187 :: เด็กวัยแปดเดือนถึงเก้าเดือน: ลักษณะของเด็ก
พอถึงวัยนี้ คุณแม่จะปล่อยให้เด็ก คลาดสายตาไม่ได้แล้ว เพราะเด็กเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว ไปไหน ๆ ในห้องได้คนเดียว จึงมีอันตรายมาก นอกจากนั้น เด็กในวัยนี้ส่วนมาก พอคุณแม่เดินจากไป มักจะร้องไห้ไม่ยอมให้ไป เด็กนั่งได้นานขึ้น โดยไม่ต้องใช้อะไรพยุง หลายคนคลานได้แล้ว บางคนเกาะยืนได้แล้ว และมีน้อยคนที่เดินได้ในวัยนี้ เด็กใช้มือได้อย่างอิสระขึ้น ฉีกหนังสือพิมพ์ได้ (บางคนเคี้ยวกินเลย) สามารถเอาของเล่นจากมือซ้ายใส่มือขวาบ้าง เอามือทุบโต๊ะปัง ๆ บ้าง เวลาเห็นเชือกห้อยอยู่จะชอบดึงเล่น ถ้าทำช้อนตกจากโต๊ะอาหาร จะพยายามก้มหาเอง เด็กสามารถเลียนแบบสิ่งง่าย ๆ ได้ เวลาคุณแม่ป้อนอาหารแล้วร้อง “อ้าม” เด็กก็จะร้อง “อ้าม” ตาม เวลาส่งคุณพ่อไปทำงานก็ “บ๊ายบาย” ได้ หรือจะสอนกวักมือเรียกคน “ไล้ไล้” ก็ได้ (แต่การสอนให้ทำอย่างนี้ได้เร็ว ไม่ได้ช่วยเร่งให้เด็กปัญญาดีขึ้นหรอก) เด็กวัยนี้ยังพูดภาษาไม่ได้ แต่สามารถออกเสียงต่าง ๆ ได้บ้างแล้ว เช่น อ้าม จ้ะ มา ปา ฯลฯ เด็กฟังภาษาเข้าใจมากขึ้น พอเรียกชื่อสิ่งที่เด็กคุ้นเคย เด็กก็จะมองหาหรือหยิบส่งให้ได้ เด็กบางคนชอบให้เล่นแรง ๆ เวลาถูกจับโยนจะหัวเราะชอบใจ บางคนชอบเล่นจ๊ะเอ๋ บางคนปีนเก่ง ถ้าไม่กั้นเตียงเตี้ยอาจปีนตกลงมาได้ เด็กจำหน้าพ่อแม่ได้ดีแล้ว และถ้าเด็กคนไหน “แปลกหน้า” คนง่าย พอเห็นคนแปลกหน้า จะร้องดังลั่นยิ่งกว่าเดือนที่แล้ว เด็กจะแปลกหน้าคนเก่งหรือไม่นั้น แล้วแต่นิสัยของเด็กแต่ละคน เด็กบางคนไม่ว่าเจอหน้าใครยิ้มให้ทั้งนั้น เป็นที่ชื่นชอบของคนรอบด้าน เด็กที่ชอบดนตรี เวลาได้ยินเสียงดนตรี จะขยับร่างกายตามไปด้วย เด็กวัยนี้ยังเล่นกับเด็กอื่นไม่ได้ แต่ชอบดูเด็กอื่น ๆ เล่น และทำท่าสนุกสนานไปด้วย ระยะเวลาการนอน มักไม่แตกต่างจากเดือนที่แล้วนัก เด็กส่วนใหญ่จะนอนช่วงเช้ากับช่วงบ่าย ช่วงละหนึ่งถึงสองชั่วโมงครึ่ง เด็กบางคนที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง อาจจะไม่นอนช่วงเช้าและมักจะนอนน้อย เด็กประเภทนี้เป็นคนประเภท “แอคทีฟ” (ไม่ชอบอยู่เฉย ๆ) และพักผ่อนน้อยก็พอเพียง กลางวันก็นอนน้อย แถมกลางคืนยังไม่ค่อยยอมนอนอีก คุณแม่ของเด็กประเภทนี้ มักจะกลัวว่าลูกจะนอนไม่พอ เด็กวัยนี้มักจะนอนตอน 3 ทุ่ม และลุกขึ้นตอน 7-8 โมงเช้า แต่มีน้อยคนที่จะนอนรวดเดียว ถึงเช้าโดยไม่ตื่นเลย ส่วนใหญ่จะตื่น 2-3 ครั้ง เพราะฉี่เปียก ซึ่งบางคนก็หลับต่อได้เลย บางคนต้องดูดนมแม่นิดนึงจึงหลับ บางคนต้องกินนมครึ่งขวดจึงจะหลับก็มี เด็กที่กลางคืนตื่นแล้วนอนยาก ถ้านอนแยกกับคุณแม่ คุณแม่จะต้องลุกไปกล่อมบ่อย ๆ จนกระทั่งในที่สุด ต้องพามานอนข้าง ๆ ก็มี เด็กบางคนนอนดิ้นมาก จนนอนเตียงเด็กไม่ได้ เพราะหัวฟาดขอบเตียงบ่อย ๆ ดังนั้นพอถึงวัยนี้ มีหลายบ้านทีเดียว ที่ต้องย้ายเด็กมานอนกับคุณแม่ สำหรับอาหารนั้น พออายุเท่านี้ ไม่ว่าเด็กคนไหนก็ได้รับอาหารเสริม ในรูปต่าง ๆ แล้ว ตามตารางอาหารเสริม เด็กวัยนี้ควรกินข้าววันละ 2 มื้อ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำตามนั้นอย่างตายตัว เด็กคนไหนที่ไม่ชอบของเละ ๆ แบบข้าวต้ม อาจไม่ค่อยยอมกิน คุณแม่ไม่ต้องบังคับ ให้มื้อเดียวก็พอ หรือคุณแม่จะลองให้เด็กกินข้าวสวยดูก็ได้ ถ้าเด็กชอบกินให้กินได้ไม่มีอันตรายอะไร เด็กวัยนี้ส่วนใหญ่ จะกินข้าวต้มวันละ 2 มื้อ และหลังอาหารจะดื่มนมประมาณครึ่งขวด และให้นมตอนตื่นนอน กับตอนก่อนนอนอีกมื้อละขวด เด็กที่ไม่ชอบกินนมจะกินข้าวมากกว่า เด็กแบบนี้คุณแม่ต้องเน้นให้อาหารพวก ไข่ ปลา หรือเต้าหู้ ให้มากหน่อย มิฉะนั้นจะขาดโปรตีน เด็กส่วนใหญ่ยังดูดนมจากขวด แต่นมมื้อหลังอาหาร คุณแม่อาจให้ดื่มจากถ้วยก็ได้ เด็กที่เลี้ยงด้วยนมวัว พอถึงวัยนี้มีน้อยคน ที่ยังต้องกินนมมื้อดึกอยู่ แต่ถ้าเด็กร้องกวนกลางคืน เมื่อให้ดูดนมจากขวดนิดหน่อย แล้วเด็กหลับง่ายละก้อ คุณแม่ยังให้นมมื้อดึกต่อไปได้ เด็กที่กินนมแม่มาตลอด นมมื้อหลังอาหารควรให้ดื่มนมวัว และค่อย ๆ เปลี่ยนจากนมแม่เป็นนมวัว โดยช่วงกลางวันให้นมวัว เก็บนมแม่ไว้ ให้ตอนเช้าตรู่กับก่อนนอน และตอนตื่นขึ้นมากลางดึก สำหรับผลไม้ แทนที่จะให้น้ำผลไม้คั้น เปลี่ยนเป็นให้ผลไม้ชิ้นเล็ก ๆ แต่ต้องแกะเอาเมล็ดออกก่อนให้เด็กเสมอ เช่น กล้วย มะละกอ ส้ม แตงโม น้อยหน่า ละมุด สับปะรด สตรอเบอรี่ ฯลฯ เด็กที่มีฟันล่างแล้ว อาจชอบแทะผลไม้แข็ง ๆ เช่น ชมพู่ ฝรั่ง แอปเปิ้ล เพราะกำลังมันเขี้ยว เวลาคุณแม่อุ้มพาดไหล่ อาจโดนงับเอาบ่อย ๆ ก็ได้ พวกขนม ให้กินขนมไทย ๆ ต่าง ๆ (ที่ไม่ใส่สีและไม่หวานเกินไป) เวเฟอร์ ขนมปังกรอบ ขนมเค้ก ฯลฯ แต่อย่าให้กินลูกกวาด ทอฟฟี่ ถั่วลิสง หรือถั่วคั่วทุกชนิด เ พราะอันตรายจากการติดคอ เมื่อได้รับอาหารเสริมมากขึ้น อุจจาระของเด็กจะส่งกลิ่นเหม็นขึ้น และสีเปลี่ยนไป เด็กจะถ่ายวันละ 1-2 ครั้ง หรือ 2 วันต่อครั้ง มีหลายแบบแล้วแต่เด็ก สำหรับปัสสาวะนั้นยังถ่ายประมาณ วันละ 10 กว่าครั้ง และสีจะเข้มขึ้นเมื่อได้อาหารเสริมมากขึ้น ในวัยนี้มีเด็ก ที่สามารถนั่งกระโถนได้แล้ว แต่เด็กคนไหน ไม่ยอมนั่งก็ไม่ต้องบังคับให้นั่ง จำนวนครั้งที่ปัสสาวะช่วงกลางคืน ของเด็กแต่ละคนต่างกัน เด็กที่กินน้อยมักจะปัสสาวะน้อย บางคนไม่ปัสสาวะเลยจนถึงเช้า แต่เด็กที่ต้องกินนม 1 ขวดก่อนนอน มักจะปัสสาวะกลางดึกประมาณ 1-2 ครั้ง เด็กคนไหนที่พอที่นอนเปียก จะตื่นขึ้นมาร้องกวน เปลี่ยนผ้าอ้อมให้แล้ว ก็ยังไม่ยอมนอนต่อง่าย ๆ นั้น คุณแม่อาจเลื่อนเวลาให้นมก่อนนอน ให้เร็วขึ้นหน่อย และก่อนที่คุณแม่จะนอน ก็จับลุกขึ้นมาปัสสาวะเสียครั้งหนึ่ง อาจจะช่วยได้มาก โรคที่เด็กช่วง 8-9 เดือน มีเรื่องที่จะต้องพาไปหาหมอมากที่สุดก็คือ ไข้หวัด รองลงมาก็โรคท้องเสีย เด็กที่มีเสมหะมาก อาจถูกหาว่าเป็น “โรคหืดในเด็ก” ถ้าเด็กเคยเป็นมานานแล้ว คุณแม่ก็ไม่ต้องตกใจ แต่อาจมีเด็กบางคนที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่พอถึงวัยนี้ช่วงอากาศเปลี่ยน เกิดมีอาการเสมหะมาก และพอไอก็อาเจียนออกมาด้วย เมื่อไปหาหมอแล้วหมอว่าเป็นโรคหืดในเด็ก คุณแม่คงตกใจมาก เด็กที่ตัวร้อนสูงแล้วมีอาการชักเพราะไข้ มักจะเริ่มเกิดในวัยนี้เช่นกัน เด็กที่มีพี่ อาจติดโรคหัด โรคอีสุกอีใส สำหรับคางทูมนั้น ถึงจะติดก็เกือบไม่แสดงอาการเลย เด็กในวัยนี้ มักจะเป็นโรคภายนอก ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุมากกว่าโรคภายใน อุบัติเหตุที่เกิดมากที่สุดคือ ตกเตียงหรือตกจากที่สูงแล้วเอาหัวฟาดพื้น ตามปกติเด็กที่ตกเตียงสูงขนาดธรรมดา ๆ ลงมาบนพื้นนุ่ม ๆ มักไม่ส่งผลอะไรในภายหลัง แต่ถ้าตกลงโดนพื้นแข็ง เช่น ซีเมนต์ ก็อาจจะเป็นอันตรายได้ อุบัติเหตุอันดับรองลงมาคือ ถูกของร้อน เช่น เตารีด หรือน้ำร้อนลวก คุณแม่ต้องเก็บงำของพวกนี้ให้ดี เด็กที่คลานได้ อาจคลานเอามือจิ้มเข้าไปในปลั๊กไฟ ฉะนั้นปลั๊กไฟที่อยู่ในระดับต่ำ ควรหาเทปมาปิดไว้ หรือหาเครื่องมาครอบปลั๊กไฟไว้ มิให้นิ้วเด็กแยงเข้าไปได้ นอกจากนั้นยังมีอุบัติเหตุ กินก้นบุหรี่ เศษสตางค์ กระดุม ฯลฯ | ที่มาของสาระดีๆ ขอขอบคุณ