|
ปลายฟ้า (งูกระหวัดหาง )
..๏ สุรีย์ย้ายคลายแสงอันแรงกล้า กลุ่มดาราเรียงรายในเวหน ให้เมียงมองผ่องพรรณพระจันทร์ดล เด่นพิมลมั่นฟ้าคราวราตรี
แต้มเวหาคราดาวสกาวเกื้อ- กูลโลกเมื่อมีพลังแห่งรังสี สวยสมพร้อมย่อมสง่าทั้งธาตรี ตราบรุจีแจ้งฟ้าจึงลาไกล
( มธุรสวาที )
มองเดือนเพ็ญเห็นพราวห้วงหาวนัก แจ้งประจักษ์เจิดจรัสสุทรรศน์ใกล้ หมายไขว่คว้ามาครองคงต้องใจ พริ้มพิไลหลงชมรื่นรมย์พลัน
แสงเพ็ญเรื่อเอื้อฟ้าโสภายิ่ง บรรเจิดจริงแจ่มจ้าพนาสัณฑ์ ลอยลิบตามาให้ฝันใฝ่ครัน วิลาวัลย์หว่างน้ำดั่งคำชม
( โตเล่นหาง )
สายน้ำเย็นเห็นปลามาเป็นหมู่ ครองเคียงคู่เคล้าคลอออสุขสม เริงแสงจันทร์มั่นหมายคล้ายรื่นรมย์ บ้างสู่สมแซงส่ายว่ายแซกมา
คลื่นกระเพื่อมเหลื่อมล้ำลำน้ำใส กระเซ็นไหวหว่างคู่หมู่มัจฉา ช่างเพลิดเพลินเกินปรามความปรีดา จึ่งเริงร่าเรียงรายหมายชมจันทร์
( สะบัดสะบิ้ง )
สายลมล่องต้องกายสบายเสบย มองปลาเกยกำหนัดถวัดถวัน แล้วเดินเล่นเห็นเมฆเอนกอนันต์ ลอยปิดกั้นเกลื่อนหล้าประภาประไพ
ฝนคงโปรยโดยที่กระวีกระวาด ขืนลีลาศโลเลเถลไถล อาจเปียกปอนนอนทีพิรี้พิไร ฝนตกใช่เช่นนิดกระปริดกระปรอย
( จตุรงคประดับ )
สายฝนโปรยโดยกระหน่ำกระนั้นแน่ สายฝนแปรแลประสานประสมบ่อย สายฝนพรำย้ำเสนาะสนั่นดอย สายฝนปรอยค่อยขยับเขยื้อนไกล
หอมกรุ่นดินกลิ่นจรุงเจริญจิต หอมกรุ่นติดจิตเสนอสนองได้ หอมกรุ่นเคลิ้มเริ่มสลึมสลือไป หอมกรุ่นใจไร้ระทดระทวยตรม ๚ะ๛
|
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 28 29 30 31
|