Group Blog
 
All blogs
 
เหตุแห่งปัญหา กับเหตุแห่งทุกข์


(ขอบคุณภาพประกอบจากคุณแป๋ว SevenDaffodils ครับ)

ความจริงวันนี้ตั้งใจจะเขียนถึงหนังเรื่อง He's just not that into you
แต่ไปเห็นคุณผู้อ่านท่านนึง ใช้นามว่า Mars ถามคำถามมา ดูทีจะทุกข์มาก
เลยต้องขอเว้นเรื่องหนังไปก่อน

ชีวิตกำลังมีทุกข์ค่ะ รู้เหตุแห่งทุกข์ แต่ยังทำใจตัดทุกข์ไม่ได้ค่ะ

แต่งงานกับสามีจะครบ 7 ปีแล้ว แต่ไม่มีความสุขค่ะ ทั้งกับตัวสามีเอง
และครอบครัวของสามี

สามีเป็นคนขี้หงุดหงิด ใจร้อน ความคิดเห็นไม่เคยตรงกันเลยแทบทุกเรื่องค่ะไม่ว่าจะเรื่องชีวิต เรื่องเงิน เรื่องเลี้ยงลูก ทะเลาะกันแทบทุกวันก่อนจะแต่งงาน แต่ทุกอย่างกำหนดไว้แล้วเลยคิดว่าสามีรักเรา ต่อไปคงปรับตัวหากันได้เอง

แต่ตั้งแต่แต่งงานมา มีทุกข์แทบทุกวันค่ะ ต้องคอยดูอารมณ์ของสามีว่าวันนี้ ตอนนี้ อารมณ์ดีหรือไม่ดี แล้วเราค่อยปรับตัวเราเองเพราะไม่อยากมีปัญหา พอหงุดหงิดใส่กัน เราก็จะเงียบ คิดว่าทนไปอีกหน่อยก็ชิน

ครอบครัวสามี เป็นครอบครัวจีน ธุรกิจในบ้านเป็นแบบกงสี อยู่แล้วทุกข์ค่ะ
ไม่มีวันหยุด จะไปไหนก็ไม่ค่อยได้ไป ต้องอยู่เฝ้าบ้านค้าขายให้ตลอด แถมลูก ๆ ยังโดนแกล้งจากญาติผู้ใหญ่ และพูดกระทบกระเทียบเป็นประจำ

ทุกวันนี้มีทุกข์ อยู่แบบอดทนเพื่อลูก ๆ และแม่ของตัวเองค่ะ คิดว่าถ้าสามีมีผู้หญิงอีกคนเมื่อไหร่ จะได้มีข้ออ้างเพื่อเลิกกันแน่ ๆ

แต่เรื่องกลายเป็นว่าแฟนเก่าของเราได้โทรติดต่อกันอีกครั้ง พอรู้ว่าเรามีทุกข์ก็เลยยิ่งคุย ยิ่งติดต่อกันมากขึ้น ความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กันมันก็กลับมาอีก เลยกลายเป็นทุกข์เท่าทวีคูณเลยค่ะ (แฟนเก่ายังไม่แต่งงาน แต่มีแฟนอยู่)

อยากตัดสินใจเลิกกับสามีก็อยาก แต่เหตุผลไม่เพียงพอ จะไปบอกใคร ๆ ว่าเพราะทุกข์ไม่มีความสุข หรือเป็นเพราะทนครอบครัวสามีไม่ไหว มันฟังไม่มีเหตุผล

อยากหยุดติดต่อกับแฟนเก่าก็อยาก แต่มันเป็นความสุขเล็ก ๆ ในชีวิตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานาน แล้วตลอดเวลาหลายปี (17 ปี) คุยแล้วสบายใจบ้าง ทุกข์บ้าง แต่ก็ยังดีที่ทำให้มีแรงใจในการใช้ชีวิตแต่ละวัน

ไม่ทราบจะทำยังไงดีค่ะ? รบกวนคุณ aston ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

โดย: Mars วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:17:04:13 น.


อาจารย์ผมท่านเคยบอกว่า คู่แต่งงานมักจะทำผิดอยู่คนละข้อ

ฝ่ายหญิงมักจะเชื่อว่า ฝ่ายชายจะเปลี่ยนไป(ในทางที่ดีขึ้น)
แต่ความเป็นจริง ฝ่ายชาย(ส่วนมาก)มักจะไม่ค่อยเปลี่ยน
ก่อนแต่งเคยไม่ดี ห่วยแตกยังไง แต่งแล้วก็ยังเป็นอย่างนั้น เสมอต้นเสมอปลาย

ส่วนฝ่ายชายมักจะหวังว่า ฝ่ายหญิงจะไม่เปลี่ยนไป
แต่ความเป็นจริง ฝ่ายหญิง(ส่วนมาก)มักจะเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
จากโหมดนางฟ้าเจ้าหญิง กลายเป็นแม่มดกินจุ ดุเหมือนเสือ น่าเบื่อเหมือน ฯลฯ

คุณ mars อาจจะคิดว่ารู้เหตุแห่งทุกข์แล้ว แต่เปล่าหรอกครับ
ที่คุณรู้เป็นแค่ "เหตุแห่งปัญหา" ไม่ใช่เหตุแห่งทุกข์หรอก

เหตุแห่งทุกข์จริงๆ ในทางพุทธเรียกว่า สมุทัย คือตัณหา ความทะยานอยาก
แม้แต่อยากให้สามีดีขึ้น อยากให้ปัญหาหมด ก็เป็นเหตุให้คุณทุกข์

แล้วพื้นฐานของตัณหามาจากไหนหือ คุณแอสตั้น?
ก็มาจากอาการ "ไม่รู้ความจริง" หรือเรียกภาษาแขกว่า "อวิชชา"

เพราะไม่รู้ จึงคิดว่า กายนี้ใจนี้ คือตัวตนของเรา เป็นของเรา
เพราะไม่รู้ จึงยังดิ้นรน อยากให้กายนี้ใจนี้เป็นสุข อยากให้พ้นทุกข์

แต่ไม่รู้เลยว่า ไอ้กายใจที่พวกเรารู้สึกตลอดเวลาว่าเป็นตัวเรา
ที่พวกเรารักนักรักหนา นี่แหละคือตัวทุกข์

อันนี้ยังไม่เห็นหรอกนะครับ ผมเองก็ยังไม่เห็น
ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า ไว้เห็นได้เมื่อไหร่จะได้เป็นพระอรหันต์

บางอย่าง บางเรื่อง อยู่ในสถานะหนึ่งก็มองไม่เห็น
เหมือนที่คุณ mars ไม่เคยนึกว่า ไอ้สามีของเรา ครอบครัวของเรา
มันจะกลายเป็นปัญหาพาทุกข์มาให้ จนกระทั่งเมื่อแต่งไปแล้วนั่นแหละ

แต่เอาเถอะ ในเมื่อมันตกกระไดพลอยโจนมาขนาดนี้แล้ว
ผมก็อยากให้คุณ mars ทำใจยอมรับปัญหาก่อน

เวลามีปัญหาเดียวกัน คนเราจะทุกข์ไม่เท่ากันนะครับ มันขึ้นกับสติปัญญา
แล้วคนที่มีปัญญา ก็เพราะคุ้นเคยกับการมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ปฏิเสธทุกข์

เห็นว่าทุกข์เป็นเรื่องธรรมชาติ เห็นว่าที่ทุกข์ เพราะมีเหตุอันควรทุกข์
จะด้วยกรรมเก่า กรรมปัจจุบัน ก็ไม่รู้แหละ แต่ถ้ายอมรับได้ก็ทุกข์น้อย

แต่คนที่ทุกข์มาก เพราะใจมันไม่ยอมรับปัญหา เลยเป็นทุกข์
ทุกข์แล้วยังไม่รู้อีก ว่าจิตมันกำลังเกลียดทุกข์ ไม่รู้ก็ดิ้นหนีทุกข์
ยิ่งดิ้นก็ยิ่งทุกข์ ยิ่งทุกข์ก็ยิ่งดิ้น วนเวียนกันอยู่อย่างนั้น

บางคนมีทุกข์แล้วดิ้น ดิ้นแล้วทุกข์
จนหมดแรงดิ้นเพราะรู้ว่า ทำอะไรไม่ได้นั่นแหละ ใจก็เบาขึ้นทันที

พระพุทธเจ้าท่านเลยให้เราเริ่มปฏิบัติธรรม เพื่อความหลุดพ้น
ด้วยการคอยมีสติ "รู้" ทุกข์ เพื่อจะได้เห็นความจริง

รู้ทุกข์ ในทางพุทธ คือรู้กาย รู้ใจ
เพราะเรามีไอ้สองตัวนี่แหละ ถึงมีทุกข์

รู้แล้วยังไงอีก คุณแอสตั้น .. อ่า.. รู้แล้วก้อจะเห็นความจริงทีละน้อยๆ..

เห็นความจริงว่า กายนี้ ใจนี้ ไม่ใช่ตัวเราหรอกนะ
ถามว่า แค่รู้สึกตัว แล้วจะรู้ได้ไง
ตอบว่า เวลารู้สึกตัวไปบ่อยๆ จิตมันจะเริ่มจำสภาวะได้

ว่าอันนี้ คือโกรธ อันนี้คือหงุดหงิด อันนี้คือโมโห อันนี้คือขัดใจ
อันนี้คือสุขใจ อันนี้คือปลื้มใจ อันนี้คือเบิกบาน อันนี้คือปีติ

เมื่อถึงจุดหนึ่ง เวลามีสภาวะอะไรเกิด จิตจะจำได้แล้วปิ๊งขึ้นเอง
ตอนที่ปิ๊ง! เอง จิตจะตั้งมั่นขึ้นเป็นผู้รู้ผู้ดู เห็นความจริงว่า

เออ.. เว้ย.. เวลามันโกรธนี่ จิตมันโกรธเองนะ เราไม่ได้สั่ง
เห็นว่าความโกรธ ก็ไม่ใช่จิต เป็นสิ่งที่จิตปรุงขึ้น แล้วจิตไปรู้เข้า

เหมือนแม่น้ำเจ้าพระยามีหมาเน่าตั้งหลายตัว
แต่มีตัวไหนคือแม่น้ำไหม ไม่มีเลยใช่ไหมครับ

หมาเน่าก็ไม่ใช่แม่น้ำฉันใด ความโกรธก็ไม่ใช่จิตฉันนั้น

อีกอย่าง คนเราจะคิดว่า แม่น้ำนี้เป็นของเรา ทั้งๆที่เปล่าเลย
แม่น้ำสายนี้ เขาก็ไหลผ่านสุวรรณภูมินี้มาเป็นพันๆหมื่นๆปีแล้ว

มนุษย์เรานี่เป็นเผ่าขี้ตู่เห็นไหม เหมือนที่ตู่เอาว่า กายนี้ ใจนี้เป็นตัวเรา

แล้วชีวิตก็เป็นเหมือนแม่น้ำจริงๆ คือเราเห็นว่าแม่น้ำยังอยู่คงที่อย่างนั้น
แต่ที่จริง มีหลายอย่างไหลผ่านมา แล้วก็ไหลผ่านไปตลอดเวลา

ดูๆไป จะค่อยๆเห็นว่า ทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิตล้วนแต่เป็นของชั่วคราว
สุขก็มาแป๊บนึงแล้วก็หมดรอบ ทุกข์มาอีกแป๊บนึง แล้วก็หมดรอบ

เรื่องครอบครัวคุณ ผมไม่มีนโยบายจะชี้นำว่าควรทำอย่างไร
แต่ที่แนะนำไปให้คุณหัดภาวนา จะได้มีสติ และรู้เท่าทันทุกข์
ถ้าดูจิตเป็น ทุกข์จะน้อยลง พอทุกข์น้อยปัญหาก็จะแก้ง่ายขึ้น

เราเปลี่ยนสามี เปลี่ยนญาติสามีลำบาก
แต่เปลี่ยนตัวเองได้ไม่ยาก ถ้ารู้หลัก รู้วิธีวิปัสสนา เช่นการดูจิตที่ผมแนะไป

แต่ที่ขอชี้นำ และบอกได้ว่าไม่ควรทำ
คือการเห็นแก่ความสุขเล็กน้อยจากการไปพัวพันกับแฟนเก่า
อันนี้ถ้าเรื่องมันบานปลาย คุณจะกลายเป็นจำเลยที่หนึ่ง
ทั้งในคดีเกี่ยวกับสามีคุณ และคดีกับผู้หญิงของแฟนเก่าคุณ

ไม่ได้แปลว่าคนเรามีเพื่อนไม่ได้ แต่เพื่อนที่เป็นเพื่อนจริงๆ
กับเพื่อนที่พร้อมจะเกินเลยกันไปในความรู้สึกและการกระทำ มันต่างกัน

มีปัญหาเดิม ก็หนักพอแล้ว อย่าเพิ่มเหามาใส่หัวอีก
จะดีกว่าไหมครับ

ปล. ถ้าอยากเรียนเรื่องวิปัสสนาในชีวิตประจำวันเพิ่ม
เลื่อนขึ้นไปข้างบนดูขวามือในหมวด Link จะมีคำว่า "วิมุตติ" อยู่
คลิดที่นั่น แล้วไปเรียนเอานะครับ แนะนำหมวด "หลวงพ่อปราโมทย์" ครับ

สุขสันต์วันที่แม่น้ำเจ้าพระยาไหลลงทะเลครับ


Create Date : 12 มิถุนายน 2552
Last Update : 12 มิถุนายน 2552 9:54:52 น. 27 comments
Counter : 8037 Pageviews.

 
สาธุกับธรรมค่ะ


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:10:27:07 น.  

 
กำลังคิดจะอยากจะถามอะไรๆ กับคุณบ้าง
แต่พออ่านเรื่อง+ปัญหาของผู้อื่น
ก้อเข้าใจได้ระดับนึงกับปัญหาที่ประสบอยู่
ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องครอบครัวหรอกค่ะ
เพราะยังไม่มีครอบครัว
แค่ตัวเองยังเอาไม่ค่อยรอดเลย
ขาดปัจจัยเกื้อหนุน--แต่ก้อมีคนคอยช่วยเหลือบ้าง--บางครั้งที่เรากล้าขอความช่วยเหลือ
ยิ่งมีอายุมากขึ้น--การขอความช่วยเหลือ+ร้องขอในเรื่องต่างๆ ทำให้กระอักกระอวนในใจเป็นอย่างยิ่งค่ะ ในเรื่องของตัวเองยังไม่เห็นทางออก--นอกจากในแต่ละวันดูใจมันไปเรื่อยๆ
ทันบ้างไม่ทันบ้าง--แต่ก้อรู้สึกว่าความคับข้องใจหายไปเร็วขึ้น และไม่จมแช่กับอารมณ์นั้นนานเกินไป

ขอขอบคุณอีกครั้งที่มีคำแนะนำดีๆ มาให้เตืือนสติ..ในทุกครั้งที่เข้ามาอ่านค่ะ



โดย: พิม IP: 124.121.176.228 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:10:54:10 น.  

 
หวังว่าจะปิ๊งอยู่เนืองๆ
ไม่หลงไม่หลุดไปไหนบ่อยๆ
พี่เอ๊ดตอบกระจ่างแจ้ง
เอาใจช่วยคุณ mars ด้วยแล้วกันค่ะ
^^


โดย: am^^ IP: 58.8.118.61 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:10:58:30 น.  

 
ลองแวะเข้ามาดูว่าคุณ aston ว่างพอที่จะตอบรึยัง? ครั้งแรกเปิดหาไม่เห็น...เศร้าเล็ก ๆ
เปิดไปเปิดมาพอเจอ...ร้องไห้เลยค่ะ!! ขอบคุณนะคะ

ที่บอกว่าตัวเองรู้เหตุแห่งทุกข์ ทั้ง ๆ ที่คุณ aston ว่าไม่ใช่ คงเป็นเพราะตัวเองยัง
ไม่เข้าใจ "ธรรมะ" ลึกซึ้งขนาด "รู้เหตุแห่งทุกข์" จริง ๆ มังคะ

เหตุแห่งทุกข์ที่ตัวเองเข้าใจว่ารู้คือ..ทุกข์เพราะใจตัวเองค่ะ สามีไม่รู้หรอกว่าเราทุกข์...
ครอบครัวสามีไม่รู้เลยว่าเราไม่มีความสุข ทุกคนก็ทำตัวเหมือนอย่างเคย ไม่ได้ใส่ใจ..
สนใจว่าในบ้านหลังนี้ มีคนอยู่คนนึงทนอยู่ไปวัน ๆ .. เพื่อให้อยู่ทนไปนาน ๆ

เคยถามตัวเองว่าทำไมเราต้องทน...ในเมื่อไม่มีความสุข คำตอบที่ได้คือ
"กรรม..กรรมใครกรรมมัน" แต่นับวันยิ่งสงสัยตัวเองว่า ชีวิตที่เหลืออยู่
อีกครึ่งชีวิตจะขอมีความสุขบ้างได้มั้ย? ไม่ได้คิดจะไปเริ่มต้นกับใคร
แต่อยากขอชีวิตตัวเองกลับคืน อยากมีอิสระ..อยากมีความสุข
โดยที่ชีวิตไม่ต้องขึ้นตรงกับใคร ทำไมต้องทนไปจนวันสุดท้ายเพื่อชดใช้กรรม?
(ขอโทษนะคะ..ความคิดที่อยากเลิกกับสามีตอนนี้ คล้ายกับคุณ aston
ที่ตัดสินใจเมื่อหลายปีก่อนมั้ยคะ? ... เพราะไม่มีความสุข?)

ทุกข์ที่สอง..ก็เพราะใจตัวเองอีกแหละค่ะ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะติดต่อกับ
แฟนเก่า รู้สึกผิดและบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา ควรหยุดและเลิกทันที
ทุกข์นี้ก็จะค่อย ๆ หมดไป แต่เพราะยังไม่ทำ..ไม่ใช่ทำไม่ได้
คิดอย่างคุณ aston ว่าเลยค่ะ ไม่รู้จะหาเหามาใส่หัวอีกทำไม?

คิดไม่ผิดเลยค่ะที่ปรึกษาคุณ aston แวะเข้ามาอ่านนานแล้ว ตัดสินใจอยู่
หลายครั้งว่าจะกวนดีมั้ย? ขอบคุณเรื่อง "หมาเน่ากับน้ำเจ้าพระยา" นะคะ
เห็นภาพชัดขึ้นเยอะ และกำลังจะแวะไปเรียนเรื่องวิปัสสนาในชีวิตประจำวันค่ะ

ขอบคุณบุญครั้งนี้ของคุณ aston อีกครั้งค่ะ แล้วจะแวะมาอ่านหนังเรื่อง
He's just not that into you นะคะ

สุขสันต์วันฟ้าใสค่ะ...อีกวันที่มีความสุขในชีวิต...กับกัลญาณมิตรเช่นคุณ

ปล.วันเกิดคุณ aston วันเดียวกันกับแฟนเก่าเลยค่ะ (เกี่ยวอะไรด้วยก็ไม่ทราบ?)


โดย: Mars IP: 125.24.162.250 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:11:12:55 น.  

 
คุณแอสตั้น
ตอบปัญหาได้ดีจริงๆคะ
สาธุ สาธุ สาธุ


โดย: PK15 IP: 58.136.50.38 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:11:20:04 น.  

 
อ่านธรรมะใกล้ที่เค้าส่งมาเมื่อเช้านี้...

หลวงพ่อบอกว่า "ปัญหากับความทุกข์นั้นเป็นคนละอันกัน" ......

ปัญหามันก็มีของมันอยู่ จิตที่ทุกข์กับปัญหาก็มีอยู่คนละส่วนกัน

จิตมันมีธรรมชาติชอบเข้าไปคลุกวงใน ถึงชอบเอาปัญหาที่มีอยู่ข้างนอกเข้ามาในใจ แล้วก็มาปรุงเป็นความทุกข์ นั่งทุกข์กันไป

ตอนเช้าจิตคลุกวงในอยู่ค่ะ อิ อิ อ่านธรรมะของหลวงพ่อทำให้พอจะแยกๆการตะลุมบอนครั้งนี้ได้ ตอนนี้ก็ยังเห็นร่องรอยฝุ่นตลบอยู่เลย

ขอบคุณบทความดีดีเช่นเคยค่ะ


โดย: เป่าจิน IP: 61.47.19.72 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:12:11:05 น.  

 
อนุโมทนาด้วยครับพี่ aston

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในครอบครัวกงสีเหมือนกันเป็นหลานคนโต แล้วก็เป็นหลานรักประจำตระกูลเลยล่ะ ญาติทุกคนรักผมหมด อาจจะเนื่องด้วยภายนอกผมดูหัวอ่อน (แต่ภายในกบฏอย่างรุนแรง)

แต่ก่อนหน้านี้ตอนเด็กๆ ผมก็แย่เหมือนกัน น้ำตาร่วงก็บ่อย ก็เพราะลักษณะของครอบครัวแบบนี้เนี่ยแหละ

เข้าใจเจ้าของปัญหาเลยครับว่าจะต้องเจออะไรบ้าง ใครเคยอยู่กับครอบครัวกงสีคงจะเข้าใจได้ดี

นี่ตอนนี้ก็โดนดึงให้ทำงานอยู่้ในกงสี ทำไปทำมา ไม่สามารถออกไปไหนได้ เพราะโดน "คดีอกตัญญู" ไปซะงั้น

อึดอัด เบื่อ เซ็งชีวิต ไม่อยากสังสรรค์กับญาติ และอีกหลายอย่าง หลายอารมณ์

---------------------------------------------

แต่นั่นก็คือเรื่องราวในชีวิตของผมก่อนได้พบหลวงพ่อปราโมทย์ครับ พอผมได้พบกับท่าน ชีวิตผมเริ่มเปลี่ยนไป

ไม่ใช่ว่าคนอื่นๆ หรือสภาพแวดล้อมมันเปลี่ยนไปนะครับ แต่วิธีคิด และมุมมองต่อชีวิตผมเปลี่ยน (ปัจจุบันนี้เปลี่ยนไปแทบจะไม่เห็นคนเก่าแล้ว)

ตอนนี้เลยเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในอดีตว่า ตัวเรา "สร้างเหตุแห่งทุกข์" มาใ่ส่ตัวเองแท้ๆ ไม่เข้าใจว่า พันธนาการ หรือสิ่งที่กักขังตัวผมจริงๆ นั้น ไม่ใช่ญาติๆ หรือคนในครอบครัวคนไหนเลย แต่เป็น "ความทะยานอยากภายในใจ" ของผมต่างหาก ที่คิดแต่จะวิ่งไปหาความสุขที่อยู่ข้างหน้า

ตอนนี้ดูกาย ดูใจ มากเข้าๆ แล้ว จะอยู่กงสี หรือครอบครัวเดี่ยว ก็ทุกข์เท่ากัน (เพราะตอนนี้ครอบครัวผมเริ่มแยกออกมาแล้ว) คือ มันมีปัญหาเหมือนกัน เพียงแต่เป็นคนละรูปแบบ

แต่สิ่งมหัศจรรย์ก็คือ เมื่อเราดูกาย ดูใจ ไปเรื่อยๆ ตามที่หลวงพ่อสอน (แต่ส่วนใหญ่จะทำผิดมากกว่าทำถูก แหะ แหะ) ทุกข์ที่เกิดขึ้นจากปัญหาในครอบครัวกับไม่ใช่ "สิ่งที่ต้องแบก" อีกต่อไป แล้วยังมีของแถมซึ่งมาจากความเย็นภายในใจที่ได้มาจากการปฏิบัติ ที่ช่วยบันดาลวิธีแก้ปัญหาอย่างมีสติ ที่นอกจากจะทำให้เราอยู่กับความทุกข์ได้อย่างทุกข์น้อยๆ แล้ว ปัจจุบันเรายังกลายเป็นกาวใจ เป็นเครื่องดับเพลิงประจำบ้าน ที่เวลาเกิดข้อพิพาท หรือปัญหาทางใจของสมาชิกในครอบครัวครั้งใด เราก็ได้อาศัยความสุข และสติที่ได้จากการปฏิบัติเนี่ยแหละช่วยแก้ปัญหา

ปัจจุบัน ครอบครัวของผมกลมเกลียวกันอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ตั้งแต่ผมเกิดมาเลย

นอกจากปัญหาครอบครัวแล้ว ปัญหาส่วนตัวหลายอย่างก็ถูกแก้ด้วยจิตใจที่ฝึกฝนมาตามหลักสติปัฏฐานได้อีกด้วย

มหัศจรรย์แห่งวิปัสนาจริงๆ (แม้ส่วนใหญ่จะทำได้ไม่ถึงวิปัสนาก็เถอะ)

บางครั้งผมนึกถึงหลวงพ่อแล้ว น้ำตาผมจะไหลออกมาให้ได้ ชีวิตผมเปลี่ยนไปเพราะความเมตตาของท่านที่อุตสาห์ออกมาสอน ทั้งที่บางครั้ง ผมเห็นร่างกายท่านแสดงลักษณะของ "ขีดสุด" เหมือนกัน ทั้งเสียงแหบ ทั้งเป็นไข้

ผมเห็นท่านมีเมตตากับลูกศิษย์ขนาดนี้ มันทำให้ผมสำนึกว่า ผมจะเลิกปฏิบัติไม่ได้ จะปฏิบัติถวายหลวงพ่อ

เพราะท่านเคยพูดไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่า

"ถ้าอยากจะให้ท่านอายุยืน ทุกคนต้องปฏิบัติให้ดี ถ้าส่วนใหญ่มีพัฒนาการที่เห็นได้ชัด ท่านจะมีปีติสุข แล้วปีติสุขจะมาหล่อเลี้ยงท่านเอง"

ขอบคุณพี่แอสตั้นสำหรับบล็อกดีๆ แห่งนี้ครับ


โดย: him_aeng IP: 118.173.240.4 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:12:17:39 น.  

 
^
^
ธรรมะใกล้ตัว

พิมพ์ตกไป ขอโทษค่ะภาษาไทยไม่แข็งแรงเลย ^_^


โดย: เป่าจิน IP: 61.47.19.72 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:12:18:04 น.  

 
ขอบคุณแรงใจนะคะ คุณ am

ขอบคุณประสบการณ์ดี ๆ ที่ทำให้ชีวิตมีความสุขได้ค่ะ คุณ him_aeng

"แค่ไม่ทุกข์...ก็สุขแล้ว"


โดย: Mars IP: 125.24.162.250 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:12:45:06 น.  

 
อ่านคอมเม้นท์คุณ him_aeng แล้วเกิดปีติเล็กๆค่ะ อนุโมทนาด้วยนะคะ (-/|\\-)

พี่เอ็ดเขียนบล็อค อธิบายได้กระจ่างดีค่ะ อ่านแล้วเห็นภาพเลย ^^ ขอบคุณสำหรับบล้อคดีๆ อีก 1 วันนะคะ



โดย: aritsumemoon IP: 124.120.212.69 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:14:46:00 น.  

 
ชื่นใจกับกำลังใจที่แบ่งปันให้กันกับเพื่อนผู้ร่วมทุกข์ค่ะ


โดย: นิรัตตะ IP: 203.156.140.195 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:15:30:42 น.  

 
Like everybody else, I'm having problems also ka. But, I treat them as a test not a threat ^_^

Knowing or noting the state of mind while it's changing without interfering, I hope one day I realise the ultimate truth and no longer suffer ka.

Look forward to hearing your view on "He's not that in to you" ka P'Ed


โดย: Tui - Jina IP: 86.153.88.49 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:18:34:58 น.  

 
ชอบคำตอบที่คุณแอสตั้นตอบ (อีกแล้ว)ค่ะ ขอบคุณนะคะ ได้ข้อคิดดีๆเตือนใจทุกครั้งที่แวะมาเยี่ยม


โดย: anchesa วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:21:28:51 น.  

 
อ่านแล้วดีใจที่คุณ Mars รู้สึกมีความสุขขึ้นค่ะ :)
และขออนุโมทนากับคุณ Mars ที่เลือกทางสว่างให้กับตัวเองนะคะ -/\\-

โดยส่วนตัว รู้สึกว่าคำตอบต่อปัญหาต่างๆจากพี่เอ๊ด
ดูชัดเจนในทาง และเต็มไปด้วยความปรารถนาดีเสมอ
บางครั้งเหมือนแสงแดดอุ่น บางทีก็เหมือนสายลมเย็นให้กับเจ้าของปัญหา

ขออนุโมทนานะคะพี่เอ๊ด ที่พี่เป็นกัลยาณมิตรให้กับผู้คนมากมาย -/\\-


โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 58.8.39.202 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:22:59:43 น.  

 
อ่านทีไรก็ยังรู้สึกว่า
เป็นการตอบปัญหาที่เต็มไปด้วยเหตุและผล
สิ่งที่ควรทำ หรือไม่ควรทำ โดยไม่ชี้นำการตัดสินใจ
เหมือนตั้งแต่แรกที่เคยอ่านในกระทู้ อยู่เรื่อยมา

นึกว่าจะบอกว่า สุขสันต์วันเจ้าพระยายังมีหมาเน่า ซะอีก


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:23:04:53 น.  

 
แล้วมันจะผ่านไปใช่ไหมครับ
ไม่ว่าจะเป็นตัวอะไรตายลอยอืดในแม่น้ำนั่น
ขอบคุณที่ผมยังได้ติดตามอ่านอยู่นะครับ

ปล.มันน่าจะพูดคำว่าสู้ๆ ได้ไหมครับ


โดย: สุริยา IP: 124.122.147.227 วันที่: 13 มิถุนายน 2552 เวลา:21:45:43 น.  

 
อ่านของคุณ him_aeng แล้วรู้สึกดีมาก
ตอนนี้ตัวเองก็ทำอยู่นะคะพี่เอ๊ด
ยังไม่พัฒนาเท่าไหร่
แต่ระยะเวลาแห่งทุกข์ สั้งลงค่ะ
ทำไปแบบไม่เพ่ง มันก็เย็นจากข้างใน

เป็นกำลังใจให้คุณ Mars ค่ะ


โดย: ying IP: 115.67.15.254 วันที่: 13 มิถุนายน 2552 เวลา:21:55:12 น.  

 
แวะอ่านครั้งนี้ รู้สึกดีจังค่ะ อนุโมทนาทุกท่านนะึคะ :)


โดย: วันดี IP: 58.9.17.116 วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:1:41:09 น.  

 
เข้ามาก็ดีใจนะคะ เป็นกำลังใจให้พี่เอ็ด และทุกๆท่านต่อไปค่ะ


โดย: kainarit IP: 222.123.162.75 วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:10:44:43 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกเบาจังค่ะ

ขอบคุณค่ะพี่ aston ^0^



โดย: nicky IP: 124.121.92.89 วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:11:48:03 น.  

 
ตอนนี้ใจกำลังสู้กับความคิดอยู่ค่ะ มันยุ่งอิรุงตุงนังน่าดู

เลยแวะมาอ่านหมาเน่ากับน้ำเจ้าพระยาอีกรอบ

ขอบคุณแรงใจทุกแรงค่ะ ^^


โดย: Mars IP: 125.24.143.51 วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:17:26:02 น.  

 
สาธุกับการเผยแพร่ธรรมของพี่แอสตั้นครับ
และเป็นกำลังใจกับการรู้ของคุณ Mars ครับ


โดย: VAAy วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:21:24:37 น.  

 
(^ ^!) เมื่อก่อนคลุกกับความทุกข์ใจของตัวเองมากเหมือนกัน
แต่พอรู้ว่ามันคือ'ทุกข์' ใจมันคลายออกมาเป็นคนดู ทุกข์นั้นตกหายไป....


โดย: โรจน์ IP: 124.120.187.86 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:11:53:21 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกอะไรที่หนักๆๆอยู่ผ่อนคลายได้เยอะเลยค่ะ


โดย: monic IP: 58.136.74.208 วันที่: 16 มิถุนายน 2552 เวลา:14:27:04 น.  

 
ตามมาอ่านค่ะ
ยกตัวอย่างประกอบได้เห็นภาพแจ่มแจ้งมากค่ะ ^^


โดย: แก้ว IP: 125.24.49.239 วันที่: 16 มิถุนายน 2552 เวลา:20:43:30 น.  

 
ที่คุณรู้เป็นแค่ "เหตุแห่งปัญหา" ไม่ใช่เหตุแห่งทุกข์หรอก

^^
^^
ประโยคนี้ โดนสุดๆค่ะ อ่านแล้วปัญญาเกิดเลย

ขอบคุณพี่ Aston สำหรับคำตอบนะคะ ให้ทุกคนได้รับความรู้ไปด้วย

ขอบคุณคุณMars ที่มาตั้งคำถาม ให้เราได้รับคำตอบรับความรู้ไปด้วย เป็นกำลังใจให้พ้นทุกข์ได้โดยเร็วนะคะ
รู้สึกเหมือนกำลังดู preview อนาคตตัวเองยังไงชอบกล เพราะแฟนเราดูจะเป็นคล้ายๆสามีของคุณ Mars เลยค่ะ แต่ดีกว่านิดนึงตรงที่บ้านเค้าน่ารัก น่าจะไม่มีปัญหา
เห้ออ....ทำไงดีเนี่ย กลุ้มใจจริงจิ๊งงงง

ขอบคุณคุณ him_aeng ที่มาแบ่งปันประสบการณ์ อ่านแล้วได้ข้อคิดเพิ่มเติมไปด้วยเลย :)


โดย: ใบเฟิร์น IP: 210.246.80.77 วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:11:48:34 น.  

 
สวัสดีค่ะ งานยุ่งอยุ่หลายวันเลยไม่ได้
เข้มาอ่านบล็อกนี้ แต่พอวันนี้ว่าง
ก็ได้เข้ามาอ่าน

ขอบคุณบทความดีดี
เอาใจช่วยคุณ Mars ค่อยๆ พยายาม ค่อยๆ เรียนรู้ทุกข์นะคะ



โดย: ชมพู่มะเหมี่ยว วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:14:25:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.