อาหารมื้อละ 21 ล้านบาท
(ภาพโดยฝีมือ และความใจดีของคุณแป๋ว SevenDaffodils) (เพลงชื่อ If เพลงเก่าของ Bread แต่เป็น cover version ร้องใหม่) ช่วงนี้ผมได้รับเชิญจากคุณภาสกร ประมูลวงศ์ ให้ไปช่วยจัดรายการที่คลื่น 106 ตอนสี่ทุ่มวันอาทิตย์ แทนคุณนันทขว้าง สิรสุนทร ขออภัยที่ไม่ได้บอกก่อนหน้านี้ เพราะเห็นว่าเป็นแค่มวยแทน แต่ยังอุตส่าห์มีผู้ฟังรายการบางท่านหูไว ได้ยินแล้วเมล์มาถามว่าใช่ผมหรือเปล่า เลยถือโอกาสแจ้งให้ทราบว่า ผมเองแหละครับ ถามว่าถ้าเป็นมวยแทน แล้วจะจัดอีกนานไหม ตอบว่าถ้าทาง 106 เขาจ้างต่อ ก็จัดไปเรื่อยๆครับ เพราะทางทีม The Radio ก็ยังไม่ได้คลื่นใหม่ ถามต่อว่า จัดรายการแบบเดิมหรือเปล่า เปล่าครับ เพราะโจทย์เป็น Talk มากกว่าเพลง แต่ถามคนจัด ผมว่าสนุกดีเหมือนกัน เพราะอยากจัดรายการสนทนามานานแล้ว อีกอย่าง คุณภาสกรเป็นคนคุยสนุกมาก เล่าเรื่องก็สนุก กวน ขำ และหัวไว พอชวนผมไปจัดผมเลยตอบรับโดยไม่ลังเล อาทิตย์ก่อนโน้น ผมเล่าเรื่องอาหารมื้อที่แพงมากที่สุดมื้อหนึ่งในโลก คือ เมื่อสองสามเดือนก่อน มีผู้บริหารการเงินคนหนึ่งชื่อคุณ กาย สไปเออร์ ลงขันกับเพื่อนชาวอินเดียเป็นเงิน 21 ล้านบาท เพื่อจะได้ไปทานข้าวหนึ่งมื้อกับคนๆหนึ่ง คนที่ว่า ไม่ใช่ดารา นางงาม นักร้องที่ไหน ยิ่งไม่ใช่นักล่าฝัน AF ที่สำคัญไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นผู้ชายแก่ๆวัยเจ็ดสิบหกปี อาจจะฟังดูเหลือเชื่อ แต่หลายท่านคงหายสงสัย ถ้าบอกคุณว่า ผู้เฒ่าค่าตัวแพงคนนี้ ชื่อ วอร์เรน บัฟเฟต์ ผมเคยเขียนถึงวอร์เรน บัฟเฟต์ มาแล้วครั้งหนึ่ง ว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่ทั้งเก่ง ใจบุญ และสมถะแบบเหลือเชื่อ ผมไม่ได้ชอบคุณปู่วอร์เรน เพราะแกรวย แต่ผมชอบเพราะแกรวยอย่างมีคุณธรรม และใช้ชีวิตพอเพียง หลังอาหารราคา 650,100 เหรียญสหรัฐกับวอร์เรน บัฟเฟต์ ผ่านไป คุณกาย สไปเออร์ มาเขียนบทความลงนิตยสาร Time Magazine ยืนยันว่าอาหารมื้อนั้น "คุ้มค่ากับทุกสลึงที่จ่าย" เพราะเขาได้ฟังแนวคิดดีๆ มากมายหลายเรื่อง จากผู้ชายที่เป็นตำนานซึ่งยังมีลมหายใจของ พ.ศ.นี้ เรื่องหนึ่งที่ผมชอบคือเรื่องที่วอร์เรนบอกว่า เขาเชื่อในการทำธุรกิจแบบสง่างาม มีคุณธรรม และจะทำงานกับเฉพาะคนที่เห็นคุณค่าในตัวเขาเท่านั้น วอร์เรนให้เครดิตคุณพ่อของเขา ที่เป็นคนสอนเขาตั้งแต่สมัยยังเด็ก ให้เชื่อในสามัญสำนึกตัวเอง ว่าอะไรผิดถูก มากกว่าจะต้องมองหาคำยืนยันจากคนอื่น เขาบอกว่า "It's very important to live your life by an internal yardstick มันสำคัญมากนะ ที่จะมีชีวิตโดยอาศัยไม้บรรทัดในใจคุณเอง" วอร์เรนบอกว่า ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ให้ตอบคำถามนี้ว่า Would you rather be considered the best lover in the world and know privately that you're the worst, or would you prefer to know privately that you're the best lover in the world, but be considered the worst?" คุณจะเลือกอันไหน ระหว่างการถูกมองว่าเป็นคนรักที่ดีที่สุดในโลก แต่รู้แก่ใจว่าคุณห่วยที่สุด กับการรู้อยู่เต็มอกว่าคุณคือคนรักที่ดีที่สุดในโลก แต่ถูกมองว่าแย่ที่สุด? ตัวอย่างที่พิสูจน์สิ่งที่วอร์เรนพูดได้ดี คือในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก ที่ปฏิเสธการโดดเข้าลงทุนในหุ้นของธุรกิจดอทคอมทั้งหลาย ก่อนที่เสียงเหล่านั้น จะเงียบหายไปสมัยฟองสบู่ของหุ้นธุรกิจอินเตอร์เนทแตกโพละ เคล็ดลับของเขา คือการศึกษาข้อมูลให้มากโดยเฉพาะงบการเงิน ฟังคำแนะนำของคนเชียร์ให้น้อย ลงทุนตามมูลค่าและศักยภาพของธุรกิจ ไม่ใช่เพราะเป็นหุ้นปั่น แต่เขาไม่ใช่คนที่ปิดหูปิดตาตัวเอง กาย สไปเออร์เล่าว่า ช่วงท้ายของอาหารเที่ยงมื้อนั้น ทุกคนสั่งของหวานของตัวเองขณะที่วอร์เรน ยังขอช้อนเล็กๆหลายๆอันจากบริกร บอกว่า "ผมจะได้ชิมไอ้โน่นนิด ไอ้นี่หน่อยจากของแต่ละคน" อันนี้เป็นนิสัยส่วนตัว เพราะธุรกิจทุกอันที่เขาจะลงทุน เขาจะต้องเข้าไปเจอผู้บริหารทีมงาน เข้าไปตรวจดูความเป็นไปในทุกส่วนของบริษัท ไม่ใช่อ่านจากรายงานอย่างเดียว ส่วนหนึ่งที่วอร์เรน มีค่าตัวแพง เพราะเขาเป็นคนที่เข้าถึงตัวยาก แม้แต่กับลูกน้อง อย่างผู้บริหารในบริษัทต่างๆ ปกติจะได้คุยกับเขาอย่างเป็นทางการแค่ปีละครั้ง คุณอาจจะสงสัยว่า ถ้าเขารวยนัก แล้วเขาจะเอาเงิน 21 ล้านบาทนี้ ไปทำอะไร กิจกรรมการทานข้าวกับวอร์เรน บัฟเฟต์ แท้จริงคือการกุศลเพื่อหาเงินให้มูลนิธิชื่อ Glide ที่ทำงานช่วยเหลือคนจนในกลุ่มคนเร่ร่อน ไร้ที่พักอาศัย แล้วถ้าสมมติคุณรวยมากพอที่จะไปนัดทานข้าวกับเขาได้ ผมมีข่าวร้ายสองเรื่อง เรื่องแรกคิวของปี 2008 เขาปิดประมูลไปแล้วทาง eBay ผู้ชนะเป็นเศรษฐีชาวจีน ที่สร้างธุรกิจจากศูนย์ ข่าวร้ายเรื่องที่สองคือ ราคาที่เขาประมูล มันไม่ใช่ หกแสนห้าหมื่นเหรียญแล้วนะครับ มันกลายเป็น 2.1 ล้านเหรียญ ประมาณ 77 ล้านบาทแล้ว คุณกาย สไปเออร์ ถึงกับยิ้มตอนได้ข่าวนี้ แล้วปิดท้ายบทความของเขาว่า "เห็นไหม ผมบอกแล้ว ผมประมูลได้ในราคาแสนถูกจริงๆ" อืม... ไม้บรรทัดเราคงไม่เท่าของเขาจริงๆน่ะครับ สุขสันต์วันที่เรายังมีเงินซื้ออาหารทานได้สามมื้อนะครับ
Create Date : 29 กรกฎาคม 2551
Last Update : 31 กรกฎาคม 2551 15:55:49 น.
22 comments
Counter : 1525 Pageviews.
โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:08:02 น.
โดย: thitikarn IP: 58.8.179.85 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:19:27 น.
โดย: ayopolie วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:31:39 น.
โดย: honeytin IP: 219.87.64.222 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:23:52 น.
โดย: ณ มน IP: 58.8.95.106 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:22:25 น.
โดย: am^^ IP: 58.8.128.19 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:22:54 น.
โดย: a r i t s u m e m o o n IP: 124.120.209.204 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:24:41 น.
โดย: เอกเอง IP: 58.8.187.64 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:04:14 น.
โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:18:33 น.
โดย: SEsai* IP: 125.26.203.121 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:39:30 น.
โดย: LOLLIPOP IP: 202.44.135.243 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:49:12 น.
โดย: B-ing IP: 58.9.238.182 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:15:48 น.
โดย: เด็กม2นครปฐม IP: 125.27.218.89 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:19:24 น.
โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 58.8.37.73 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:34:56 น.
โดย: getterTu วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:55:00 น.
โดย: JewNid วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:07:37 น.
โดย: Q.NUH วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:36:36 น.
โดย: aston27 วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:00:03 น.
โดย: My Life as a Doc IP: 202.91.18.192 วันที่: 28 กันยายน 2551 เวลา:1:33:45 น.
โดย: aston27 วันที่: 5 ตุลาคม 2551 เวลา:11:23:32 น.
เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น