bloggang.com mainmenu search
คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN

ในขณะที่สตรีกำลังนอนอยู่บนเตียงของคนรักและรำคาญการสนทนาของเขา บุรุษนั้นพึงคลายปมชุดชั้นในของเธอ ถ้าเธอเริ่มต่อต้าน เขาควรจู่โจมเธอด้วยจุมพิต

จากนั้น เมื่อลึงค์ของเขาแข็งตัวแล้ว เขาควรสัมผัสเธอด้วยมือทั้งสองของเขาในที่ต่างๆ และจับต้องไปตามส่วนต่างๆ บนเรือนร่างของเธอ

ถ้าสตรีนั้นเอียงอายและถ้ามันเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน บุรุษก็ควรวางมือทั้งสองของเขาไว้ระหว่างต้นขาทั้งสองของเธอ ซึ่งเธอน่าจะหนีบมันแนบชิดกัน

ถ้าเธอมีวัยเยาว์มาก เขาควรเอามือสัมผัสทรวงอกของเธอก่อน ซึ่งเธอน่าจะปิดป้องมันไว้ด้วยมือทั้งของเธออยู่แล้ว เขาก็จะเลื่อนมือมาสัมผัสที่ใต้รักแร้ของเธอ ตามด้วยลำคอของเธอ

อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอเป็นสตรีที่มีประสบการณ์ เขาควรทำอะไรก็ตามที่เห็นพ้องต้องกันทั้งเขาและเธอ

หลังจากนี้ เขาควรลูบไล้เรือนผมของเธอและเชยคางเธอเพื่อก้มหน้าลงจุมพิตเธอ อย่างไรก็ตาม เขาควรสังเกตจากอากัปกิริยาของสตรีคนนั้นว่าอะไรที่เป็นที่พึงพอใจสำหรับเธอในระหว่างทางสังวาส

สัญญาณของความรื่นเริงและความพึงพอใจของสตรีนั้นมีดังต่อไปนี้ :

เรือนร่างขอเธอผ่อนคลาย เธอหลับตา เธอสลัดความอายและแสดงความเต็มใจเพิ่มขึ้นในการร่วมอวัยวะทั้งสองเข้าด้วยกันอย่างใกล้ชิดมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

ในอีกทางหนึ่ง สัญญาณแห่งการไม่สมปรารถนาของสตรีมีดังต่อไปนี้ :

เธอสะบัดมือ เธอไม่ยอมให้เขาลุกขึ้น รู้สึกหดหู่ กัดเขา เตะเขา และฮึดฮัดต่อไปหลังจากบุรุษเสร็จเรื่องของเขาแล้ว ในกรณีเช่นนี้บุรุษควรถูโยนีของสตรีด้วยมือและนิ้วของเขา (เหมือนช้างถูสีข้างของมันกับต้นไม้) จนกระทั่งมันอ่อนนุ่มและลื่นมือ หลังจากทำเช่นนี้เรียบร้อยแล้ว เขาจึงจะเริ่มสอดใส่ลึงค์ของเขาไปในเธออีกครั้ง

เมื่ออวัยวะทั้งสองถูกนำมาอยู่ด้วยกันอย่างเหมาะสมและถูกต้อง ก็เรียกว่า “การเคลื่อนอวัยวะไปข้างหน้า”

เมื่อลึงค์ถูกจับไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและควงอยู่ในโยนี ก็เรียกว่า “การปั่น” เมื่อโยนีลดต่ำและส่วนหน้าของมันปะทะกับลึงค์ ก็เรียกว่า “การเสียบ” แต่เมื่อลึงค์ถูกชักออกห่างจากโยนีระยะหนึ่ง และจากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตี มันเรียกว่า “การสาวหมัดตรง”

เมื่อมีเพียงส่วนหนึ่งของโยนีถูกับลึงค์ ก็เรียกว่า “หมัดหมูป่า”

ในอีกทางหนึ่ง เมื่อลึงค์อยู่ในโยนีและขยับขึ้น-ลงถี่ๆ โดยไม่มีการชักออก มันก็เรียกว่า “นกกระจอกหยอกล้อ” แบบนี้จะเกิดขึ้นตอนจบของการสังวาส

ในบทสรุป วัตสญาณเสนอข้อเตือนใจไว้ดังนี้ :

“กามศิลป์นี้มิถูกใช้เพียงเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับ ความพึงพอใจแห่งความปรารถนาของเราเท่านั้น บุคคลผู้คุ้นเคยกับสัจธรรมของศาสตร์นี้ ผู้ซึ่งดำรงรักษาธรรมะ (ความดีงามทางศาสนา) อรรถะ (ความมั่งคั่งทางโลกย์) และกามะ (ความพึงพอใจทางเพศ) และผู้เคารพต่อประเพณีของตน ย่อมได้รับชัยชนะเหนืออินทรีย์สัมผัสของเขา กล่าวสั้นๆ ก็คือ บุคลผู้ชาญฉลาดและสุขุมลุ่มลึก เมื่อปฏิบัติธรรมมะและอรรถะ แล้วยังปฏิบัติกามะอีกด้วย โดยปราศจากการตกเป็นทาสของตัณหา ย่อมได้รับความสำเร็จในทุกสิ่งที่เขากระทำ

เกร็ดกามสูตร

- ความเข้มข้นของความพึงพอใจในสตรี มีความแตกต่างกันหลากหลาย บางคนพึงพอใจได้ง่ายๆ แต่หลายคนกระหายและใคร่ไปต่ออีกนาน ดังนั้น เพื่อสร้างความพึงพอใจให้สตรีอย่างตลอดรอดฝั่ง บุรุษจึงต้องมีกามศิลป์เป็นตัวช่วย

- สตรีไม่แสดงออกอย่างบุรุษ บุรุษนั้นแค่ปลดเปลื้องความใคร่ ในขณะที่สตรีรู้สึกถึงความยินดีบางอย่างจากจิตสำนึกแห่งความปรารถนาของพวกเธอ ซึ่งทำให้พวกเธอพึงพอใจ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเธอจะบอกคุณว่าความยินดีอย่างไหนที่พวกเธอรู้สึก หลักฐานจากข้อเท็จจริงนี้ก็คือ เมื่อบุรุษเสพสังวาส เขาจะหยุดกิจกรรมทั้งหมดทันทีหลังจากบรรลุความใคร่ของพวกเขาแล้ว แต่สตรีไม่เป็นเช่นนั้น พวกเธอยังไม่จบกระบวนการ

- โดยการสังวาสกับบุรุษ ความใคร่ ความปรารถนาหรือตัณหาของสตรีก็จะบรรลุและความยินดีที่ก่อเกิดจากจิตสำนึกของมันนี้ เรียกว่า ความพึงพอใจของพวกเธอ

- การสังวาสที่เกิดจากความรักและความศรัทธาอันสมบูรณ์ระหว่างบุรุษและสตรี เป็นการสังวาสระดับสูงสุด

//www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9560000065375
Create Date :31 พฤษภาคม 2556 Last Update :31 พฤษภาคม 2556 21:15:44 น. Counter : 2048 Pageviews. Comments :0