแล้ว



เมนูนี้จะมีรสเค็ม หวาน เผ็ดหน่อย ๆ อร่อยขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ

lozocatlozocat




 

Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2552 14:27:00 น.
Counter : 936 Pageviews.  

* o * ....น้ำพริกอ่อง มาแล้วเจ้า (เมนูนี้ลดน้ำหนักได้นะ เอ้า) ....



lozocatlozocat


เมนูนี้ชอบทานค่ะ แต่นาน น๊าน จะทำสักครั้ง

ถ้ามีมะเขือเทศเยอะ ๆ แล้วจะชอบนึกถึงเมนูนี้ด้วย

คราวนี้ทำให้แม่ที่ต้องนอนโรงพยาบาลนานอีกแล้ว ทาน

พึ่งทำไปไม่กี่วัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องทำอีก ให้ยัยน้องสาว

เด็กใต้ที่ไปเรียนอิสาน แต่ดันอยากทานน้ำพริกชาวเหนือ

อุตส่าห์ลงมาเยี่ยมแม่ที่นอนโรงพยาบาลอยู่ภาคตะวันออกทั้งที

ร้องขอไว้อีก ดีเหมือนกันพี่จะได้แก้ตัว เพราะตอนที่ทำให้แม่

ด้วยความที่นาน ๆ ทำที เลยลืมวัตถุดิบสำคัญไปอย่างนึง

คือกะปิ ค่ะ เวลาโขลกหอม กระเทียม ต้องใส่กะปิไปด้วยหน่อยนึง

ส่วนวัตถุดิบอื่น ๆ ก็ประมาณนี้



หอม กับกระเทียม พริกแห้ง ก็เอาไปรวนในกระทะ ให้สุก แล้วก็เอามาโขลก ใส่กะปิหน่อยนึง คราวนี้เชอร์รี่ใช้แต่มะเขือเทศลูกใหญ่ แม่บอกว่าถ้าเอามะเขือเทศสีดาผสมด้วยจะช่วยให้เปรี้ยวขึ้นอีก



เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็ตั้งกะทะใส่หมูสับลงไปรวน ใส่น้ำพริกที่โขลกแล้ว ใส่มะเขือเทศ ปรุงรสด้วยเกลือ เมื่อก่อนบ้านเชอร์รี่จะชอบกินอะไรหวาน ๆ ก็จะใส่น้ำตาลปี๊บลงไปด้วย แต่คราวนี้ไม่ได้แล้ว เพราะแม่เป็นเบาหวานเชอร์รี่เลยใส่น้ำตาลทรายลงไปแค่ 1 ช้อนชา เพราะเดี๋ยวพ่อบ่น พ่อเค้ายังติดหวานอยู่ ผัดไปเรื่อย ๆ จนมะเขือเทศเละ ๆ เลยค่ะ แต่บางทีเชอร์รี่ก็จะเอามะเขือเทศใส่ครกแล้วก็บด ๆ ช่วยซะเลย จะได้เละเร็ว ๆ หน้าตาก็จะออกมาแบบนี้แหละคะ



เวลาทำแล้วเชอร์รี่จะชอบทำทีละเยอะ ๆ ใส่ตู้เย็นไว้ พอเบื่อๆ ข้าว ก็จะหั่นแตงกวาเป็นชิ้น ๆ จิ้มน้ำพริกอ่องกินเปล่า ๆ อร่อยดี เมนูนี้ลดความอ้วนได้นะ อย่างหมูที่ใช้เชอร์รี่ก็จะเอาหมูเนื้อแดงไม่ติดมันมาสับใช้แทนหมูสับ

คราวนี้มีประโยชน์ของกระเทียมมาฝากค่ะ

1. ฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้
2. ฤทธิ์ขับน้ำดี
กระเทียมเมื่อรับประทานเข้าไป จะไปเพิ่มน้ำย่อยและน้ำดี
3. ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สาเหตุอาการแน่นจุกเสียด
4. ฤทธิ์ลดการอักเสบ
กระเทียมสามารถช่วยบรรเทาอาการอักเสบ จึงช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
5. ใช้รักษาอาการแน่นจุกเสียด
6. ฤทธิ์ป้องกันตับอักเสบ
7. ฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา
8. สารสำคัญในการออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา

การใช้กระเทียมรักษาอาการแน่นจุกเสียด
1. นำกระเทียม 5-7 กลีบ บดให้ละเอียด เติมน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ เกลือและน้ำตาลนิดหน่อย ผสมให้เข้ากัน กรองเอาน้ำดื่ม
2. นำกระเทียมปอกเปลือก นำเฉพาะเนื้อใน 5 กลีบ ซอยให้ละเอียด รับประทานกับน้ำหลังอาหารทุกมื้อ แก้ปวดท้องอาหารไม่ย่อย

การใช้กระเทียมรักษากลาก เกลื้อน

1. นำกระเทียมมาขูดให้เป็นชิ้นเล็กๆ หรือบดให้แหลก พอกที่ผิวหนัง แล้วปิดด้วยผ้าพันแผลไว้นานอย่างน้อย 20 นาที จึงแก้ออก แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ทำซ้ำเช้าเย็นเป็นประจำทุกวัน
2. นำใบมีดมาขูดผิวหนังส่วนที่เป็นเกลื้อนให้พอเลือดซึม แล้วใช้กระเทียมทาลงไป ทำเช่นนี้ทุกวัน 10 วันก็จะหาย

lozocatlozocat




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 9:08:47 น.
Counter : 1173 Pageviews.  

* o * .....ข้าวต้มปลาหมึก... เมนูธรรมดาที่ไม่ธรรมดา


lozocatlozocat


ที่บอกว่าไม่ธรรมดาก็คือ ปกติข้าวต้มจะมีแค่ข้าวกับเนื้อสัตว์

ผักจะใส่นิด ๆ หน่อย ๆ โรยหน้าพอเป็นพิธี

แต่เชอร์รี่จะรู้สึกว่ามันต้องเสริมประโยชน์ให้มากกว่านั้น

เมนูนี้เลยเป็นแบบนี้ค่ะ

วัตถุดิบก็ประมาณนี้





ก็คือ จะเพิ่ม แครอท กับหัวไชเท้าลงไปด้วย ส่วนการปรุงก็ต้มน้ำใส่คนอร์สูตรไม่ใส่ผงชูรส กับหัวไชเท้า แครอท พอสุกแล้วก็ค่อยใส่เนื้อหมู ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ใส่พริกไทยดำบด ใส่ปลาหมึก ต้นหอมซอย ปิดแก๊สเลย ปลาหมึกจะได้กรอบ ๆ

ก็จะได้ข้าวต้มหอม ๆ อร่อย ๆ และยังมากด้วยประโยชน์แบบนี้แหละคะ



มีประโยชน์ของหัวไชเท้ามาฝากด้วยคะ

หัวไชเท้าเป็นสมุนไพรที่มีอยู่ในตำรายาจีน โดยแนะนำให้คนวัยทองนำหัวไชเท้าดิบมาหั่นซอยเป็นเส้นฝอยกินวันละประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ หรือมื้อละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้ง (ถ้ารู้สึกมีกลิ่นฉุนอาจรับประทานร่วมกับน้ำผึ้ง) เชื่อว่าจะทำให้ผิวพรรณสดใสมีน้ำมีนวล ดูเปล่งปลั่งเหมือนคนหนุ่มสาว ยังเชื่อว่าหัวไชเท้าช่วยกำจัดพิษ สามารถช่วยให้ปัสสาวะใส ไม่ขุ่น ช่วยชำระล้างผนังกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยย่อย และช่วยทำให้หายใจโล่งขึ้น

ประโยชน์อีกอย่างของหัวไชเท้า คือ สามารถช่วยลดรอยฝ้าและกระให้จางลงได้ โดยนำหัวไชเท้า 1 หัว (ขนาดเล็ก) มาล้างน้ำให้สะอาด ทำการปอกเปลือก แล้วหั่นบาง ๆ นำไปปั่นให้พอละเอียด ใส่น้ำมะนาวประมาณ 1 ช้อนแกง ปั่นรวมกันอีกครั้ง ใช้ทาทั่วผิวหน้า (ยกเว้นรอบดวงตาและปาก) ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำเป็นประจำจะช่วยลดฝ้า และกระให้จางลง

lozocatlozocat





 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2552 15:55:49 น.
Counter : 2045 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

ลูกสมอเรือ
Location :
ระยอง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]






ชื่อเชอร์รี่ค่ะ เกิดที่สัตหีบ แต่เคยย้ายไปอยู่สงขลาเป็นระยะ ๆ เลยมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นทั้งคนสงขลาและสัตหีบ ตอนนี้ทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่จ.ระยองค่ะ



ลูกสมอเรือ ค่ะ

Create Your Badge




เพื่อนชอบทำกับข้าว
แม่สลิ่ม
wee_nong
ปูขาเก เซมารู
jjbd
กระเพราไก่ไข่ดาว
ผ้าไหมไทย
popang
narellan
Il Maze
ดวงใจพ่อแม่
ลักกี้


เพื่อนชอบทำขนม

Ab Psy ReinDEAR
กิน ๆ เที่ยว ๆ
Tiny Bakery



เพื่อนแจกของแต่งบล็อก
เนยสีฟ้า
kung
oranung_sri
lozocat
แพรวขวัญ
PS_PRINCESS
thattron

เพื่อนพาเที่ยว
chalawanman
แมวจอมกวน
thattron
baby bonus
ชานไม้ ชายเขา
ann
อยากเป็นไกด์
NuAeaw
New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกสมอเรือ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.