bloggang.com mainmenu search
By Lady Manager

ไดเอทอย่างไร ไม่โยโย่ ลดน้ำหนักคุมอาหารน่ะ ไหวค่ะ แต่ทำไมไม่นานกลับมาอ้วนอีก ??!??

“สาว ๆ ที่อยากลดน้ำหนักแบบไม่กลับมาโยโย่ ควรลดปริมาณเซลล์ไขมัน และเพิ่มเซลล์กล้ามเนื้อด้วยการออกกำลังกายควบคู่กับการรับประทานอาหารที่เหมาะสมทำอย่างช้าๆ แต่ต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ”

ไดเอทอย่างไร ไม่โยโย่ น.พ.อิทธิชัย วัชรีคุปต์ แพทย์สาขาอายุรกรรมทั่วไป รพ.กล้วยน้ำไท กล่าวว่าไม่ควรลดน้ำหนักเกินครึ่งกิโลกรัมต่อ 1 อาทิตย์ และค่าพลังงานที่ได้รับต่อวันไม่ควรน้อยกว่า 1,250 แคลอรี่ เพื่อป้องกันการโยโย่

“เหตุผลที่ไม่ควรรับประทานอาหารน้อยกว่าวันละ 1,250 แคลอรี่ เพราะจะทำให้กลไกในร่างกายเกิดความเครียด, กลไกอัตโนมัติจะอยู่ในภาวะป้องกันการอดอาหารจนเสียชีวิต จึงทำการกักเก็บไขมันไว้ในเซลล์ไว้ในเซลล์ทุกเซลล์ รวมทั้งร่างกายจะทำการชะลอการเผาผลาญอาหารเพื่อให้มีพลังงานเหลือไว้ใช้ให้ได้นานที่สุด

       และเมื่อกลับมารับประทานปกติ ร่างกายก็จะเร่งสะสมพลังงานไปเก็บไว้ในเซลล์ไขมัน ทำให้ความอ้วนกลับคืนมาอย่างรวดเร็วหรือที่เรามักเรียกกันว่า ‘โยโย่’ ”

คุณหมออิทธิชัย แนะว่าขณะลดน้ำหนักควรชั่งน้ำหนักด้วยเครื่องเดิม เวลาเดิมทุกครั้งในเวลาเดิมทุกๆ วัน และเวลาที่ดีที่สุดคือ หลังถ่ายอุจจาระตอนเช้า

“วิธีกินยาลดน้ำหนัก เป็นวิธีที่ได้ผลแต่ไม่แนะนำ เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ยิ่งถ้าซื้อยากินเองโดยไม่อยู่ในการดูแลของแพทย์เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะยาที่ช่วยในการลดน้ำหนักส่งผลเสียต่อสุขภาพ

       และอาจรุนแรงถึงชีวิตได้ เช่น ยาขับปัสสาวะเพื่อขับปริมาณน้ำที่มีอยู่ในร่างกายออกคู่กับการรับประทานยากดประสาท เพื่อกดความรู้สึกหิว และยาช่วยเร่งการเผาผลาญสารอาหาร ทำให้ดูเหมือนว่าน้ำหนักกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว

ยาขับปัสสาวะอาจทำให้ร่างกายเกิดการขาดน้ำ และร่างกายก็จะพยายามกักเก็บปริมาณน้ำที่มีอยู่ไว้เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ทำให้ร่างกายเกิดการบวมน้ำ”

ไดเอทอย่างไร ไม่โยโย่ คุณหมอพูดเรื่องยาต่อ อย่างละเอียด

“ส่วนยากดความหิวและทำให้อิ่มเร็วขึ้น ช่วยกระตุ้นอัตราการเผาผลาญอาหารโดยยาจะไปออกฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปธาลามัส ยาตัวนี้อาจส่งผลต่อความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ และยังไม่เหมาะกับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอลล์ในปริมาณมากด้วย ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี ผู้ป่วยโรคตับ ไต เคยเป็นนิ่ว หรือเคยชัก

       รวมทั้งอาจส่งผลข้างเคียงทำให้คอแห้ง ท้องผูก นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร กระสับกระส่าย และปวดศีรษะได้ด้วย และไม่ควรทานยากลุ่มนี้ติดต่อกันเกิน 12 อาทิตย์ เพราะอาจเสี่ยงต่อโรคลิ้นหัวใจรั่ว

แต่ก็มียาบางตัวที่สามารถใช้รับประทานได้โดยไม่ส่งผลต่อสุขภาพมากนัก เช่น ยาที่ใช้ยับยั้งการดูดซึมไขมันออกฤทธิ์โดยตรงที่ลำไส้เล็ก และไขมันจะถูกขับถ่ายออกเกือบทั้งหมด แต่ข้อเสียคือราคาสูง และต้องเข้าห้องน้ำบ่อย”

ไดเอทอย่างไร ไม่โยโย่ แล้วเครื่องดื่มช่วยลดความอ้วน อย่าง กาแฟที่ฮิตดื่มกันล่ะคะ

“กาแฟลดน้ำหนักก็เป็นที่นิยมเพราะเชื่อว่าสารแอล คาร์นิทีน มีงานวิจัยที่พบว่าสารตัวนี้ช่วยสนับสนุนการเผาผลาญพลังงานในผู้สูงอายุ แต่ไม่มีรายงานรับรองทางวิทยาศาสตร์ว่าสามารถช่วยลดน้ำหนักได้”

ให้ได้ผลและปลอดภัยสุด คุณหมออิทธิชัยแนะนำว่า

“มารับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่แต่มีไขมันอิ่มตัวต่ำ และมีพริก หรือสมุนไพรเผ็ดร้อน เช่น อบเชย ขมิ้น พริกไทยดำ กระเทียม ฯลฯ เพราะช่วยในการเผาผลาญอาหาร

เลือกทานโปรตีนที่อยู่ท้องได้นาน เช่น ไข่ ถั่ว เมล็ดพืช เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน โยเกิร์ต เต้าหู้โดยแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ 5 มื้อ ปริมาณอาหารต้องน้อยกว่าปริมาณพลังงานที่ใช้ต่อวัน หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอลล์ และเครื่องดื่ม น้ำผลไม้ต่าง ๆ ที่มีรสชาติหวาน

ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน เพื่อช่วยการเผาผลาญพลังงานในระยะยาว เช่น ยกดัมเบล หรือใช้ร่างกายของตนเองเป็นแรงต้าน เช่น ซิทอัพ ท่าสควอท วิดพื้น ฯลฯ ควบคู่การออกกำลังกายแบบแอโรบิคอย่างน้อย 30 นาที อาทิตย์ละ 3 ครั้ง”

คุณหมอยังบอกอีกว่า การออกกำลังกายแบบแอโรบิคยังช่วยให้ไขมันถูกเผาผลาญ เพื่อไปใช้เป็นพลังงานในการสร้างปริมาณกล้ามเนื้อกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ได้แก่ กล้ามเนื้อขา และสะโพก ซึ่งไม่ต้องกลัวเรื่องที่จะกลายเป็นสาวร่างบึ๊ก เพราะผู้หญิงไม่มีปริมาณฮอร์โมนเพศชายมากพอที่จะทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ได้แบบผู้ชาย

“ที่สำคัญ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และไม่ควรเครียด เพราะความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งสารคอร์ติซอล ที่ส่งผลโดยตรงต่อระบบการเผาผลาญอาหาร”

ไดเอทอย่างไร ไม่โยโย่
Create Date :29 ตุลาคม 2557 Last Update :29 ตุลาคม 2557 8:11:46 น. Counter : 1355 Pageviews. Comments :0