Group Blog
 
All blogs
 
กิเลส ความทุกข์ กรรมฐานกับการว่ายน้ำ




มีน้องชายท่านนึงเขียนมาถามหลังไมค์เรื่องวิธีเริ่มฝึกดูจิต
ผมให้คำแนะนำไป เขาก็ตอบขอบคุณ พร้อมกับทิ้งท้ายว่า ..
"ขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้ผม หันเข้าหา
วิถีทางแห่งธรรมะบ้างไม่มากก็น้อย"

อ่านแล้วนึกถึงน้องสาวคนหนึ่งที่คุยกันเมื่อวันเสาร์ที่บ้านอารีย์
เธอบอกว่าเธอขี้โมโห เวลามีโทสะแล้วมันทุกข์มาก ไม่รู้จะทำยังไงดี

ผมแนะนำเธอไปว่า โทสะเป็นกิเลสหนึ่งใน 3 ตัว ที่เรามีกันเป็นปกติ
คนมีโทสะโดยปกติมีสองพวก พวกนึงโกรธแล้วขาดสติทำอะไรก็ได้
เห็นช้างตัวเท่าแมว เช่นโดนรถปาดหน้าแล้วลงไปต่อยตี ไปยิงกันกลางถนน

คนพวกที่สองคือเห็นทุกข์เห็นโทษของการมีโทสะ แล้วไม่ชอบ เกลียดมัน
อยากเป็นคนดี เลยพยายามไปบังคับกดข่ม เพ่งจิต จะได้เป็นคนดี

สองพวกนี้ ทุกข์กันไปคนละแบบครับ

ในพระไตรปิฎกเปรียบกิเลส เหมือนห้วงน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาล
พวกแรกก็คือคนที่หล่นลงน้ำแล้วจมหายไปกับห้วงกิเลส
พวกที่สองคือคนที่หล่นลงน้ำแล้วพยายามลอยหนีขึ้นเหนือน้ำ

อ่านถึงบรรทัดนี้ บางท่านอาจสงสัยว่า พวกที่สองผิดด้วยหรือ คุณแอสตั้น

ถ้าเอามาตรฐานทางโลกมา พวกที่สองก็เป็นคนดีครับ
แต่ว่ากันตามทางพุทธ พระพุทธเจ้าท่านสอนให้"รู้"ทุกข์ ไม่ได้สอนให้เกลียดทุกข์
ท่านสอนให้เราเป็นกลางกับสภาวะใดๆที่เกิด ไม่ว่าจะดีหรือร้าย
เพื่อจะได้เห็นความจริงว่า ทุกข์ก็อยู่ชั่วคราว สุขก็ชั่วคราว โลกนี้ก็ชั่วคราว

เคยมีพระสูตรอันหนึ่ง เล่าเรื่องเทวดาเหาะลงมาเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อทูลถามว่า
พระพุทธองค์ข้ามโอฆะ (ห้วงน้ำ = ห้วงกิเลส ห้วงแห่งทุกข์) ได้อย่างไร

พระพุทธเจ้าตอบว่า เราข้ามห้วงกิเลสได้
เพราะเราไม่พักอยู่ และเราก็ไม่เพียรอยู่

ท่านขยายความให้เทวดาที่งงรับประทานอยู่ว่า
ถ้าเราพักอยู่ เราจะจมลง ถ้าเราเพียร เราจะลอยขึ้น
เทวดาฟังแล้วได้โสดาบัน แต่แอสตั้นยังไม่ได้นะ

ขยายความต่อได้ว่า พักอยู่ คือการปล่อยตัวปล่อยใจไปกับกิเลส จึงจมลงๆ
เพียรอยู่ คือไป เพ่ง กดข่ม บังคับ จิตใจไว้
เป็นความสุดโต่งสองข้าง พระพุทธเจ้าจึงไม่ทรงสรรเสริญ

ชาวพุทธเรามีทางสายกลางเป็นปฏิปทา เป็นทางเดิน
ทางสายกลาง คือการมีสติรู้ทุกข์ ด้วยความเป็นกลาง ไม่แทรกแซง

ถามว่ารู้ทุกข์ ทำไง คุณแอสตั้น
ถามคุณกลับว่า ทุกข์อยู่ที่ไหนครับ เวลาคุณทุกข์น่ะ ทุกข์ที่ไหน
ก็ทุกข์ที่กาย ทุกข์ที่ใจสองที่นี่แหละ ก็ดูแค่กายกับใจเรานี่เอง

ที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่าให้มีสติ รู้กายรู้ใจตัวเอง ก็เพราะเหตุนี้เอง

จะข้ามห้วงกิเลส ห้วงทุกข์ได้ ต้องว่ายน้ำไปข้างหน้าลูกเดียว
จะว่ายท่าอะไรไม่สำคัญ อย่าห่วงท่าสวย อย่าท่ามาก

นักปฏิบัติหลายคนไปนั่งเถียงกันว่า กรรมฐานของอาจารย์ไหนดีกว่า
ก็เหมือนนั่งเถียงว่า ท่าว่ายน้ำอันไหนดี กรรเชียง ท่ากบ ท่าผีเสื้อ หรือฟรีสไตล์

ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ท่าหรอกครับ มันอยู่ที่ทำแล้วเดินปัญญาได้หรือเปล่า
คนแต่ละคนมีจริต มีความถนัด ไม่เหมือนกัน ถนัดท่าไหน ก็ใช้ท่านั้น

เพราะท่าสวยแต่ทำแล้วมันลอยขึ้นข้างบน อย่างเดียว ไม่ค่อยคืบไปข้างหน้า
กรรมฐานนั้นก็ไม่ยังประโยชน์อะไร ในทางวิปัสสนา

ที่สำคัญคือ พระสูตรนี้สอนผมว่า อย่าเสียเวลาไปรังเกียจกิเลส รังเกียจทุกข์
เพราะตลอดชีวิตของเรา ก็แช่ ลอยคออยู่ในห้วงกิเลส ห้วงทุกข์อยู่แล้ว

หน้าที่เราไม่ใช่การนั่งยี้ นั่งอี๋ แต่คือการเรียนรู้ความจริง
รู้ธรรมะจากกิเลส จากทุกข์ที่เราเจออยู่ทุกวันนี่แหละ

รู้ครั้งหนึ่ง ก็เท่ากับว่ายไปข้างหน้าหนึ่งช่วงตัว ถึงฝั่งเมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้น
ว่ายท่าสวยไม่สวย ไม่สำคัญ ว่ายผิดบ้าง ถูกบ้าง ก็ช่างมัน

สำคัญ ว่าอย่าหยุดว่ายจนกว่าจะหมดลมนะครับ




Create Date : 20 มีนาคม 2551
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2553 0:50:04 น. 16 comments
Counter : 763 Pageviews.

 
กำลังว่ายอยู่ค่ะ ตอนนี้ไม่ห่วงท่าแล้ว


โดย: ลูกแม่ดอกบัว วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:10:30:23 น.  

 
มาลงชื่ออ่านค่า (เด็กขี้โมโหนี้ใช่เราหรือเปล่า =_=)'


โดย: โมโหแล้วไม่หาย IP: 61.90.249.246 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:10:48:59 น.  

 
ทำอย่างไรก้อได้ให้1+1=2

ช้าบ้างเร็วบ้างได้ผลเท่ากัน...


นอกเรื่องค่ะ

เมื่อคืนพี่ไปลอยตัว ดีดขา เพราะว่ายน้ำไม่เป็น

นานๆทำทีเมื่อยขบน่าดู ถ้าทำบ่อยๆก้อจะเข้าที่เข้าทาง

เหมือนกันทุกอย่างในโลกนี้ใช่ไหมค๊ะ คุณเอ็ด


โดย: พี่แหม๋ว IP: 58.10.65.10 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:10:54:14 น.  

 

อ่านแล้วนึกถึงเวลาตัวเองว่ายน้ำ
ชอบเอาคางเกยขอบสระ หลับตานอนนิ่งๆเป็นจระเข้ผึ่งแดดอุ่นๆ
ติดสุขจริงๆ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:14:03:49 น.  

 
หวัดดีทุกท่านครับ

คุณลูกแม่ดอกบัว อนุโมทนาด้วยครับ

คุณโมโหแล้วไม่หาย แล้วคนนี้ใครล่ะ แต่คิดว่าไม่ใช่นะ เพราะคนนั้น เขาไม่รู้จักบล็อกพี่

พี่แหม๋ว เหมือนทุกอย่าง ตรงที่มันเป็นอนิจจังครับ
เคยทำอย่างเดียวกันแล้วเมื่อย แต่ทำไปเรื่อยๆ ความเมื่อยก็หาย

คุณมะนาวโซดา ถ้าเอาคางเกยขอบสระ ผึ่งแดดอุ่นๆ แล้วสบาย รู้ว่าสบาย ใช้ได้ครับ

ติดสุข แล้วรู้ว่าติด ไม่ใช่ปัญหา
ปัญหาคือ ติดแล้ว ไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวแล้วไม่เป็นกลางต่างหาก



โดย: aston27 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:19:36:24 น.  

 
หุหุ ขอบคุณงับ ^^


โดย: ปลาดุกน้อย IP: 125.25.16.55 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:21:10:17 น.  

 
ตอนนี้ทุกข์อยู่ที่จิตคะ ดูจิตอยู่ว่าเมื่อไหร่จะทุกข์จะดับไปเพราะรู้ว่าทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ และทุกข์เท่านั้นที่ดับ


โดย: ลูกสมุน วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:21:33:37 น.  

 
ดีจังที่ไม่ต้อง อ่านไปด้วย
พนมมือไปด้วย แถมเข้าใจง่ายจัง
แต่มาขำตรงนี้อ่ะค่ะ
"เทวดาฟังแล้วได้โสดาบัน แต่แอสตั้นยังไม่ได้นะ"
ฮ่า ๆ ๆ..ค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ


โดย: มิน (มินทิวา ) วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:6:16:59 น.  

 
คุณปลาดุกน้อย สวัสดีครับ

คุณลูกสมุน ปรับมุมมองนิดนึงก็ดีครับ คือดูจิต เพื่อให้รู้ว่า "มันเป็นของมันอย่างนั้นเอง"

อย่าดูเพื่อรอว่า เมื่อไหร่ทุกข์จะดับไป

เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อ "ดับทุกข์" หรอกนะครับ
เราปฏิบัติเพื่อ "เข้าใจ" ทุกข์ต่างหาก

แล้วตราบใดที่เรายังมีจิต ทุกข์ก็ไม่หมดไปหรอก เพราะพระพุทธเจ้าท่านเฉลยไว้แล้วว่า

ถ้าดูไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุด เราจะเห็นว่า จิตไม่ได้เป็นที่ตั้งของทุกข์อย่างที่ตอนนี้เราเห็นหรอก

แต่จิตนั่นแหละคือตัวทุกข์โดยตัวของมันเอง
ถ้าเห็นได้อย่างนั้น จิตก็จะละวางการยึดมั่นในจิตเอง

ละวางได้จึงหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้น ทุกข์แม้จะยังมีแต่ก็เข้าไม่ถึงจิตถึงใจ

การดับทุกข์ จะเกิดได้จริงๆ เมื่อผู้ได้เป็นอรหันต์ละสังขารไป ขันธ์ ทั้ง 5 ก็จะดับไป ทุกข์จึงดับโดยสิ้นเชิง เพราะไม่มีการเกิดใหม่อีก

ดูไปเรื่อยๆนะครับ


โดย: aston27 วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:7:53:00 น.  

 
พี่คะ พี่คะ ถ้าว่ายน้ำไปแล้วเกิดวันไหนเหนื่อย ๆ ล้า ๆ แบบว่าจะไปไม่ไหวแล้ว ขอห่วงยางสักอันได้ป่ะ

emo


โดย: begin IP: 58.137.129.220 วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:9:37:58 น.  

 
พี่..ถ้าดูแล้วมันไม่คืบหน้าล่ะ
บางทีมันว่ายแบบ วนไปวนมา
พักเกาะขอบก้อแล้ว
ไม่ดีขึ้น..เหนื่อย
แสดงว่าทำมาแบบผิดทางใช่ไหมคะ


โดย: b-ing IP: 203.121.140.250 วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:9:53:08 น.  

 



ไม่หยุดว่าย จนลมหายใจสุดท้าย...


ขอบคุณค่ะพี่เอ๊ด


โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 202.91.18.204 วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:16:06:48 น.  

 
พี่เอ๊ดครับ
Blog นี้แทงใจดำสุดๆ...

นั่นเพราะผมคือคนพวกที่ 2 ครับ

ผมมักคิดว่าตัวเองผิดที่ไปอยากได้โน่น อยากได้นี่ จนทำให้เกิดทุกข์ เลยข่มมันไว้ว่าถ้าไม่อยากทุกข์ ต้องหยุดความอยาก แต่แล้วก็กลายเป็นทุกข์หนักกว่าเดิม

แต่พอได้หัดวิปัสสนา ผมว่าอะไรๆก็ดีขึ้นเรื่อยๆนะครับ ขอบคุณพี่ที่แนะนำมาโดยตลอดครับ


โดย: Tony Koon (tk_station ) วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:22:31:05 น.  

 
เพิ่งเข้ามาเป็นครั้งแรกนะคะ

สงสัยว่า...เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังดูจิตอยู่
ไม่ได้คิดไปเอง

และถ้าเราดูจิตที่โกรธแต่ไม่สามารถเป็นแค่ผู้ดู
ได้ปรุงแต่งจนเกิดโทสะไปเรียบร้อยแล้วจะลด
กิเลสได้อย่างไร

วิธีนี้จะเหมาะกับคนทั่วไปไหมหรือเหมาะกับคน
ที่มีจริตแบบใด

ขอบคุณค่ะ


โดย: คนขี้สงสัย IP: 125.25.86.190 วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:0:06:07 น.  

 
มาปฏิบัติแต่เช้าค่ะ วันนี้


โดย: มิน (มินทิวา ) วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:3:26:27 น.  

 
..

กำลังฝึกว่ายน้ำ
ในทะเลใจค่ะ

..



โดย: azamiya วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:20:36:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.