bloggang.com mainmenu search







จะถูกข่มขืน




บล็อกวันนี้ ผมนำมาจากฟอร์เวิร์ดเมล์ หัวข้อ อยากให้ผู้หญิงได้อ่านกัน


ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่ารู้ของผู้หญิงเมื่อตัวเองเจอปัญหาจะถูกข่มขืน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้นกับตัวเอง หรือแม้แต่กับผู้หญิงอื่น หากแต่ว่าการได้รู้ไว้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย อาจจะเป็นเชาว์ไหวพริบระลึกขึ้นได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นยามหน้าสิ่วหน้าขวาน



ผมได้ลองเสิร์ชดูในเว็บ พบว่าฟอร์เวิร์ดเมล์นี้มีการเผยแพร่แล้วในบางเว็บ ใน กระทู้ห้องสวนลุมพินี ของเว็บพันทิป ก็มีแล้วเช่นเดียวกัน แต่ผมอยากจะให้มีความแพร่หลายยิ่งขึ้น



ข้อความที่จะนำมาลง ผมจะขอก๊อปลงไปทั้งหมด คำบางคำอาจจะไม่มีในพจนานุกรม และลักษณะของข้อความอาจจะรุนแรง ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า คือจะขอทำตัวเป็นแค่บุรุษไปรษณีย์มาส่งข้อความให้เท่านั้น











อยากให้ผู้หญิงได้อ่านกัน




1. ศิลปะป้องกันตัวต่างๆ ร้อยละเก้าสิบ ผู้หญิงหมดสิทธิ์ใช้คับ เพราะคนร้ายจะซุ่มรอทีเผลอคับ ที่โดนบ่อยๆคือ ล็อคแขนไขว้หลังมืออุดปาก แล้วกระชากหรือลากเข้าข้างทาง ถ้าเตรียมตัวมาดี ก็อาจจะมีอาวุธจี้ เพื่อไม่ให้เหยื่อขัดขืน แน่นอนว่าน้อยคนที่เห็น มีด ปืน แล้วจะกล้าใช้แท็คติคที่เรียนมา



2. เมื่อโดนลากเข้าข้างทาง คุณก็จะโดนต่อยท้อง เพื่อให้จุกจนไม่มีแรงดิ้น และตบปากหรือต่อยหน้าเพื่อให้กลัวเจ็บหรือกึ่งๆหมดสติ จากนั้นถ้าคนร้ายหื่นแบบชาญฉลาด ก็จะหาของมาอุดปากคุณไว้ ถ้าโชคร้ายคุณนุ่งกระโปรงมา อาจจะเจอกกน.ตัวเอง ซวยแท้ๆ



3. เมื่อคนร้ายเห็นคุณไม่มีแรงดิ้น ก็จะทำการถลกส่วนล่างคุณออก โดยท่าที่นิยมคือนั่งคร่อมเอว เอาเข่ากดแขนส่วนบนคุณไว้ ทำให้ไม่มีแรงมากพอจะผลัก แถมยังจุกอยู่อีกตะหาก ฮิๆ









4. จากนั้นเมื่อฐานยิงโล่งโจ้ง คนร้ายก็จะงัดจรวดออกมาเตรียมปฏิบัติการ จังหวะนี้ถ้าคุณโชคดียังมีสติอยู่ ให้พยายามเซฟแรงไว้รอข้อต่อไป



5. เมื่อคนร้ายพยายามสอดใส่ ให้คุณรวบรวพลังที่มี "ขมิบ" ไว้ครับ ตะบองแข็งหรือจะสู้แรงโล่เนื้อ คนร้ายก็จะเริ่มเสียสมาธิ เพราะจ้องจะลงรูอย่างเดียว ให้คุณอาศัยจังหวะนี้ซึ่งคนร้ายมักจะเผลอลืมกดแขน คว้าลูกป๋องแป๋งเลยคับ โดนลูกเดียวไม่เป็นไร อย่าตกใจปล่อยมือเพื่อกำใหม่ให้โดนสองลูก เดี๋ยวจะหมดโอกาส จากนั้นบีบให้เต็มที่เลยคับ เอาเล็บจิกด้วยยิ่งดี ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครคิดจะฆ่าคุณในตอนนี้หรอกคับ รับรองร้องเสียงหลง ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง









6. หลังจากนั้น อ๊ะๆ อย่าเพิ่งคิดหนีคับ พิจารณาดูคนร้ายให้ดีก่อน รีบประเมินสถานภาพคนร้ายว่า ที่เราทำลงไป หยุดเขาได้ไหม ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ตายตอนโดนข่มขืนแต่จะมาตายตอนนี้ละคับ เพราะจะหนีอย่างเดียว ตัวเองก็วิ่งไม่ไหว คนร้ายก็ยังลุกขึ้นมาตามทุบหัวเอาได้ ดังนั้นหากเห็นว่าคนร้ายหมดสภาพแน่ๆและชุมชนอยู่ไม่ไกล จึงค่อยหนีคับ



7. ทีนี้ถ้าคนร้ายแค่เสียจังหวะคืออาจจะลงไปนอนงอก่องอขิงอยู่แป๊บเดียวและมีทีท่าจะลุกขึ้นมา สิ่งที่คุณต้องทำคือ รีบหาอาวุธให้เร็วที่สุดคับ ไม้ ก้อนหิน ปากกา(ใช้เสียบได้) คัตเตอร์ สเปรย์ ปืน ครกที่จะเอาไปจำนำฯลฯ ถ้าไม่มีจริงๆก็ส้นตรีนนี่แหละคับ หวดเข้าไปที่บริเวณต่อไปนี้คับ


- ที่เดิม (ไอ้นั่นแหละคับ) แต่ส่วนใหญ่จะทำไม่ได้เพราะคนร้ายมักจะกุมไว้


- หน้าแงหรือกลางแสกหน้า คนตัวโตๆตายเพราะส้นตรีนผู้หญิงๆมีเยอะคับ ยิ่งใส่ส้นสูงด้วย อู๊ย....


- กกหู ขมับ ทุบรัวๆเลยคับ(ไม่แนะนำท้ายทอยหรือคาง โดนยาก)


- ถ้ามีก้อนหินโตๆ ทุบกลางหน้าแข้งเลยครับ รับรองเดี้ยง ร้องสามบ้านแปดบ้าน


- ที่สุดท้าย อาจจะโหดหน่อย แต่ถ้าทำได้ เวิร์คคับ "นิ้วเท้า" โดยเฉพาะนิ้วเล็กๆตั้งแต่นิ้วกลางถึงนิ้วก้อยนี่ละคับ หินทุบผัวะเข้าไป อย่าใจอ่อนคับ เอาให้เละไปเลย ถ้าทำดีคนร้ายอาจจะเจ็บถึงสลบคับ


- จากนั้นรีบจัดเครื่องแต่งกาย คว้าสิ่งของมีค่า พาตัวเองออกไปให้ไวที่สุดคับ กรี๊ดๆ กรูรอดแล้ว เจ้าข้าเอ้ย
















ฟอร์เวิร์ดเมล์มีเพียงเท่านี้ครับ



ฟอร์เวิร์ดเมล์นี้ ที่มีการตั้งเป็นกระทู้ในห้องสวนลุมพินี ตั้งหัวข้อว่า ‘หากคุณโดนไอ้หื่นลากลงข้างทาง.....’ ซึ่งตั้งกระทู้โดย คุณsmabbytoon เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 52 19:56:38


ยังมีคอมเมนต์ตามมาอีก 86 คอมเมนต์



ผมขอนำคอมเมนต์ที่น่าสนใจมาลงต่อท้ายอีกเล็กน้อย






ความคิดเห็นที่ 22


มีประโยชน์ดี ขอบคุณค่ะ เราว่าทั้งหลายทั้งปวงที่ต้องมีก่อนขั้นตอนพวกนี้


คือ "สติ" ค่ะ ถ้ามีล่ะ รอดแน่ๆ


จากคุณ : มิโนรุ เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 20:45:38




ความคิดเห็นที่ 39


การป้องกันตัวที่ดีที่สุดของผู้หญิงคือการป้องกันเชิงรุก.



การป้องกันเชิงรุกคือการใช้สติปัญาในการพิจารณาไตร่ตรอง ระแวดระวัง ไม่พาตนไปในที่ๆ ไม่ปลอดภัย แต่งตัวให้มิดชิดถูกกาลเทศะ มันเป็นการป้องกันก่อนที่จะเกิดปัญหา หรือลดปัจจัยเสี่ยง



แต่เมื่อปัญหาเกิดขึ้น สิ่งที่จะช่วยในการเอาตัวรอดที่ดีที่สุดก็คือ สติปัญญา และการเจรจา...มีผู้หญิงหลายคนที่โดยล่อลวง ขู่บังคับ หน่วงเหนี่ยว ฉุดกระชาก เอาตัวไปข่มขืน แต่เธอเหล่านั้นรอดมาได้ด้วยการใช้สติปัญญา และการเจรจา โดยพยายามหน่วงเหนี่ยวเวลา และในขณะนั้นก็พูดจาต่อรองกับคนร้ายโดยเสนอเงินทองเพื่อให้เค้าเอาไปใช้บริการกับคนที่เค้ามีอาชีพค้าประเวณี และสัญญาว่าจะไม่ดำเนินคดีใดๆ



มีอยู่เคสหนึ่ง เป็นคนดัง เค้าก็ใช้วิธีการเดียวกันนี้ โดยเจรจากับคนร้ายในขณะที่จะถูกนำตัวไปข่มขืน....หน่วงเหนี่ยวเวลาโดยทำทีเป็นสมยอม และขอให้เปลี่ยนสถานที่จากป่าริมทางเป็นโรงแรม โดยให้เหตุผลว่าหญ้าขึ้นเยอะเจ็บหลังไม่สะดวกไปโรงแรมดีกว่า...โดยในระหว่างทางก็พยายามชวนคุยกับคนร้ายและถามถึงครอบครัวคนร้ายว่ามีแม่มั้ย มีน้องสาวมั้ย ซึ่งผู้ชายทุกคนต่อให้หื่นขนาดไหน พอคิดถึงหน้าแม่ก็สิ้นกำหนัด ความรู้รับผิดชอบก็จะมีขึ้น ความมีสติก็จะกลับคืนมา



สุดท้ายเค้าจึงรอดจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมาได้ด้วยสติปัญญา และการเจรจา และถึงแม้จะออกมาให้ข่าวในภายหลัง แต่เค้าก็ไม่ดำเนินคดีใดๆ ตามที่ได้สัญญากับคนร้าย



นี่คือหลักการที่ถูกต้อง ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสำหรับผู้หญิงในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์เช่นนี้



เรื่องความรุนแรงเกี่ยวกับความผิดต่อเพศนั้นไม่มีใครอยากให้เกิด ฉะนั้นเราจึงต้องป้องกันเชิงรุกโดยการไม่นำตนเองไปในที่ๆเสี่ยงภัย ป้องกันโดยการลดปัจจัยเสี่ยงในการก่อให้เกิดการกระทำความผิด เป็นการป้องกันตัวก่อนที่จะเกิดปัญหา



แต่ถ้าเหตุการณ์มันเกิดขึ้น ต้องใช้สติปัญญาให้มาก หากอยู่ในวิสัยที่จะดิ้นรนขัดขืนหลบหนีขอความช่วยเหลือได้ ก็จงทำ แต่หากพิจารณาแล้วว่า อยู่ในที่เปลี่ยว โดดเดี่ยวลำพัง อับจนหนทาง ก็จงใช้การเจรจาต่อรองให้เป็นประโยชน์ อย่างน้อยถึงที่สุดแม้มันจะไม่ได้ผล แต่มันก็จะผ่อนหนักให้เป็นเบา เพราะถึงอย่างไรคนที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นก็ไม่มีทางเลือกมากนักอยู่แล้ว



การที่แนะนำให้ผู้หญิงต่อสู้ มาโชว์ศิลปะในการป้องกันตัวนั้น สำหรับผมถือว่าเป็นแค่การแสดงปาหี่ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย หากคุณไม่ได้มีรูปร่างและพละกำลังเท่ากับพี่น้องวิลเลี่ยม และที่สำคัญคือมันจะทำให้ผู้หญิงที่เลือกตัดสินใจเช่นนั้น ขาดการพิจารณาทางเลือกอื่นที่น่าจะดีกว่า ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์รอดที่มากกว่า หรือหากโชคร้ายเสียหายจริงๆ ก็อาจเสียหายน้อยกว่า



ทั้งหมดที่เขียนมาก็มาจากประสบการณ์ในการทำงานบ้าง จากการศึกษาถึงภาวะอารมณ์ของผู้กระทำความผิดบ้าง จากเหตุและปัจจัยแวดล้อมของการกระทำความผิดบ้าง ก็แล้วแต่การพิจารณาของแต่ละบุคคลว่าจะป้องกันตัวในรูปแบบใด มันเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของคุณที่จะป้องกันตนเอง ผมก็เพียงแค่เสนอแนวทางในสิ่งที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์มากที่สุดในการเอาตัวรอด



ก็ลองพิจารณาดูนะครับ


จากคุณ : อินทร์นิล เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 16:32:36
















ความคิดเห็นที่ 46


เอ่อ ผมว่าวิธีการเจรจา ใช้ได้เฉพาะกับบุคคลครับ ถ้าไปเจอพวกที่ว่ายังไงก็จะเอา พูดไปมันก็เท่านั้นครับ


ยืนยัน มีสติ++บีบไข่


ส่วนควักตา ผมแนะนำว่าอย่าทำตอนหันหน้าเข้าหาคนร้ายนะครับ ควรทำตอนเค้าหันหลังให้เรา


ถ้าเหตุการณ์มันบังคับจริง ต้องจิ้มตาตอนหันหน้า ให้งุ้มมือ กางนิ้วชี้กับนิ้วกลางครับ (ทำเหมือนท่ากรรไกร ของเป่ายิ้งฉุบ) แล้วใช้ปลายนิ้ว จิ้มไปที่ใต้ตาครับ เน้นนะครับใต้ตา โดยห้ามยั้งมือ แล้วปล่อยให้แรงดันนิ้วลงไปที่ใต้ตาครับ ลูกตามันจะถลนออกมานอกเบ้าอย่างง่ายดาย


อย่างที่คห.บนๆบอกไว้ครับ อย่ายั้งมือ หรือกลัวเจ็บ โอกาสมีต้องทำให้เค้าหมดสมรรถภาพในการต่อสู้ครับ ไม่เช่นนั้นคุณก็จะกลายเป็นเหยื่อ


จากคุณ : ไม่นิยมส่งเสริมความรุนแรง เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 05:28:50




ความคิดเห็นที่ 55


ไหนๆก็ไหนๆแล้วนะ ถ้ามีโจรเข้ามาอ่านจริง ขอถามตรงๆเลยนะว่า ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่มองยังไงแล้ว ก็ไม่มีทางรอดแล้วจริงๆ แล้วเราตัดสินใจไม่ดิ้นรนขัดขืน ยอมให้ความร่วมมือ คุณจะไม่ฆ่าเราใช่ไหม ถามตรงๆแค่นี้


จากคุณ : วานบอก เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 20:39:28















ความคิดเห็นที่ 57


เอานะ ไม่ใช่โจรแต่จะตอบให้ละกัน


มีงานวิจัยทางวิชาการเกี่ยวกับอาชญาวิทยา โดยได้ไปศึกษาผู้กระทำความผิดในคุก พบว่า ผู้กระทำความผิดส่วนใหญ่จะยับยั้งและไม่ลงมือกระทำความผิดกับเหยื่อที่ตนเองได้พูดคุย ทั้งนี้เนื่องจากว่าจุดสำคัญของการลงมือกระทำความผิดมันอยู่ที่ "การตัดสินใจ ณ เวลานั้น" หากสามารถทำลายหรือเบี่ยงเบนความตั้งใจนั้นได้ โอกาสที่คนร้ายจะลงมือทำให้สำเร็จก็มีน้อย



แม้จะเป็นแค่เวลาเพียงครู่เดียวก็อาจทำให้คนร้ายหมดความตั้งใจลงได้ เพราะความตั้งใจกระทำความผิดนั้นมันเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ หากโดนขัดจังหวะ เบี่ยงเบน หันเหความสนใจไปทางอื่น ก็อาจทำให้เค้าหมดความตั้งใจที่จะกระทำความผิดต่อไป ซึ่งการทำลายความตั้งใจที่ดีที่สุดในเวลานั้นก็คือ การชวนพูดคุย



มีบางเคสที่คนร้ายเดินรี่เข้ามาหมายจะปลุกปล้ำเหยื่อ ซึ่งเหยื่อเองทั้งที่รู้ตัวหรืออาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่า ภัยกำลังมาแต่ก็ถามคนร้ายออกไปว่า "ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ" มันทำให้คนร้ายก้มลงมองนาฬิกาแล้วบอกเวลาไป เมื่อความตั้งใจมันถูกทำลายไป อารมณ์มันจึงสะดุดไป คนร้ายจึงเกิดความละอายใจและเดินจากไป โดยคนร้ายอาจจะไปรวบรวมความตั้งใจใหม่เพื่อที่จะลงมือกับเหยื่อรายใหม่ต่อไป หรือถ้ายังมีความดีในจิตใจหน่อย ก็คงล้มเลิกความตั้งใจไป



แต่ถ้าคนร้ายมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะข่มขืนให้ได้ เช่นนี้แล้วก็ซวยไป



ซึ่งข้อแนะนำในการปฏิบัติเมื่อกำลังจะถูกข่มขืนนั้น มันอาจจะฟังแล้วปวดใจแต่ต้องบอกว่า อย่าขัดขืน เพราะการขัดขืนต่อสู้ดิ้นรน มันจะเป็นการกระตุ้นอารมณ์ของคนร้ายทำให้กระทำรุนแรงมากยิ่งขึ้น



มันก็เหมือนสัญชาติญาณของสัตว์ป่าเวลาล่าเหยื่อ ยิ่งเหยื่อดิ้นรนต่อสู้ มันก็จะยิ่งเพิ่มแรงกัด ยิ่งบีบรัด ทำให้เหยื่อตายสนิทโดยเร็วไว คนพวกนี้ก็มีจิตใจเช่นสัตว์เดรัจฉานนั่นเอง ยิ่งต่อสู้ เค้าก็ยิ่งกระทำการรุนแรงป่าเถื่อนมากยิ่งขึ้น และมันมักจบลงด้วยความตายของเหยื่อเสมอ



อย่างที่ผมบอกในความเห็นที่ 39 ครับว่า เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น การป้องกันตนเองโดยการลดปัจจัยเสี่ยง และไม่นำตัวเองไปในที่เสี่ยงภัย หรือสมัครใจเสี่ยงภัยด้วยตนเอง จึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันตนเองจากอาชญากรรมประเภทนี้



ดังนั้น กับข้อแนะนำบางอย่างนั้น ผมบอกตรงๆ ว่าทำได้แค่ในละคร เรื่องจริงนะมีน้อยที่จะให้วิธีการต่อสู้แล้วเอาชนะชายหื่นได้ เพราะเป็นการยากที่ผู้หญิงจะสู้แรงผู้ชายได้ และที่สำคัญหากคุณเลือกตัดสินใจที่จะต่อสู้แล้ว คุณก็ต้องเตรียมตัวรองรับความรุนแรงป่าเถื่อนได้เลย และคุณอาจไม่มีโอกาสตัดสินใจอีกเป็นครั้งที่สอง



กับคำถามในเรื่องสิทธิในการแต่งตัวนั้น จริงอยู่มันก็เป็นสิทธิของพวกคุณๆ ที่จะแต่งตัวอย่างไรก็ได้ แต่คุณก็ต้องยอมรับในการสมัครใจเสี่ยงภัยของตนเองด้วย และอย่าไปถามหาสิทธิกับผู้กระทำความผิด เพราะชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นคนร้าย มันเป็นการกระทำโดยไม่มีสิทธิอยู่แล้ว ปราศจากความชอบธรรมใดๆ ทั้งทางกฎหมายและทางศีลธรรมอยู่แล้ว



มันจึงอยู่ที่ตัวเราเองว่า จะไปเพิ่มความเสี่ยงให้แก่ตนเองหรือไม่ หรือจะลดความเสี่ยงให้แก่ตนเอง เพราะผลร้ายที่เกิดก็เกิดขึ้นกับตนเองทั้งนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นกับใครเลย


ก็ลองพิจารณาเอานะครับ


จากคุณ : อินทร์นิล เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 22:56:01



















เพื่อนๆท่านใดต้องการจะเสนอความเห็นเพิ่มเติม ขอเชิญได้นะครับ



yyswim


yyswim@hotmail.com


Create Date :21 สิงหาคม 2552 Last Update :21 สิงหาคม 2552 9:40:35 น. Counter : Pageviews. Comments :12