Group Blog
 
All blogs
 
คนขี้จำ คนขี้ลืม



บางท่านอาจจะพอทราบบ้าง บางท่านอาจจะยังไม่ทราบ
ว่าปัจจุบันผมเป็นนักเขียนรับเชิญให้นิตยสารหลายเล่ม

ที่เป็นขาจรมี Happenning เล่มล่าสุดที่ขายอยู่
ผมเขียนเรื่อง "หนังสือธรรมะในดวงใจ"

อีกเล่มคือ image ซึ่งผมไม่ทราบว่าเขาจะตีพิมพ์เล่มไหน
หมายถึงบทความนะครับ ไม่ใช่บทสัมภาษณ์ซึ่งตีพิมพ์ไปแล้ว
เดี๋ยวจะสงสัยว่าเอ๊ะ เห็นหน้าปลาทองไปโผล่แหม่บๆนี่นา

ที่เขียนประจำมีสองเล่ม คือนิตยสารชื่อ Mix อันนี้เป็นหนังสือแนวผู้ชายๆอ่านหน่อย
ตอนบก. มาชวน ผมถามว่าแน่ใจเหรอว่าสิ่งที่ผมเขียนจะเข้ากะหนังสือเขา
เขาบอกว่าแน่ใจ เพราะเขาก็ชอบที่ผมเขียน
ผมก็เลยคิดว่า กล้าชวนผมก็กล้าเขียน..เอ้า..

อีกเล่มคือคอลัมน์ Guru ใน Marie Claire มี บก. สาวสวยชื่อ คุณน้ำ สิริมน
เธอจับผมไปแหมะไว้ในส่วนของ Happiness

ที่เกริ่นมา เพราะจะแอบเอาบางส่วนที่เขียนไว้ให้ Marie Claire ฉบับอีกสองเดือน มาเล่าก่อน

จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไปล่ะ เดี๋ยว บก.น้ำ เธอจะมาตีผม

เหตุที่อยากเล่า เพราะพื้นที่คอลัมน์ใน GURU มันมีจำกัดครับ
ผมร่ายยาวมากไม่ได้ เลยอยากเอามาขยายความในนี้

ใครที่ความจำดี คงพอจำได้ว่า ผมชอบเรียกตัวเองว่าปลาทอง
ด้วยรู้สึกว่าตัวเองเป็นมนุษย์ความจำสั้น

แต่ผมเชื่อว่าเรื่องในโลกนี้ มักจะเหมือนเหรียญที่มีสองด้านเสมอ
ดังนั้น การที่ผมเป็นมนุษย์ขี้ลืม มันก็มีข้อดีของมัน
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับมนุษย์ขี้จำหลายๆคนที่ผมรู้จัก

จำเรื่อง "ห้องเก็บของ" ที่ผมใส่ไว้เป็นบทต้นๆ ของหนังสือธนาคารความสุข ได้ไหมครับ
มนุษย์ขี้จำ ก็เป็นแบบนั้นแหละ มีเรื่องเก็บไว้ในใจมากมายไปหมด
บางคนจำได้กระทั่งวันเวลานาที สถานที่ที่โดนใครบางคนทำอะไรให้เราเจ็บ

ยิ่งแค้นมากก็ยิ่งจำ ยิ่งจำก็ยิ่งแค้น เป็นวงจรอุบาทว์วนเวียนอยู่อย่างนั้น
ครั้นพอสะสมความจำและความแค้นไว้มาก ทุกข์ก็ทับถมตัวเองจนหายใจแทบไม่ออก

น้องคนหนึ่งที่ผมรู้จัก ก็มีอาการนี้ เพราะเจอประสบการณ์ที่เลวร้ายจากคนรักเก่าขั้นสาหัสสากรรจ์
เธอบอกผมว่า เธอพยายามดิ้นรนอย่างยิ่ง ที่จะลืมเขาออกไป เพื่อจะได้กลับมามีความสุขอีกครั้ง

ผมบอกเธอว่า .. คนเราจะมีความสุขหรือทุกข์ ไม่ได้ขึ้นกับว่า เราลืมหรือจำอะไรได้หรอก
ปลาทองอย่างผมขี้ลืม แต่ก็ทุกข์เพราะลืมโน่น ลืมนี่บ่อยๆ แหะๆ

อีกอย่าง จิตเป็นอนัตตา บล็อกก่อนๆ ก็พูดเรื่องนี้ ที่เปรียบกับต้นมะม่วงน่ะครับ
ว่าจิตเขาทำงานของเขาได้เองนะ ไม่ใช่นึกจะสั่งก็สั่งได้

ไม่งั้นคนเราทุกวันนี้ ไม่ต้องดิ้นรนหรอก ตื่นเช้ามาก็สั่งมันสิ "จงสุข"
ง่ายกว่าเยอะเลย จะมานั่งเจริญสติ คอยรู้สึกตัวทำม้ายยย

เราทำได้แค่เหตุและปัจจัยที่เอื้อต่อการลืม และไม่เอื้อต่อการจำครับ

ดังนั้นการพยายามลืมใคร หรืออะไรสักอย่าง จึงเป็นเรื่องยาก
เพราะตราบใดที่ยังพยายาม แปลว่าเรายังให้ความสำคัญกับเขา ว่าเขามีอิทธิพล
เป็นคนสำคัญกับชีวิตเรา ที่ถ้าไม่ลืมจะมีความสุขไม่ได้เลย ขนาดนั้น

สิ่งที่ง่ายกว่า คือการพยายามหัดมีสติ ยอมรับอดีตว่าเป็นสิ่งที่ล่วงเลยไปแล้ว
จะชอบไม่ชอบ จะชื่นชมหรือจะชิงชัง เราก็รั้งอะไรกลับมาแก้ใหม่ไม่ได้แล้ว

ที่เราทำได้ คืออยู่กับปัจจุบันอยู่กับความเป็นจริง ทุกข์ก็ยอมรับไปเถอะว่าทุกข์
ไม่ต้องดิ้นรน แค่มีสติรู้สึกตัว รู้ว่ามีสภาวะบางอย่างผ่านเข้ามา
แล้วมันจะอยู่ชั่วคราว และจะผ่านไปในที่สุด ไม่เชื่อลองดูเวลาจิตมีทุกข์สิครับ

ผมจะบอกเคล็ดลับให้อีกข้อว่า..
คนที่ไม่พยายามปฏิเสธทุกข์ แต่รู้ทุกข์ชนิดยอมรับด้วยใจที่เป็นกลางนี่แหละ
จะเป็นคนที่เห็นความทุกข์หล่นหายไปได้ในพริบตา

ไม่มีทุกข์อันไหน ที่หนักจนคนเราขาดใจตายได้หรอกนะครับ
ถ้าเรารู้เคล็ดลับอันหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้าสอนไว้นานแล้ว

ท่านบอกว่า ในโลกนี้ถ้าเรามีปัญญามองเห็นความจริงแล้วไซร้
จะรู้ว่า ความทุกข์น่ะมี แต่ไม่มีคนทุกข์หรอก

อันนี้ อาจจะชวนงูสองตัวมาติดกัน เรียกว่า "งง" มากไปหน่อย งั้นเอาแบบนี้

แม้แต่ทุกข์ ก็ไม่ใช่ตัวเรานะครับ ลองสังเกตดีๆ ทุกข์เป็นแค่สิ่งที่จิตปรุงขึ้น
เวลามีอะไรไม่ชอบใจ ไม่ถูกใจ มากระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

แล้วจิตเองนั่นแหละ ก็ไปแบกทุกข์ที่ตัวเองปรุงขึ้นมาไว้เอง

เคยมีครูบาอาจารย์บอกว่า เหมือนแมงมุมชักใยเหนียวๆ
แล้วตัวเองก็ติดอยู่ในใยนั้นเอง ..ฉลาดนะนั่น

ฉะนั้น ถ้าอยากมีความสุข ไม่ต้องเสียเวลาหาวิธีลืมใครหรอก เหนื่อยเปล่า
แค่มีสติ รู้ทุกข์ ไปเฉยๆ หายใจเข้าแล้วอย่าลืมหายใจออก
หิวก็กิน อิ่มก็พอ ท้อก็พัก หนักก็วาง

เคล็ดลับต่อมาคือ ยิ่งเป็นคนที่ทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจมากเท่าไหร่
เราให้อภัยเขาง่ายเท่าไหร่ เราก็เบาใจได้เท่านั้น

ให้อภัย ไม่ได้แปลว่าต้องกลับไปอยู่ในวังวนเดิมนะครับ
แต่ให้อภัยแล้วแปลว่า เราไม่รู้สึกว่าเขามีค่าอะไรให้เราต้องใส่ใจ
แม้แต่จะเสียเวลาไปคิดว่า ควรจะโกรธไหมน่ะ

ส่วนใครที่สงสัยว่า แล้วจะฝึกจิตยังไงให้เป็นอย่างนี้ได้
ตอบว่า.. วิปัสสนามีคำตอบให้คุณครับ

สุขสันต์วันที่มีทุกข์ แต่ไม่มีคนทุกข์ครับ






Create Date : 19 ธันวาคม 2551
Last Update : 30 ธันวาคม 2551 12:26:47 น. 37 comments
Counter : 1260 Pageviews.

 
มาสวัสดีค่ะ k. Ed :)

ยังคงติดตามอ่านอยู่เสมอ
ขอแสดงความยินดีกับ การพิมพ์ครั้งที่ 3 ของ "ธนาคารความสุข" และเล่มที่ 2 ที่กำลังจะตามมา :)


โดย: Lin IP: 58.8.175.126 วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:22:20:04 น.  

 
If I try to forget "someone"...,I shouldn't "try", right ?

Thank you very much kub ^ ^


โดย: GeaR^0^BuN IP: 72.54.196.161 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:0:24:04 น.  

 
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ กว่าที่ฉันจะลบเธอจากใจ

กว่าที่ความทรงจำดี ๆ มันจะเลือนหาย

กว่าจะได้รักใครอีกครั้ง...


โดย: unlovable IP: 58.8.180.9 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:0:26:44 น.  

 
ชอบเรื่องนี้จังค่ะ อยากสวมวิญญาณปลาทองมั่ง...ไม่รู้สมองทำด้วยอะไร...ไอ้เรื่องน่าลืมกลับจำ ทีเรื่องเรียนที่ต้องจำกลับลืมเอิ๊กๆๆ



โดย: กะทะทองคำ IP: 88.123.132.33 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:3:59:19 น.  

 
ขอบคุณ สำหรับเรื่องราวที่เล่าวันนี้เลยค่ะ

เป็นคนจำเก่งมาก
จำได้หมดว่าเค้าทำร้ายเราวันไหน

และเราเองก็เป็นทุกข์เอง

จะพยายามค่ะ ..

มีความสุขในวันที่อากาศหนาวมากๆ นะคะ


โดย: ชมพู่มะเหมี่ยว IP: 58.9.98.31 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:9:31:15 น.  

 
ชอบบทความนี้ค่ะ เป็นคนส่วนใหญ่ของโลกนี้

คือจำเก่งนักเรื่องที่ทำให้ทุกข์เนี่ย

เหมือนเพลงฮิตสมัยกาลครั้งหนึ่้ง

อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ.....

"บางสิ่งที่อยากจำเรากลับลืม บางสิ่งที่อยาก

ลืมเรากลับจำ คนเรานี้คิดให้ดีก็น่าขำ

อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ "

จำเนื้อได้แค่เนี้ย....


โดย: meang IP: 118.172.27.214 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:10:09:14 น.  

 
เป็นคนขี้ลืมเหมือนกันค่ะ

ทุกข์เพราะลืมนี่แหละ ฮ่าๆ

บางทีโกรธน้อง พยายามจะจำ จะลองโกรธนานๆ
ไม่กี่นาทีลืมแหละ จะโกรธต่อก้เสียฟอร์ม ฮะๆๆ


โดย: SEsai IP: 125.26.201.115 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:10:16:51 น.  

 
แปลว่า... "จะมีเวลามาเขียนให้อ่านฟรีๆที่blogน้อยลงนะครับ" ...ใช่มั้ย?



...ล้อเล่นน่า...


โดย: Q.NUH วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:11:46:28 น.  

 
เคยสงสัยมานานว่าเราจะแค้นไปทำไม พยาบาทไปทำไม...แล้วนานเท่าไหร่ถึงจะหายแค้น....เพิ่งมาค้นเมื่อไม่นานมานี้เองว่า...เพราะคนเรารอที่จะ...สะใจ...นั่นเอง ....เราก้อเลยชอบย้ำคิดย้ำทำสิ่งเดิม ๆ เพื่อไม่ให้ลืมความแค้น...


โดย: ตั้งต้น IP: 69.224.92.174 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:14:30:15 น.  

 
เห็นด้วยค่ะ ว่าการลืมเป็นพรวิเศษอย่างหนึ่งในเรื่องที่ไม่น่าพึงใจนัก
งั้นตอนนี้ ยาแก้อาการปลาทอง ก็ขายไม่ออกแล้วสิ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:16:37:25 น.  

 


^
^
แอบเห็นด้วยอย่างแรง กะพี่ฮันนี่ *-* อิ อิ

เรื่องที่ควรจำกลับลืม
ส่วนเรื่องที่อยากลืม ก้อดันจำไ้ด้ซะงั้นน่ะ
สัญญานี่ไม่เที่ยงจริง ๆ เน๊าะพี่เอ๊ด

สวัสดีวันอากาศเย็นใจค่า ^^ V


โดย: myover วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:22:06:20 น.  

 
"คนเราจะมีความสุขหรือทุกข์ ไม่ได้ขึ้นกับว่า เราลืมหรือจำอะไรได้หรอก"

เห็นด้วยๆ ^^



โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 58.8.35.251 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:22:32:26 น.  

 
ถูกของน้า ยิ่งจำแม่นบางทีก็ยิ่งทุกข์

บางทีปล่อยให้มันลืมๆ ไปบ้าง ก็ทุกข์น้อยลง

ว่าแล้วเอาดัมเบลเคาะหัวมั่งดีกว่า เผื่อจะลืมๆ อะไรไปมั่ง หุหุ


โดย: เอกเอง IP: 58.8.184.4 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:22:40:56 น.  

 
ขอเชิญฟังเพลง....


บางสิ่งอยากลืมเรากลับจำของคุณพี่ฮ๊อตเปปเปอร์


5555555 รู้จักกันไหมหลานเอ๋ย


พี่เป็นคนปรี๊ดเร็ว ปากไว ด่าเสร็จแล้วก้อลืม

หรือ

เล่าให้ใครฟังก้อจะลืม อันนั้นคืออันที่เราไม่อยากจำ ^^"



แต่ใครทำอะไรดีดีให้เรา พี่จะจำแม๊นแม่น


โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 21 ธันวาคม 2551 เวลา:13:03:35 น.  

 
เขาถึงว่า "อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ"


โดย: รัชชี่ วันที่: 21 ธันวาคม 2551 เวลา:16:12:38 น.  

 
ขอบคุณนะคะคุณaston อ่านแล้วมีสติขึ้นมากเลยค่ะ ^^


โดย: kate IP: 58.9.147.74 วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:0:58:23 น.  

 
เมื่อก่อน เป็นคนชอบจำในเรื่องที่ไม่ควรจำ
แล้วชอบลืม ในเรื่องที่ควรจะจำให้ได้
ก็เลยกลายเป็นว่า ทำไมเราถึงทุกข์ได้ทุกข์ดี ทุกข์นั่นทุกข์นี่ เมื่อไหร่จะมีความสุขกะคนอื่นเขามั่ง

แต่พอเริ่มจะเจริญสติเป็นกะเขาบ้าง เริ่มหันมาอยู่กะปัจจุบัน ก็เริ่มจะเห็นว่าอะไร ๆ มันก็ไหลเข้ามาเพราะมีเหตุปัจจัยให้มันเกิดทั้งน้าน แต่เกิดแล้วมันก็อยู่ไม่นาน ก็จากไปอีก แล้วก็มีสิ่งใหม่ ๆ มาให้ใจจดจำอีก แต่มันก็อยู่กะเราไม่นาน แล้วมันก็บ๊าย บายจากไป จะไปเอาอะไรกะมาน เดี๋ยวนี้อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด เดี๋ยวมันก็ดับไปต่อหน้าต่อตาเองนั่นแหละ หุ่ หุ่


โดย: Mam IP: 210.160.8.70 วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:9:34:49 น.  

 
อ่านแล้วสบายใจจัง "ท้อก็พัก หนักก็วาง"

ขอบคุณมากค่ะคุณแอสตัน ^_^


โดย: เป่าจิน IP: 61.47.19.72 วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:10:14:22 น.  

 
เห็นด้วยอย่างยิ่ง...ที่สุดคะพี่ aston27

แต่ก็มีคำถามอีกแล้วคะพี่???

ว่า...บางครั้ง(บางเวลา)เหมือนว่าเราไม่ทุกข์กับ

เรื่องนี้แล้ว...แต่บางวันเรื่องนี้ก็กลับเข้ามาในหัว

เราอีก(ทั้งที่ผ่านมานานมากแล้ว) จนบางวันก็

โมโหตัวเองมากเลยคะ...และมีคำถามว่า???

เราปฏิบัติผิดหรือเปล่า???

ไม่อยากอยู่กับวงจรอุบาทว์ที่คอยวนเวียนอยู่

แบบนี้...และที่เป็นแบบนี้เพราะมีเหตุอะไร

มากระทบเราหรือเปล่าค่ะ??

ปล.บอกตัวเองเหมือนกัน...ว่าสงสัยหรือรู้ลงไปว่าสงสัย

ขอบคุณ...วันจันทร์ค่ะ






โดย: Compass IP: 125.26.183.242 วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:10:18:58 น.  

 
เป็นมุมมองที่น่าทึ่งมากครับ เกี่ยวกับเรื่องการเห็นทุกข์โดยไม่ไปแบกทุกข์

แต่จะว่าไปในทางปฎิบัติก็ทำไม่ได้ง่ายๆเลยนะครับ

สติชอบหนีไปเที่ยวเสมอเวลาเจอทุกข์น่ะครับ


โดย: jonykeano วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:10:31:03 น.  

 
"ความทุกข์น่ะมี แต่ไม่มีคนทุกข์หรอก" ประโยคนี้ลึกซึ้งมากเลยค่ะ

รออ่านเล่มที่ 2 อยู่นะคะ


โดย: aritsumemoon IP: 124.120.213.128 วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:14:04:06 น.  

 
รู้สึกดีใจจริงๆนะครับ ที่บทความมุมมองชีวิตกึ่งธรรมของพี่เอ๊ดจะได้ออกในนิตยสารหลายฉบับ ทำให้ขยายกลุ่มคนตื่น ให้มากขึ้นไปกว่าเดิมอีก

ผมว่าของแบบนี้ถ้าได้ลองเปิดใจอ่าน เปิดใจรับฟังต่อเนื่องเรื่อยๆสักวันก็จะซึมซับนะพี่

ผมว่าบทความลักษณะนี้สั้นไปก็ไม่ดีนะครับ มันไม่ได้ขยายความส่วนสำคัญๆที่คนอ่านใหม่ๆน่าจะต้องเข้าใจนะพี่ ผมว่านะ

ตอนแรกๆผมเองก็เป็นนะ คือยังไม่เข้าใจความหมายประโยคพวกนี้แบบแจ่มชัดอ่ะพี่ อ่านเจอว่าให้รู้ว่ากำลังทุกข์ แต่พอปฏิบัติกลับรู้อยู่จริงแต่ใจไม่เป็นกลาง เลยถลำลงไปจมอยู่กับกองทุกข์ซะนานสองนาน แหะๆ เล่นเอาเกือบถอดใจไปซะแล้ว ^^"

ปล.เห็นแวบๆว่าจะมีเล่ม 2 ร๋อพี่ กำลังรออยู่นะครับ


โดย: Tony Koon IP: 202.176.105.47 วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:17:17:36 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆค่ะ..

ดีใจที่พี่ได้เขียนให้ magazine หลายๆเล่ม แง่คิดดีๆ ควรกระจายให้เยอะๆเนอะ



โดย: chuwab วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:18:14:32 น.  

 
เหมือนเป็นกฎสำหรับคนอกหักเลยนะคะ ที่มักจะมีความจำดีในเรื่องที่ทำให้ปวดใจ คิดอีกทีก็ไม่ได้มีเราทุกข์อยู่คนเดียวนะ ยิ่งคิดถึงคนอื่น ๆ ที่ไม่มีข้าวกิน ไม่มีบ้านอยู่ สารพัดความทุกข์ในโลกที่เราไม่เคยเผชิญ อกหักน่ะเรื่องเล็ก (เมื่อเราผ่านไปได้ แล้วมองย้อนกลับมา)

แล้วมันก็จะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผ่านไป.. ให้กำลังใจทุกคนที่กำลังทุกข์นะคะ


โดย: mama-space IP: 124.120.59.112 วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:20:25:06 น.  

 
ความทรงจำ ก็คือ "สัญญา" ใช่ไหมคะ?

มีสัญญามาก ก็ปรุงแต่งมาก (สังขาร) ก็ฟุ้งซ่านวุ่นวายมากอย่างนี้นี่เอง

ใช้สติเพื่อวางเรื่องราวต่างๆ ลงไปมั่งก็ดี ปล่อยๆ ลืมๆ ไปได้เป็นดี ...

เพราะทุกอย่างมันเป็นของมันอย่างนั้นเอง จริงๆ ด้วย

ขอบคุณสิ่งดีๆ จากข้อเขียนคุณ aston27 ค่ะ


โดย: ดวงลดา วันที่: 24 ธันวาคม 2551 เวลา:8:57:53 น.  

 
อ่านบล็อกคุณทีไร โดนใจ ทุกที

คือเห็นชัดเลยว่าตัวเองจำได้เป็นฉากเป็นตอนเหมือนดูหนังที่เราเป็นนางเอกถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซ็งจริงๆ บทนางเอกแบบนี้

ที่สำคัญคือจิตมันชอบรีเพลย์บ่อยมาก กิเลสก็คอยมาสนับสนุนว่าเขาทำร้ายเรา เราถึงต้องเกลียดเขา มันเป็นเหตุเป็นผลกันนะ

เพราะลืมนึก (ความจริงจำไม่ได้มากกว่า) ว่าคงเป็นกรรมเก่าเราทำกับเขามาแน่ และเพราะลืมไปว่า "หลงคิด" ไปแล้วนั่นแหละสำคัญ ใจเลยกระโจนตามไปจนน้ำตาไหลพรากๆ พอตาบวมแล้วส่องกระจกถึงนึกได้ว่า เอาอีกแล้วเรา ทำร้ายตัวเองซ้ำซากไม่เลิกสักที

ซาบซึ้งใจจริงๆ ว่า "อภัยทาน" นี่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เพราะยังให้ไม่ได้แบบเด็ดขาดซักทีค่ะ

จะพยายาม รู้ ต่อไปค่ะ
ขอบคุณค่ะ





โดย: กะทิ IP: 98.242.70.146 วันที่: 25 ธันวาคม 2551 เวลา:7:30:45 น.  

 
เข้ามาโหวตให้เรื่องนี้ สมควรอยู่ในเล่ม 2 ค่ะ

แอบติดตามมาตลอด แต่ไม่เคยเข้ามาเม้นท์

ขอบคุณบทความของคุณ และใจที่เจตนาอุทิศให้บทความเหล่านี้ เป็นทานกับเพื่อนมนุษย์ อนุโมทนาด้วยนะค่ะ


โดย: chalee5066 IP: 58.8.197.142 วันที่: 25 ธันวาคม 2551 เวลา:17:20:19 น.  

 

Click here to get hot comments and graphics...




แวะมาส่งความสุขเนื่องในวันปีใหม่ค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ ปีใหม่นี้ก็ขอให้สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตนะคะ ตลอดปีและตลอดไปค่ะ


โดย: แม่น้องแปงแปง วันที่: 26 ธันวาคม 2551 เวลา:22:51:50 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณเอ๊ด

ถ้าว่างๆแวะไปที่บ้านนิดนึงนะคะ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sevendaffodils&month=26-12-2008&group=6&gblog=6

สุขสันต์วันปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ด้วยค่ะ



โดย: SevenDaffodils วันที่: 27 ธันวาคม 2551 เวลา:17:06:33 น.  

 
^
^
แอมแวะไปมาแล้ว
อิอิ
ว่าแต่พี่เอ๊ดหายไปไหนอ่า
แวะเอาดอกไม้และท้องฟ้ามาฝากค่ะ
ขอให้พี่เอ๊ดมีความสุขในทุกๆ วัน
และมีเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านตลอดไป
ทั้งในรูปของบล็อกและหนังสือ
^^





โดย: I am just fine^^ วันที่: 28 ธันวาคม 2551 เวลา:1:12:01 น.  

 
May you enjoy all the happiness, profitable business
and success in every thing thougthout the year.
อำนวยพรปีใหม่ให้พร้อมพรั่ง
ทุกสิ่งหวังจงงดงามตามมุ่งหมาย
กอปรกิจการก้าวหน้าอย่ารู้คลาย
ทั้งใจกายเกษมสันต์นิรันตร์เทอญ


แวะมาอวยพรปีใหม่ และมาขอบอกถึงการให้อภัยค่ะ ยิ่งกับคนที่เราเจ็บมากเท่าไหร่ ทำใจให้อภัยได้เท่าที่ทำได้ เราเองจะรู้สึกดีขึ้น เพราะยิ่งแค้น เราเองที่ทุกข์เองไม่ใช่คนอื่น การให้อภัยดีที่สุดเลยค่ะ


โดย: Mpum วันที่: 28 ธันวาคม 2551 เวลา:18:53:54 น.  

 


อรุณซาหวัดค๊า..
ยิ้มปากกว้าง ๆ แบบนี้
มีความหมายว่า กำลังรออ่านบล็อกต่อปายอยู่น๊า
........... ฮี่ ๆๆๆ


โดย: myover วันที่: 29 ธันวาคม 2551 เวลา:8:42:54 น.  

 
มาส่งความสุขปีใหม่ให้พี่เอ็ดดี้ค่ะ




โดย: ณ มน วันที่: 29 ธันวาคม 2551 เวลา:11:04:21 น.  

 
สุขสันต์วันปีใหม่นะพี่ ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะครับ มีแรงมา up blog บ้างนะครับ 10 วันแล้ว ^0^


โดย: หมีหุหุ IP: 124.120.173.12 วันที่: 29 ธันวาคม 2551 เวลา:12:10:52 น.  

 
"ให้อภัย ไม่ได้แปลว่าต้องกลับไปอยู่ในวังวนเดิมนะครับ
แต่ให้อภัยแล้วแปลว่า เราไม่รู้สึกว่าเขามีค่าอะไรให้เราต้องใส่ใจ
แม้แต่จะเสียเวลาไปคิดว่า ควรจะโกรธน่ะ"

ตรงใจอย่างแรงค่ะ

การคิดว่า ใครคนหนึ่ง เป็นอากาศธาตุ
เราไม่ใช่คนเลว ใช่ไหมคะ??


โดย: ใต้ฟ้าเดียวกัน IP: 125.26.176.240 วันที่: 17 มีนาคม 2552 เวลา:14:28:42 น.  

 
ไม่เลวหรอกครับ

เราไม่ได้ทำร้ายทำลายอะไรเขานี่ครับ เพียงแต่เลือกจะคบคนที่ควรคบ



โดย: aston27 วันที่: 22 มีนาคม 2552 เวลา:20:58:04 น.  

 
ก็อยากเก็บแต่เรื่องดีๆๆไว้ แต่ความเป็นจริงไม่ใช่ ก็ค่อยๆทำใจอยู่เลยค่ะ
ขอบคุณที่มีข้อความให้คิด


โดย: Noo IP: 119.42.82.247 วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:3:07:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.