|
จุมพิตรัตติกาล My Sweet Vampire บทที่ 5 (Yuri)
๕ เช้าอีกวัน ภากรรู้เรื่องผลการประชุม เขาขอเป็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวน หวังสร้างผลงานให้ได้รับการยอมรับในกลุ่มฮันเตอร์ หมายก้าวสู่ตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มนักล่ากริชคนต่อไป ขืนให้ไอ้แซมเป็น มันก็ได้หน้าสิ...ใครจะยอม เขาตาร้อนหลังรู้ว่า ใครได้เป็นหัวหน้าทีม ผู้ชายที่เหนือกว่าตนทุกด้าน ตอนแรกเชนไม่เห็นด้วยที่จะให้ลูกชายรับผิดชอบ แต่อาดัมช่วยขอร้องด้วย สุดท้ายหัวหน้ากลุ่มฮันเตอร์ใจอ่อน แต่ก็ยังอดเป็นห่วงลูกชายไม่ได้ ด้วยภากรมีฝีมือในการต่อสู้ปานกลาง และไร้ประสบการณ์ในการต่อสู้จริง “งั้นเอามือดีของแซมไปด้วยสักสองสามคน เอาคนไปเยอะดีกว่าไปน้อย” แม้จะไม่พอใจคำพูดของพ่อที่แฝงการดูถูกดูแคลน แต่ภากรก็ไม่คิดขัดใจ หากงานนี้เขาพบแหล่งกบดานของศัตรู แค่นั้นก็ถือว่างานแรกสำเร็จ...เป็นบันไดขั้นแรกไปสู่ตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม “ครับพ่อ” ชายหนุ่มรับคำ “แล้วทางอาแซม...” “เดี๋ยวพ่อคุยเอง” หัวหน้ากลุ่มนักล่ารับปากไม่เต็มเสียงนัก รู้สึกผิดที่เสียสัจจะ แต่อย่างไรเสียเลือดก็ข้นกว่าน้ำ มองเป็นประโยชน์กับลูกชายที่จะได้เรียนรู้ เริ่มต้นจากงานที่ไม่ยาก และไม่อันตรายจนเกินไป “ขอบคุณครับพ่อ งั้นผมไปเตรียมตัวก่อน” เชนผงกหัว รอจนลูกชายออกจากห้อง จึงหันไปมองพี่ชายที่นั่งอยู่ ด้วยสายตาไม่พอใจ “พี่คิดจะทำอะไร?” ถามเสียงเย็นเยือก อาดัมทำหน้าเหลอหลา “พูดเรื่องอะไร?” “ตอนแรกพี่ไม่เห็นด้วยที่ให้ส่งคนไปสอดแนม ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงมาพูดสนับสนุนภากร ถามจริงๆ ต้องการอะไร?” “โธ่เอ๊ย! นึกว่าเรื่องอะไร ฉันก็แค่อยากให้หลานได้ดี แล้วมันผิดตรงไหน?” คนอายุมากกว่ากล่าวกลบเกลื่อน “ฉันแค่ไม่อยากให้ตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มซึ่งเป็นของตระกูลเรา ต้องตกเป็นของคนนอก” เหตุผลที่อาดัมต้องช่วยอุ้มภากรขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด เพราะคิดว่าหลานชายหัวอ่อนไร้สมอง หลอกใช้ง่ายกว่าแซมซึ่งเป็นอีกตัวเลือก ลูกชายของออสวีนมีฝีมือดี แต่ฉลาดมากเกินไป แถมมีพ่อกับดอนคอยเป็นแบ็คอัพ ซึ่งคอยขัดแข้งขัดขาเขามาตลอด ...แน่นอนว่า เขาต้องเลือกฝ่ายที่เอื้อประโยชน์ให้ตัวเองมากที่สุด ใจกว้างมากพี่ชายฉัน หึ เชนยิ้มเยาะอย่างดูแคลน “แต่ฉันไม่คิดแบบนั้น ถ้าคนของเรามันไร้ฝีมือ สู้ให้คนอื่นที่เก่งกว่าดูแล อย่างน้อยก็เป็นผลดีกับส่วนรวม” “ส่วนรวม...ใครแคร์?” อีกคนพูดสวนอย่างเห็นแก่ตัว “ฉันแคร์ไง” หัวหน้ากลุ่มกริชตะโกนลั่น “เพราะความขี้ขลาดของพี่ ทำให้พวกเราตายไปแล้วกี่คน อยากให้คนที่เหลือต้องตายหมดก่อนหรือไง พี่ถึงจะพอใจ” แก! กล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้ อาดัมกัดกรามแน่นที่โดนต่อว่าแบบไม่ไว้หน้ากันสักนิด แต่เถียงไม่ออก จึงสะบัดหน้าลุกเดินออกจากบ้านอีกฝ่ายไปอย่างเร็ว โดยไม่คิดจะเหลียวหลังกลับ เชนมองตามแผ่นหลังพี่ชายจนลับตา ก่อนส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง คิดไม่ถึงว่า แก่จนจะลงโลงอยู่ร่อมร่อ อาดัมยังมีนิสัยเห็นแก่ตัวไม่เคยเปลี่ยน ฉันเข้าใจแล้วว่า ทำไมพ่อไม่ให้นายเป็นผู้นำ ไม่งั้นกลุ่มกริชคงยับเยินยิ่งกว่านี้ ประมาณสามสิบปีก่อน อาดัมถูกจับได้ว่า เขาร่วมมือกับพวกผลิตอาวุธทำกระสุนเงินปลอมมาขายให้กับกลุ่มนักล่าเพื่อเงิน ทำให้บิดาซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มกริชในตอนนั้นโกรธจัด กระสุนเงินปลอมทำให้พวกผีดูดเลือดหรือแม่มดบาดเจ็บ แต่ไม่สามารถกำจัดพวกมันให้สิ้นซากได้ ทำให้พวกฮันเตอร์ที่ไม่รู้เรื่องเอาไปใช้ และต้องสังเวยไปหลายสิบชีวิต ซึ่งนับเป็นเรื่องร้ายแรงมาก จนมีการตรวจสอบอย่างละเอียด หลังเรื่องประสุนปลอมถูกเปิดเผย กลุ่มฮันเตอร์กริชถูกประนามหาว่าหลอกลวง เป็นพวกทรยศไว้ใจไม่ได้ รวมถึงถูกดูแคลนจากกลุ่มอื่นค่อนโลก กลุ่มคิลเลอร์กริชที่เคยยิ่งใหญ่จึงกลายเป็นแค่อดีต เพียงเพราะความเห็นแก่ได้ของคนคนเดียว อาดัมถูกปลดจากตำแหน่งตัวเก็งว่าที่หัวหน้ากลุ่มฮันเตอร์ และโดนเนรเทศออกไปจากกลุ่มกริช ก่อนพ่อตายได้มอบตำแหน่งหัวหน้าให้เชนลูกชายคนรองรับช่วง ทำให้พี่ชายโกรธแค้น ด้วยเข้าใจมาตลอดว่าน้องชายเอาเรื่องนั้นมาแฉ และแย่งตำแหน่งไปจากเขา ห้าปีก่อน เชนยอมอนุญาตให้อาดัมกลับเข้ากลุ่มนักล่า หลังอีกฝ่ายมาอ้อนวอนขอร้อง น้องชายไม่คิดรื้อฟื้นเรื่องความผิดเก่าๆ อีก ทว่าใจจริง เชนก็ไม่ถึงกับไว้ใจพี่ชายของตัวเองนัก จึงไม่ยอมให้อำนาจอะไรนอกจากตำแหน่งที่ปรึกษา ด้วยเกรงว่าเขาจะก่อเรื่องขึ้นมาอีก ตามคำที่บิดาได้เคยกำชับไว้ “สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก อย่าไว้ใจอาดัมนะลูก” เฮ้อ! หัวหน้ากลุ่มคิลเลอร์ถอนหายใจยาว หวนไปคิดถึงปัญหาเฉพาะหน้าที่ชวนให้สติแตก การรับมือกับอสุรกายที่มาอาละวาดในพื้นที่ ซึ่งแน่นอนว่า เขาไม่อาจขอความช่วยเหลือไปยังกลุ่มฮันเตอร์อื่น ด้วยกลุ่มกริชยังคงถูกตราหน้าว่าเป็นพวกนอกรีตนอกคอกไร้จรรยาบรรณ เชนจึงมีแค่สองทางเลือกคือ ไล่พวกมันไปให้พ้นจากพัทยา หรือกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก วิธีแรกดูจะง่ายกว่าวิธีหลัง แต่ติดตรงที่จะไล่พวกมันไปที่ไหน ในเมื่อสัตว์ร้ายพวกนี้เป็นตัวอันตรายต่อมนุษยชาติ ไล่ไปมันก็ไปฆ่าคนที่อื่นต่อ...เหมือนทำบาปทางอ้อม ให้ตายสิ! หากเลือกวิธีหลัง เขาก็หนักใจอย่างที่สุด ด้วยศักยภาพของกลุ่มกริชยามนี้ คนที่มีประสบการณ์พอจะออกไปจัดการกับอสุรกายเหลือไม่กี่คน ประกอบกับผีดูดเลือดที่กำลังอาละวาดดุร้ายไม่น้อย จึงไม่คิดจะใช้มือใหม่แกะกล่อง ...หากส่งพวกไร้ประสบการณ์ออกไปจัดการ ก็คงไม่ต่างกับการส่งพวกเขาไปตาย หวังว่าพวกมันจะย้ายไปที่อื่นเร็วๆ นี้ เชนทำอะไรไม่ได้ นอกจากมองโลกในแง่ดี และหวังว่าพวกสอดแนมจะไม่ทำอะไรที่เสี่ยงอันตราย โดยเฉพาะภากรลูกชายของเขา เมื่อถึงเวลานัด ภากรอ้างคำสั่งบิดา ไม่ยอมให้แซมที่อาวุโสกว่าเป็นผู้นำ เขาวางกล้ามขอเป็นหัวหน้าทีมดื้อๆ “แค่งานสอดแนมเอง ให้ผมเป็นหัวหน้าทีมเถอะอา ผมอยากลองดูบ้าง” แซมเลิกคิ้วหนาขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่คิดขัดใจอีกฝ่าย แค่พยักหน้ารับรู้ ทำตัวเป็นผู้ตามที่ดี ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่านายมีฝีมือแค่ไหน “ได้ งานนี้นายเป็นหัวหน้า” รับปากง่ายกว่าที่คิดแฮะ ดีไม่เปลืองน้ำลาย ลูกชายหัวหน้ากลุ่มนักล่ากระหยิ่มยิ้มย่อง กวาดตามองสมาชิกของตนอย่างภาคภูมิใจ มั่นอกมั่นใจว่า งานแรกของเขาจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แค่ลาดตระเวนไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด ไม่ได้ไปปะทะกับพวกมันซะหน่อย ถ้าเห็นท่าไม่ดี เขาตั้งใจจะรีบเผ่นเสียก่อน เรื่องอะไรจะอยู่ให้มันกัดล่ะ ถือคติโบราณอย่างเคร่งครัด ...‘รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี’ “พร้อมไปลุยกันหรือยัง?” หัวหน้าทีมใหม่ตะโกนเสียงดัง เพื่อแสดงศักยภาพของตน “พร้อม!” เสียงตอบดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง กลุ่มนักล่าตั้งใหม่หกคนอายุเฉลี่ยยี่สิบเศษ ยกเว้นแซม ทุกคนมีอาวุธครบมือมีตั้งแต่สะพายดาบ ปืนยาว และกระสุนเงินคนละหลายร้อยนัด ตั้งใจจะไปออกรบมากกว่าแค่สอดแนมตามคำสั่งของเชน เกือบทุกคนมีท่าทางตื่นเต้นไม่น้อยกับงานแรก...รวมไปถึงดิเรกด้วย ฉันจะต้องฆ่าพวกมันให้ได้ ฉันจะพิสูจน์ให้ปู่ย่าเห็นว่า ฉันก็มีสายเลือดนักล่าเหมือนกัน “งั้นเราก็ไปลุยกันเลย” ภากรพูดอย่างฮึกเหิม พร้อมชูมือที่ถือปืนยาวขึ้นสูงสุดแขน ทำตัวเป็นผู้นำแบบในหนังคาวบอย “ไปเลยพวกเรา” / “จัดการมัน” สมาชิกหลายคนตะโกนเสียงดังท่าทางคึกคัก ก่อนเดินไปปีนขึ้นท้ายรถกระบะของภากร ที่ใช้เป็นพาหนะในงานนี้ “ฉันต้องหามันเจอแน่” “แน่นอนอยู่แล้ว ฉันเอากระสุนมาเพียบเลย จะยิงมันให้พรุน” “น่าสนุกชะมัด” ฯลฯ เหล่านักล่ามือใหม่สามสี่คนคุยกันอย่างร่าเริง ประหนึ่งว่า กำลังจะไปเดินเล่นที่สวนสนุก หรือไปออกเดทสาวมากกว่า ให้ตายสิ! เด็กพวกนี้คิดว่า เรากำลังจะไปทำอะไร แซมสบถในใจกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้รู้เลยว่า การเป็นฮันเตอร์นั้นเสี่ยงอันตรายแค่ไหน ทำไม่ต่างจากเล่นขายของ ซึ่งทำให้เขาหงุดหงิด และรำคาญไม่น้อย นักล่ามือดีไม่อยากจะคิดเลยว่า หากโชคร้ายปะทะกับพวกสัตว์ร้ายเข้าจริงๆ เด็กหนุ่มกลุ่มนี้จะรอดชีวิตสักกี่คน เพราะเขาคนเดียวคงไม่มีปัญญาดูแลความปลอดภัยของทุกคนได้แน่ แซมถอนใจยาวเหยียด หดหู่กับอนาคตอันมืดมนของกลุ่มนักล่ากริชอย่างที่สุดก็วันนี้ คราวหน้าฉันคุมเองดีกว่า ห่วยตั้งแต่หัวหน้ายันลูกน้อง หวังว่าคืนนี้จะโชคดีไม่เจอกับพวกนั้น...ไม่อย่างนั้นคงได้เก็บอีกหลายศพ “แล้วนี่ดิเรกไปไหน?” ดอนถามขึ้น ไม่เห็นหน้าหลานชายตั้งแต่หลังทานข้าวเช้าเสร็จ ทั้งที่วันนี้ชายหนุ่มรับปากจะเฝ้าร้านขายของเก่าแทน จนป่านนี้ใกล้ค่ำจวนจะได้เวลาปิดร้านอยู่แล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่เงา ลูกผู้ชายแบบไหนไม่รักษาคำพูด ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ นึกตำหนิหลานชายในใจ “เอ่อ พี่ไปธุระค่ะปู่” เกวลินตอบไม่เต็มเสียงนัก ทำหน้ากระอักกระอ่วนเหมือนกินยาขม ชายอาวุโสสังเกตเห็นท่าทีอีกฝ่ายดูมีพิรุธ “ธุระอะไร?” ถามเสียงเข้ม งานเข้าแล้วฉัน? เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ไม่มีทักษะในการโป้ปดสักเท่าไหร่ “คือว่า…” ดอนหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งอย่างคาดคั้น อย่าจ้องแบบนี้สิคะปู่ สาวหน้าคมนึกกลัวสายตาจึงสารภาพความจริงออกไป “พี่...พี่ไปลาดตระเวน...กับพวกพี่ภากรค่ะ” “อะไรนะ!” ชายสูงวัยตวาดเสียงดังลั่น โกรธจัดที่หลานชายฝ่าฝืนคำสั่งที่เขาห้ามนักห้ามหนา “รู้รึเปล่าว่าทำอะไรลงไป นี่มันวอนหาที่ตายชัดๆ” ถึงตายเชียวเหรอ! สาวผมยาวทำหน้าแตกตื่น ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรง “แล้วทำยังไงดีคะ?” ถามรัวเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน ดอนนิ่งคิดหลายวินาที ก่อนส่ายหัว “ต้องรอจนกว่าจะกลับมาเอง” ในฐานะอดีตนักล่า เขารู้อยู่ว่า ไม่เหมาะอย่างที่สุดที่จะติดต่อไปขณะสมาชิกกำลังออกปฏิบัติหน้าที่ เพราะอาจทำให้คนในทีมเสียสมาธิ เกวลินขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “รอ?” “ใช่ พวกเราปิดร้านแล้วกลับไปรอที่บ้านดีกว่า” ชายสูงวัยพูดตัดบท เชื่อว่าคืนนี้เขากับภรรยาคงนอนหลับตาไม่ลง จนกว่าจะเห็นชายหนุ่มกลับมาอย่างปลอดภัย กังวลเหลือเกินว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย แบบเดียวกับลูกชายและลูกสะใภ้ที่ไปแล้วไปลับ ฝีมือของหลานชายยังไม่ถึงขั้นว่าเก่งฉกาจ เป็นแค่มือสมัครเล่นเท่านั้น หากเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายพวกนั้นตรงๆ โอกาสรอดชีวิตคงต่ำเตี้ยมาก บ้าจริง! อย่าไปแช่งหลานสิ ดอนพยายามปลอบใจตัวเองไม่ให้คิดมากไปก่อน “แค่นั้นเหรอคะ?” หญิงสาวยังคงคลางแคลงใจไม่หาย ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำได้แค่รอ “แค่นั้น” ดอนตอบเสียงเย็น พร้อมส่งสายตาดุๆ ให้ “ทีหลังอย่าปิดบังเรื่องดิเรกกับปู่อีก” ขอโทษค่ะ ต่อไปหนูไม่กล้าแล้ว สาวหน้าคมหัวหด รีบหุบปากสนิท กลัวจะโดนดุไปด้วย หยิบกุญแจร้านออกมาจากลิ้นชักส่งให้เจ้าของร้านตัวจริง ชายสูงวัยรับกุญแจไปโดยไม่พูดอะไร ในใจปริวิตกไม่น้อย ได้แต่หวังไม่ให้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น หวังว่าเด็กพวกนั้นจะไม่ทำเกินคำสั่ง OoXoO
Create Date : 05 เมษายน 2562 |
Last Update : 5 เมษายน 2562 15:35:56 น. |
|
0 comments
|
Counter : 656 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี |
|
|
|
|
| |
|
|