Group Blog
 
All blogs
 
จิตตก กลัวผี รู้ว่าคิด กับคิดว่ารู้


(ขอบคุณภาพสวยๆจากคุณ SevenDaffodils ครับ)

ผมแวะไปอ่านข้อความในบล็อกที่ให้คุณฝากคำถามทิ้งไว้ และในสมุดเยี่ยม
เจอคำถามอยู่สองอันที่อยากเอามาตอบ มาเขียนถึงไว้ในนี้

เขาถามมาอย่างนี้ครับ

จะทำอย่างไรดีค่ะ ถ้าเรารู้สึกว่ากำลังหมดพลัง และ เหนื่อย ในการใช้ชีวิต
โดย: Chacha


คำแนะนำที่ผมอยากบอกเป็นอันดับแรกคือ
จิตของมนุษย์ปุถุชนอย่างเราๆท่านๆ
เป็นจิตที่ยังเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้

เมื่อคืนนี้ ผมเองก็กลับบ้านด้วยสภาพกระเซอะกระเซิง
จิตผมก็ไม่ต่างจากคุณเลย คือจิตไม่มีแรง ท้อ และเหนื่อย

ถามว่า.. คุณแอสตันทำอย่างไร
ตอบว่า ก็นั่งดู นั่งรู้มันไปอย่างนั้นเอง
ว่าจิตมันต๊อแต๊ มันอ่อนแรง ป้อแป้ ไม่มีพลัง เหนื่อย

แล้วผมก็เห็นว่าใจมันแอบไม่เป็นกลาง คือไม่ชอบสภาวะนี้ขึ้นมาหน่อยนึง
ไอ้ตอนที่เห็นว่ามันไม่เป็นกลาง จิตมันก็ตื่น มีแรงขึ้นมาได้ขณะหนึ่ง

กำลังตัวนี้ เป็นกำลังของสติที่มีขณิกสมาธิ(อ่านว่า ขะ นิ กะ)เป็นของแถม
พอมีตัวนี้มาช่วย จิตเริ่มตั้งมั่นขึ้นบ้าง สงบลงได้ แต่ช่วยได้นิดหน่อย

จากนั้น เราจะไปรู้ลมหายใจเข้าออก ไปสวดมนต์ หรือนึกถึงพระพุทธเจ้า
ก็เป็นเทคนิคการเอาสมถะมาช่วยให้จิตได้พักผ่อน ใช้ได้ทั้งนั้นครับ

ลองไปฝึกดูนะครับ ส่วนตัวผมเอง ผมใช้หลายวิธีผสมกัน
บางเวลาก็หลับตาหายใจออกยาวๆ บางเวลาก็นึกถึงพระพุทธเจ้า

วิธีหลังนี่คนกลัวผีเอาไปใช้ได้นะ กลัวขึ้นมา รู้ว่ากลัว
แล้วนึกถึงพระพุทธเจ้าไว้ เอาจิตไปอยู่ใกล้คุณงามความดี
แล้วพอจิตมันหลงไปคิด ปรุงความกลัวอีก ก็รู้ทัน

แล้วจะเห็นว่า ผีไม่น่ากลัวหรอก ที่น่ากลัวกว่าคือความคิดของเราเอง
ผีหลอกเราได้ก็แค่กลางคืน แต่ความคิดเรามันหลอกเราได้ทั้งวันทั้งคืน
ตั้งแต่ตื่นจนหลับ

ฉะนั้น ใครกลัวผี ให้หัดตามดูการที่จิตไปคิดบ่อยๆ
ดูทุกโอกาสที่มี ทุกนาทีที่ว่าง
ดูไปสักอาทิตย์นึง จะเห็นว่า ความกลัวผีก็คือความคิดฟุ้งซ่านอย่างหนึ่ง

ถ้าจิตมันรู้จักคุ้นเคยกับสภาวะหลงคิด หรือกลัวบ่อยๆเข้า
วันหนึ่งพอคุณหลงไปคิดปรุงแต่ง จิตมันจะรู้ทันเอง ความกลัวจะค่อยๆลดลงๆ

อีกท่านถามว่า
เวลาจิตตกทีไร ต้องคิดถึงพี่ทุกทีครับ

ปุจฉา เรารู้ได้อย่างไรว่า ตัวรู้ที่เกิดขึ้นเป็นสภาวะธรรมที่จริง ไม่ใช่เรากำหนดรู้เองครับ
ขอบคุณครับ
(จากคุณ) Elna


แนะนำตรงๆนะ เวลาจิตตก นึกถึงพระพุทธเจ้าดีกว่า อย่านึกถึงผมเลย
เพราะไอ้คนที่คุณนึกถึง มันก็ยังจิตตกได้เหมือนคุณนั่นแหละ

แต่จิตตกแล้ว อย่าไปดิ้นรนหาทางแก้นะ
ให้ยอมรับมันไปซื่อๆว่า มันเป็นอย่างนั้นของมันเอง สมน้ำหน้าด้วยก็ได้

เพราะเล่าให้ฟังบ่อยๆในหลายบล็อก ว่าจิตไม่ใช่เรานะครับ
อย่างมันจะกลัวผี เราสั่งมันได้ไหมล่ะ ว่าอย่ากลัวสิ นังหน้าโง่
มันไม่เชื่อหร้อก.. ที่เราทำได้ก็แค่รู้ทัน ว่ามันเป็นอย่างนั้นของมันเอง

จุดสำคัญที่ต้องเตือนกันบ่อยๆคือ เวลาตามรู้ตามดูสภาวะของจิต
เราไม่ได้ดูจิตเพื่อจะไม่ให้มันโกรธ เกลียด หรือกลัว
เราไม่ได้ดูจิตเพื่อไม่ให้มันคิด เพื่อไม่ให้หลง

แต่ดูเพื่อจะฝึกมีสติรู้ทันความเป็นไปของจิตในปัจจุบัน ทีละขณะๆ
ว่ามันเป็นของมันอย่างนั้นเอง ว่ามันเปลี่ยนไปมาได้เอง
จากจิตเฉยๆ กลายเป็นกลัว กลายเป็นโกรธ เกลียด มันทำเองนะ

เราดูเพื่อจะเห็นว่า ภาวะทั้งหลายที่มันเกิด มันเปลี่ยนแปลง มันดับไป
เราทำอะไรกับมันไม่ได้สักอย่าง นอกจากการ "รู้ทัน"

จิตคิด ก็ห้ามไม่ได้ ก็มันมีธรรมชาติเป็นลิง เป็นค่าง อย่างนั้น
มันช่างคิด เพราะมันเป็นอย่างนั้นเอง ใครจะทำไม

บางท่านไปฝึกสมาธิ เพื่อบังคับไม่ให้มันคิด ได้เหมือนกันนะ
แต่ได้ชั่วคราว สมาธิคลาย จิตก็กลับไปฟุ้งซ่านเหมือนเดิม

อยากบอกว่า ส่วนมากเรารู้ทันจิตตัวเองได้ทุกคนแหละ
แต่เราไปพลาดที่ภาวนาเพื่อจะ "เอา" ไม่ใช่เพื่อจะ "รู้"

พอรู้สึกตัวได้ ก็เลยต้องคิดต่อว่า เอ๊ะ.. นี่รู้จริงๆหรือคิดเอาหว่า
กลัวไม่ถูก กลัวไม่ดี กลัวทำผิด

ตอบได้ว่า ไอ้ตอนแรกน่ะรู้อยู่แล้วล่ะ
แต่รู้แว้บนึง ความคิดก็มาคาบไปรับประทาน

ครูบาอาจารย์ท่านถึงสอนว่า ให้รู้ทันว่าสงสัย
เพราะความสงสัย ก็คือความคิดอีกตัว

จะเรียนวิปัสสนาให้ได้ผลไวๆ อย่าพยายามคิดเอาว่าทำยังไงจะถูก
อาจารย์ผมท่านเฉลยให้แล้วว่า ทำอะไรก็ผิด

แต่ให้รู้ทันสิ่งที่ผิดทั้งหลาย แล้วมันจะถูกเอง
เช่น มันหลงคิด ก็รู้ว่าจิตหลงไป
ตอนหลงไปมันผิด พอรู้ทัน นั่นแหละถูกแล้ว

รู้สภาวะอะไรแล้วใจไม่เป็นกลาง ก็รู้ทันว่าไม่เป็นกลาง
ตอนไม่เป็นกลาง เป็นการปรุงแต่งของจิต
พอรู้ทันจิตที่ปรุงแต่ง ตรงนั้นแหละถูกแล้ว

อ่านถึงตรงนี้ ร้อยละร้อยจะย้อนไปคิดเพื่อทำความเข้าใจ
ถ้ารู้ทันว่าเออ.. มันไปคิดเองแฮะ อันนี้ก็ปฏิบัติเสร็จไปอีกหนึ่งครั้ง

สงสัย รู้ว่าสงสัย ก็ได้คะแนนอีก ดูไปอย่างนี้แหละครับ ดูซื่อๆ
แล้วจะเข้าใจเองว่า "รู้ว่าคิด" มันต่างกับ "คิดว่ารู้"

ผมใส่เพลงมาช่วยให้คุณดูจิตตัวเอง
เพลงชื่อ walking on sunshine เพลงเก่าสมัยยุค 80 ของ แคทริน่า แอนด์ เดอะเวฟ
ฉบับนี้เป็น cover version แบบแจ๊สครับ ใครอยากฟังต้นฉบับต้องไปหาหนัง YES MAN มาดู

ฟังแล้วชอบ รู้ว่าชอบ เสียงไม่ดี หงุดหงิด รู้ว่าหงุดหงิด
ไม่ชอบเวลาอ่านแล้วมีเพลงมากวน รู้ว่าไม่ชอบ รำคาญ รู้ว่ารำคาญ

ภาวนาแบบนี้ในชีวิตประจำวันนะครับ แล้วจะรู้ว่า
วิปัสสนา ง่ายนิดเดียว

ไปทำงานละ
สุขสันต์วันที่ยังมีงานให้ทำนะครับ






Create Date : 20 พฤษภาคม 2552
Last Update : 24 พฤษภาคม 2552 8:40:28 น. 30 comments
Counter : 1663 Pageviews.

 
ได้ comment คนแรก
ดีใจ-รู้ว่าดีใจ ..
ขอบคุณสำหรับการอัพบล็อคบ่อยๆ
ขอบคุณอินเตอร์เน็ตที่ใช้ได้ดีที่บ้านคุณแอสตันนะคะ
คิดว่า"รู้" บางวัน--
รู้ว่า "คิด"บางที--

สุขสันต์วันที่ยังมีงานทำด้วยคนค่ะ


โดย: พิม IP: 124.121.175.138 วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:25:37 น.  

 


แวะมาเิติมสติค่ะ ^^
บล็อกพี่วันนี้ ตอบคำถามได้เยอะเลย
ขอบคุณนะคะ..

คำว่า "กระเซอะกระเซิง" ของพี่เอ๊ด
บรรยายซะเห็นภาพเลยนะเนี่ยะ


โดย: myover วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:46:45 น.  

 


สวัสดีคะ แวะมาทักทาย มีความสุขในวันทำงาน หน้าฝนแล้วรักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: หน่อยอิง วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:44:29 น.  

 

ทำไมต้องเป็นนังหน้าโง่ด้วยหละ ล้อเล่น


โดย: meang IP: 118.172.88.254 วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:16:03 น.  

 
"รู้ว่าคิด" มันต่างกับ "คิดว่ารู้"


โดย: iammum (ป้าแก่เห็นธรรม ) วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:50:20 น.  

 
สุขสันต์วันมีงานทำค่ะ



โดย: ป้าแก่เห็นธรรม วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:52:38 น.  

 
สุขสันต์ในวันน้ำท่วมซอยอีกแล้วค่ะ


โดย: ชมพู่มะเหมี่ยว IP: 58.9.100.235 วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:56:03 น.  

 
"อย่ากลัวสิ นังหน้าโง่" ฮาได้อีก..555

ก็มันกลัวทำไงได้..

ตอนนี้ทุกข์เพราะมัวไปข่มความกลัวนี่แหล่ะค่ะ น่าเบื่อดีแท้อารมณ์นี้ พอกลัวปั๊บจิตก็กดข่มเลย เป็นอัตโนมัติ ดูไม่ค่อยทันเลย



โดย: เป่าจิน IP: 61.47.19.72 วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:44:01 น.  

 

ถ้ารู้คือต้องรู้ทันทีที่อารมณ์นั้นเกิดขึ้น ถ้าซัก

พักถึงรู้ว่ามีสภาวะใดเกิดขึ้นเรียกว่าคิดใช่มั้ย

คะ


โดย: meang IP: 118.172.35.255 วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:25:21 น.  

 
ขอบคุณ คุณแอสตัน ครับ
เอนทรี่นี้ช่วยให้ผมเกิดสติได้บ้างครับ
ช่วงนี้(ก่อนหน้าจะมาบล็อค)
หลงเป็นส่วนมากครับ



โดย: Kodohz IP: 125.24.43.164 วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:00:48 น.  

 
กำลังไม่สบายใจอยู่ค่ะรู้สึกเคร้าๆ เหงาๆ เค้วง คว้าง เราอยู่ที่ไหนนี่ อยากหาคำตอบ เลยนึกถึงค่ะ เข้ามาแล้วสบายใจขึ้นมากๆ ขอบคุณค่ะ


โดย: เล็ก IP: 192.168.0.111, 125.25.204.2 วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:33:26 น.  

 
"วิปัสสนา ง่ายนิดเดียว"
ขอถือเอาเป็นกำลังใจในการฝึกนะคะ :)

คำตอบพี่เป็นป้ายบอกทางที่ดี พร้อมไฟส่องเสอเลย
ขอบคุณสำหรับธรรมะเตือนสติและแบบฝึกหัดในวันนี้ค่ะ -/\\-


ปล. รักษาสุขภาพกาย สุขภาพใจ ด้วยนะคะ
เดี๋ยวจะ.. walk on sunshine ไม่ไหวเน้อ ^^


โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 58.8.38.187 วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:47:25 น.  

 
ได้ประโยชน์มากๆเลย ขอบคุณสำหรับความรู้ค่า ^^


โดย: bow IP: 125.25.228.33 วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:13:30 น.  

 
"เวลาจิตตกทีไร ต้องคิดถึงพี่ทุกทีครับ"
แนะนำตรงๆนะ เวลาจิตตก นึกถึงพระพุทธเจ้าดีกว่า อย่านึกถึงผมเลย
เพราะไอ้คนที่คุณนึกถึง มันก็ยังจิตตกได้เหมือนคุณนั่นแหละ

get เลย จริงของพี่ครับ
(จริงๆแล้วผมชอบดูลมหายใจมากกว่า สลับกับกำหนดรู้ แต่บางครั้งก็มีหมดแรงครับ ก็เลยต้องมาอ่านblogพี่ บางเรื่องนี่ผมอ่านเกิน5รอบได้ครับ มันทำให้มีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลยครับ แล้วค่อยกำหนดรู้ต่อ เมื่อกี้เพิ่งทุกข์ ตอนนี้สุขแล้ว ประเดี๋ยวสุขมันก็ผ่านไป อารมณ์ใหม่ก็เข้ามากระทบต่อ )
ขอบคุณพี่มากครับ ว่างๆผมจะมาคุยด้วยใหม่ครับ


โดย: Elna IP: 203.155.206.110 วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:33:00 น.  

 
cannot walk la...



ตอนบ่ายร้อน ตอนเย็นฝนตก - -"

กำหนดจิตได้ กำหนดใจไม่เคยได้เลย - -"

หลวมตัวแป๊บหยิบเข้าปาก น้ำหนักขึ้น


ว้าย.....



คุณเอ็ดพี่นึกภาพกระเซอะกระเซิง



หัวเราะแบบเสียจริตสตรีที่ดีอีกแล้ว




เสาร์นี้พี่จะได้ขึ้นโชว์ป้ายไฟ ^^

คู่ชกระหว่างคุณเอ็ดกับคุณพลไหมเนี่ย


โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:03:51 น.  

 
ตอนนี้"จิตมันต๊อแต๊ ", มันอิจฉา

และมันโกรธ&ผิดหวังที่พบว่า

จริงๆแล้วตัวเอง = เรานั้น

แค่ใส่เสื้อคลุมนางฟ้าอยู่ หาใช่นางฟ้าจริงๆไม่

รู้นะ แต่ไม่เป็นกลาง อยากหาย มันยิ่งไม่หาย

ยิ่งดูไป ยิ่งเห็น และไม่ยอมรับ

เรานี้หาใช่นางฟ้าอารีดังหวัง

นางมาร ชัดๆ แง้ๆๆๆๆ รับไม่ได้จริงๆ

ทำไงได้ก็รู้ไป

ก็กายนี้ ใจนี้ไม่ใช่เรานี่นา

คิดถึงหลวงพ่อจัง ไปก็ไม่มีโอกาสส่งการบ้าน

น้ำตาไหลแล้ว ขี้แงจัง

น่าจะเป็นนางเอกน้ำเน่ามากกว่าแล้วตอนนี้


โดย: Vera IP: 118.172.243.170 วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:07:24 น.  

 
ผีไม่ค่อยกลัวอ่ะค่ะ เพราะมองไม่เห็นมัน แต่เดี๋ยวนี้เป็นไรไม่รุ จิตผวาเพราะกลัวพวกจิ้งจก กิ้งกือ กลัวมันโผล่มาโดนตัวเราแบบไม่ให้สุ่ม ให้เสียง ต้องทำไงดีอ่ะ


โดย: Mermaid AI วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:39:10 น.  

 
จิตตก แถมยังแช่อีกครับ

ต้องคอยสังเกตให้มันดับเองด้วยไหมครับ

เลยคิดว่ามันคงมีความอยากเกิดก่อนแหงๆ

ทำไงดีครับ


โดย: เดช IP: 124.121.81.98 วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:01:52 น.  

 
ขอบคุณ คุณ aston27 ที่ช่วยให้ผมเข้าใจความคิดฟุ้งซ่านของเราได้ดียิ่งขึ้นครับ เหมือนมันจะเริ่มรู้สึกตัวว่าเวลาเราทุกข์ เครียด รัก เกลียด นี่เป็นยังไง รู้ไปตามนั้น แต่ก็นะ ... อยากไปไกลกว่านั้น จังเลยนะครับ คือวางเฉย กับความคิดเหล่านั้น เป็นกลาง และสุขอยู่ในใจ ทำงานไปอย่างมีสมาธิ ของอย่างนี้คงต้องใช้เวลาใช่ไหมครับ คุณ aston


โดย: lazieboy IP: 124.121.39.113 วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:08:59 น.  

 
how can i find the english version of Dhamma, just like the thing you have in this blog ? can you recommend the book in english for me, please . .


thanks in advance
kaewchier@hotmail.com


โดย: bambino IP: 117.47.226.198 วันที่: 22 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:57:47 น.  

 
คุณ bambino

Please visit this link //www.wimutti.net/pramote/#books

then looking for "Path to Enlightenment I
Path to Enlightenment II
For You The Newcomer
A Simple and Ordinary Essay on Dhamma" krub.




โดย: aston27 วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:50:07 น.  

 
พี่แหม๋วเตรียมป้ายไฟไว้เลย เมื่อเสาร์ที่แล้วต้องพึ่งคุณดาด้าให้ใช้ป้ายผ้าแทน ทุลักทุเลพอสมควรครับ

ผมว่าจะใส่กางเกงสีส้มนะ

น้ำหนักชั่งเมื่อตอนเช้า 70 ก.ก. ผมหวีแสกข้าง ไม่แต่งหน้าทาปาก รองพื้นนิดหน่อย

แล้วเจอกันมุมแดงนะครับพี่แหม๋ว


โดย: พล IP: 124.121.59.177 วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:08:45 น.  

 
สอบเสร็จแล้วค่า สอบเสร็จพร้อมๆ กับความรักที่ปิดฉากลงไปด้วย ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี เพราะเค้าบอกว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคน

ทำไมคนเราชอบเอาบรรทัดฐานของตัวเองมาตัดสินว่าสิ่งนี้ดีสำหรับตัวเราและตัวเค้าค่ะ

ยังไงก็สู้ๆ ต่อไปค่ะ หลวงพ่อปราโมทย์เคยเทศน์ว่า แต่ก่อนไม่มีเค้า เราก็อยู่ของเรามาได้ มาผูกพันกันแค่ช่วงเวลานึง จะเอาชีวิตเราไปฝากไว้กับเค้าทำไม ภาวนาดูใจของเราไปดีกว่า

ตอนนี้ยอมรับค่ะว่า รู้สึกเหงาอยู่ลึกๆ และหมดกำลังใจ ประหนึ่งอยากหันหลังให้ความรักเลยค่ะ ดูใจแล้ว แอบเศร้า แถมร้องไห้เป็นช่วงๆ อีกต่างหาก มีสติน้อยมากๆ แต่ทุกครั้งที่รู้ว่าหลงไปคิด ก็มีสตินะเออ เฮ้อ แต่ถ้าไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น จะยิ่งลงเหวกว่านี้อีกค่ะ ฮะ ฮะ

ค่ะ แล้วมันจะผ่านไป :D


โดย: daisyntulip IP: 75.43.203.178 วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:27:37 น.  

 
ขำคุณพล...



คุณเอ็ดขอบคุณที่เขียนบล๊อคดีดีให้อ่าน ^^


จัดรายการเพลงให้เราฟัง ^^


เจริญหูเจริญใจ


โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:24:57 น.  

 
คุณ เดช

ลองย้อนกลับไปอ่านสิ่งที่คุณเขียนดูสิครับ
มันมีความ "อยาก" ให้มันดับ อยากให้มันดี
อยากให้หายจิตตก อยากให้มันเลิกแช่

ทั้งหมดนี้เป็นโลภะ เป็นตระกูลอยากได้

ส่วนอีกตัวที่คุณไม่ได้เขียน แต่รับรองได้ว่าถ้าสังเกตเห็นแล้วจะเจอ คือกิเลสตัวโทสะ คือ ไม่ชอบที่มันตก ไม่ชอบที่มันแช่ ไม่ชอบเลยหาทางทำ

อันนี้แนะนำว่าให้กลับไปอ่านบล็อก "หน้าที่ของชาวนา" นะครับ

คุณ lazieboy
คล้ายๆกันเลยครับ คุณกำลังทำในสิ่งที่เกินหน้าที่ของชาวนา

วิปัสสนา เป็นงานประณีต หลวงพ่อปราโมทย์ท่านพูดเสมอ แค่จะเริ่มด้วยความอยากนำหน้า ก็ผิดแล้วนะครับ

ค่อยๆทำไปทีละนิด อย่าคิดว่าทำเพื่อตัวเอง เพราะเรากำลังทำงานที่มีจุดหมายจะทำลายความเข้าใจผิดว่า กายใจนี้เป็นตัวตน

ผมถึงเคยแนะนำสิ่งที่ครูบาอาจารย์ผมท่านสอนผมไว้ว่า ให้ปฏิบัติเพื่อบูชาครูบาอาจารย์ และพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ถ้าคิดแบบนี้ จะไม่ขี้เกียจ แต่ไม่โลภในการภาวนา

ของคุณตอนนี้ ยังอยากเป็นกลาง วางเฉย อยากให้จิตตั้งมั่นมีสมาธิ อยากให้มีแต่ความสุข เห็นไหมว่าปฏิเสธธรรมะ ปฏิเสธความจริงที่พระพุทธเจ้าบอกว่า โลกนี้มีแต่ทุกข์ กายนี้ใจนี้ คือโลก แล้วกายนี้ ใจนี้ จะมีแต่สุขได้ยังไง

สุขที่ถาวรเที่ยงแท้ในโลกไม่มี มีแต่สุขชั่วคราว
สุขที่แท้ ที่ถาวร มีจริงนะครับ แต่อยู่เหนือโลก เหนือการปรุงแต่งหรือวางเฉย เหนือความอยาก หรือไม่อยาก เหนือความถูกและผิด คือความคิดและอคติ เป็นความสุขที่เข้าถึงด้วยสติที่เต็มบริบูรณ์ด้วยปัญญา

ปัญญา ที่มาจากการภาวนา การปฏิบัติ ด้วยการรู้กาย รู้ใจ จนเห็นความจริง ยอมรับความจริง เห็นความจริงคือเห็นธรรม ยอมรับความจริงคือยอมรับธรรม

ปฏิเสธความจริงที่กายใจเป็น คือปฏิเสธธรรมะนะครับ



โดย: aston27 วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:08:44 น.  

 
บุญไม่เคยสร้าง ใครที่ไหนจะมาช่วย

"ลูกเอ๋ย ก่อนที่จะไปเที่ยวขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะจะต้องมีทุนของตัวเอง คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมาก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมดไม่มีอะไรเหลือติดตัว แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง"

"จงจำไว้นะ เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าดินก็ต้านทานเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า"

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

ไม่ทราบว่าเหมาะสมหรือเปล่าที่จะนำมาลงในบล็อกนี้ แต่ผมเห็นว่าเป็นธรรมะที่น่าสนใจและน่าปฏิบัติตามทีเดียว

บุญของแต่ละคนจะต้องหามาเอง จะรอให้คนอื่นหามาให้ไม่ได้ นอกจากรอรับส่วนบุญที่มีคนส่งมาให้ตอนที่เราตายไปแล้ว


โดย: พล IP: 124.122.214.243 วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:52:27 น.  

 
เรียนพี่แหม๋ว

พี่ลืมป้ายไฟไว้ที่สถานีเมื่อเสาร์ที่แล้วเข้าใจว่าจะเสียไปแล้วด้วย เพราะเสาร์ที่แล้วบางหลอดไฟก็ไม่ติดแล้วด้วย ทำให้ข้อความอ่านได้ไม่ครบ

เสาร์นี้พี่คิดว่าจะเตรียมอุปกรณ์อะไรไปเพื่อชูขอเพลงให้คุณดีเจ.ได้มองเห็นชัดๆครับ เอาเป็นลูกโป่งใบใหญ่ๆแล้วเขียนชื่อเพลงไว้ดีไหมครับ

หรือว่าพวกเราจะไปรวมตัวกันหน้าสถานีและกดดันดีเจ.ให้เปิดเพลงตามที่เราต้องการดี

หรืออยู่บ้านเฉยๆ แล้วฟังตามที่ดีเจ.จัดให้ฟังก็เป็นบุญคุณเหลือล้นแล้ว

แต่ที่สำคัญที่สุดหวังว่าเสาร์นี้การออกอากาศผ่านทางเน็ตคงราบรื่นดีนะครับ

อ้อพี่แหม๋ว.........ผมจะเอา Absolute ขวดขุ่นไป 1 ขวดนะครับ พี่เตรียม Mixer ตามที่ชอบไปละกัน ส่วนผมขอน้ำส้มละกันนะครับ เป็น Screwdriver ดื่มได้นานหน่อย

เสาร์นี้ผมกับดีเจ.คืนดีกันแล้วครับ หลังจากแอบไปจับมือกันในที่เปลี่ยวหนึ่งต่อหนึ่งนานกว่า 2 ชั่วโมงจนเป็นเหน็บจึงได้จากกัน (แล้วมันจะจับกันทำไมนานขนาดนั้น)และกาอนจากกันได้สบตากันเป็นเชิงเข้าใจกันและกัน.........อ๊วก!!!!

แอบขอเพลงซึ่งๆ ไว้ซักเพลงนะครับ The Morning After - Maureen McGovern

บ๊ายบายครับ




โดย: พล IP: 124.121.205.174 วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:18:21 น.  

 
เมื่อเช้าตื่นมาก็ฟังหลวงพ่อประมาณ 2 ชม. ค่ะ
แล้วก็ได้รู้ว่า จิตหนูมันปรุงไวมากกกก แป๊บๆ ไป แป๊ปๆไป
ทำเอาเหนื่อยมากเลย เพราะไม่ชอบขึ้นมา
เพิ่งรู้ว่าจิตตัวเองปรุงไวขนาดนี้ ^^"

ส่วนวันนี้ตอนบ่าย กลับไปติดความเศร้าอีกแล้วค่ะ
รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองทำตัวเอง แต่ก็ฟุ้งซ่าน หลงไปคิดถึงคนรักเก่า
พยายามสั่งห้ามตัวเองไม่ให้คิด เพราะรู้สึกว่าไม่สมควร
แต่ก็อย่างที่รู้ๆกันน่ะค่ะ ห้ามไม่ได้ ^^"
เลยทำให้นึกถึงคำที่หลวงพ่อสอนว่า
"แกสั่งชั้นไม่ได้หรอกนะ"
พอคิดงี้ก็เลยขำขึ้นมาค่ะ


ช่วงนี้มีกำลังใจภาวนาขึ้นมากเลย (แต่งานการทางโลกกลับขี้เกียจลง) ยังไงหนูจะพยายามไปทั้งคู่ ขอบพระคุณมากค่ะ (-/|\\-)




โดย: aritsumemoon IP: 124.121.219.110 วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:53:23 น.  

 
ชอบค่ะ ตอนประโยคสุดท้าย สุขสันต์วันที่ยังมีงานให้ทำ เพราะกะลังแอบเข้ามาอ่าน blog คุณ Aston ตอนทำงานอยู่พอดี

และก็จับความรู้สึกตัวเองได้ว่าเวลาคนเดินผ่านไปมา ความรู้สึกผิดมันผุดขึ้นมานิดหนึ่ง ทำให้ใจมันหม่นลงไปหน่อยนึง เลยเตือนสติตัวเองว่า ไม่แอบเข้ามาอ่าน blog ตอนทำงานดีก่า แหะแหะ


โดย: ธันยาลักษณ์ IP: 19.199.23.117, 136.8.5.100 วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:13:20:40 น.  

 
รู้ว่าคิดจะหลงติด
คิดว่ารู้จะเริ่มตื่น



โดย: โอ IP: 125.24.2.145 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:02:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.