bloggang.com mainmenu search




สิเน่หารอยคำ
ผู้เขียน : อาพัชรินทร์
ผู้พิมพ์ : Sofa Publishing(ส.ค. 57)
223 หน้า ราคา 185 บาท

เรื่องย่อ ๆ จากปกหลัง...


'วงศ์ตะวัน' นักธุรกิจหนุ่มหน้าใหม่แห่งวงการโรงแรมและการท่องเที่ยว
ได้เข้ามากว้านซื้อที่ดินและบ้านเรือนเก่าๆ แบบล้านนาในเชียงใหม่
เพื่อสร้างโรงแรมแบบล้านนาประยุกต์ในหมู่บ้านวัวลายแหล่งหัตถกรรมเครื่องเงินชื่อดัง
เมื่อรู้ว่า เรือนปั้นหยา เป็นบ้านของสล่าสาละวิน ช่างทำเครื่องเงินในอดีต
ชายหนุ่มก็ตัดสินใจซื้อมาไว้ในครอบครองทันที และเพียงวันแรกที่เข้าไปสำรวจนั้น...
เขาก็เจอ วิญญาณสาวชาวล้านนา ต่อมายังพบ สลุง หรือขันเงินมากมายในนั้นอีก
น่าประหลาดเมื่อพบว่ารูปรอยสลักในสลุงที่ได้เห็นเป็นเรื่องเล่าของใครบางคนในอดีต
ทันทีที่ได้จับมัน วงศ์ตะวัน ก็ได้เห็นภาพนิมิตของเรื่องราว..
.
เรื่องราวที่ดุจดั่งตัวเองมีตัวตนอยู่ในภาพนั้น คล้ายภาพฝันทว่ามันก็เหมือนจริงเหลือเกิน
ด้วยความสงสัย ชายหนุ่มจึงเชิญ'นีรา'ผู้เชี่ยวชาญเรื่องลายสลุงมาตรวจสอบ
ทว่าเธอกลับเป็นคนหนึ่งในภาพวาดเหล่านั้นและยังเห็นนิมิตเช่นเดียวกับเขา!
ทั้งคู่เริ่มคิดตรงกันว่าภาพสลักในสลุงนั้นเป็นเหมือนเรื่องเล่าและคำสาป
เพื่อหาคำตอบและหนทางแก้ไข พวกเขาจึงต้องเอาสลุงออกมาดูให้หมด

แต่วงศ์ตะวันและนีราจะหลีกหนีคำสาปพวกนั้นได้อย่างไร...
เมื่อภาพสุดท้ายกลับเป็น ความตายของเขาและเธอ!






หลังอ่าน...
เรื่องย่อจากปกหลังละเอียดมากกกก...จนแทบจะไม่ต้องเล่าอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว
แต่เล่านิดก็น่าจะดีเนอะ

นิยายเรื่องนี้เป็นหนึ่งในนิยายชุด'เบญจมรณา' อันเป็นเรื่องราวของความตาย
ที่ใคร ๆ ก็ไม่ปรารถนา...หากก็ยากจะหลีกพ้น...

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อวงศ์ตะวันได้ค้นพบห้องลับในเรือนปั้นหยา
ที่เขาซื้อมาพร้อมกับที่ดินเพื่อปรับปรุงเป็นโรงแรม เมื่อเขาเข้าไปในนั้น
เขาก็พบกับสลุงเก่าโบราณจำนวนมาก และเมื่อเขาสัมผัสสลุงใบหนึ่ง...
มันก็พาเขาย้อนอดีตไปได้รับรู้ถึงเรื่องราวชีวิตอันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าโหยหา
ความรัก ความแค้นของ"สล่า"ผู้ทำหน้าที่สลักเสลาลวดลายลงบนสลุงเหล่านั้น
...สล่าสาละวินที่เขาเคยเข้าใจมาตลอดว่าเป็นผู้ชาย
แต่จากภาพนิมิตที่เขาได้มองเห็นผ่านการสัมผัสสลุงนั้น
สล่าคนนั้นกลับเป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง ซึ่งจดจารเรื่องราวชีวิตอันรันทดของเธอ
ผ่านลวดลายที่บุดุนลงบนสลุงเงินเหล่านั้น
นับตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ๆ ติดตามมารดาหลีกหนีภัยสงคราม
และความแร้นแค้นจากเมืองพม่ามายังล้านนา
ทว่าต้องสูญเสียมารดาในระหว่างทาง ด้วยน้ำมือของคนที่เธอวาดหวังไว้ใจ
ความแค้นแน่นสุมในใจไร้ทางออกจนเบื้อใบ้...
เดชะบุญที่ชะตาชีวิตเธอยังไม่เลวร้ายจนเกินไปนัก
เธอได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชูจากมือเดียวกันกับที่ปลิดชีวิตแม่ของเธอนั่นเอง
ด้วยการฝากฝังให้เธอได้รับการฝึกฝนฝีมือในการต้องลายสลุงจนกลายเป็นสล่าเลื่องชื่อ...

สำหรับผู้อุปถัมภ์เธอนั้น เบื้องต้นเป็นเพียงความรู้สึกผิดและต้องการจะชดเชย
ทว่าหากนานไป เมื่อเด็กหญิงเติบใหญ่ ความรู้สึกของเขาก็แปรเปลี่ยน
กลับกลายเป็นความต้องการปกป้องดูแลชิดใกล้ไปจนตลอดชีวิต
แต่เขาเป็นขัตติยะ มีสายเลือดแห่งเจ้าอยู่ในตัวทั้งยังมีคู่หมั้นคู่หมายที่มารดาเตรียมไว้ให้
ไหนเลยจะสามารถครองคู่อยู่กินกับเด็กสาวที่มีฐานะต่ำต้อยน้อยค่าเช่นเธอได้

................

วงศ์ตะวันได้ติดตามภาพชีวิตเหล่านั้นจนจมดิ่งเข้าไปพัวพัน
ความรู้สึกกลมกลืนประหนึ่งเป็นเรื่องราวของตัวเองกระนั้น

ที่สำคัญ...เขาสัมผัสได้ถึงร่องรอยของคำสาปที่เป็นประหนึ่งบ่วง
อันร้อยรัดให้ดวงวิญญาณสล่าสาวยังคงติดตรึงอยู่ในชาติภพนี้
รอคอยแต่เขาเท่านั้นที่จะเป็นผู้ปลดปล่อย





ชอบค่ะ ชอบค่อนข้างมากด้วย
เรื่องราวมีกลิ่นอายของความเป็นล้านนาเต็มไปหมด
ไม่ว่าจะเป็นตำนานความเป็นมาของลวดลายที่สลักไว้บนภาชนะที่มีความหมาย
ในวิถีชีวิตของชนชาวล้านนาที่เรียกว่า "สลุง"
หรือเรื่องเล่าเหนือธรรมชาติอันแฝงไว้ด้วยคติชีวิต ความคิดความเชื่อ วัฒนธรรมประเพณี
ที่ผู้เขียนได้บรรจงถ่ายทอดด้วยสำนวนภาษาอันสละสลวยเปี่ยมเสน่ห์
อ่านลื่นไหล แถมชวนหลอนอีกต่างหาก

โดยเฉพาะเมื่อได้อ่าน ที่มาที่ไปของพล็อต
ตลอดถึงแนวคิดในการผูกเรื่องผูกราวของคนเขียนจากหน้าคำนำ
ยิ่งรู้สึกชอบและอ่านได้อินยิ่งขึ้นค่ะ
ขออนุญาตคัดมาประกอบรีวิวสั้น ๆ ค่ะ...

"งานศิลปะที่เกิดขึ้นนั้นไม่ว่าจะดีหรือเลวก็ผ่านมือสล่าที่ตอกสลักลายลงไป ...สล่านั้นก็คือตัวเราเอง
เราคือคนที่ตอกสลักรูปรอยของความรู้สึกต่าง ๆ ลงไปในเนื้อใจเราเองถ้าเราพิจารณาแต่เรื่องที่ดีที่เป็นสุขไว้สลักลงในแผ่นใจ รูปรอยของหัวใจเราก็คงงดงาม แต่หากเรเอาแต่ตอกฝังเรื่องเลวร้าย ความทุกข์เศร้าเข้าไว้ในแผ่นใจ หัวใจของเราก็คงปรากฏแต่รอยโศก..."
อาพัชรินทร์ #สิเน่หารอยคำ






Create Date :02 มีนาคม 2560 Last Update :2 มีนาคม 2560 11:56:31 น. Counter : 6261 Pageviews. Comments :4