|
มีศีล แล้วภาวนากันเถิด จะเกิดผล
(เอื้อเฟื้อภาพประกอบโดยคุณแป๋ว SavenDaffodils ครับ)
ทีแรกตั้งชื่อบล็อกนี้ ว่า ได้-เสีย เพราะเมื่อวานนึกว่าจะหาเวลาอัพบล็อก แล้วก็มีเรื่องนี้แว้บเข้ามาในหัว
แต่ตอบไปตอบมา มันไปเกี่ยวกับศีลมากกว่า เลยเปลี่ยนหัวข้อเสียกลางคัน เรื่องราวและคำถาม มีดังนี้ครับ
คุณแอสตันคะ
ด้วยความใกล้ชิดในที่ทำงาน ดิฉันก็ตกหลุมรักคนมีเจ้าของคนหนึ่ง ก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ ไม่ได้มีอะไรเกินเลย นอกจากเป็นทุกข์เพราะไปรักคนที่ไม่ควรรัก
ปัจจุบันบริษัทปิดฯ เราต่างก็แยกย้ายกันไปคนละทาง ดิฉันก็ยังหางานทำไม่ได้ ผู้ชายเพื่อนร่วมงานคนนี้ก็ย้ายไปประจำต่างประเทศ เราก็ห่างกันไปโดยปริยาย ซึ่งก็ทำให้สภาพจิตใจดิฉันดีขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ทรมานใจด้วยความที่ต้องเห็นกันทุกวันต่อไป แค่ทุกข์ใจเรื่องหางานไม่ได้นี่ก็แย่พออยู่แล้ว
ปัญหาคือว่าเขาก็ยังติดต่อมาเป็นระยะ ถามไถ่ข่าวคราว บางหนเขาก็อยากจะนัดเจอเมื่อเขามาเมืองไทย ดิฉันก็ตัดใจบอกไม่ว่าง ไม่ไปซักที แต่ก็ยังตอบเมล์เพราะไม่รู้จะทำยังไง ลึกๆแล้วก็ยังเจ็บปวดอยู่ อยากจะเลิกติดต่อไปเลย แต่ก็ไม่กล้า รู้สึกไม่แฟร์กับเขา ก็เคยดีๆกันมา
ปัญหาตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่เขา เพราะเขาคงคิดกับเราแค่เพื่อน แต่เราสิ ลำบากใจไม่อยากติดต่อกันอีกต่อไป เพราะมันจะเป็นความเจ็บปวดแบบเรื้อรัง ไม่หายเสียที
คุณแอสตันช่วยแนะนำวิธีจัดการกับตัวเองให้หน่อยนะคะ เคยไปฝึกวิปัสสนา หวังให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน ดีขึ้นก็พักนึง พอเขาติดต่อมาอีก ก็ฟุ้งซ่านอีก คิดเรื่องเก่าๆอีก มีความหวังอีก ก็เปลี่ยนมาสวดมนต์ ก็ยังไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นัก เพราะจิตไม่สงบ ขอบคุณมากค่ะ
โดย: nara
อ่านเรื่องของคุณนาราแล้ว ก็ดีใจกับคุณว่า คุณยังไม่พลาดท่าเสียทีให้กิเลส เพราะมีคนมากมายที่หลุดไปติดกับดักเดียวกันกับคุณ แล้วเป็นเหยื่อในที่สุด
วิธีจัดการกับตัวเอง คือต้องตั้งสัจจะกับตัวเอง ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาในทุกกรณี ทุกคืนสวดมนต์ แล้วเตือนตัวเองไว้แบบนี้ ว่าจะมีชีวิตที่มั่นคงในศีล 5
คนเรารักษาศีล ไม่ใช่เพื่ออะไร แต่เพราะศีลจะรักษาเรา และเสริมชีวิตเรา ที่ตอนนี้หางานยังไม่ได้ ถ้าตั้งใจภาวนารักษาศีล ชีวิตจะค่อยๆมีลู่ทางแสงสว่างให้เห็น
สวดมนต์แล้วจิตไม่สงบ ก็ไม่เป็นไรครับ เปลี่ยนวิธีไปเดินจงกรม หรือทำงานบ้านก็ได้ จิตใจมันฟุ้งซ่าน ก็รู้ว่าฟุ้งซ่าน ฟุ้งแล้วไม่ชอบ รู้ว่าไม่ชอบ ไม่ได้รู้เพื่อจะดับความฟุ้งนะ แต่รู้เพื่อจะได้รู้สึกตัว อยู่กับความจริง อยู่กับปัจจุบัน แล้วก็คอยรู้กายที่เคลื่อนไหวไว้
อย่างกวาดบ้าน ก็รู้สึกตัว เห็นกายเคลื่อนไหว ใจเป็นคนดู ดูให้เห็นว่าไม่ใช่เราเคลื่อนไหวนะ กายเคลื่อนไหว เหมือนหุ่นยนต์เคลื่อน
และเพื่อให้คุณมั่นคงในศีล ผมเลยเอาคำถามของอีกท่านนึง มาตอบต่อจากคุณ จะได้เห็นว่า การที่มนุษย์เราไม่มีศีลข้อ 3 มันทำให้คนอื่นบาดเจ็บ วุ่นวายขนาดไหน
เรียน คุณแอสตันค่ะ
มีคำถามคือ จะปล่อยวาง เลิก หรือให้อภัยดีคะ
สิบกว่าปีก่อนสามีไปมีคนอื่นแล้วพลาดท่า ตอนนี้เด็กอายุ 13 ครอบครัวเราอภัยให้แล้วรับมาอยู่ร่วมกันในครอบครัว เรื่องความเจ็บปวดไม่ต้องพูดถึง ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว รอยแผลยังไม่จางหาย
เมื่อวานก็เพิ่งได้รับรู้อีกว่า มีเด็กโผล่มาอีกคน อายุ 2 ขวบแทบล้มทั้งยืน คงเป็นกรรมเก่าที่ทำร่วมกันไว้ ไม่รู้ว่าจะอภัยให้อีกดีมั้ย เค้าก็บอกว่าพลาดอีก
เราคิดอะไรไม่ออกเลยค่ะ มึนไปหมด เมื่อคืนสวดมนต์ไปก็ร้องไห้ไป ยิ่งสวดบทอภัยทานรู้สึกว่าตัวเองน้ำตายิ่งไหลอาบแก้ม รู้สึกว่าธรรมะเป็นที่พึ่งได้อย่างเดียว
ตอนนี้จิตใจก็ยังไม่สงบ ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะดำรงชีวิตต่ออย่างไร จะปล่อยวาง แล้วอยู่กันไปเพื่อลูกแต่ไม่ต้องพูดกัน หรือให้อภัยแล้วทำทุกอย่างเหมือนเดิมดีคะ มืดมนเหลือเกิน แต่เราก็ปลอบตัวเองว่า คงไม่มีอะไรที่เลวร้ายและแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว
ญาติเราไม่ได้แนะให้เลิกกัน แต่แนะนำว่าให้ทำหมางเมินไปวางเฉย ไม่สนใจว่าเค้าจะมาหรือไป แยกห้องนอน 1 เดือน เพื่อให้เค้ารู้สำนึกว่าที่เค้าทำมันผิด (ซึ่งเค้าก็รู้อยู่เต็มอกว่าเค้าผิด) ซึ่งมันคือ ผิดแล้วผิดอีก
เรารู้ว่า ถ้าทำอย่างนั้น บ้านก็ไม่มีความสุข ลูกจะสัมผัสได้ไหม ว่าความอบอุ่นในบ้านมันสูญหายไปแล้ว เราก็ไม่ได้อยากให้บ้านเป็นเช่นนั้นเลย
เราเป็นคนจิตใจโน้มเอียงในทางอภัยค่ะ รู้สึกว่าอภัยแล้วจิตใจเป็นสุขขึ้น แต่ญาติบอกว่า การให้อภัยจะทำให้เค้ารู้สึกว่าจะทำอะไรก็ได้ เราเป็นคนใจอ่อนและอภัยคนง่ายเกินไปใช่มั้ยคะ ถึงถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขอบพระคุณมากค่ะ
ดาวเหนือ
การที่คุณดาวเหนือมีจิตใจโน้มเอียงในอภัยทานนั้น ผมอนุโมทนาด้วยครับ เพราะถ้าไม่มีธรรมะ ไม่มีอภัยทานเลย คุณคงอกแตกตายไปนานแล้ว
การเป็นคนใจอ่อนให้อภัยง่าย ไม่ใช่เหตุที่ถูกทำร้ายซ้ำๆหรอกครับ ที่คุณดาวเหนือ หรือคนอีกหลายคนต้องมาประสบเคราะห์กรรมอย่างนี้ ก็เพราะเคยผิดศีลข้อสาม กาเมสุมิจฉา จนคนอื่นเดือดร้อนมาก่อน อันนี้แน่นอน
อันนี้อาจจะเป็นผลจากชาติก่อนๆนะ ส่วนกรรมในชาติปัจจุบัน คือเราเลือกสามีผิด อันนี้ผมดูจากผลของกรรมนะ ไม่ใช่นั่งทางใน เพราะผมไม่ได้เป็นหมอดู
แต่อย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มันสมควรแก่เหตุแล้ว และพระพุทธเจ้าก็บอกว่า เรื่องราวในโลกไม่มีเรื่องบังเอิญนะครับ
ฉะนั้น การที่ยอมรับกรรมด้วยความอ่อนน้อมไม่ตีโพยตีพาย จะเป็นผลดีในระยะสั้น ส่วนระยะยาว เป็นเรื่องของความสบายใจของคุณดาวเหนือเองนะครับ ว่าจะทำอย่างไร
ถ้าตัวคุณเอง ศีลยังกระพร่องกระแพร่ง การรักษาศีลจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ ส่วนอภัยทาน ถ้าสามารถให้อภัยได้จริง ผลดีก็จะตกอยู่กับคุณดาวเหนือและลูกๆเอง เพราะครอบครัวก็ยังมีสมดุล มีความสงบร่มเย็นอยู่ดีมีกินกันอยู่
ถ้าเขายังไม่ชั่วช้าหน้ามืดตามัว ขนาดใช้กำลัง งานการไม่ทำ ไม่ดูแลลูกเมีย ผมว่ายังพอให้อภัยกันได้นะ แต่จะมีบทลงโทษยังไง อันนี้ก็แล้วแต่เทคนิคของแต่ละบ้านนะครับ
จะริบเงินเดือน เตือนเป็นหนังสือ แบมือมาตี หรือให้อ่านหนังสือธรรมะดังๆให้ลูกฟังก่อนนอน ก็ลองดู
ถ้าจะเลือกวิธีหลัง.. ผมแนะนำหนังสือของหลวงพ่อปราโมทย์ ชื่อ "วิถีแห่งความรู้แจ้ง" นะครับ
อีกอย่างที่อยากบอกก็คือ โลกนี้ ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งได้ดีเท่าธรรมะหรอกครับ อย่าไปยึดอะไรหรือใครเป็นที่พึ่ง อย่าไปหวังว่าใครจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเราถึงจะมีความสุข
คนเรามีกรรมเป็นของตัวเอง อดีตเราสร้างบ้านมาอย่างไร ปัจจุบันก็ต้องอยู่บ้านอย่างนั้น ถ้าบ้านหลังปัจจุบันมันมีคนกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ก็ต้องอยู่ด้วยธรรมะ บ้านมันอาจจะเหม็น เป็นทุกข์บ้าง แต่ถ้าใจมันยอมรับได้ ว่ามันเป็นกรรมของเรา แล้วก็อยู่กับปัจจุบันด้วยสติ สร้างกรรมใหม่สร้างเรือนใหม่ให้ดีกว่าเดิม ก็นับว่าเราทุกข์แล้วไม่เสียเปล่า
ดีกว่านั้นอีก คือการเรียนรู้จักตัวเอง จากความทุกข์ที่เผชิญ ให้เห็นว่า การเป็นคนดี ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะหนีกรรมเก่าได้ตลอด
ตราบใดที่ยังต้องเกิด ก็ยังต้องแก่ ยังต้องเจ็บ ยังต้องตาย เป้าหมายของเรา จึงไม่ควรอยู่ที่สามี ภรรยา จะทำตัวอย่างไร แต่เป็นการภาวนา อยู่ในชีวิตประจำวัน อยู่กับทุกข์บ้าง สุขบ้าง เฉยๆบ้าง ด้วยสติ
คอยรู้สึกตัว รู้กายเคลื่อนไหว ใจเคลื่อนไหว จนจิตมีสัมมาสติ สัมมาสมาธิเกิดปัญญา แล้วจะได้ไม่ต้องมีชาติหน้า ไม่ต้องลุ้นว่าจะเจอภรรยาสามีประเภทไหน หรือจะมีเด็กโผล่มาตอนไหนให้ตกกะใจหรือเปล่า
แบบนี้ เรียกว่าแก้ปัญหาได้ผลเบ็ดเสร็จเด็ดขาดครับ
ปล. 1. เพลงในบล็อกนี้ อาจจะงดไปเป็นการถาวร เพราะผมมีเวลาน้อยลง ในการจัดการบล็อก ต้องขออภัยนะครับ
ปล. 2. วันที่ 18-20 ก.ย. นี้ ผมรับเชิญไปเป็นดีเจเพลงย้อนยุค ในงานชื่อสีสันสวรรค์ภาคกลางย้อนยุค ของ ททท. จัดที่ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพ ระหว่างประเทศ บางไทร ใครไปเที่ยวก็ไปทักทายได้นะครับ
Create Date : 17 กันยายน 2552 |
Last Update : 17 กันยายน 2552 18:24:17 น. |
|
22 comments
|
Counter : 6944 Pageviews. |
|
|
|
โดย: aritsumemoon IP: 124.120.203.83 วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:19:53:59 น. |
|
|
|
โดย: L J IP: 72.19.155.185 วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:19:54:29 น. |
|
|
|
โดย: รวิ IP: 124.121.60.24 วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:20:35:44 น. |
|
|
|
โดย: สุริยา IP: 124.122.251.120 วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:22:04:04 น. |
|
|
|
โดย: Natalie IP: 124.122.51.121 วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:22:10:26 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:22:20:04 น. |
|
|
|
โดย: ร. IP: 58.8.180.73 วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:0:39:12 น. |
|
|
|
โดย: noi IP: 61.91.248.100 วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:8:20:05 น. |
|
|
|
โดย: milk IP: 61.7.129.59 วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:9:44:35 น. |
|
|
|
โดย: เป่าจิน วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:10:07:34 น. |
|
|
|
โดย: Toy_fire IP: 124.121.240.198 วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:10:57:37 น. |
|
|
|
โดย: ดาวเหนือ IP: 58.137.171.78 วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:16:50:45 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 19 กันยายน 2552 เวลา:7:25:45 น. |
|
|
|
โดย: หญิง IP: 158.108.47.168 วันที่: 19 กันยายน 2552 เวลา:13:56:21 น. |
|
|
|
โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 58.8.248.228 วันที่: 19 กันยายน 2552 เวลา:20:52:51 น. |
|
|
|
โดย: bccboy(ตัวจริงๆ อิอิ) IP: 124.122.235.67 วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:14:38:10 น. |
|
|
|
โดย: nop IP: 124.121.226.146 วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:9:44:29 น. |
|
|
|
โดย: nearmoons IP: 58.8.28.174 วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:15:53:01 น. |
|
|
|
โดย: daisyntulip วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:13:17:28 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:15:16:30 น. |
|
|
|
โดย: nop IP: 125.24.193.144 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:14:08:48 น. |
|
|
|
| |
|
|
อ่านประโยคนี้แล้วนึกถึงตัวเองยังไงไม่ทราบค่ะพี่เอ็ด ^^" วันนี้เดินๆอยู่ก็ (หลง) คิดถึงเรื่องของตัวเองที่่ไม่ได้คิดมานานมากแล้ว
...รู้สึกเหนื่อยนะคะ แต่ทุกวันนี้จะว่าไปแล้วก็ต้องขอบคุณเรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้น เพราะไม่งั้นหนูก็คงเหมือนเดิมต่อไป ที่สำคัญมันทำให้หนูถึกขึ้นด้วย ฮ่าๆ :D