103 :: เด็กวัยสามเดือนถึงสี่เดือน: ลักษณะของเด็ก
เด็กอายุ 3-4 เดือน จะเคลื่อนไหวมากกว่าเดือนที่แล้ว การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตา หู และแขนขา เริ่มประสานกัน เมื่อเด็กคอแข็งแล้ว จะพยายามหันดูสิ่งแปลก ๆ และหันตามเสียง เวลาอาบน้ำ สระผม เด็กที่ไม่ชอบสระผม จะพยายามหันหัวหนี ทำให้คุณแม่สระผมให้ลำบากขึ้น เวลาวางนอนคว่ำจะชูคอขึ้นสูงและถีบแขนขา นอกจากกล้ามเนื้อคอจะแข็งแรงขึ้นแล้ว กล้ามเนื้อสันหลังก็แข็งแรงขึ้นด้วย เด็กบางคนพลิกคว่ำพลิกหงายเองได้แล้ว ถ้าคุณแม่ลืมยกที่กั้นเตียงขึ้น เด็กจะพลิกตกลงมาได้ คุณแม่ต้องไม่วางเด็กในวัยนี้ทิ้งไว้ ที่ระเบียงซึ่งไม่มีลูกกรงกั้นเป็นอันขาด เด็กอายุ 4 เดือน จะเคลื่อนไหวแขนขาได้อิสระขึ้น เด็กบางคนสามารถถือขวดนมได้เองแล้ว บางคนดึงผ้าห่มใส่ปากดูด เด็กบางคนเวลาจับยืนบนตักจะถีบเท้ากระโดด เด็กในวัยนี้เป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็น อยากทำอะไรด้วยตัวเอง เราจึงมักเริ่มหัดกายบริหารให้ แต่เรื่องหัดกายบริหารนี้ไม่จำเป็นสำหรับเมืองไทย เพราะอากาศร้อน เด็กสวมเสื้อผ้าน้อย อาบน้ำก็บ่อย เป็นการออกกำลังกายไปในตัวอยู่แล้ว นิสัยในการนอนของเด็กแต่ละคน จะเริ่มเห็นชัดขึ้น เด็กส่วนใหญ่จะนอนตอนเช้าประมาณ 2 ชั่วโมง และตอนบ่ายอีกประมาณ 2 ชั่วโมง กลางคืนนอนตั้งแต่สองทุ่ม และตื่นกลางดึกประมาณครั้งหรือสองครั้ง แต่มีเด็กบางคนที่มีนิสัยต่างจากนี้ ถ้าเป็นเด็กประเภทชอบนอน นอนเกือบทั้งวัยทั้งคืนคุณแม่มักชอบเพราะเลี้ยงง่าย แต่ถ้าเป็นเด็กประเภทไม่ยอมนอนตอนกลางคืน คุณพ่อคุณแม่มักเดือดร้อน ปริมาณนมที่เด็กแต่ละคนกินไม่เท่ากัน เด็กบางคนกินเก่ง กินนมครั้งละ 200 ซี.ซี. แล้วยังร้องจะเอาอีก เด็กที่กินน้อยจะกินเพียง 120 ซี.ซี. ก็อิ่ม เด็กที่เลี้ยงด้วยนมแม่สลับนมวัว พอถึงระยะนี้บางคนจะไม่ยอมกินนมวัว เด็กที่เคยเลี้ยงด้วยนมแม่มาตลอด เมื่อนมแม่เริ่มไม่พอ มีจำนวนมากที่ไม่ยอมกินนมวัว เด็กผู้ชายที่เคยอาเจียนบ่อย ๆ พอถึงระยะนี้จะเลิกอาเจียนแล้ว เด็กที่มีน้ำลายมาก น้ำลายจะเริ่มไหลย้อยลงมาจากปาก ส่วนใหญ่อายุหนึ่งขวบแล้วก็ยังไหลอยู่ แต่ถึงเวลาก็จะหยุดไหลไปเอง ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเด็กจะน้ำลายย้อยจนโต เด็กที่ท้องผูกบ่อย ๆ จะยังคงมีอากรท้องผูกอยู่ ถ้าเด็กเริ่มกินอาหารด้วยช้อนได้ ลองให้กินนมเปรี้ยว เด็กที่เคยถ่ายอุจจาระเหมือนท้องเสีย ในช่วงที่กินนมแม่ เมื่อเปลี่ยนเป็นนมผง อึจะแข็งขึ้น เมื่อเด็กอายุได้ 3 เดือน คุณแม่บางคนจะเริ่มฝึกนั่งกระโถนให้ มีเด็กบางคนที่หัดได้ แต่การที่เด็กบางคนสามารถถ่ายละกระโถนได้นั้น ไม่ใช่เป็นเพราะการฝึกของคุณแม่ แต่เป็นเพราะเป็นเด็กที่อึฉี่ไม่บ่อย ทำให้คุณแม่สามารถคาดเวลาได้ว่าจะถ่ายเมื่อไร พอใกล้เวลาจะนั่งกระโถนเด็กก็จะถ่าย ทำให้คุณแม่ดีใจนึกว่าเก่งทั้งแม่ทั้งลูก ถ้าบังเอิญลูกของคุณเป็นเด็กประเภทถ่ายบ่อยไม่เป็นเวลา คุณแม่จะฝึกไม่สำเร็จ ในวันหนึ่งอาจมีเพียงครั้งหรือสองครั้ง ที่บังเอิญเวลาจับนั่งกระโถนตรงกับเวลาถ่ายของเด็ก เด็กจึงถ่ายลงกระโถน คุณแม่อย่ามัวเสียเวลาฝึกลูกนั่งกระโถนเลย เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์จะดีกว่า สิ่งที่สำคัญกว่าการฝึกลูกนั่งกระโถนคือ การพาลูกออกตากอากาศนอกบ้าน วันหนึ่ง ๆ ควรให้ลูกอยู่นอกบ้านอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพราะอากาศภายนอกจะทำให้ผิวหนัง และเนื้อเยื่อหลอดลมของทารกแข็งแรงขึ้น เด็กจะรู้สึกสนุกและชอบอยู่นอกบ้านมากกว่าในบ้าน เป็นการให้ประโยชน์ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ดังนั้น คุณแม่ควรพยายามพาลูกออกนอกบ้าน ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อเด็กได้ตากอากาศภายนอก กลางคืนเด็กจะนอนหลับสบาย ทำให้คุณแม่สบายไปด้วย เด็กที่ไม่ค่อยนอนตอนกลางคืน ควรพาออกเที่ยวมาก ๆ หน่อย เมื่อเด็กอายุได้ 3 เดือน แพทย์ พยาบาลบางคน จะแนะนำให้เริ่มให้อาหารเสริม เช่น กล้วยน้ำว้า ไข่แดง แป้งอาหาร เต้าหู้ ฯลฯ โดยเฉพาะในกรณีที่เศรษฐกิจของคุณแม่ ไม่อำนวยให้ซื้อนมผงราคาแพงเลี้ยงลูกได้เต็มที่ ควรเริ่มฝึกให้กินอาหารเสริมเร็วหน่อย แล้วเลือกของที่ประโยชน์ที่ราคาถูกให้เด็กกิน จะช่วยประหยัดได้บ้าง แต่ถ้าคุณมีเงินพอที่จะเลี้ยงลูก ด้วยนมชั้นดีได้อย่างสบาย ๆ คุณไม่ต้องรีบร้อนให้อาหารเสริม เพราะไม่ใช่ว่าพออายุได้ 3 เดือน เด็กทุกคนจะต้องกินอาหารเสริมได้ เด็กแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนสามารถกินอาหารจากช้อนได้เร็ว บางคนถ้าป้อนให้ด้วยช้อนจะทำหกเกือบหมด เด็กบางคนชอบอาหารเสริม บางคนต้องคอยถึงอายุ 5 เดือนขึ้นไปจึงจะยอมกิน การเริ่มให้อาหารเสริมเร็ว ไม่ได้ช่วยให้เด็กแข็งแรงขึ้นแต่อย่างใด และการเริ่มให้ช้าก็ไม่ได้ทำให้ เด็กกลายเป็นเด็กที่กินยากหรือเลือกอาหารแต่อย่างใด การให้อาหารเสริมไม่ใช่การฝึกให้เด็ก ทนกินอาหารที่ไม่ชอบ แต่คือการสอนให้เด็กค่อย ๆ เคยชินกับการกินอาหาร ซึ่งเป็นความสุขอย่างหนึ่งของคนเรา การทำให้เด็กหมดความสุขกับการกินเพราะถูกบังคับ เป็นการกระทำที่โง่เขลา เด็กจะชอบกินอาหารเสริมหรือไม่นั้นอยู่ที่ตัวเด็กเอง ไม่ใช่เรื่องที่จะฝึกสอนกันได้ การให้อาหารเสริมไม่ควรเน้นที่การให้ตามตาราง แต่ควรเริ่มจากการสอนให้เด็กรู้จักกินอาหารด้วยช้อน ถ้าเด็กชอบกินน้ำผลไม้ อาจแบ่งน้ำผลไม้ส่วนหนึ่งป้อนให้ด้วยช้อน ถ้าไม่ชอบน้ำผลไม้ อาจลองให้น้ำแกงจืดด้วยช้อนดู โดยเริ่มให้แต่น้อย ช้อนสองช้อน ถ้าชอบจึงค่อย ๆ เพิ่ม ถ้าเด็กไม่ชอบก็รอไปอีกครึ่งเดือนแล้ค่อยลองให้ใหม่ ไม่มีกฎข้อบังคับใด ๆ ว่า เด็กอายุ 4 เดือนจะต้องกินไอ้โน่นไอ้นี่ให้ได้เท่านั้นเท่านี้ เด็กแต่ละคนชอบอาหารแตกต่างกัน ในระหว่างที่เด็กยังไม่ชอบอาหารเสริม คุณแม่เพียงแต่ฝึกการกินอาหารด้วยช้อนรอไว้ก็พอ เด็กในช่วง 3-4 เดือนนี้ มักไม่เป็นโรคร้ายแรง ถึงแม้พี่จะเป็นหัดเด็กทารกก็จะไม่ติด คางทูมก็ไม่ติด แต่เด็กจะติดอีสุกอีใสได้ แต่ถึงเป็นอาการก็ไม่หลัก ถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นหวดลูกมักติด และถ้ามีไข้ ไข้จะไม่สูง ส่วนมากมักมีเพียงอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล จามและไอ แล้วก็หาย ถ้ารักษาความสะอาดอยู่เสมอ เด็กวัยนี้มักจะไม่เป็นโรคท้องร่วง เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส เด็กที่เคยผิวหนังอักเสบ ถึงระยะนี้อาการจะค่อยดีขึ้น เด็กที่กระดูดต้นขาหลุดจากข้อต่อตะโพกมาแต่กำเนิด ถ้าพบในช่วงนี้จะสามารถรักษาให้หายได้ก่อนอายุ 1 ขวบ ที่มาของสาระดีๆ ขอขอบคุณ
Create Date : 04 เมษายน 2553 |
Last Update : 4 เมษายน 2553 6:21:10 น. |
|
0 comments
|
Counter : 558 Pageviews. |
|
|