Group Blog
 
All blogs
 
ของชั่วคราว



(ภาพ น้องคิมแตฮี )



(เพลงบ้านรักเรือนเรา ของ อ.ดนู จากอัลบั้มชุดเดิมกับบล้อคก่อน "เมื่อดอกซากุระบาน" ครับ)

หายไปหลายวัน ทั้งๆที่พยายามจะอัพบล็อคตั้งแต่เมื่อวันมาฆบูชา
ไม่ใช่ไม่มีเรื่องจะเขียนหรอกนะครับ
แต่เรื่องที่คิดว่าจะเขียนๆ พอมานั่งหน้าจอ กลับหลบหายไปเฉยๆ

เหมือนความคิดมันจะแสดงธรรมให้ผมเห็น ว่ามันก็ของชั่วคราวหรอกนะ

สองสามสัปดาห์ที่แล้ว ผมไปธุระที่ห้างไหนสักที่ จำไม่ได้ (ตามฟอร์ม)
จำได้แต่ว่าไปเข้าห้องน้ำแล้ว เห็นเครื่องชั่งน้ำหนักตั้งหน้าห้องน้ำ
คลำดูในกระเป๋า มีเหรียญบาทอยู่ เลยลองขึ้นไปชั่งดูเล่นๆ เพราะไม่ได้ชั่งนานแล้ว

ผลคือตกใจตาแทบถลน เมื่อเห็นว่าตัวเลขมันโชว์ว่า ผมหนัก "69" กก.

สำหรับคนสูงประมาณ 175 ซม. อย่างผม น้ำหนักเท่านี้ หลายคนบอกธรรมดา
แต่ที่ตกใจเพราะชีวิตนี้ ผมไม่เคยหนักเกิน 64 กก.
แปลว่า หลายเดือนที่ผ่านมา ผมค่อยๆทำน้ำหนักขึ้นไปโดยไม่รู้ตัว

มองแบบนักเรียนวิปัสสนา ร่างกายเขาแสดงธรรมให้ผมดูว่า
ความผอม ก็ของชั่วคราวอีกนะ นายแอสตั้น

ผมเคยเล่าว่า ไปเดินห้างก็ปฏิบัติธรรมได้ จำได้ไหมครับ
เห็นอะไรชอบ รู้ว่าชอบ อยากได้ รู้ว่าอยาก
ถ้ามีสติแล้ว รู้ว่าสมควรซื้อ ก็ซื้อ ถ้าไม่สมควร ไม่จำเป็น ก็ไม่ซื้อ

หลังๆนี่ ผมไปห้างแล้วสังเกตเห็นอะไรอีกอย่าง
คือสาวๆสวยๆน่ารักๆ หลายคนที่ผมเห็นสมัยนี้ มักจะเป็นพวกคุณหนูที่เดินกับแม่

แต่คุณหนูประเภทนี้เขย่าใจผมลำบากครับ
เพราะผมจะถือคติว่า ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่

ถ้าอยากรู้ว่าสาวสวยคนนั้นเจริญวัยไปถึงอายุนึงแล้วจะมีสภาพอย่างไร
ก็เหลือบดูที่คุณแม่ที่เดินข้างๆ ก็รู้แล้วว่า ความสวย ความงาม ก็ของชั่วคราวนะ

อันนี้ไม่เว้นน้องคิมแตฮี นางแบบประจำบล็อคนี้ของผมหรอก
หรือตัวคุณผู้อ่าน ตัวผมเองก็เหมือนกัน

ถ้าเราคอยสังเกต ตามรู้ตามดูบ่อยๆ จะเห็นว่าโลกนี้ มีแต่ของชั่วคราว
อย่าว่าแต่กาย ใจ เราเลยครับ

แค่คุณนั่งมองเมฆ มองฟ้า มองพระอาทิตย์ พระจันทร์ คุณก็เห็นได้
ว่ามันเปลี่ยนไปๆเรื่อยๆ ไม่เคยอยู่นิ่งคงที่

แล้วย้อนเข้ามามองตัวเอง ในแต่ละวันเรามีอารมณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง
ไม่มีใครมีสภาวะอารมณ์เดียว ตั้วแต่ตื่นจนหลับหรอก ใช่ไหมครับ

ไม่เชื่อผม ลองพกกระดาษโน๊ตไว้แผ่นนึงสิครับ
แล้วจดดูตั้งแต่ตื่นจนก่อนจะเข้านอน ว่าคุณมีความรู้สึกอะไรผ่านเข้ามาบ้าง
รู้ปุ๊บ จดไว้ รู้ปุ๊บ จดไว้ ลงเวลาไว้ด้วยก็ดี

อันนี้ยกเว้นพวกเข้าฌาน เพ่งจนจิตนิ่งสนิทนะ

ถ้าตั้งใจจดจริงๆ คุณจะพบว่าในแต่ละวัน อารมณ์ที่โผล่เข้ามาในจิตเรา
มันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่เคยนิ่งคงที่

แม้แต่คนขี้โมโห ก็จะเห็นว่า ความโมโหมันไม่ได้คงที่เป็นเส้นระนาบเดียว
แต่มันขึ้นๆลงๆ ตามเหตุที่มากระทบ

อย่างสมมติ คุณขับรถไปทำงาน จอดอยู่ดีๆ มีรถมาชนท้าย
โดยธรรมชาติเลย คุณต้องโมโห หงุดหงิด โกรธ ใช่ไหมครับ

ถ้าเปิดประตูลงไปโกรธๆอยู่ คนขับมาชนท้ายเปิดลงมาเหมือนกัน
เกิดเห็นหน้า.. อ๊ะ.. เป็นจั๊กจั่น คิมแตฮี หรือแพนเค้ก
ผมว่าความโกรธมันคงหายไปเกินครึ่งแหละ

หรือมันมีอีกตั้งหลายอารมณ์ที่เราเผลอ ไม่ทันได้จด อย่างไอ้ความคิดนั่นแหละ
แต่ถ้าคุณขยันจดไปเรื่อยๆ ครบอาทิตย์นึง คุณอาจประหลาดใจว่า
คุณเห็นอารมณ์ได้มากขึ้น บ่อยขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากอาทิตย์นึง ถึงคุณจะไม่จดแล้ว คุณอาจจะเห็นจิตมันทำงานได้บ่อยๆ
เห็นว่าทุกการทำงานของมัน เป็นของชั่วคราว เป็นเรื่องที่คุณไม่เคยจงใจบังคับให้เกิดเลย

ผมเชื่อว่า ไม่เคยมีคนขี้โมโหคนไหน ตั้งใจว่าจะโมโห
ตรงกันข้าม มีแต่คนพยายามจะไม่โมโห แต่บังคับไม่ได้

หรือบังคับได้ชั่วขณะ ชั่วครั้ง ชั่วคราว ด้วยกำลังสมถะ ด้วยความคิดดีๆ
ไม่ใช่บังคับได้ถาวร จริงๆ หรอกนะ

เรื่องการมองเห็นโลกนี้เป็นของชั่วคราว เป็นเรื่องสำคัญ และมีประโยชน์มากนะครับ
เพราะอาจารย์ผม ท่านบอกว่า พระโสดาบันไม่ได้เห็นอะไรพิสดารมากมาย
แค่เห็นตามความเป็นจริง ว่าทุกสิ่งเกิดขึ้น แล้วดับไปเป็นธรรมดา
เห็นว่าทุกอย่างเป็นของชั่วคราว

ท่านว่า เพราะเห็นความจริง จึงเบื่อหน่าย
เพราะเบื่อหน่าย จึงคลายกำหนัด (ความอยาก)
เพราะคลายกำหนัด จึงปล่อยวาง
และ..เพราะปล่อยวางจึงหลุดพ้น

การเห็นโลกนี้เป็นของชั่วคราว จึงเท่ากับเป็นจุดตั้งต้นของการหลุดพ้นดีๆนี่เองครับ

อ่านแล้วง่วง ก็รู้ว่าง่วงไว้นะครับ
จะได้รู้ด้วยว่า ความไม่ง่วงนั่นก็ของชั่วคราวครับ


Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2551 20:07:28 น. 21 comments
Counter : 1281 Pageviews.

 
จ้า...ง่วง...ง่วงชั่วคราว ห๊าววววว

ฝันดีนะจ๊ะ


โดย: ธันย์ศร วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:48:53 น.  

 
emo


โดย: O-P (Opey ) วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:3:28:54 น.  

 
เพลงกับเนื้อหาไปด้วยกันดีจริงๆ ค่ะ

อ่านแล้วสว่างขึ้นมาเลย
ทั้งตาและความคิดค่ะ อิอิ



โดย: MaRiMeKKo วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:6:56:52 น.  

 
"69" กก. อ้วนนิ่
น่ากลัวจะถูกเลี้ยงดี อิอิ ^^


โดย: Mang Mang Juniour IP: 211.72.233.10 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:7:34:57 น.  

 

ตอนเช้าๆเวลาออกไปเผชิญโลกภายนอก
เจอรถรา ผู้คนรีบร้อน กระทบกระทั่งกัน
บางทีก็อดหงุดหงิดไม่ได้
แล้วก็จะนึกถึงสิ่งที่คุณแอสตันเขียนทุกที
..หงุดหงิดอีกแล้วนะเรา


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:40:32 น.  

 
โธ่ คุณหันหนีมะนาวโซดา

อีตาคนเขียนบล็อคให้คุณอ่าน มันก็ยังเห็นความหงุดหงิดอยู่ทุกวัน

แต่ดูไปเถอะ คุณจะรู้สึกว่า หงุดหงิดแล้วรู้ทันได้ไวขึ้น มันก็ไม่ลามปามไปไกล

เมื่อก่อนอาจจะโกรธห้านาที เดี๋ยวนี้ โกรธ ห้าวินาทีก็หายแล้ว

เห็นว่าหงุดหงิด ดีกว่าหงุดหงิดแล้วไม่เห็นนะ เชื่อดิ

คุณ แมงแมงจูเนียร์ Junior เขียนแบบนี้นะคุณ

สวัสดีอีกสองท่านด้วยครับ ไม่ค่อยคุ้นชื่อ แต่ก็ขอบคุณที่แวะมาลงชื่อครับ


โดย: aston27 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:03:03 น.  

 
อ้า..ถ้างั๊น วันจันทร์ จะลองทำแบบที่ว่าดูค่ะ
คือสังเกตุ อารมณ์ตัวเองแล้วก็ลองจดเป็นบันทึกไว้
ลองดูซัก 2-3 วันซิ ว่าเป็นไง ขึ้น ๆ ลง ๆ ขนาดไหนอ่ะค่ะ
แต่ต้องเก็บไว้ให้มิดชิดหน่อย เดี๋ยวใครมาเห็นจะหาว่ามินเพี๊ยน...ฮ่า ฮ่า ฮ่า..


โดย: มิน (มินทิวา ) วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:12:03 น.  

 
น้ำหนัก69 สูง 175 ทำได้ไงเนี่ย ผมพยายามลดให้เหลือ 72 ยังลำบากแทบแย่

ปีที่แล้ว(ต้นปี)ยัง 70 อยู่เลยอะ ผ่านไปหนึ่งปีกลายเป็น72 แล้วก็ 75 เฉยเลย สงสัยจาเป็นของชั่วคราวอย่างที่คุณ aston เขียนไว้อะครับ (หรือว่าเป็นของควบคุมบังคับไม่ได้ หว่า? สรุปว่าเป็นของไม่เที่ยงละกันจาได้สบายใจ อิอิ)

ขออนุญาตต่อประโยคท้ายนิดหนึ่งนะครับ(ฟังมาจากวัดอะครับ)

...เพราะคลายกำหนัด จึงปล่อยวาง
และ..เพราะปล่อยวางจึงหลุดพ้น
และเพราะหลุดพ้นแล้วจึงรู้ว่าหลุดพ้น

(น่าจะจำมาไม่ผิดนะครับ ถ้าผิดก็ขออภัยด้วยครับ)


โดย: keng IP: 202.91.19.192 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:04:13 น.  

 


โดย: ต้นอ้อล้อลม IP: 202.91.19.204 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:33:05 น.  

 
ช่วงที่ผ่านมา น้ำหนักพุ่งขึ้นมาแบบไม่รู้ตัวเหมือนกันเลยอ่ะค่ะ มารู้ตัวอีกทีก้อ
สงสัยจะทำน้ำหนักตอนช่วงฉลองปีใหม่แน่เลย


โดย: sunny IP: 58.8.36.39 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:48:17 น.  

 
น้ำหนักขึ้นเหมือนกัลเรยยยย
ตอนนี้ Guiness หน้ากล๊มกลม ต้องรีบลดความอ้วนละ
เดี๋ยวจะมี reunion กับพวก enjoy eating gang

p.s. น้ำหนัก69 สูง 175... แอบลงพุงละซี้


โดย: Guiness Draft (Guiness Draft ) วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:32:06 น.  

 
คุณ keng จำมาถูกต้องแล้วครับ

เพียงแต่ผมไม่ได้เอ่ยถึงท่อนท้าย เอาแค่ถึงหลุดพ้น

ขอบคุณที่มาเติมให้จนสมบูรณ์ครับ

คุณมิน ลองแล้วมารายงานผลด้วยนะ

คุณกินเนส มีบ้างพองามครับ


โดย: aston27 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:44:40 น.  

 
สูง 175 หนัก 69 ไม่อ้วนหรอกค่ะสำหรับผู้ชาย (และอายุขนาดนี้) ยังได้อีกถึง 75 ค่ะ

ส่วนเจ้าอารมณ์ที่เกิด ๆ ดับ ๆ แบบจับไม่ค่อยทันเนี่ยบางทีมันก็ดูเหนื่อย ๆ ยังไงบอกไม่ถูกนะคะ....



โดย: Arin IP: 124.120.201.102 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:19:15 น.  

 
วันนี้เราลองจดอารมณ์ตัวเองแล้วนะ
พอมานั่งอ่าน
เราเหมือนคนบ้ายังไงไม่รู้สิ
คำถามคือ
เราอยากเริ่มต้นฝึกให้รู้ทันจิตตัวเอง
เพื่อให้ใจสงบไม่ฟุ้นซ่าน
จะเริ่มต้นยังไง


โดย: แปรปรวน IP: 203.121.140.250 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:49:36 น.  

 
คิมแตฮี...สวย
เพลงเพราะ
69...ตัวเลขเซ็กซี่
อยากให้คนขับรถคันที่มาชนท้ายเป็น...george clooney...^^


commentได้สามวาสองศอกดีจริง



โดย: Q.NUH วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:28:39 น.  

 
คุณอริน เหนื่อยๆก็เป็นสภาวะอย่างหนึ่งครับ
ดูไม่ทัน รู้ว่าไม่ทัน

อยากดูให้ทัน ก็รู้ตรงที่อยากทัน ณ ตอนนั้น

เราไม่ได้ทำวิปัสสนา เพื่อรู้ให้ทัน
เพราะจิตตานุปัสสนา มาจาก จิต+อนุ+ปัสสนา

จิต อันนี้เรารู้จักดีแล้ว
อนุ แปลว่าตามมาทีหลัง เช่น อนุชา (น้องชาย) คือผู้มาทีหลัง อนุภรรยา คือภรรยา ที่ตามมาทีหลัง แต่คนไปจำว่าแปลว่าเมียน้อย เลยเดาว่า อนุ แปลว่าเล็ก น้อย

ปัสสนา แปลว่า การรู้ การเห็น รากศัพท์เดียวกับคำว่า ทัศนา ที่แปลว่าดู

รวมกันแล้ว จิตตานุปัสสนา คือการตามรู้ตามดูจิต

ดูอย่างที่มันเป็น ถ้าจิตมันไว ดูไม่ทัน แค่รู้ว่าไม่ทัน อันนั้นแหละ ทันแล้วครับ
เพราะอาการปัจจุบันขณะ คือการดูไม่ทันนั่นแหละ

หรือดูไม่ทัน แล้วมีกิเลส อยากดูให้ทัน แล้วรู้ตรงที่อยากทัน อันนี้ก็ทันแล้วล่ะ ได้วิปัสสนาไปแล้วหนึ่งยก

แต่ถ้าดูไม่ทัน แล้วเหนื่อย ไม่รู้ว่ามันเหนื่อย อันนี้ ไม่ทันจริงๆ หรืออยากดูให้ทัน ก็ไม่รู้เท่าทันมันแต่กลับไปพยายามดูให้ทัน อันนี้สอบตก

แต่เชื่อไหม พอพยายามดูให้ทัน แล้วรู้ว่า พยายามอยู่ อันนี้ ก็คือรู้ทันแล้ว

จะว่ายาก ก็ยาก ง่ายก็ง่าย เห็นไหมครับ
รู้ลงปัจจุบันนะ ไม่ใช่รู้ให้ทัน รู้ให้ดี อะไรทั้งนั้น

วิปัสสนา ไม่ได้มุ่งเอาดี เอาสงบ เอาละเอียด เอาถูก อะไร มุ่งรู้ตามที่เป็นจริงลูกเดียว

คุณแปรปรวน .. หลักการเดียวกันครับ
คุณไม่ต้องทำอะไรมากกว่าคอยตามรู้
จดไปเรื่อยๆ ทุกวัน ให้ครบอาทิตย์นึง แล้วค่อยมาบอกผมว่า ในแต่ละวันมันเปลี่ยนไปยังไงบ้าง

คุณทำถูกแล้ว ที่เห็นว่าจิตเราเหมือนคนบ้าน่ะ
ทุกคนเป็นหมดแหละครับ แต่ไม่เคยรู้ตัว

บางคนทำๆไป แล้วถึงกับอุทานว่า นี่วันๆเราคิดเรื่องไม่ดีเยอะขนาดนี้เลยเหรอ

พระพุทธเจ้าบอกว่า จิตเราเหมือนน้ำนะ มีธรรมชาติไหลลงต่ำ

การรู้ทันว่ามันไหลไปทำงานนี่แหละ คือการหัดมีสติ

แต่อยากย้ำว่า เราไม่ได้ตามรู้ เพื่อให้ใจสงบนะ
เรารู้ทันจิตว่าฟุ้งซ่าน เพื่อให้เห็นว่า จิตฟุ้งซ่าน ก็ห้ามไม่ได้ มันฟุ้งของมันเอง เราไม่ได้สั่งให้มันฟุ้ง

อันนี้จะตรงกับหลักที่เขาเรียกว่า อนิจจัง และอนัตตา

เราจะชอบไม่ชอบ ไม่สำคัญ จิตมันจะฟุ้ง มันก็ฟุ้งเพราะมีเหตุ คือการคิด มันถึงฟุ้ง เมื่อเหตุหมด มันก็หยุดคิด ก็หยุดฟุ้ง อันนี้ตรงกับหลักที่เรียกว่า ทุกขัง คือมันทนอยู่สภาพเดียว สภาพเดิม ไม่ได้หรอก

จิตสงบ ก็ไม่คงที่ จิตฟุ้ง ก็ไม่คงทนหรอก อย่าเดือดร้อน

เราดูๆไปเรื่อยๆจะเห็นเองว่า จิตมีนิสัยปกติที่ไม่อยู๋นิ่งหรอกนะครับ เรื่องฟุ้งซ่านจึงเป็นเรื่องธรรมชาติมากๆ

ให้คุณตามรู้ ตามดู คอยบันทึกการทำงานของมันไปเถอะ แล้วจะดีขึ้นเอง โดยไม่ต้องอยากหายฟุ้ง


แต่ถ้าคุณอยากสงบ คุณต้องไปหัดทำสมถะ นั่งสมาธิอะไรไป

ที่ผมแนะนำในบล็อคนี้ คือส่วนของวิปัสสนา เราไม่เน้นเรื่องสุข เรื่องสงบ เรื่องดี

เราเน้นการมีสติ มีปัญญา เข้าใจธรรมชาติ ของกายและจิต

เข้าใจว่ามันเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างที่ว่ามาข้างต้น

รู้แล้ว จะได้ไม่ดิ้นรน รู้แล้วจะได้เห็นความจริง
เห็นความจริง แล้วจะเบื่อหน่าย
เบื่อหน่ายแล้วจะได้คลายกำหนัด
คลายกำหนัด แล้วก็จะปล่อยวาง
ปล่อยวางแล้วจะหลุดพ้น

หลุดพ้น แล้วจึงรู้ว่าหลุดพ้น

ทุกอย่างเราไม่ต้องทำอะไร มากไปกว่า "รู้"
เริ่มต้นที่รู้สึกตัว อย่างที่ผมแนะนำให้จดบันทึก สภาวะในแต่ละวันนี่แหละครับ

คุณเริ่มถูกทางแล้วล่ะ..
ทำไปเรื่อยๆนะครับ


โดย: aston27 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:50:42 น.  

 
เพลงเพราะดีค่ะ

69 ตัวเลขของน้องQ


โดย: พี่แหม๋ว IP: 58.10.65.22 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:47:42 น.  

 
ถ้าเราไม่ได้อยากฝึกสมถะเพื่อสั่งจิตให้สงบ แต่การฝึกทำสมาธิจะช่วยให้รู้ลงปัจจุบันได้ง่ายขึ้นมั้ยคะ เพราะแค่ช่วงนั่งสงบจิตยังไม่ได้เริ่มฝึกสมาธิ ยังเผลอคิดฟุ้งไปเยอะแยะ รู้ตัวว่าคิดเรื่องที่ 1 อีกทีก็ตอนจิตมันโดดไปคิดเรื่องที่ 2 อีกแร้ว


โดย: แวนด้า IP: 58.8.124.194 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:14:53 น.  

 
ทำไมปฏิบัติแล้วมันเหมือนไม่ก้าวหน้าเลยล่ะคะมันเหมือนอยู่กับที่เราจะรู้ได้ยังงัยว่าที่เราเจริญสติทุกวันเนี่ยมันทำให้ชีวิตเราดีขึ้นยังงัยหรือเราแค่รู้ทันมันไปเฉยๆว่าเรากำลังอยากให้มันดีขึ้นและเรากำลังสงสัยว่ามันดีขึ้นบ้างหรือเปล่า

พี่ไม่เคยสงสัยตัวเองเลยหรือคะว่าที่ทำๆๆทุกวันเนี่ยมันไปถึงไหนแล้วหรือพี่สักว่ารู้ว่าสงสัยอยู่ตามพาหิยะสูตร :)

เคยถามหลวงพ่อว่าที่ท่านให้ปฏิบัติเล่นๆๆเราก็ทำแบบเล่นๆๆไม่รู้ได้ของจริงมั่งหรือเปล่าท่านก็ตอบว่าได้สิ ...ไม่รู้ท่านปลอบใจหรือเปล่า

บางทีมันก็ท้อแท้น่ะค่ะเวลาที่เรารู้สึกว่าใช้เวลาเดินมาไกล๊ไกลแล้วแต่พอมารู้สึกตัวกลับเดินอยู่กับที่น่ะค่ะ

ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้นะคะว่าที่ปฏิบัติอยู่เนี่ยไม่ได้เพื่อจะเอาอะไรแต่ใจน่ะค่ะใจมันอดคิดไม่ได้


โดย: natalie IP: 58.8.203.22 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:49:04 น.  

 
ของชั่วคราว...อ่านแล้วสะกิดใจดีจริงๆๆ
เจ็บจี๊ดๆๆเล็กน้อย
อนัตตา หนอ...


โดย: หาดทราย IP: 203.144.217.156 วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:16:16:39 น.  

 
คุณแวนด้า

สมถะก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ปฏิบัตินะครับ
แต่ไม่ได้บอกว่าต้องนั่งสมาธิเท่านั้น

บางคนเจริญสมถะด้วยการเดินจงกรม บางคนใช้การนั่งตามรู้ลมหายใจ ตอนนั่งรถเมล์ นั่งแท็กซี่ บางคนภาวนาพุทโธ

หลวงพ่อที่สอนผมท่านบอกว่า สมถะ เหมือนการนอนพักผ่อนเอาแรง
วิปัสสนา เหมือนการทำงานให้เกิดผลผลิต

ถ้าเอาแต่ทำงานอย่างเดียวไม่ยอมพักเลย มันก็ตายพอดี ต้องนอนหลับพักผ่อนบ้าง ตื่นมาจะได้สดชื่น มีแรงทำงานต่อ

แต่ถ้าเอาแต่นอน ไม่ตื่นเลย คือทำแต่สมถะ ก็เท่ากับไม่ได้ทำงานเลย แล้วก็จะไม่ได้อะไรนอกจากความสุข ความสงบ ปัญญาเพื่อฆ่ากิเลส ไม่เกิด

คุณ Natalie ถ้าหลวงพ่อบอกว่าได้สิ ก็เชื่อท่านเถอะครับ

อย่าเป็นเหมือนเด็กที่พ่อสอนให้หยอดออมสินขนาดใหญ่ๆ แล้วหยอดทีละบาท แล้วคอยหันมาถามพ่อว่า มันจะมีประโยชน์เหรอพ่อ หนูมีเงินเยอะขึ้นจริงเหรอ วันนึงกระปุกจะเต็มจริงเหรอ

เต็มแน่ครับ แต่จะช้าเร็ว เรามองไม่เห็นแค่นั้น

อยากให้เต็มเร็ว ก็รู้ทันว่าอยากนะ
สงสัยว่า เมื่อไหร่จะเต็ม รู้ทันว่าสงสัย
ก็เท่ากับหยอดไปแล้วสองบาท

แล้วก็หยอดไปเรื่อยๆ อย่าหยุดนะครับ

เมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้นแหละ


โดย: aston27 วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:22:45:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.