ในช่วงรอบปีที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนจากผู้ผลิตประเทศสาธารณรัฐประชาชน จีนมาแรงและเริ่มบุกตลาดโลกอย่างเห็นได้ชัดและได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ลบภาพการเป็นสินค้าราคาถูกใช้วัสดุเกรดต่ำ โทรศัพท์ก๊อบปี้ยี่ห้อดัง กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ คุ้มราคา ดังที่เห็นหลายค่ายทำตลาดในขณะนี้

กระแสความแรงดังกล่าวถูกคู่แข่งจากประเทศเกาหลีจับตามองอย่างไม่กะพริบ โดยเฉพาะในค่ายระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ด้วยกันเอง ที่มีค่ายซัมซุงและแอลจี สองค่ายยักษ์จากเกาหลีมีความโดดเด่น ยิ่งซัมซุงเป็นเจ้าตลาดแอนดรอยด์ เพราะสมาร์ทโฟนจากจีนที่เคยมีปัญหาไร้คุณภาพแต่เมื่อนำแอนดรอยด์รุ่นใหม่ๆ เข้ามาใช้การใช้งานทำให้ไหลลื่น

ล่าสุด ซีเน็ตออนไลน์ รายงานว่า สภาอุตสาหกรรมของประเทศเกาหลี (Federation of Korean Industries : FKI) ระบุว่าสมาร์ทโฟนจากจีนมียอดขายขึ้นแซงหน้าสมาร์ทโฟนจากเกาหลีเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา ค่ายจีนมีส่วนแบ่งตลาดโลกถึง 31.3% จาก 9 แบรนด์คือ หัวเว่ย, เลอโนโว, เสี่ยวมี่, คลูแพด, แซดทีอี, ทีแอลซี, วีโว่, ออปโป้ และจอนี่ ขณะที่เกาหลีมีส่วนแบ่งตลาด 30.1%

เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2555 หรือผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากจีนจำนวน 5 ค่าย มีส่วนแบ่งเพียง 14.6% ส่วนค่ายเกาหลีมีส่วนแบ่งสูงถึง 34.8% โดยเฉพาะ “ซัมซุง” เพียงค่ายเดียวมีส่วนแบ่งสูงถึง 25.2% กับยอดขายทั่วโลกในเวลานั้นจำนวนมากกว่า 74 ล้านเครื่อง

FKI รายงานด้วยว่า ในช่วงตลอด 2 ปีที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนจากจีนที่มีราคาดึงดูดและแข่งขันได้ รวมทั้งความสนใจในตัวไอโฟน 6 ได้สร้างผลกระทบโดยตรงให้กับยอดขายของค่ายเกาหลี ยังผลให้ส่วนแบ่งตลาดลดลง พร้อมกับกระตุ้นให้บริษัทของเกาหลีหาอุตสาหกรรมใหม่ๆ มารองรับเพื่อชดเชยกับตลาดที่สูญเสียไป

โดยทางการจีนและเกาหลีเพิ่งจะลงนามข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่เพิ่งจะลงนามในสัญญาเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา จะเป็นหนทางที่ดีที่สุดให้เกาหลีเร่งผลักดันอุตสาหกรรมหลักซึ่งตกอยู่ในภาวะวิกฤติในขณะนี้ รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยในเทคโนโลยีใหม่ๆ และการหาธุรกิจใหม่ๆ มีความจำเป็นที่เกาหลีจะต้องหาเพื่อเอาชนะผลิตภัณฑ์จากเมืองจีนได้

นี่เป็นมุมมองของธุรกิจเกาหลีที่คอยจับตามองคู่แข่งสำคัญที่จะประมาทไม่ได้ โดยเฉพาะในธุรกิจนี้มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว แม้ว่าตลาดภายในประเทศจีนจะมีขนาดใหญ่มาก แต่ผู้ผลิตจากจีนได้บุกตลาดโลกมากขึ้นหลายยี่ห้อได้รับความนิยมทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย

การรู้เขา รู้เรา...เพื่อรับมือหรือรุกกระหน่ำคู่แข่งได้อย่างทันท่วงที!!

ที่มา : thairath