bloggang.com mainmenu search






เคาท์ดาวน์ที่เซี่ยงไฮ้








ผมเพิ่งกลับมาจากไปเคาน์ดาวน์ที่มหานครเซี่ยงไฮ้ ไม่อยู่บล็อกราว 8 วัน แต่วันกลับมาถึงกรุงเทพฯ เข้าสู่วันที่ 2 มกราคม 2553 เวลา 02.00 น.แล้ว จะนับว่าไปเซี่ยงไฮ้ครั้งนี้ รวม 9 วันก็ว่าได้



คลิป 1-10 ข้างล่าง ..คือมหานครเซี่ยงไฮ้ ในมุมมองPanorama 360 องศา นำมาจากอินเตอร์เน็ต ไม่ได้ถ่ายเอง

สามารถใช้เมาส์ลูกกลิ้ง ขยาย-ย่อภาพได้ หรือเลื่อนมาตราส่วนภาพได้ อยู่ทางซ้ายมือของคลิป ขอแนะนำให้ย่อขนาดเพราะจะเห็นภาพได้ชัดเจนและกว้าง

สามารถใช้เมาส์ซ้าย ลากภาพไปทางซ้าย ทางขวา ขึ้นบน หรือลงล่างได้ ภาพจะเปลี่ยนมุมมอง




1. หาดเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghaishi The Bund)


เป็นเขตเนื้อที่บริเวณริมแม่น้ำหวงผู่ แต่เดิมบริเวณนี้เป็นจุดที่ชาวตะวันตกปักหลักทำการค้าขายที่ริมแม่น้ำ และได้สร้างตึกรามบ้านช่องสไตล์ Romanesque, Gothic, Renaissance, Baroque, Neo-Classical, Beaux-Arts และ Art Deco ทิ้งเอาไว้มากถึง 52 ตึก








2. หอคอยไข่มุก (Oriantal Pearl Broadcasting & TV Tower)


เป็นอาคารสูง 468 เมตร สูงเป็นอันดับ 1 ของเอเซีย มีลิฟท์ความเร็วสูงรูปท่อทรงกระบอกอยู่ตรงกลางอาคาร เป็นลิฟท์ที่บอกเลขความสูง เช่น 81 เมตร 90 เมตร อาคารนี้จะมีเสาค้ำอาคารอยู่ภายนอกที่ฐาน จำนวน 3 เสา








3. ยืนบนพื้นกระจกที่ยื่นออกนอกหอคอย (Shanghai Oriental Pearl TV Tower glass skywalk observation deck)


บนหอคอยไข่มุก ที่ความสูง 259 เมตร ซึ่งอยู่ตรงไข่มุก-ลูกกลาง จะมีพื้นกระจกยื่นออกไปภายนอก ให้ผู้คนที่มั่นใจ กล้าออกไปเดิน ยืน นั่ง แบบน่าหวาดเสียว กลัวตก เพราะใต้กระจกก็คือพื้นดิน








4. ยามค่ำคืนที่ฐานหอคอยไข่มุก (Shanghai Oriental Pearl TV Tower)


หอคอยแห่งนี้ ออกแบบโดย Jia Huan Cheng ชาวจีน สร้างในปี ค.ศ. 1991-1995








ผมไปเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ ไปกับบริษัทนำเที่ยวของไทย เหตุที่ได้ไปเพราะเพื่อนมหา-ลัยที่สนิทกันชวน แบบว่าเป็นคนพูดง่าย ใครชวนจะไม่ค่อยขัด บอกปุ๊บก็โอนเงินให้ปั๊บเลย กรุ๊ปทัวร์นี้ยังคงใช้ราคาโปรโมชั่นของต้นปี2552อยู่ ผมไปเซี่ยงไฮ้ หางโจว นานกิง ฯลฯ รวม 8 เมือง 8 วัน ราคา 19,900 บาทเท่านั้น




ถ่ายรูปเพื่อนในห้องพักโรงแรม






หากคิดโดยเฉพาะ รับประทานอาหารวันละ 3 มื้อ จำนวน 7 วัน ก็ 21 มื้อเข้าไปแล้ว ...21 มื้อนี่ ลองนำไปหาร 19,900 บาท ก็มื้อละ 900 กว่าบาท แต่ได้รับประทานอาหาร ในภัตตาคารและโรงแรมตลอดเวลา อาหารก็เปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ ไม่เคยซ้ำภัตตาคารเลย เพราะเปลี่ยนเมืองที่พักไปเรื่อยๆ



มีอยู่มื้อหนึ่ง เป็นมื้อเที่ยงที่ประทับใจมาก ได้ไปรับประทานอาหารทะเล อาหารญี่ปุ่น อาหารจีน และอาหารนานาชาติแบบบุฟเฟ่ต์ โดยให้เวลารับประทานแบบไม่รีบร้อน คือ 2 ชั่วโมง ใครใคร่รับประทานอะไร ก็เลือกหยิบ เลือกชิม เลือก เลือก เลือก หยิบซ้ำ หยิบใหม่ เดินเลือกหยิบแบบเดินกันมันส์ไปเลย ทั้งหอยเป๋าฮื้อ หูฉลาม รังนก ปลาหิมะ ปลาหมึกตัวใหญ่ๆ ปลาดิบหลากหลายชนิด กุ้งเทมปุระขนาด 3 ตัวเต็มจานใหญ่ ปูทะเลนึ่งมีหลายพันธุ์ เสียดายไม่ใช่ฤดูปูขน มิฉะนั้นจะได้ชิมปูขนด้วย



มีสะเต๊กเนื้อวัวชั้นดี ขาหมูเยอรมัน อาหารจีนทุกรูปแบบ อาหารอิตาลีก็เยอะมาก พวกต้มยำแบบไทยก็มี มีไวน์ขาว ไวน์แดง เบียร์ เครื่องดื่ม โอย ไม่รู้อะไรต่ออะไรจารไนไม่หมด น้ำลำไยยังมีเลย กาแฟก็มีให้เลือกดื่ม 3 ยี่ห้อ ให้กดเครื่องชงกาแฟแต่ละประเภทที่ชอบกัน 3 เครื่องเอาเอง ไอศกรีมยี่ห้อฮาเก้น ดาส มีราว 10 รส ผลไม้ก็หลากหลายชนิดทั้ง แอปเปิ้ล กีวี ซันควิสต์ องุ่น แตงโม แคนตาลูป และผลไม้เมืองหนาวอีกหลายชนิด อิ่มกันจนมื้อเย็นแทบไม่อยากมอง



ตอนเดินเลือกอาหารกันนั้น พวกเราสนุก ต่างเดินสวนกัน เดินจ๊ะกัน แล้วก้อเฮฮา โน่นคุณ ทางโน้นเนื้อเต่า ชิมแล้วยัง? คุณอย่าลืมชิมรังนกนะ เอาไปสัก 4 ถ้วย ซิ! หมูสะเต๊ะ อยู่มุมนู้น ไม้ใหญ่มากขนาด 2 เท่าของเมืองไทย อย่าลืมไปหยิบชิมนะ! อ้อ แล้วคุณ หอยนางรม ล่ะ? อย่าลืมชิม อยู่ตรงด้านนั้น!



เฉพาะนับเรื่องอาหารอย่างเดียว ทัวร์ครั้งนี้ก็นับว่าคุ้มแล้ว ที่เหลือยังมีค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ค่ารถไฟแม่เหล็ก(รถไฟด่วน) ค่าห้องพักโรงแรม 7 คืน ค่ารถบัสเดินทางไปยังเมืองต่างๆท่ามกลางลมหนาวที่ต้องเปิดฮีตเตอร์ตลอดทาง ค่าบัตรเข้าเยี่ยมชมทุกๆสถานที่ ค่าไกด์ ค่าธรรมเนียมสนามบิน อีกต่างๆนานา



ผมว่าผมคุ้มมาก เพราะได้ไปเคาน์ดาวน์กลางลมยะเยือกกับชาวจีนในมหานครเซี่ยงไฮ้ คงจะราวๆ 6 หมื่นคนมั๊ง เห็นหัวคนยุบยับเต็มไปหมดทั้งถนนยาวทุกถนน ตอนนั้นอากาศหนาวเชียวละ ขนาดทุกคนต้องสวมเสื้อ 4 ชั้น หมวกและถุงมือครบชุด หนาวขนาด 1 องศามั๊ง? แต่ขอโทษ ผมยอมไม่สวมถุงมือเพราะไม่งั้นกดชัตเตอร์ไม่ค่อยถนัด



โฮะ โฮะ ขากลับ ประทับใจไปอีกแบบ คืออย่างแรก คนไทยในกรุ๊ปพลัดหลงไปคนหนึ่ง ก็คนมากขนาดนั้น เดินตามกันแทบจะเกาะหลังเกาะชายเสื้อกันอยู่แล้ว ก็ยังหลุดมือกันจนได้ แล้วทีนี้หนุ่มไทยคนนี้ก็สวมเสื้อกันหนาว หมวกกันหนาวสีดำแบบหนุ่มคนจีนทั่วๆไป ก็พยายามตามหากันนาน แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ใช่เลย!!! คนเยอะมั่กมากกก



มาเจอกันเอาตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น โชคดีที่หนุ่มไทยคนนี้ รับนามบัตรของโรงแรมที่ได้แจกแก่ทุกคนติดกระเป๋าไปด้วย หนุ่มไทยก็เลยจ้างมอ-ไซค์คนจีน แถวๆงานตอนงานเลิก จ่ายไป 100 หยวน ประมาณ 500 บาทเมื่อกลับถึงโรงแรม



อย่างที่สอง สำหรับผมและผองเพื่อนวัยหนุ่มสาว(วัยคุณตาคุณยายและหลานๆที่ไปในกรุ๊ปทัวร์นี้ไม่ได้ไป) พวกเราก็จ้างรถตู้คนจีนเมื่องานเลิกเช่นเดียวกัน จ่ายค่ารถตู้เฉลี่ยกันคนละ 25 หยวน ประมาณ 125 บาท นั่งซ้อนตักทับกันในรถตู้จนแทบจะแกะมือแกะขากันไม่ออกเมื่อไปถึงโรงแรม บางคนอาจจะงงว่า แล้วรถบัสหายไปไหน คือ ยังงี้ ช่วงเวลาเคาท์ดาวน์ไม่ได้อยู่ในกำหนดการของทัวร์ พวกเรานัดกันไปเที่ยวกันเอง



แต่รถบัส เขาก็ช่วยนำพวกเราไปส่ง ตอนราวๆสามทุ่มให้ใกล้บริเวณงานที่สุด เข้าไปถึงบริเวณงานไม่ได้ เพราะตำรวจเขากั้นบริเวณไม่ให้รถทุกชนิดเข้า เขากั้นบริเวณไว้กว้างมาก เป็นถนนยาวๆรอบด้านเลย คนนับหลายหมื่นคนเลยลงจากรถเมล์และแท๊กซี่เดินกันขวักไขว่ไปเที่ยวงาน รถส่วนตัวจะไม่มีที่จอด ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉลาดน้อยไปหน่อย ไม่ได้ไปโดยรถไฟใต้ดิน เพราะรถไฟใต้ดินจะสามารถขึ้นบันไดที่ตรงบริเวณกลางงานทีเดียว ห้องน้ำก็ใช้กันตามห้างสรรพสินค้า อาหารก็รับประทานกันในร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าเช่นเดียวกัน ทานข้างนอกได้เล็กน้อยก็พวกหาบเร่ แต่มีหาบเร่ไม่มากนัก



รถไฟใต้ดิน ปิดบริการตอน 23.00 น. เลย-อดใช้บริการตอนขากลับ พวกเราเมื่อหาเพื่อนคนไทยไม่พบแน่ๆแล้ว ก็กลับโรงแรมกันประมาณ 01.00น. รถแท๊กซี่เซี่ยงไฮ้ตอนนั้น เต็มหมดทุกคัน ไม่มีคันไหนว่างเลย ทราบว่าทั้งมหานครเซี่ยงไฮ้ มีรถแท๊กซี่นับ 3-4 หมื่นคัน แต่ให้บริการคนกลับจากเที่ยวงานเคาท์ดาวน์ไม่เพียงพอ พวกเราก็ใจกล้าโบกรถตู้คนจีนกันเลย จ้างให้เขาไปส่ง ณ โรงแรม เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะหนาวกันจนเป็นหวัดในวันรุ่งขึ้น ยิ่งดึกยิ่งหนาวมาก คงจะ 0 องศาแล้วตอนนั้น จมูกเริ่มชา ปลายนิ้วเท้าก็เริ่มชา



นี่เป็นประสบการณ์ ที่ผมยอมรับว่าสนุก ขอบอกว่าคุ้มจนลืมไม่ลงทีเดียว




5. Shanghai Bin Jiang park








6. Shanghaishi Lu Jiazui







7. Yuyuan Garden-Meets the scenery building scenic area







อ้าว ผมลืมบอกไป พวกเรากรุ๊ปคนไทยไปด้วยกันรวม 48 คน มีหลากหลายวัย ตั้งแต่รุ่นคุณตาคุณยายจนถึงรุ่นคุณหลาน ที่จริงก็ไม่รู้จักกันมาก่อน บางคนมาจากจันทบุรี ต่างคนก็ต่างสมัครไปกับบริษัททัวร์ ผมเองไปเพราะเพื่อนมหา-ลัย สนิทกันชักชวน ก็ไว้วางใจเพื่อนสนิทที่เขาเป็นคนรอบคอบ เขาจะเลือกทัวร์และบริษัททัวร์ที่ดีที่สุดให้ แล้วผมก็ไม่ผิดหวัง



กลับมายังไม่ทันหายเหนื่อยเลย เพื่อนกับผมก็นัดจะไปเที่ยวครั้งต่อไปอีกแล้ว คาดว่าจะไปเที่ยวเมืองซีอาน เพื่อนเขาจะเป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง ผมเพียงแต่โอนกะตังค์กับมอบพาสปอร์ตให้ไป เห็นบอกว่าคาดว่าจะไปตอนอากาศไม่ร้อน




เจดีย์นางพญางูขาว














ลูกชายของเพื่อน เรียนหมอปีสอง ไปทัวร์ครั้งนี้ด้วย





ทางขึ้นไปเจดีย์ มีบันไดเลื่อนและมีบันไดปกติ พระนิกายไหนไม่ทราบกำลังถ่ายรูปเจดีย์





ลวดลายของหัวเสารับเพดาน มีอยู่ทุกชั้น






จากชั้นสองขึ้นลิฟท์ไปชั้นห้า ที่เพดานชั้นห้ามีลวดลายอย่างนี้






ที่ฝาผนังมีภาพแกะสลัก บอกว่าเจดีย์อยู่สูงจากทะเลสาบ





มองจากชั้นหก ลงมา เป็นทะเลสาบซีหู กว้างสุดลูกหูลูกตา






คนที่ขึ้นมาล้วนถ่ายรูปกันทั้งนั้น ก็เลยเอามั่ง





ลงมาข้างล่าง มีวิวสวยๆให้ถ่ายอีกเพียบ ขอ บอก






ภรรยาของเพื่อน กับลูกชาย

')




ที่ชั้นนี้ ทางเดินเดินได้รอบ 360 องศา ตรงกลางเป็นลิฟท์มีหลายตัว มีบันได มีห้องน้ำ และร้านขายของที่ระลึก มีกล้องส่องทางไกลหยอดเหรียญให้ส่องชมวิวหลายกล้อง

Create Date :03 มกราคม 2553 Last Update :6 มกราคม 2553 23:52:13 น. Counter : Pageviews. Comments :35