โรคต่อมลูกหมากโตที่มีอาการรักษาให้หายได้แต่ต้องไม่อายหมอ
โรคต่อมลูกหมากโตพบได้ในเพศชายอายุตั้งแต่ 40 ปี และจะยิ่งพบมากขึ้นตามอายุประมาณว่าเมื่อถึงอายุ 80 ปี ร้อยละ 80 จะเป็นโรคต่อมลูกหมากโต โดยทั่วไปถึงแม้ว่าต่อมลูกหมากจะโตขึ้นจะพบว่าร้อยละ 40-50ของผู้ป่วยเท่านั้นที่จะมีอาการของโรคนี้เนื่องจากเนื้อต่อมซึ่งอยู่ด้านในสุดล้อมรอบท่อปัสสาวะ ซึ่งเป็นส่วนที่โตขึ้นนี้จะบีบท่อปัสสาวะทำให้แคบลง และทำให้เกิดอาการปัสสาวะขัด รวมทั้งอาการอื่น ๆของโรคนี้ด้วย ปกติโรคต่อมลูกหมากโต จะไม่รบกวนกับปัญหาทางเพศอย่างไรก็ตามอาการทางปัสสาวะที่รุนแรง อาจทำให้ดูคล้ายกับว่าสมรรถภาพทางเพศเสื่อมเสียไป อีกประการหนึ่งที่สำคัญ คือโรคต่อมลูกหมากโตไม่ใช่มะเร็ง และไม่กลายเป็นมะเร็ง แต่ทั้งสองโรค อาจพบร่วมกันได้ในบางคนทั้งนี้ เนื่องจากว่าตำแหน่งที่เกิดโรคทั้งสองนี้ ไม่เหมือนกันนั่นเอง
จะทราบได้อย่างไรว่ามีอาการของโรคต่อมลูกหมากโต
1. ลุกขึ้นมาถ่ายปัสสาวะกลางดึกมากกว่า 2 ครั้ง
2. ต้องไปถ่ายปัสสาวะบ่อย ๆ กลั้นไว้ได้ไม่เกิน 2 ชั่วโมง
3. เมื่อเริ่มปวดปัสสาวะแล้วกลั้นไม่ได้ต้องรีบเข้าห้องน้ำ
4. เมื่อเริ่มจะถ่ายปัสสาวะต้องเบ่งหรือรอนานก่อนจะถ่ายปัสสาวะออกมาได้
5. สายปัสสาวะไม่พุ่งไหลช้าเป็นลำเล็ก
6. สายปัสสาวะขาดตอนเป็นช่วง ๆ ไหล ๆ หยุด ๆ
7. รู้สึกเหมือนปัสสาวะไม่สุดดีปัสสาวะเสร็จแล้วยังอยากไปอีก
การวินิจฉัยโรค
1.การซักประวัติแพทย์จะซักถามอาการ ระยะเวลาที่เริ่มเป็นมาบางครั้งใช้แบบสอบถามให้คะแนนอาการขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ
2. แพทย์ จะตรวจสอบต่อมลูกหมาก โดยสวมถุงมือใช้ยาหล่อลื่นคลำต่อมลูกหมากเพื่อพิจารณาขนาด และลักษณะผิวนอก เพื่อแยกโรคมะเร็งต่อมลูกหมากออกจากโรคต่อมลูกหมากโต
3.การตรวจสอบสายปัสสาวะว่าขัดมากน้อยแค่ไหนและดูปริมาณปัสสาวะที่เหลือค้าง
4.ตรวจเอนไซม์ในเลือดชื่อ พี.เอส.เอ (PSA : Prostate Specific Antigen)
5.ตรวจสอบด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ สามารถวัดขนาดของต่อมลูกหมากและตัดชิ้นเนื้อด้วยเข็มเล็ก ๆ เพื่อหาสาเหตุเมื่อค่า พี.เอส.เอ. สูงมากเกินไป
6.ตรวจสอบภายในด้วยกล้องส่องกระเพาะปัสสาวะเมื่อมีความจำเป็น
หมายเหตุ : การวินิจฉัยข้อ 1-3 เป็นวิธีการขั้นต้นที่มีความจำเป็นก่อนที่จะพิจารณาการตรวจอื่นๆ ตามความเหมาะสม
ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเฟิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ
โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ดูเว็บไซต์ที่ www.bangkokpattayahospital.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ ปรึกษาแพทย์ได้ ที่นี่