|
อภัสดา ปรมาลาภา
(ภาพประกอบ เอื้อเฟื้อโดย SevenDaffodils ครับ)
ผมเพิ่งจะเขียนบล็อกเรื่องศ๊ลข้อสาม กาเมสุมิจฉา ไปหมาดๆ ก็มาเห็นคำบ่นรำพันเรื่องสามีของอีกท่าน ตอบไปตอบมาเริ่มยาวแฮะ
เลยยกมาไว้ในบล็อกรวม เผื่อเป็นประโยชน์กับท่านอื่นนะครับ
คุณastonค่ะ
สามีดิฉันยอมรับว่าได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดไปโดยที่ตัวเค้าไม่ตั้งใจและพยายามจะแก้ไขให้ดีขึ้น
จริงๆว่าดิฉันเองก็สังเกตุเห็นเคยถามเค้าแต่ตอนนั้นเค้าก็ไม่ยอมรับความจริง ดิฉันก็ได้แต่คาดเดาเรื่องไปต่างๆนาๆ จากพฤติกรรมและคำพูดที่เค้าหลุด หรือข้อความในโทรศัพท์ที่เห็นโดยบังเอิญ ทำให้ดิฉันคิดมากและเสียใจตลอดมาเป็นเวลานานหลายเดือน จนรู้สึกเก็บกดเพราะไม่สามารถที่จะบอกหรือพูดกับใครได้ เพราะไม่อยากทำให้กลายเป็นเรื่องราวให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้
จนวันนี้เค้าได้ยอมรับและได้เล่าให้ฟังทั้งหมดแล้วและขอให้ดิฉันอย่าโกรธและจากเค้าไป หลังจากได้ฟังความจริงทั้งหมดความรู้สึกทึบๆๆหนักๆก็หายไป เหมือนดิฉันได้รู้สึกว่า ที่เราได้รู้และเห็นมานั้น เราคิดถูกมาตลอดไม่ได้เกิดจากการคิดไปเองอย่างที่เค้าว่า
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เค้าไม่เคยรู้ ช่วงที่เรามีปัญหากันดิฉันเสียใจคิดมากและร้องไห้ทุกวันและทุกครั้งที่อยู่คนเดียว หลังจากร้องไห้ดิฉันจะรู้สึกดีขึ้นจนเหมือนดิฉันเสพติดการร้องไห้ไปแล้ว
ดิฉันไม่แน่ใจตัวเองว่าเป็นโรคทางจิตไปแล้วรึปล่าว ดิฉันอึดอัดกับปัญหาที่เกิดขึ้นและไม่แน่ใจตัวเองจริงๆว่าอยากจะอยู่กับเค้าต่อไปรึปล่าวหรืออยากอยู่คนเดียวโดยไม่มีเค้าอีกต่อไป
ขอบคุณนะคะที่ให้เขียนระบายความอึดอัดในใจ
โดย: MONIC
คุณ Monic ทำใจให้สบายไว้นะครับ แล้วอยู่กับปัจจุบันไว้
คำว่าอยู่กับปัจจุบัน คือคอยรู้สึกตัวไว้บ่อยๆ หายใจเข้ารู้สึก หายใจออกรู้สึก
ไม่ต้องเพ่งจนรู้ชัด ขนาดว่าลมกระทบตรงไหนบ้างหรอกนะครับ เอาแค่ หายใจเข้ายาว รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจออกยาว รู้ว่าหายใจออกยาว หายใจเข้าสั้น รู้ว่าหายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้น ก็รู้ว่าหายใจออกสั้น
คนเราร้องไห้ได้ เพราะสมองสั่ง สมองสั่งให้ร้องไห้ เพราะจิตมันไปขุดเรื่องแย่ๆขึ้นมาคิด
ฉะนั้น อย่าให้จิตมันว่าง หาอะไรให้มันทำไว้ มันจะได้ไม่ฟุ้งซ่านไปในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
การคอยรู้ลม ก็เป็นเครื่องช่วยให้จิตมีที่อยู่อย่างหนึ่งครับ เครื่องช่วยให้จิตมีที่อยู่ ที่พัก เรียกว่าวิหารธรรม
ว่ากันซื่อๆ การมีวิหารธรรม ก็คือการทำความสงบอย่างหนึ่ง ให้จิตเกิดสมาธิ แต่ทำความสงบ ไม่ใช่เพื่อบังคับให้จิตอยู่แต่ในความสงบ ในสมาธิ หากเพื่อให้จิตได้พักผ่อน มีกำลัง ออกมาเจริญสติรู้เนื้อรู้ตัวได้ดี
บางคนรู้ลมแล้วเคยชินกับการเพ่งลม พวกนี้จะมีอาการอึดอัด แน่นๆที่หน้าอก ให้รู้ทันว่ากำลังเพ่งลม แล้วหยุดไปก่อน
เปลี่ยนไปดูจิตที่อึดอัด กลัว ไม่ชอบ กังวล สงสัย แทนนะครับ ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่เราจะใช้เครื่องอยู่อะไรหรอกครับ
มันอยู่ที่ เราจะอยู่กับปัจจุบันยังไง ให้เผลอสั้นๆ แต่(รู้)เผลอบ่อยๆ ฉะนั้น ต้องลองดูหลายๆวิธี แล้วดูว่า อันนั้นทำแล้วจิตมันชอบ มันสบาย แต่ชอบแล้ว สบายแล้ว ก็ต้องรู้เนื้อรู้ตัวนะ
ที่ต้องให้จิตชอบ เพราะหลักของการทำสมาธิ คือต้องมีความสุข ในอภิธรรมบอกว่า ความสุขเป็นเหตุให้เกิดสมาธิ
ฉะนั้น จะรู้ลม รู้กาย รู้มือ รู้ท้อง รู้เท้าเคลื่อนไหว หรือรู้จิตเคลื่อนไหว หรือสวดมนต์ ไม่สำคัญ สำคัญว่าต้องรู้อย่างสบาย ไม่บังคับข่มว่าจิตต้องตึงเปรี๊ยะ ไม่ว่อกแว่กเลย
แต่ถ้ารู้ลม รู้กาย รู้มือ รู้เท้า รู้ท้อง รู้จิตเคลื่อนไหว หรือสวดมนต์ แล้วจิตว่อแว่ก ให้รู้ทันว่าว่อกแว่ก รู้ไว้ ก็ไม่ใช่เพื่อบังคับ หรือห้ามไม่ให้มันว่อกแว่ก แต่เพื่อให้เห็นความจริงว่า จิตเป็นอนัตตา มันไม่ใช่ตัวเราหรอก เพราะมันทำงานได้เอง
ถ้ารู้หลักแล้วทำได้อย่างนี้ วิหารธรรมอะไรก็ใช้ได้ เหมือนยอดฝีมือในนิยายกำลังภายใน จะใช้มีด กระบี่ ทวน หอก ดาบ ตะเกียบ หรือนิ้วเปล่าๆ ก็ชนะคู่ต่อสู้ได้พอกัน
วันนี้ ไม่ขอตอบเรื่องปัญหาครอบครัวดีกว่านะครับ ตอบไปเยอะแล้ว แล้วปัญหาของคุณ Monic ก็เหมือนกับปัญหาของผู้หญิง ผู้ชาย เกย์ ทอม ดี้ อีกหลายล้านคนทั่วไทย และไกลทั่วโลก อย่างที่เคยเป็นมานับร้อยพันปี
ถ้าเรายังเอาความสุขในชีวิต ไปผูกติดกับการกระทำของคนอื่น เราก็จะมีความเสี่ยงอีหรอบนี้ เหมือนๆกัน
ถ้าเรายังต้องเวียนว่ายตายเกิด เราก็จะเป็นผู้กระทำบ้าง ผู้ถูกกระทำบ้าง ตามคิวของกรรมที่จัดสรรให้เรา จนกว่าเราจะพ้นทุกข์ได้จริงๆ
ฉะนั้น อยากชวนให้คุณเปลี่ยนจากคำถามว่า เราควรจะอยู่กับเขาต่อไปดีไหม มาเป็นคำถามว่า วันนี้ เรารู้สึกตัว รู้กายรู้ใจ เพื่อจะมีชีวิตด้วยสติกันดีไหม
คนเราเกิดมาชั่วคราว พบกันก็ชั่วคราว ไม่กี่สิบปีก็ตายจากกันหมดแล้ว จะตามใจกิเลส ทำร้ายกัน โกรธกัน แค้นเคือง ทะเลาะกันไปทำไมนักหนา
อะไรที่ดีก็เก็บไว้ อะไรไม่ดี ก็ทิ้งๆ ลืมๆไปบ้างนะครับ ถ้าเขายังดีกับเรา เขากลับตัวใหม่ ก็เอื้ออาทรกันไว้ ถ้าเขาไม่น่ารัก เขาไม่ดีกับเรา เราอภัยได้ เราก็เบาสบาย เราอภัยไม่ได้ เราก็หนัก แย่ที่สุดก็ต้องเลิกกัน แยกกันไปคนละทาง
แต่อย่าไปพิร่ำพิไรอะไรกับปัญหาชีวิตมากเลยนะ พูดจริงๆนะ อย่าหายใจทิ้งๆขว้างๆ ไปกับความทุกข์ เหมือนนางเอกมิวสิควีดีโอเลยคุณ
ตื่นมาก็ร้องไห้ สายก็ร้องไห้ เที่ยงก็ร้องไห้ บ่ายก็ร้องอีก เย็นแถมอีกรอบ เห็นรูปถ่ายก็ร้อง เห็นเสื้อผ้า ถุงเท้ากางเกงใน เห็นแมวอะไรก็ร้องได้หมด ไม่เอานะ
ที่ผ่านมา ร้องไปแล้วก็แล้วไป ช่างมัน ไม่ต้องเสียดายที่ลืมเอาถังมารอง แต่อยู่กับปัจจุบันไว้ เช้าสวดมนต์ เย็นสวดมนต์ แล้วมีชีวิตปกติ แต่คอยรู้สึกตัวไว้
แล้วไม่ช้าไม่นาน ทุกอย่างจะผ่านไปง่ายและไวกว่าที่คุณนึก
เขียนบล็อกนี้ แล้วนึกถึงสำนวนลุงๆที่เขาว่า "อภรรยา ปรมาลาภา" ความไม่มีภรรยา เป็นลาภอันประเสริฐ
ยุคนี้ เป็นยุคเสมอภาค ก็ต้องมีภาษิตว่า "อภัสดา ปรมาลาภา" ด้วย
ของแบบนี้ ก็ตัวใครตัวมันนะครับ
Create Date : 22 กันยายน 2552 |
Last Update : 22 กันยายน 2552 18:43:10 น. |
|
18 comments
|
Counter : 8359 Pageviews. |
|
|
|
โดย: วันดี IP: 125.24.148.230 วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:19:06:29 น. |
|
|
|
โดย: ธนัช IP: 124.120.218.108 วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:19:12:25 น. |
|
|
|
โดย: helloeve IP: 203.209.97.222 วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:19:15:06 น. |
|
|
|
โดย: aritsumemoon IP: 124.120.210.113 วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:20:00:29 น. |
|
|
|
โดย: สุริยา IP: 124.122.251.241 วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:21:36:36 น. |
|
|
|
โดย: daisyntulip วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:0:50:57 น. |
|
|
|
โดย: noi IP: 61.91.248.100 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:9:05:47 น. |
|
|
|
โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:12:41:39 น. |
|
|
|
โดย: L J IP: 72.19.155.185 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:12:42:07 น. |
|
|
|
โดย: เป่าจิน วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:12:47:37 น. |
|
|
|
โดย: มุทิตา IP: 58.10.192.103 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:14:07:50 น. |
|
|
|
โดย: Vera IP: 10.123.101.115, 202.129.10.218 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:17:40:21 น. |
|
|
|
โดย: ying IP: 125.24.103.209 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:19:02:27 น. |
|
|
|
โดย: bccboy IP: 124.121.168.191 วันที่: 24 กันยายน 2552 เวลา:0:15:38 น. |
|
|
|
โดย: ดาวเหนือ IP: 58.137.171.78 วันที่: 24 กันยายน 2552 เวลา:9:21:52 น. |
|
|
|
โดย: milk IP: 61.7.135.152 วันที่: 24 กันยายน 2552 เวลา:13:33:05 น. |
|
|
|
โดย: eenura IP: 110.164.145.195 วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:2:24:08 น. |
|
|
|
โดย: zurvival IP: 58.147.0.186 วันที่: 12 ตุลาคม 2552 เวลา:13:32:00 น. |
|
|
|
| |
|
|
"ตื่นมาก็ร้องไห้ สายก็ร้องไห้ เที่ยงก็ร้องไห้ บ่ายก็ร้องอีก เย็นแถมอีกรอบ
เห็นรูปถ่ายก็ร้อง เห็นเสื้อผ้า ถุงเท้ากางเกงใน เห็นแมวอะไรก็ร้องได้หมด ไม่เอานะ
ที่ผ่านมา ร้องไปแล้วก็แล้วไป ช่างมัน ไม่ต้องเสียดายที่ลืมเอาถังมารอง"
อ่านอันนี้แล้วขำก้าก