bloggang.com mainmenu search




เกนรี-มายรี
ผู้เขียน : โสภาค สุวรรณ
ผู้พิมพ์ : สนพ.บำรุงสาส์น (ตุลาคม ๒๕๑๖)
๔๕๖-๔๐๗ หน้า ราคา (สองเล่มจบ) ๑๗๐ บาท

บางส่วนจากคำนำผู้ประพันธ์ :


"จุดบันดาลใจของเรื่องนี้ ได้มาจากข้อเท็จจริงบางประการที่ผู้เขียนได้ประสบกับสภาพสิ่งแวดล้อม
สิ่งเหล่านันได้แก่บุคคล ตลอดจนเรื่องราว อีกทั้งภูมิประเทศที่เคยพำนักอยู่

ความประทับใจต่าง ๆ ได้ทับทวีขึ้น เมื่อประจักษ์กับตนเองในชีวิตของบุคคลกลุ่มนี้
ได้รับคำบอกเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ได้พบกับบุคคลสำคัญในเรื่อง
ได้ทราบทุกขเวทนาของผู้ที่สูญเสียแผ่นดินถิ่นกำเนิด
ตลอดจนความผันแปรทางการเมืองอันเป็นเหตุให้พ่อแม่ลูกต้องพลัดพรากจากกัน"





บอกเล่าเรื่องราวหลังอ่านจบ...

แล้วก็หามาอ่านจนได้ กับนิยายเก่าเก็บสุดคลาสสิคเรื่องนี้...
สืบเนื่องมาจากโปรเจ็กต์หนังสือคู่เดทตั้งแต่ช่วงหลายเดือนก่อน
ได้หนังสือจากคู่เดทเป็นนิยายที่เขียนจากชีวิตจริง เรื่อง "สิ้นแสงฉาน" ที่อ่านแล้วปลื้มปริ่มประทับใจมาก
จนบอกกับตัวเองว่าจะต้องหานิยายเรื่องนี้ ที่ได้ยินมาว่าผู้เขียนได้รับแรงบันดาลใจ
มาจากเรื่องราวของเจ้านางสองพี่น้อง ธิดาในเจ้าเหนือหัวองค์สุดท้ายแห่งนครรัฐฉาน
ที่ถูกควบรวมเข้ากับสหภาพพม่าโดยรัฐบาลทหาร...

ก่อนอ่าน...จึงออกจะคาดหวังเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์อันเข้มข้น
เรื่องการเมืองอันวุ่นวาย...รวมถึงเรื่องราวดราม่าสะเทือนอารมณ์
จาการต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ของตัวละครเอก

.........

พอได้อ่านจริง ๆ ก็ไม่ผิดหวังค่ะ แต่ออกจะผิดคาดนิดหน่อย

เรื่องนี้เป็นนิยายค่ะ(สำหรับผู้ที่เคยอ่าน "สิ้นแสงฉาน" มาก่อน ต้องย้ำกับตัวเองซ้ำ ๆ แบบนี้ จะได้ไม่สับสน)

แม้จะอิงประวัติชีวิตของผู้คนที่มีชีวิตอยู่จริง แต่ก็เป็นการนำมาเพียงเค้าโครงคร่าว ๆ เท่านั้น
ในส่วนที่เป็นเนื้อหานิยาย การดำเนินไปของเรื่องราว ตลอดถึงตัวละครหลากหลายที่โลดแล่นอยู่ในนิยาย
ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ผู้ประพันธ์ได้ใช้จินตนาการ รังสรรค์ขึ้นทั้งสิ้น
อารมณ์และความรู้สึกหลังอ่านจบจึงค่อนข้างแตกต่างจากตอนที่อ่าน "สิ้นแสงฉาน"

แต่ก็มีจุดที่เหมือนกันอยู่บ้าง...

นั่นก็คืออารมณ์สะเทือนใจ สลดใจในชะตาชีวิตของผู้ที่เคยมีฐานันดรสูงส่ง
แต่ต้องประสบกับความพลัดพรากสูญเสีย อันเนื่องมาจากเกมการเมือง
และการแย่งชิงอำนาจการปกครอง





ในนิยายเล่มนี้ ผู้เขียนเริ่มจับความตั้งแต่เจ้าเหนือหัวแห่งนครรัฐฉานถูกควบคุมตัว
ทิ้งให้เจ้านางหลวงกับพระธิดาน้อยสององค์ เจ้านางเกนรีผู้พี่ กับเจ้านางมายรีผู้น้อง
(นี่คือจุดหนึ่งที่แตกต่างจากเรื่องจริง จริง ๆ แล้วพระธิดาองค์โตชื่อเจ้านางมายรี
องค์น้องชื่อเจ้านางเกนรี)


เจ้านางหลวงไม่ยอมเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด...
(ซึ่งในฉบับนิยายนี้ เจ้านางหลวงเป็นหญิงสาวชาวไทย
ที่ไปพบรักกับเจ้าหลวงในขณะไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ)

เธอเฝ้ารอการกลับมาของสวามีจนล้มป่วย และก่อนจะสิ้นชีวิตก็ได้ขอร้องผู้ที่ยังภักดีต่อเจ้าเหนือหัว
ให้ช่วยพาพระธิดาทั้งสององค์ให้กลับไปอยู่กับญาติที่เมืองไทย

ในช่วงก่อนที่จะได้เดินทางมาเมืองไทยนั้น เจ้านางเกนรีก็มีโอกาสได้พบกับเจ้าวรอินทร์
เจ้าฟ้าเมืองเสียงซึ่งเป็นทั้งพระญาติและพระคู่หมั้นโดยตำแหน่ง
ทั้งคู่ต่างได้แลกเปลี่ยนของสำคัญไว้แทนใจ
เป็นประหนึ่งสัญญาว่าเมื่อเติบโตขึ้นพวกเขาจะกลับมากอบกู้บ้านเมืองด้วยกัน

...............


เจ้านางสองพีน้องได้มาใช้ชีวิตอยู่กับยายที่กรุงเทพ
เจ้านางเกนรีนั้นมีลักษณะสมกับเป็นพระธิดาในเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน
ด้วยเธอมีความถือตัวอยู่ในที และดูมีอำนาจจนผู้คนต่างรู้สึกยำเกรงเมื่อเข้าใกล้
เธอฉลาด เรียนเก่ง และมุ่งมั่นจะเรียนแพทย์เพื่อจะได้กลับไปช่วยผู้คนในบ้านเมืองของเธอ
ส่วนเจ้านางมายรีผู้น้องออกจะหัวอ่อนและชื่นชอบงานบ้านงานเรือน
แต่ชะตาชีวิตช่างรันทดนัก เธอพลัดตกน้ำและเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย
ด้วยความเห็นแก่ตัวของผู้เป็นป้า พี่สาวต่างมารดาของแม่เธอเอง

ขณะที่เจ้านางเกนรีกำลังเรียนแพทย์อยู่ปีที่สาม คุณยาย ญาติเพียงคนเดียวที่มีอยู่
ทั้งเป็นผู้อุปการะส่งเสียเธอก็เสียชีวิตลง...
อาจารย์ของเธอได้แนะนำให้เธอขอทุนจากตระกูล'อนุรักษ์ราชวัลลภ'
เนื่องจากเป็นทุนให้เปล่า เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ทำงานใช้ทุนหลังเรียนจบ
เพราะเธอได้ตั้งใจไว้แน่วแน่ว่าเมื่อเรียนจบเธอจะกลับไปที่บ้านเกิดของเธอ

ทำให้เธอได้รู้จักกับเขต อนุรักษ์ราชวัลลภ นักการทูตหนุ่มผู้เป็นเจ้าของทุน...
ชายหนุ่มผู้มีกิริยามารยาทเรียบร้อย สุขุมคัมภีรภาพ มีวัฒนธรรม
ชื่นชอบศิลปะและรักในเสียงดนตรีเช่นเดียวกับเธอ

ในช่วงเวลาเกือบจะพร้อม ๆ กันนั้นเธอก็ได้พบกับเจ้าพี่วรอินทร์ - - พระคู่หมั้นโดยตำแหน่งอีกครั้ง
ด้วยความผูกพัน และคำมั่นสัญญาแต่วัยเยาว์ ทำให้เธอยึดมั่นว่านั่นคือความรัก

ต่อเมื่อภายหลังเธอได้พบว่า...
ยังมีคนที่รู้จักรู้ใจ รู้ความคิดและตัวตนที่แท้จริงของเธอยิ่งไปเสียกว่าคู่หมั้นของเธอ
เธอถึงเพิ่งตระหนักแน่แก่ใจว่า...ความรู้สึกที่เธอมีต่อเจ้าพี่วรอินทร์นั้นหาใช่ความรักฉันหนุ่มสาว

ถึงตอนนี้ เธอจึงต้องเลือก ระหว่างความรักหรืออุดมการณ์
ระหว่างหน้าที่หรือหัวใจ...?





ข้างบนนั่นพยายามที่จะเล่าแบบรวบรัดทีสุดน่ะค่ะ
แต่เรื่องราวในเรื่อง นอกเหนือจากปมดราม่าชะตาชีวิตของเจ้าพลัดถิ่นอย่างเจ้านางทั้งสององค์แล้ว
ยังมีปมมีประเด็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกเยอะค่ะ
ผู้เขียนได้สอดแทรกข้อคิดในการดำเนินชีวิตและการเลี้ยงดูบุตรหลานผ่านตัวละครที่เธอได้สร้างขึ้น
อย่างคุณชอุ่มศรี ซึ่งเป็นพี่สาวต่างมารดาของเจ้านางหลวง(จึงนับเนื่องเป็นป้าของเจ้านางทั้งสองนั่นเอง)
กับบุตรสาวของเธอ ดุจเดือน...
ภาพชีวิตของดุจเดือนซึ่งเติบโตไล่เลี่ยกับนางเอกได้สะท้อนให้เราได้เห็นถึง
สภาพสังคม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดถึงความู้สึกนึกคิด ความรัก ความหวัง
ความต้องการของวัยรุ่นในยุคนั้น ๆ
ที่...แม้จะผ่านยุคสมัยมาแล้วเนิ่นนานหลายทศวรรษ
หากแง่คิดมุมมองเหล่านั้นยังคงสมจริงและเป็นไปได้ตราบปัจจุบัน

หรือจะเป็นมุมของความรักโรแมนติกก็มีเพียงพอให้ชุ่มชื่นหัวใจบ้างในขณะอ่าน
อย่างความรักระหว่างครูซอล่ากับผู้กองหนุ่มที่มีหน้าที่ดูแลตำหนักที่พำนักของเจ้านางทั้งสองระหว่างรอการลี้ภัย
หรือเรื่องราวความรักระหว่างดุจเดือน ญาติผู้พี่ของเจ้านางเกนรีกับนายจอน
คนขับรถในบ้านที่พยายามอัพเกรดตัวเองจนกลายเป็นนักแสดงหนุ่มที่มีชื่อเสียง

แต่ผู้อ่านที่คาดหวังความโรแมนติกที่มากกว่านี้ระหว่างคู่พระ-นางอาจจะผิดหวังค่ะ
ในนิยายพระเอกตัวจริงมีบทบาทค่อนข้างน้อยถึงน้อยมาก
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับบทของพระคู่หมั้นอย่างเจ้าวรอินทร์

แต่คนที่คุนเคยกับนิยายของนักเขียนท่านนี้อาจจะคุ้นชิน
เพราะนิยายของท่านส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เน้นประเด็นนี้อยู่แล้ว

...............

สรุปเลยแล้วกันค่ะว่าคุ้มค่าที่เสาะแสวงหามาอ่าน แม้หนังสือจะมีสภาพเก่าจนกรอบ
เพราะเป็นฉบับพิมพ์(น่าจะ)ครั้งแรก
สังเกตจากวันที่ที่ผู้เขียนบันทึกไว้ท้ายคำนำ - - ๖ ตุลาคม ๒๕๑๖
นั่นแปลว่าหนังสือ(สอง)เล่มนี้มีอายุมากกว่า ๔๐ ปี...ว๊าว

อ่านจบแล้ว หยิบมาบอกเล่าชวนอ่านกันวันนี้ค่ะ











Create Date :18 สิงหาคม 2558 Last Update :18 สิงหาคม 2558 12:32:57 น. Counter : 11553 Pageviews. Comments :7