เพียง ‘คิดจะทำ’ นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถเอาชนะอะไรได้ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือต้อง ‘ลงมือทำ’ การออกกำลังกายก็เช่นกัน หลายท่านสร้างขวากหนามให้ตัวเองโดยไม่รู้ตัวเช่นข้ออ้าง “ไม่มีเวลา” หรือ “เจ็บตรงนั้นตรงนี้” ผลสุดท้ายคือไม่ได้เริ่มต้นดูแลสุขภาพเป็นชิ้นเป็นอัน ปล่อยเวลาล่วงเลยเปล่าประโยชน์
           วันนี้ mars มีประโยคปลุกพลังกาย สร้างแรงบันดาลใจให้ท่านกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า แต่ทั้งหมดจะไม่สัมฤทธิผลแม้แต่น้อย หากไม่ลงมือทำอย่างตั้งใจ และซื่อสัตย์ต่อตนเอง

ภาพประกอบจาก huffingtonpost.co.uk       1. The secret of getting ahead is getting started.
       ‘เคล็ดลับความก้าวหน้าคือการเริ่มต้น’ ตรรกะการใช้ชีวิตอันเที่ยงแท้ยากจะหลีกเลี่ยง ไม่ต่างกับเมื่อคุณ ‘คิด’ อยากได้หุ่นเพรียว มีกล้ามเนื้อ หรือรีดไขมันส่วนเกิน แต่หากไม่เริ่มต้นก้าวเท้าวิ่ง ย่อมไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ
       
       2. At first you feel like dying. Then you feel reborn.
           ‘เบื้องต้นรู้สึกคล้ายกำลังจะตาย จากนั้นเหมือนเกิดใหม่’ ต่อยอดจากข้อแรก หากคุณฝ่าอุปสรรคทางความคิดไปได้ พอเริ่มต้นออกกำลังกายสักพัก ความเหนื่อยล้าของร่างกายที่ไม่เคยสัมผัสการออกกำลังกายจะร่ำร้องให้คุณหยุด และถ้าคุณถอดใจทุกอย่างจบสิ้นทันที แต่หากผ่านช่วงทดสอบสภาพจิตใจไปได้ ก็เหมือนเกิดใหม่ นั่นหมายถึงคุณใกล้ความจริงในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง
       
       3. That moment when you feel like giving up, when it does not seem worth it, that is where change happens. Keep going.
       ‘ยามเข้าสู่ช่วงเวลาท้อถอย อย่าคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว เพราะนี่คือจังหวะของการเปลี่ยนแปลง จงทำมันต่อไป’ บ่อยครั้งกับเหตุการณ์เช่นนี้ เมื่อมาถึงจุดจุดหนึ่งอาจคิดว่าดีพอแล้ว สุดท้ายจึงหยุด ลองกลั้นใจอีกนิด ออกกำลังกายต่อไป แล้วคุณจะรู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ตรงไหน อย่างไรก็ดีต้องไม่ลืมไปว่า หากหักโหมออกกำลังกายจนเกินไปไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย หัวใจคุณเท่านั้นที่จะตอบได้ว่าพอหรือยัง

ภาพประกอบจาก ctvnews       4. It hurts now, but one day it will be your warm-up.
        ‘ตอนนี้มันเจ็บ แต่วันหนึ่งคุณจะรู้สึกเหมือนแค่การอุ่นร่างกาย’ ด้วยการพัฒนาของกล้ามเนื้อ การสร้างความแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เสมือนเดินขึ้นบันได เริ่มต้นมองจากข้างล่างอาจดูสูงแต่พอได้ก้าวขึ้นมาด้านบน คุณอาจพูดกับตัวเองว่า “ไม่ยากเลยเราก็ทำได้นี่”
       
       5. Commitment means staying loyal to what you said you were going to do long after the mood you said it in has left you.
       ‘ยืนหยัดที่จะซื่อสัตย์ต่อการลั่นวาจาของตนเอง เมื่อถึงคราวหมดอารมณ์ทำต่อ’ เมื่อหัวใจสำคัญที่สุดสำหรับการออกกำลังกาย จงใช้สิ่งนี้สร้างแรงผลักดันให้ตนเอง แม้อาจรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะทำต่อ จงตั้งมั่นและตอกย้ำว่า “เราต้องทำได้”
       
       6. If you are tired of stating over, stop giving up.
           ‘ถ้าเหนื่อยกับการเริ่มต้นอีกครั้งจงอย่ายอมแพ้’ ไม่ใช้เรื่องแปลกในช่วงเวลาหนึ่งของการออกกำลังกาย บางครั้งคุณอาจมีเหตุให้ไม่สามารถสร้างความต่อเนื่องไม่ว่าด้วยกรณีใดๆ ทำให้ต้องเริ่มต้นโปรแกรมฟิตหุ่นใหม่หมด จงท่องวลีสั้นๆ “อย่ายอมแพ้” และอย่าไปคิดถึงความเหนื่อยที่กำลังจะตามมา เพราะหากท้อแล้วเท่ากับสิ่งที่เริ่มต้นมาสูญเปล่า

ภาพประกอบจาก dailymail.co.uk       7. Would you rather be covered in sweat at gym or covered in clothes at the beach ?"
       ‘อยากให้เหงื่อชโลมเสื้อในโรงยิม หรือคอยเอาเสื้อปกปิดกายบนชายหาด ?’ คำถามง่ายๆ กับการได้มาซึ่งคำตอบ ที่คนส่วนใหญ่คงไม่อยากเอาแต่สวมเสื้อปิดพุงตัวเองเดินชายหาด เพราะหากมีหุ่นที่ฟิตเฟิร์มแล้ว คุณสามารถอวดซิกแพ็คได้ไม่อายใคร
       
       8.You were born to run. Maybe not that fast, maybe not that far, maybe not as efficiently as others. But to get up and move, to fire up that entire enegy-producing, oxygen-delivering, bone strengthening process we call running.
       ‘คุณอาจวิ่งไม่เร็ว ไม่ไกล ไม่มีเอาไหนอย่างใครเขา แต่การลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวเพื่อจุดไฟเผาพลังงาน การลำเลียงออกซิเจน เสริมความแข็งแกร่งของกระดูก ก็เรียกได้ว่าคุณวิ่งแล้ว’ คล้ายสโลแกนที่เคยได้ยิน ‘แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย’ นั่นหมายความว่าอย่านิ่งเฉยไม่ว่าจะออกกำลังกายในโรงยิม หรือเดินเล่นในสวนคุณได้เผาผลาญไขมันแล้ว
       
       9. Know your limitations and then defy them.
           ‘จงรู้ขีดจำกัดตัวเองและท้าทายมัน’ ปลุกตัวเองให้ทำในสิ่งที่เคยคิดว่าทำไม่ได้ จงเชื่อมันเสมอ ทุกสิ่งมีลำดับของมัน หากคุณก้าวข้ามแต่ละขั้นตอนไปได้จะรู้สึกถึงชัยชนะที่มีเหนือใจตัวเอง

ภาพประกอบจาก healthmeup.com       10. Willpower is like a muscle. The more you use it, the stronger it gets.
           ‘พลังใจเหมือนกล้ามเนื้อ คุณใช้มันมาก ก็แกร่งมาก’ สิ่งที่มาคู่กันของการออกกำลังกายคือเมื่อคุณได้ท้าทายหัวใจตัวเอง นานวันยิ่งแกร่งขึ้น ให้คุณนำไปใช้เพื่อเอาชนะอุปสรรคในด้านอื่นอย่างการทำงานด้วยเช่นกัน
       
       11.The reason most people give up is because they tend to look at how far they still have to go, instead of how far they have come.
       ‘สาเหตุที่คนส่วนมากยอมแพ้เพราะพวกเขามองว่ายังต้องไปอีกไกลเท่าไหร่ แทนที่จะมองว่ามาไกลเท่าไหร่แล้ว’ จุดนี้คล้ายกับการนำคนอื่นมาเปรียบเทียบกับตัวเอง เรามักคิดเสมอว่าต้องทำให้ได้อย่างเขา กระทั่งเหนื่อยและถอดใจ เพราะต้องไม่ลืมว่าคนอื่นอาจเริ่มต้นออกกำลังกายก่อนเรา เขามีชั่วโมงบินสูงกว่าจึงเป็นเรื่องยากหากจะตามทัน ลองคิดใหม่แล้วมองย้อนไปข้างหลัง ว่าสิ่งซึ่งตนทุ่มเทไปนั้นมาไกลเพียงไร จงภาคภูมิใจในสิ่งนั้นแล้วทำต่อไป
       
       12. Do something today that your future self will thank you for.
           ‘ตัวคุณในอนาคตจะหันมาขอบใจในสิ่งที่คุณทำวันนี้’ เพราะการออกกำลังกายสามารถพิสูจน์ได้ถึงพัฒนาการชนิดวันต่อวัน อาทิน้ำหนัก ขนาดรอบเอว หรือการตรวจความดัน เมื่อนำความเปลี่ยนแปลงมาเปรียบเทียบคุณจะภูมิใจในตัวเองกับการเริ่มต้นในสิ่งที่ทำมา

       ขอบคุณข้อมูลจาก //www.mensxp.com
       ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต