Group Blog
 
All blogs
 
The Bucket List สิ่งสุดท้ายที่พึงทำ





ถ้าผมจะบอกว่า ผมสามารถบอกวันตายล่วงหน้าให้ทุกคนได้ คุณจะอยากรู้ไหมครับ?

เคยมีการทำวิจัยเรื่องนี้ในอเมริกา ปรากฏว่า 96% บอกว่าขอไม่รู้ดีกว่า มีแค่ 4% ที่บอกว่าอยากรู้

เพิ่งมี DVD หนังออกใหม่เรื่องหนึ่ง เป็นหนังดีที่น่าดู ชื่อว่า The Bucket List
ชื่อหนัง อาจจะฟังดูไม่คุ้นหู เพราะไม่ได้เข้าฉายในโรงบ้านเรา

เป็นเรื่องของชายวัยดึกสองคน ที่ต่างสีผิว ต่างนิสัย ต่างฐานะ ต่างความคิด
แต่ที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ หมอบอกว่าทั้งคู่อยู่ได้อีกไม่กี่เดือน นานสุดก็หนึ่งปี

แทนที่จะหมดอาลัยตายอยาก ทั้งคู่ช่วยกันเขียน "รายการที่ควรทำก่อนตาย" บนกระดาษยับยู่ยี่แผ่นหนึ่ง
แล้วใช้เวลาที่เหลือทำรายการเหล่านั้น ให้เป็นจริงตั้งแต่ความสุขทางโลกอย่างโดดร่มดิ่งพสุธา ผจญภัยซาฟารี ปีนขึ้นยอดปีระมิด ขับรถมัสแตงในสนามแข่ง
ไปจนถึงสิ่งที่ดูเป็นนามธรรม อย่างทำความดีให้คนแปลกหน้า หรือหัวร่อร่าจนน้ำตาไหล

มอร์แกน ฟรีแมน รับบทเป็นคาร์เตอร์ ช่างซ่อมรถผู้รอบรู้ ที่ฝันอยากเป็นนักประวัติศาสตร์
แต่ความฝันต้องพับฐาน เพราะแฟนดันท้องป่องขึ้นมาตั้งแต่เรียนไม่จบ
จึงต้องเลิกเรียนเพื่อทำมาหาเลี้ยงลูก

แจ็ค นิโคลสัน รับบทเอ็ดเวิร์ด โคล เศรษฐีเพลย์บอยเจ้าของโรงพยาบาลซึ่งมีคำขวัญว่า
"โรงพยาบาล ไม่ใช่สปา ทุกห้องต้องมีสองเตียง ไม่มีข้อยกเว้น"

ตัวเองก็เลยต้องนอนร่วมห้องกับคาร์เตอร์ โดยไม่เต็มใจ เพราะปากตัวเองพาจน

เฉลยตอนจบให้ว่าตอนท้าย ทั้งคู่ก็ตายแหละครับ เพราะนี่มันหนังชีวิต
ไม่ใช่หนังแฟนตาซี หรือเทพนิยายกรีก จะได้มีหักมุมพิสดารตายแล้วฟื้นได้

แต่อย่างที่เคยเขียนในบล็อกหนึ่งว่า สำหรับการเดินทางแล้ว
บางทีจุดหมาย ก็ไม่ได้สำคัญเท่าสิ่งที่ได้จากการเดินทาง

ถ้าคนเราเกิดมาแล้วต้องตายเสมอกัน จะช้าบ้างเร็วบ้าง
ตายสบายบ้างลำบากบ้าง ด้วยเหตุปกติบ้าง พิสดารบ้าง
ก็ยังถือว่า เราต่างมีปลายทางเดียวกัน

สิ่งที่แตกต่างกัน จึงไม่ได้อยู่ที่ใครตายหรือไม่ตาย อันนี้ยกเว้นคุณยายวรนาถในทายาทอสูรไว้คนหนึ่ง
แต่คนเราต่างกันเพราะกรรมที่เราทำในระหว่างมีชีวิตนี่แหละ

เคยมีคนส่งการบ้านหลวงพ่อ บอกว่าใจนึงอยากภาวนา แต่อีกใจก็ขี้เกียจ
หลวงพ่อแนะนำว่าให้คอยรู้ทันตัวขี้เกียจ แล้วให้หมั่นระลึกถึงความตาย จะได้ไม่ประมาท

คนเราประมาท ก็เพราะนึกว่าตัวเองยังแข็งแรง ยังอายุน้อย ยังไม่ถึงวัยอันควร
บางคนคิดเข้าข้างตัวเองว่า เป็นคนดี มัจจุราชคงเมตตา ให้อยู่นานหน่อย

แต่ฝรั่งมีคำกล่าวว่า.. Only the good die young คนดีมักจะอายุสั้น

อันที่จริงไม่เกี่ยวหรอกครับ เพราะอายุขัยคนมันขึ้นกับกรรมเก่าส่วนหนึ่ง กรรมใหม่ส่วนหนึ่ง
กรรมเก่า เช่นเคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไว้มาก กรรมใหม่ก็เช่นวิถีการใช้ชีวิตในแต่ละวัน

ที่เป็นคนดีแล้วตายเร็ว ก็เพราะกรรมเก่ามันแรง เลยตามมาตัดรอนไว
บางคนกรรมเก่าแรงชนิดที่กรรมใหม่ก็ยังช่วยไม่ไหว ไม่เกี่ยวกับปัจจุบันดีหรือไม่ดี

การไม่รู้วันตายล่วงหน้า มีทั้งข้อดี มีทั้งข้อเสีย
ข้อดีคือ เราก็จะไม่กังวล ไม่ทุกข์ตกอกร้อน ตีโพยตีพาย หรือซึมเศร้า
ข้อเสียคือ เรามักจะประมาทในการทำชั่ว ผัดวันประกันพรุ่งในการทำความดี

ถึงจะยังไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะตายเมื่อไหร่ แต่ถ้าคุณจะมี Bucket List ของคุณไว้ก็ไม่เสียหาย
เผื่อบางทีจะได้ทราบว่า ลำดับความสำคัญของชีวิตคุณคืออะไร
และหวังว่าหนึ่งในนั้นจะเป็น "การรู้แจ้งในความจริงของสิ่งที่เรียกว่าตัวเรา" นะครับ

สำหรับใครที่สงสัยใคร่รู้ ว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่ ไม่ต้อง SMS มาถาม
เพราะจะบอกให้แม่นๆว่า

คุณจะตายแน่ๆในวันที่คุณหยุดหายใจ

ดังนั้น สุขสันต์วันที่ยังหายใจอยู่นะครับ

ปล. วันนี้ใส่เพลงที่คุ้นหูกันจากสมุดเยี่ยม เพราะเพลงนี้ แจ็ค นิโคลสันร้องไว้เองครับ


Create Date : 28 ตุลาคม 2551
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2551 8:58:46 น. 30 comments
Counter : 2546 Pageviews.

 
ขอบคุณพี่นะครับ ที่ช่วยเตือนไม่ให้ประมาท นึกถึงที่หลวงพ่อบอกไว้ 2 อย่างที่ชาวพุทธต้องระวังคือ มิจฉาทิฐิ และ ประมาท

ผมจะมีชีวิตอยู่ถึงปีใหม่ไหมน้อ ไม่รู้ แต่ที่รู้ต้องรู้สึกตัว :) ขอบคุณครับ


โดย: AAy IP: 15.211.153.72 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:18:08:10 น.  

 
เพราะไม่รู้พรุ่งนี้จะได้หายใจไหม...
ในชาติหน้าเราจะได้เจอพุทธศาสนาอีกหรือเปล่า

เผลอฟุ้งซ่าน ให้รู้ว่าฟุ้งซ่านใช่ไหมค่ะ

ขอบคุณพี่เอ๊ดดี้ค่ะ....


โดย: Ying (เจ้าหญิงทิงนองนอย ) วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:18:35:23 น.  

 
..

บางครั้งเวลานึกถึงความตายก็รู้สึกเฉย
บางครั้งเห็นการตายก็รู้สึกกลัวค่ะ





โดย: azamiya วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:20:55:33 น.  

 
วันนี้ฟังซีดีหลวงพ่อแล้วรู้สึกร้อนใจหน่อยๆค่ะพี่เอ็ด
เหมือนช่วงเวลาที่เราจะภาวนาได้ เหลือไม่มาก ยังไงไม่ทราบ (ถ้าหนูเข้าใจไม่ผิดนะคะ)

ปล* วันนี้ฟังซีดีหลวงพ่อ แผ่นไหนก็จำไม่ได้ค่ะ รู้แต่้ว่าสนุกมาก อมยิ้ม หัวเราะบ่อยครั้งเลย ^^ ชอบมากเลยค่ะ แต่หนูยังดู process ความชอบไม่ค่อยทันเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็หายไปซะแล้ว ... ความชอบนี่เป็นราคะหรือโมหะหรอคะพี่เอ็ด
ปล2* ดีใจที่ได้อ่านบล็อคใหม่ค่ะ


โดย: aritsumemoon IP: 124.122.188.50 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:22:24:48 น.  

 
ซื้อแผ่นเรื่องนี้มาสักพักแล้วค่ะพี่ แต่ยังไม่มีเวลาเปิดดูเลย
ตอนไปซื้อ ก็อ่านปกหลังแล้วสะดุดใจ เพราะตัวเองก็ทำงานกับคนไข้ระยะสุดท้ายอยู่เนืองๆ
ถามคนไข้มาก็หลายคน ว่ามีอะไรที่ยังไม่ได้ทำไหม
แต่ละคนก็มี list ประมาณนึงค่ะ
ที่น้อยคนจะ list ให้ฟัง ก็คือ หาเวลาสงบอยู่กับตัวเอง
ส่วนใหญ่จะบอกว่า อยากทำโน่นทำนี่ทำนั่น ก็ไม่แปลกนะคะ so many things to do, so little time
เรื่อง only good dies young ขอเสริมนิดหน่อย เห็นด้วยกับพี่นะคะ แต่มีมุมอีกมุมที่ว่า อาจจะเพราะ "คนดี" เนี่ย เขาทำดีกับคนอื่นๆไว้เยอะ คนอื่นๆก็เลย "รู้สึก" ว่า ไม่น่าตายเลย ทำไมมีชีวิตไว้ทำความดีน้อยจัง ประมาณว่าเสียดายน่ะค่ะ
สุดท้าย ถ้าเผื่อจะตาย คงไม่ sms ไปบอกใคร
กะว่า ถ้าทำได้ จะเจริญสติไว้ให้มั่นค่ะ สาธุ


โดย: My Life as a Doc (อย่างไรก็ดี ) วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:22:35:31 น.  

 
อยากรู้วันตายของตัวเองนะ คงเศร้าและกลัวเพราะไม่รู้ว่าชีวิตหลังความตายเป็นยังงัย
แต่ที่อยากรู้จะได้จัดการการงานไม่ให้เป็นภาระของพี่น้อง กลัวที่สุดคือการทิ้งภาระให้คนอื่นเดือดร้อน ต๊าย! แค่คิดก็เศร้าล่วงหน้าแล้วนะเนีย ฟุ้งซ่านชนิดอายที่จะบอกว่าติดตามอ่าน
งานเขียนของคุณตลอด


โดย: meang IP: 118.172.90.83 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:23:00:50 น.  

 
blog นี้เพลงเพราะจัง : )


โดย: Terri IP: 58.9.19.102 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:23:48:52 น.  

 
ทำให้นึกถึงคำของสมเด็จพระสังฆราชค่ะ
"ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญนัก"

เป็นคนส่วนน้อยที่อยากรู้ว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่ค่ะ ถ้ารู้ก็จะได้จัดระเบียบชีวิตตัวเองได้ชัดขึ้น แต่เป็นไปไม่ได้นิคะ ก็คง..เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น :)

หนึ่งใน Bucket List ที่เคยทำตอนเข้าอบรมเผชิญความตายอย่างสงบ ก็คือการเจริญภาวนาค่ะ แต่....ทุกวันนี้ก็ยังประมาทอยู่เลยยย - -"

สุขสันต์วันที่ยังหายใจได้อยู่ ด้วยคนนะคะ


โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 58.8.36.3 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:0:00:15 น.  

 

สำหรับนาทีที่ไม่รู้จะได้กลับมาอยู่ในโลกนี้อีกไหม
ความรู้สึกของพี่คือ ถ้าไม่ได้กลับมาอีกก็ไม่เป็นไร
อะไรที่เป็นสิ่งหลักๆก็ทำไปแล้ว ไม่ได้อยากทำอะไรอีก

และทุกๆวันที่ตื่นขึ้นมา ก็คือเวลาที่มีค่าค่ะ

ขอบคุณสำหรับ ความไม่ประมาทค่ะ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:1:31:49 น.  

 
เรื่องๆนี้ ฟังดูแล้วเหมือนหนังสือเรื่อง The last lecture ที่ผู้สอนเป็นอาจารย์ที่มหาลัย แล้วพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งตับ อยู่สอนได้อีกไม่นาน เค้าก็ได้ lecture ให้กับนักศึกษาของเค้า ในช่วงขณะที่ตัวเองกำลังทำการบำบัดรักษา เป็นหนังสือที่ดีอีกเล่มหนึ่ง ที่คอยเตือนสติตัวเราเอง ว่าเวลาสิ้นสุดของแต่ละคนนั้น อาจไม่ได้ยาวนานอย่างทีคิด

แต่ผมเองคงไม่อยากรู้ก่อน เพราะส่วนใหญ่คิดว่า ถ้ารู้ก่อนแล้ว วันตาย อาจใกล้กว่าที่คิด แต่ถ้าพวกที่รู้ก่อน แล้วพบว่า วันตายนี้ อาจยาวนานไปอีก เกือบๆ 100 ปี พวกเค้าจะทำยังไงนะ
กับเวลาที่เหลือเหล่านั้น

สุขสันต์วันที่ยังมีลมหายใจเช่นกันครับพี่เอ็ด ถึงวันนี้ลมหายใจจะติดๆขัดๆไปบ้างเนื่องจากเป็นหวัดเพราะอากาศเปลี่ยน


โดย: หมีหุหุ IP: 203.209.31.51 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:9:32:19 น.  

 
ดีใจ ก็รู้ว่าดีใจค่ะ ... ที่คุณ aston อัพ blog แล้ว

ไม่ค่อยรู้สึกกลัวความตายมาแต่ไหนแต่ไร
อะไรที่ตอนนี้ยังสามารถทำได้ ก็ทำไป
เรื่องบางเรื่อง เราอาจจะคิดไปเองว่าต้องทำก่อนตาย
เอาเข้าจริง มันก็มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเองที่ต้องทำ ... อย่างเดียวที่ไม่ง่ายเลย ...

ขอบคุณนะคะสำหรับข้อคิดดี-ดี

สุขสันต์วันที่ยังมีลมหายใจเช่นกันค่า


โดย: aggressive red rabbit วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:10:07:03 น.  

 
แหม ทำไมคุณ Aston ช่างอัพเดทบล๊อกได้ตรงใจดีจริงๆ คือว่ามีหมอดูทักตัวเองค่ะว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้น มีช่วงเวลามาให้ด้วยของปีหน้า คนอื่นไปโรงพยาบาล ดิฉันไปวัด ฟังแล้วงงค่ะ แต่สรุปคือไ่ม่มีสิทธิ์ไปวัด ว่างั้น

ได้ยินแบบนี้ ใจเศร้าไปหลายวันเลย ขาดสติอย่างแรงค่ะ เค้าบอกว่าดิฉันทำบุญมากไป เอ ไม่รู้เค้ารู้ได้ไง เค้าบอกอีกว่าทำบุญมาก กลับบ้านไวไม่รู้เหรอ ตอนไม่มีสติก็ป้ำๆ เป๋อเลยค่ะ ทีนี้ ซุ่มซ่ามน่าดู ชวนใ้ห้สติกลับมาว่า เราคงไม่ตายปีหน้าแน่ ถ้ายังขาดสติแบบนี้ ตายปีนี้แหง๋มเลย

พอมีสติปั๊บ ก็เอ ที่เราภาวนาอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อจิตสุดท้ายไม่ใช่เหรอ แล้วเราจะกลัวอะไรถ้าเวลานั้นมาถึงจริงๆ นี่แค่คนเค้าทัก ใจเราก็ทิ้ง ให้ตัวแพ้ไปตั้งแต่ยังไม่เริ่มออกวิ่งแล้ว แล้วก็ประมาทมากเลยว่า เราจะยังอยู่อีกนาน จากนั้นก็ปล่อยวางเลยค่ะ ความทุกข์ที่ได้รู้ว่าเราอาจตาย เหมือนเราปล่อยมือออกจากความทุกข์นั้นโดยฉับพลัน สบายเลยค่ะ ตอนนี้ตั้งใจทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะยังไงสุดท้ายเราก็ตายอยู่ดี แต่ขอฝึกภาวนาวันนี้ เพื่อจะได้ตายอย่างมีสติในวันหน้าดีกว่า จริงไหมค่ะ

แหม บล๊อกคุณนี่ อัพเดทเข้ากับชีวิตดิฉันมากเลย ฮะ ฮะ ฮะ


โดย: daisyntulip IP: 75.43.207.71 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:12:35:14 น.  

 

ไม่รู้ว่าจะ comment อะไรดี ??

รู้แต่ว่าถูกใจบล็อกนี้อ่ะพี่เอ็ด..

ขอติดหมุดให้บล็อกนี้ไปอยู่ในหนังสือเล่มที่ 2
ของพี่ได้มั๊ยอ่าคะ ???


โดย: myover วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:12:56:22 น.  

 

" ดีใจ ก็รู้ว่าดีใจค่ะ ... ที่คุณ aston อัพ blog "
โดย:aggressive red rabbit

.......ขอรู้ว่าดีใจด้วยคนนะคะ......

.......และรู้ว่ายังกลัวตายอยู่ค่ะ


โดย: Vera IP: 202.129.10.218 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:18:00:55 น.  

 
คุณเอ็ด...หน้าใสกิ๊ก

ในขวัญเรือนเล่มใหม่


พี่เพิ่งวี๊ดวิ้วกะน้องคูณ...จะบอกว่าเล่มก่อนเขาก้อช่วยประชาสัมพันธ์ให้น๊ะค๊ะ



เพลงที่คุณJack ร้องที่พี่ชอบมากคือ La Vie en Rose



มีสติ...จนวินาทีสุดท้ายของชีวิตน่าจะ


โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:20:48:42 น.  

 
เพิ่งได้ดูหนังเรือ่งนี้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเองค่ะ เป็นหนังที่ดูง่ายๆแต่มีสาระเเผงมากเลย

อ่านตรงนี้ "คุณจะตายแน่ๆในวันที่คุณหยุดหายใจ"
แล้วหยุดขำไม่ได้เลยค่ะ

ขอบคุณนะคะ


โดย: Kae IP: 206.169.124.88 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:21:44:22 น.  

 
:)


โดย: artsBeat IP: 98.233.106.109 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:23:51:18 น.  

 
เมื่อก่อนอยากตายได้ทุกวัน ไม่ค่อยเสียดายชีวิต

แต่หลังๆ พอเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ ชักไม่อยากตายแฮะ เพราะยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อจากปุถุชนเป็นพระอริยะเลย

ถ้าตายตอนนี้สงสัยลงอบายแหงมๆ เหอๆ

แต่โธ่ คิดอีกที อธิษฐานไว้ดีกว่า ถ้าเป็นเดรัจฉานก้อขอให้ได้ฟังธรรม เอาวุ้ย อิอิ

อัพเดทบ่อยๆนะค่ะ


โดย: 5559 IP: 119.31.52.14 วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:1:04:18 น.  

 
เคยถามตัวเองว่าอยากรู้ไหม
คิดไปคิดมาไม่รู้ดีกว่า แล้วก็ค่อยๆอยู่ไปทีละวันนี่ล่ะ ดีบ้างไม่ดีบ้างแต่พยายามจะให้ดีค่ะ

วันนี้หายใจอยู่กับลมหนาว
พรุ่งนี้จะไปหายใจอยู่เมืองร้อนแล้ว
อ่านคอมเม้นท์ข้างบน...
ถึงแล้วสงสัยจะต้องไปหาขวัญเรือนมาอ่านเสียหน่อยแล้วค่ะ
...

ลาวีอองโรสเวอร์ชั่นพี่แจ็คนี่เพราะมากๆเลยค่ะ

ปล. คริ คริ ขำเรื่องคุณยายวรนาถเรื่องทายาทอสูร ตอนนั้นน่ะติดงอมแงมเลยเรื่องนี้


โดย: SevenDaffodils วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:3:12:57 น.  

 

เป็นส่วนน้อย ที่อยากทราบเช่นกันค่ะ แต่ในเมื่อเป็นไปไม่ได้ ก็ทำวันนี้ให้ดีที่สุด...........

เมื่อวานได้นำข้อคิดดีๆ ของคุณเอ็ด ไปให้สติ+กำลังใจเพื่อนที่จิตกำลังตกอย่างหนัก เนื่องจากหมอดูทักมาว่าต้องแยกกับสามี ก็ได้ผลดีขึ้นนะคะ รู้สึกเพื่อนมีกำลังใจมากขึ้น เปลี่ยนมุมมองได้ และแนะนำให้กลับไปปฎิบัติธรรมเช่นเดิม ก็ฝากขอบคุณมาถึงคุณเอ็ดด้วยนะคะ ที่มีข้อคิดดีๆ ทำให้สามารถช่วยเพื่อนได้


โดย: dream flyer IP: 222.123.70.56 วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:11:37:09 น.  

 
ชอบมอร์แกน ฟรีแมนจังค่ะ เพราะมักจะเห็นเค้าในหนังดราม่าที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ

เวลาระลึกถึงความตาย ส่วนมากแล้วมักเกิดอารมณ์ 2 แบบ คือ กลัวตาย กับปลงชีวิต ไม่รู้จะทำอะไรไปเพื่ออะไร แก้ยังไงดีคะ ช่วงนี้คิดบ่อยๆ ด้วย น่าจะคิดมากเกินมรณานุสติแล้ว


โดย: honeytina IP: 219.87.64.222 วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:14:40:40 น.  

 
ชอบตอนนี้มากๆเลยค่ะ
ระวัง!!
มันกำลังจะมา
อิอิ

หนังเรื่องนี้ต้องหามาดูซะแล้ว
ท่าทางจาเส้าน่าดู

สุขสุนต์วันอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

ปล.กลับมอที่หอแล้วล่ะค่ะ
เปิดเทอมวันจันทร์นี้แล้ววว


โดย: LOLLIPOP IP: 202.139.223.18 วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:0:17:34 น.  

 
แวะไปอ่านที่คุณแอสตันตอบปัญหาในแสงดาวส่องทาง
อ่านไปก็ขำไป เปล่าคะ ไม่ช่าย ไม่ใช่เรื่องตลก แต่คุณวิเคราะห์เรื่องโรคความหวังเรี้อรังแบบแทะทะลุหัวใจมาก เพราะคิดได้ว่าชั้นก็เป็นโรคนี้เหมือนกันแฮะ ฟันธง!


โดย: meang IP: 118.172.96.88 วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:10:31:32 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณพิทยากร

หญิงหลบไปตั้งสติอยู่เป็นนาน จากคำตอบของคุณจากเรื่องของเจ้าหนู Andrew คุณเล่นยิงกันกลางแสกหน้าเลย

เรื่องตายนี่ ตายก็ตาย แต่ภาวนาว่าอย่าตายเละเทะนะเพราะอยากเป็นอาจารย์ใหญ่ บริจาคศพให้โรงพยาบาลศิริราชไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี๓๙โน่น ขอแค่เนี๊ยะ

ขอแก้ข้อกล่าวหาของคุณพิทยากรหน่อยนะคะ หญิงไม่ได้เป็นคนขี้กังงล+ช่างสงสัยแต่ใครๆเขาบอกว่าหญิงเป็นมนุษย์เจ้าปัญหาที่เป็นโรควิตกจริต...เฮหน่อย....
ขอบคุณค่ะ


โดย: กิ้งก่าไฟ IP: 115.67.111.97 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:10:09 น.  

 
พี่เอ๊ดมีลิสต์ไว้ไหมคะ ^^


โดย: am^^ IP: 58.8.126.137 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:28:18 น.  

 
แวะมาขอบคุณทุกท่านครับ

น้องแอมจะมาหลอกถามอะไรพี่หรือเปล่า อิอิอิ

ไม่สำเร็จหร้อก


โดย: aston27 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:56:11 น.  

 
ชอบอ่าน blog ของพี่ค่ะ
อ่านแล้วได้แง่คิดดีๆ เยอะ
การมองต่างมุมออกไป ก็ดีนะคะ
ทำให้เราเห็นอะไรใหม่ๆ ที่ดีๆ หลายอย่าง


โดย: plankton IP: 125.25.30.225 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:17:40 น.  

 
ได้ดูเรื่องนี้ด้วยความบังเอิญจาก HBO แต่ได้ดูตอนท้ายแล้ว เลยมาดูในนี้ค่ะ...
ชอบมากและขอบคุณค่ะ
(^___^)


โดย: คนไม่มีราก IP: 125.24.143.228 วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:14:58:37 น.  

 
เนื้อเรื่องคล้ายๆ กับหนังของคุณ อากิระ คุโรซาว่าเลยครับ เรื่อง Ikiru (เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมชอบที่สุด)

การนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับความตาย มักจะนำพลังชีวิตมาให้เสมอๆ เลย

(และหวังว่าหนึ่งในนั้นจะเป็น "การรู้แจ้งในความจริงของสิ่งที่เรียกว่าตัวเรา" นะครับ)

นี่ก็เป็นเรื่องที่ผมหวังไว้ว่า "ลูก" ของผม มันจะเข้าใจได้ด้วยตัวมันเอง ก่อนผมตายครับ แต่ถึงชาตินี้มันจะไม่เข้าใจ ผมก็พร้อมจะพามันไปทำความเข้าใจความจริงในชาติพรุ่ง ชาติมะรืน หรืออีก สิบ ร้อย พัน ชาติ ไม่่ว่าจะต้องเรียนรู้อีกนานแค่ไหน ผมก็พร้อมจะรอให้ "ลูก" ของผมได้รู้แจ้งความจริงอย่างใจถึงครับ


โดย: him_aeng IP: 118.173.240.125 วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:17:29:45 น.  

 
I think this is one of the most important information for me. And i'm glad reading your article. But should remark on some general things, The web site style is wonderful, the articles is really excellent : D. Good job, cheers
Louis Vuitton Sale //www.k2resources.com/


โดย: Louis Vuitton Sale IP: 94.23.252.21 วันที่: 2 สิงหาคม 2557 เวลา:9:19:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.