โถงสีเทา
ผู้เขียน : เข็มพลอย
สนพ.เพื่อนดี/พิมพ์(ต.ค.๕๔)
๖๕๐ หน้า ราคา ๔๔๐ บาท
โปรยปกวันนี้คือวันดีที่สุด เพราะพรุ่งนีอาจสายไปเสียแล้ว
...................
ในโถงสีเทาที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
และความเครียดเคร่งเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์
ยังมีมุมเล็กๆ ที่ผ่อนคลายและเนิบช้าอยู่บ้าง
เป็นมุมเล็กๆ ที่มากไปด้วยน้ำใจและความรัก
ทั้งมุมนี้ยังอบอุ่นและจริงใจกับเขายิ่งนัก
จนเขารู้สึกว่าความเป็นไปในมุมนี้สามารถเติมเต็ม
ความโดดเดี่ยวของตัวเองได้
ชาญเวชชักรู้สึกว่าชีวิตเขากำลังโหยหาความรัก!
ใช่แล้ว คำนี้หลุดเข้ามาในสมองอย่างอึกทึกและไม่ทันตั้งตัว
ความรัก มันคือความรักจริงๆ หรือ
ถ้าความคิดถึงคือส่วนหนึ่งของความรักละก็ใช่แน่เลย
เขากำลังรักปานหทัย แล้วอย่างไรล่ะ
ความรักของเขาจะเริ่มต้นกันอย่างไร
จะดำเนินไปอย่างไรและมันจะจบลงอย่างไร...
หลังอ่าน...
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของนักเขียนคุณภาพนามนี้ที่ได้อ่านค่ะ
หลังจากอ่านแบบไม่ปะติดปะต่อนักผ่านตามหน้านิตยสาร...
ซึ่งต้องขอสารภาพเลยว่าในตอนนั้น อ่านแบบผ่าน ๆ จริง ๆ
ด้วยรู้สึกว่าเรื่องราวเนื้อหาช่างเนิบเนือยค่อนไปข้างน่าเบื่อด้วยซ้ำ
ทั้งสำนวนคนเขียนก็ออกแนวเอื่อยอ่อน ขาดแรงดึงดูดเท่าที่ควร
ทำให้ไม่ได้ติดตามเมื่อมีการรวมเล่ม
แต่จู่ ๆ ก็ได้รับหนังสือเล่มนีมาถือครอง อยู่ในกองดองมาพักใหญ่ ๆ
ความหนาของเล่มทำให้ลังเลที่จะหยิบมาอ่านหลายครั้ง
กระทั่งล่าสุด หลังจากมีคนใกล้ตัวทยอยจากไปด้วยโรคมะเร็งหลายต่อหลายคนเข้า
เลยเริ่มรู้สึกตัวว่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิต โรคร้ายและความตายมันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
นึกถึงบางบทบางตอนของนิยายเรื่องนี้ที่เคยได้อ่าน
เลยคิดได้ว่า ควรจะอ่านเรื่องเต็ม ๆ อย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียที
แล้วก็พบว่าตัวเองพลาดไปถนัดที่เคยคิดว่านิยายเรื่องนี้น่าเบื่อ...
เพราะเพียงเริ่มต้นอ่านตั้งแต่บทแรก ความลื่นไหลต่อเนื่องของเรื่องราว
ก็ดึงดูดให้เราจ่อมจมอยู่กับหนังสือเล่มหนานี้อย่างเพลิดเพลิน...
อย่างครุ่นคิกคล้อยตาม...และอย่างตระหนักรู้ถึงคุณค่าและความหมายของวลีที่โปรยปกหน้า...
'วันนี้คือวันดีที่สุด เพราะพรุ่งนีอาจสายไปเสียแล้ว'เรื่องนี้เป็นธีมนิยายที่พุ่งประเด็นไปในแวดวงของหมอกับคนไข้...
โดยเฉพาะคนไข้โรคมะเร็ง
นางเอกปานหทัยต้องเผชิญกับโรคร้ายนี้อีกครั้งจากผู้เป็นแม่
หลังจากสูญเสียบิดาไปด้วยโรคนี้เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้า...
ครั้งนี้ แม้จะสับสนหวาดกลัว แต่ส่วนหนึ่งเหมือนเธอกับแม่จะมีบทเรียน
และประสบการณ์จากการที่เคยดูแลผู้เป็นพ่อมา
ทำให้มีความเข้าใจและมีการตระเตรียมทำใจล่วงหน้าได้ในระดับหนึ่ง
อีกอย่าง เธอมีกำลังใจที่ดีด้วยมีคุณหมอชาญเวช
คุณหมอหนุ่มใหญ่เจ้าของไข้แม่ที่ให้การดูแลเอาใจใส่ทั้งตัวคนไข้เอง
และทั้งลูกสาวด้วยความเข้าใจและเห็นใจ
จนกลายเป็นความรักความผูกพันในทีสุด
.............
เป็นนิยายชีวิตที่เรียลมาก อ่านด้วยความรู้สึกที่อินไปกับเรื่องราวเนื้อหา
ที่ช่างสอดคล้องกับความเป็นไปในชีวิตของผู้คนที่เราสามารถสัมผัสรับรู้ได้
อาจจะผ่านประสบการณ์ตรงของตัวเองหรือจากคนใกล้ตัว
หรือกระทั่งผู้คนในสังคมโดยทั่วไป
ประเด็นหลัก ๆ ที่ผู้เขียนต้องการมุ่งเน้นนำเสนอก็คือเรื่องของความสัมพันธ์
และทัศนคติที่มีต่อกันระหว่างคนป่วย(รวมทั้งญาติและครอบครัว)
กับบุคคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะคุณหมอ
โดยอาศัยตัวละครหลัก ๆ เป็นตัวแทนของแต่ละฝั่ง...
ฝั่งคนป่วยก็ฝากชีวิต ฝากความหวัง
ฝากหนทางรักษาโรคร้ายของตนเองไว้ในมือหมอ
มองหมอเป็นประหนึ่งเทวดาหรือพระเจ้า
จนบางครั้งอาจจะลืมเลือนไปว่าแท้จริงแล้ว หมอเองก็เป็นเพียงมนุษย์ผู้หนึ่ง
ที่มีเกิด แก่ เจ็บ ตายได้เช่นเดียวกับมนุษย์ทุกคนบนโลก
ในขณะเดียวกัน ฝั่งคุณหมอก็ต้องทำความเข้าใจในความคาดหวัง
ของคนป่วยและญาติ ๆ
นอกเหนือจากภาระความรับผิดชอบตามหน้าที่ที่ได้ร่ำเรียนมา
เรื่องราวดำเนินไปอย่างค่อนข้างเรียบเรื่อยนะคะ
แต่ทุกบททุกตอนจะมีแฝงแง่คิดมุมมองไว้เยอะมาก
มีมุมดราม่าให้รู้สึกเศร้าซึมน้ำตาคลอ
มีมุมรักโรแมนติกให้ได้จิ้นอยู่ประปราย แต่ก็เป็นไปแบบผู้ใหญ่ๆ...
ก็พระเอกของเราเป็นคุณหมอระดับอาจารย์ที่อายุอานามปาเข้าไปถึง ๔๘ ปี
แต่ที่ครองตัวเป็นโสดโดดเดี่ยวมาจนถึงปูนนี้ก็เพราะคุณหมอเองตรวจพบว่า
ตัวเองมีโรคร้ายอยู่ในตัว จึงไม่อยากดึงชีวิตของใครมาพัวพันด้วย...
จุดนี้เองนิยายจึงมีมุกมีมุมให้ได้ลุ้น
ให้คนอ่านได้เอาใจช่วยให้ความรักต่างวัยนี้ราบรื่นและสมหวัง
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ผู้เขียนได้สอดแทรกไว้อย่างเหมาะสมสอดคล้อง
ทั้งสมจริงและสมเหตุสมผล
เช่นเรื่องของการใช้ทุนด้วยสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม
เรื่องของการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องอาศัยทั้งแรงกายแรงใจรวมทั้งความรักความเข้าใจเป็นปัจจัยสำคัญ
(จุดนี้คนอ่านที่เคยผ่านประสบการณ์การดูแลคนป่วยเช่นนี้มาก่อน
ย่อมรู้ซึ้งแก่ใจดีถึงความยากลำบากในการวางตัววางใจ
ให้ยอมรับความเป็นจริงของชีวิตและก้าวข้ามมาได้โดยไม่เจ็บปวด)
หรือเรื่องของจิตอาสา ด้วยสำนึกแห่งความกตัญญูรู้คุณ
และความเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของเพื่อนร่วมโลก ร่วมทุกข์
นับเป็นเป็นแง่มุมที่งดงามมากในนิยายเรื่องนี้
ทั้งยังมีมุมผ่อนคลายท่ามกลางความเครียดเคร่งของเนื้อหา
ผ่านตัวละครที่เป็นคุณหมอวัยหนุ่มสาว...มีมุมกุ๊กกิ๊กจุ๊กจิ๊ก
ทำให้โทนของเรื่องดูซอฟท์ลงเป็นบางช่วงบางตอน
เป็นหนังสือเล่มหนาที่อ่านเพลิน มีสาระข้อคิดได้เก็บเกี่ยวซึมซับมากมายที่มิอาจบรรยายได้หมดสิ้น
ขออนุญาตส่งท้ายบล็อกนี้ด้วยข้อความบางส่วนจากหน้าคำนำสำนักพิมพ์ดังนี้...
...เรื่องราวในโถงสีเทาแห่งนี้ มีอุทาหรณ์ให้เราคิดทั้งแง่ของคุณค่าเวลา
คุณค่าของความรัก รวมทั้งคุณค่าของชีวิต
และเมื่อเราเข้าใจถึงคุณค่าเหล่านี้ดีพอ ก็สามารถพูดได้เต็มปากว่า
เราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะพรุ่งนี้อาจสายไปเสียแล้ว
*** นวนิยายชีวิตเรื่องนี้มีรางวัลการันตีคุณค่าจากสองสถาบันแน่ะค่ะ
นั่นคือรางวัลหนังสือดีเด่นประเภทนวนิยายจากคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปี ๒๕๕๕
กับอีกรางวัลคือรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ ๙ ปี ๒๕๕๕
พล็อตเรื่องน่าสนใจมากเลยครับ
จริงๆประเด็นเกี่ยนวกับการเยียวยารักษาคนไข้โรคมะเร็งนั้น
น่าสนใจมกาๆ
เพราะสถิติคนไทยเราเป็นโรคนี้เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจครับ
โดย: กะว่าก๋า 12 พฤษภาคม 2559 17:53:33 น.
เล่มนี้ก็ชอบค่ะ ^^
โดย: piramon IP: 1.46.12.27 13 พฤษภาคม 2559 8:56:15 น.
โดย: ออโอ 13 พฤษภาคม 2559 22:07:30 น.
การดำเนินเรื่องจะค่อนข้างไปเรื่อย ๆ เรียบ ๆ จริง ๆ แหละค่ะ แต่มันก็มีอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะความ real ที่สอดแทรกมาแทบจะทุกบทนั้นละค่ะ
เป็นอีกเล่มที่น่าอ่านค่ะ
โดย: Serverlus 13 พฤษภาคม 2559 22:28:29 น.
แต่ชอบประโยคที่ว่า
"เราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะพรุ่งนี้อาจสายไปเสียแล้ว"
ไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้ยังมีให้เราได้แก้ตัวหรือไม่
แต่คนก็มักละเลยคิดเพียงแต่ว่าแล้วมันก็จะพ้นไปอีก 1 วัน
จากรีวิว ดูจะเป็นนิยายที่หดหู่นะคะ เมื่อต้องต่อสู้กับโรคร้ายของคนใกล้ตัว
โรคมะเร็งดูจะพบได้กับทุกครอบครัว ไม่ว่าจะคุยกับใครก็ต้องมีญาติมีเพื่อนที่เป็นมะเร็งสักคนสิน่า
สำหรับบ้านเราลุง,อา ล้วนแต่จากไปด้วยโรคมะเร็ง
พ่อเคยเป็นแต่หาย ย่าเคยเป็นแต่เสียชีวิตด้วยโรคอื่น
จะว่าไปมะเร็งน่ากลัวกว่าเอดส์ซะอีกเพราะไม่รู้จะป้องกันตัวเองยังไง
โดย: เรียวรุ้ง 14 พฤษภาคม 2559 16:57:21 น.
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
The Kop Civil Diarist ดู Blog
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
mastana Literature Blog ดู Blog
แม่ไก่ Book Blog ดู Blog
โดย: newyorknurse 17 พฤษภาคม 2559 3:27:04 น.
แต่ไม่เห็นในร้านหนังสือแถวบ้านเลย
ท่าทางจะต้องสั่งกับ สนพ. แล้ว
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่า
โดย: lovereason 17 พฤษภาคม 2559 10:43:30 น.
ยังก้มงุดอยู่กับงานกันบ้างไหม
ทำเถิดทำก้มหน้าทำต่อไป
วันหยุดใกล้มาจ่ออีกนิด
โดย: เรียวรุ้ง 18 พฤษภาคม 2559 11:02:27 น.
เดี๋ยวหามาอ่านบ้าง :-D
โดย: piramon IP: 1.46.15.7 20 พฤษภาคม 2559 19:18:43 น.