248 :: เด็กหนึ่งขวบถึงหนึ่งขวบครึ่ง: การเลี้ยงดู: ขนมสำหรับเด็ก
เด็กวัยนี้ส่วนใหญ่ชอบกินขนม แต่มีเด็กบางคนซึ่งไม่ชอบขนมหวาน จำพวกขนมต้มน้ำตาลหรือขนมเค้ก และอยู่ได้โดยไม่ต้องกินขนมเลย ที่จริงขนมเป็นเพียงสิ่งที่เพิ่มความสุขให้เด็ก และให้พลังงานระหว่างมื้ออาหาร ถ้าเด็กไม่ชอบเราก็ไม่ต้องให้ ให้นมระหว่างมื้อแทนก็ได้ เด็กเล็กๆไม่สามารถกินข้าว เพียงวันละ3มื้อได้ทีละมากๆ เพื่อตุนไว้จนถึงมื้อต่อไปได้ เพราะฉะนั้นเด็กซนซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา จึงต้องการขนมระหว่างมิ้ออาหาร และเนื่องจากน้ำตาล เป็นสิ่งที่ให้พลังงานง่าย ขนมจึงมักเป็นของหวาน เด็กที่ตื่นตั้งแต่เช้าตอน7โมง และกินอาหารตอน8โมงเช้า กว่าจะถึงมื้อเที่ยง คงต้องการขนมนิดหน่อยตอนสายๆ ส่วนเด็กที่ตื่นตอนสาย9โมง และกินมื้อเช้าตอน10โมง คงไม่ต้องการขนมในช่วงเช้า ส่วนเวลาของว่างในช่วงบ่าย3-4โมงนั้น จำเป็นสำหรับเด็กส่วนใหญ่ เรื่องที่ว่าเราควรให้ขนมเด็กแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเด็กกินอาหารมากแค่ไหน สำหรับเด็กที่ปกติกินอาหารน้อย แม่ไม่ควรบังคับให้กินข้าว น่าจะเน้นที่กับข้าว และให้ขนมระหว่างมื้อเพื่อเป็นพลังงาน แม่บางคนคิดว่า การที่เด็กกินขนมพวกของหวานระหว่างมื้อ ทำให้เด็กรู้สึกอิ่มไม่ค่อยยอมกินข้าว จึงงดขนมหรือลดปริมาณ ลงเหลือเพียงนิดเดียว แต่เด็กก็ยังไม่ยอมกินอาหารมากขึ้นอยู่ดี และถ้าฝืนบังคับให้กินข้าว แกจะไม่กินอาหารพวกโปรตีนจากสัตว์ ดังนั้นจึงควรให้ขนมเด็กบ้าง เพราะขนมเป็นของอร่อย แต่ต้องให้อย่างเป็นเวลาไม่พร่ำเพรื่อ และให้เด็กกินของชอบ ดีกว่าบังคับให้กินข้าวซึ่งแกไม่ชอบ สำหรับเด็กที่กินเก่ง กินข้าวมื้อละ2ถ้วย และกินกับข้าวมาก ควรงดขนมหวานระหว่างมื้อ มิฉะนั้นจะทำให้แกอ้วนเกินไป น่าจะให้ผลไม้แทน ลูกอมหรือท็อฟฟี่เป็นของที่ทำให้ฟันเสีย แต่เป็นของที่เด็กชอบและอมอยู่ได้นานกว่าจะหมด มีน้อยบ้านที่สามารถห้ามลูก ไม่ให้กินลูกอมได้สำเร็จอย่างเด็ดขาด และสำหรับคนรายได้น้อย ลูกอมจะเป็นขนมราคาถุกที่สุด และทำให้เด็กสุขใจอยู่ได้นาน กว่าขนมอื่นๆซึ่งราคาแพงกว่า สำหรับเด็กที่ไม่ชอบขนมหวาน ก็ให้ขนมที่ออกรสเค็ม ซึ่งทำจากแป้งและให้พลังงาน เช่นเดียวกับน้ำตาล ถ้าแม่อยากให้ลูกกินนมวันละ3ขวด คงต้องให้นมขวดหนึ่งในมื้ออาหารว่าง | ที่มาของสาระดีๆ ขอขอบคุณ