★ 4 months, 3 weeks and 2 days... เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่..เพราะเป็นเพื่อนไง!
4 months, 3 weeks and 2 days เป็นหนังที่เล่าถึงชีวิตของนักศึกษาสาว 2 คน ในประเทศโรมาเนียช่วงปี 1987 คนหนึ่งต้องการทำแท้ง อีกคนหนึ่งก็ให้ความช่วยเหลือทุกวิถีทางเพื่อที่เพื่อนจะได้ทำแท้ง แต่ขณะเดียวกันที่โรมาเนียในขณะนั้นยังเป็นการปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งการทำแท้งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
หนังเปิดเรื่องด้วยฉากที่ กาบีต้า (ลอร่า วาซิลู) และ โอตีเลีย (อนามาเรีย มารินกา) นั่งมองหน้ากันอยู่พักนึง ก่อนที่จะตกลงใจเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวเตรียมการอะไรบางอย่างหรือไปที่ไหนซักที่
โอตีเลีย ไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เพื่อมารับห้องที่จองไว้แต่ฝ่ายต้อนรับปฏิเสธว่าไม่มีชื่อเพื่อนเธอในการโทรมาจองแต่อย่างใด แม้จะต่อปากต่อคำและหาหลักฐานการจองอยู่นานแต่ โอตีเลีย ก็ไม่ได้ห้องพัก เธอจึงไปอีกโรงแรมหนึ่งซึ่งก็ได้รับการปฏิเสธเช่นกัน ทั้งขอร้องและวิงวอนจนได้ห้อง หลังจากนั้นเธอก็ออกไปพบกับ เบเบ้ (วลาด อีวานอฟ)
เบเบ้ สอบถาม โอตีเลีย ถึงรายละเอียดต่างๆและไม่พอใจอย่างมากที่ห้องพักไม่ใช่โรงแรมที่เขาต้องการตามที่ตกลงกันไว้ รวมทั้งคนที่มาติดต่อกับเขาตอนนี้ก็ไม่ใช่ กาบีต้า ซึ่งเขาเคยกำชับไว้แล้วว่าต้องรู้กันแค่สองคนเท่านั้น และยิ่งหัวเสียมากขึ้นเมื่อมาถึงโรงแรมและเขาจำเป็นต้องฝากบัตรประชาชนเพื่อลงบันทึกชื่อไว้ที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ
เมื่อถึงห้องพัก กาบีต้า ก็มารออยู่ก่อนแล้ว ทั้ง 3 จึงนั่งคุยกัน ซักซ้อมวิธีการ เบเบ้ถามถึงจำนวนเดือนที่แท้จริงที่ กาบีต้า ตั้งท้องเพราะจะมีผลต่อกระบวนการ ทั้งสองสาวซักถามข้อสงสัยเรื่องอาการข้างเคียง การเสียเลือด แล้วก็ตกลงกันเรื่องค่าจ้างอีกครั้ง เบเบ้ ทำความสะอาดเครื่องมือและเริ่มปฏิบัติการ ขั้นตอนไม่มีอะไรซับซ้อนยุ่งยาก ใช้เวลาไปไม่นานก็เสร็จสิ้น
หลัง เบเบ้ กลับไป โอตีเลีย บอกกับ กาบีต้าว่าเธอจำเป็นต้องไปงานครบรอบวันเกิดแม่ของ อะดี (อเล็กซานดรู โปโตเกน) แฟนหนุ่มของเธอ ไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็จะกลับมาอยู่เป็นเพื่อน และเมื่อไปถึงบ้านของ อะดี เธอก็ต้องอารมณ์เสียเมื่องานเลี้ยงที่แฟนเธอบอกว่าแค่เปิดไวน์ฉลองก็จบนั้น กลายเป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำมื้อใหญ่ มีญาติผู้ใหญ่มาร่วมโต๊ะด้วยอีกหลายคน ระหว่างนั้น เธอก็หาจังหวะโทรกลับไปหา กาบีต้า ที่โรงแรม แต่ปรากฏว่าที่ห้องพักไม่มีใครรับโทรศัพท์ แล้วเธอก็เริ่มหวั่นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ กาบีต้า เธอจึงรีบผลุนผลันออกจากบ้านอะดี ตรงดิ่งกลับไปที่โรงแรม
และเมื่อมาถึงโรงแรม ภาพที่เธอกำลังเห็นอยู่คือมีรถพยาบาล รถตำรวจจอดเปิดแสงไซเรนวาบๆ ข้างในโรงแรมก็ดูวุ่นวาย...
การเล่าเรื่องของหนังในช่วงแรก สร้างความสงสัยและเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ตั้งแต่การที่สาวทั้ง 2 อยู่ในห้องคุยกัน คุยแบบจริงจังแต่ด้วยประเด็นอะไรก็ไม่รู้ รวมทั้งการไปโรงแรมและการไปพบผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งกว่าจะรู้และไขความได้กระจ่างชัดเจนใช้เวลาไปร่วม 40 นาที
ไดอะลอคหรือบทพูดที่ตัวละครใช้โต้ตอบกันนั้นเป็นส่วนที่น่าสนใจและทำออกมาได้ดี มีความหมาย ไม่อย่างนั้นช่วงต้นเรื่องคงดึงคนไว้ไม่อยู่ ส่วนใหญ่เป็นประโยคสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่จริงจัง พูด เพราะอยากให้รู้ว่าคิดอะไร ถาม เพราะอยากได้คำอธิบายและคำตอบ ไม่มีพูดหยอกเล่นเย้าหัวและแถมหนังทั้งเรื่องไม่มีเพลงหรือดนตรีประกอบใดๆ นั่นก็ยิ่งทำให้บรรยากาศรวมจริงจัง ขึงขังและอึดอัด ซึ่งก็เป็นไปในทางเดียวกันกับเนื้อหาหลักของหนังที่ต้องการจะสื่อ
กาบีต้า บุคลิกของเธอดูเป็นคนอ่อนแอ ไม่กล้า ขี้กลัว แต่ถ้าพิจารณาดีดีแล้วจะเห็นว่าเธอก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะหลายครั้งที่เธอสามารถพูดโกหกได้อย่างเป็นธรรมชาติ และมองว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรที่ไม่พูดความจริง คิดว่าพูดอะไรก็ได้เพื่อที่ตัวเองจะบรรลุเป้าหมาย โดยไม่สนใจผลที่ตามมา
และกลายเป็น โอตีเลีย ที่ต้องรับหน้า เผชิญกับปัญหาแทนไปซะเกือบจะทุกอย่าง รวมทั้งโดนลากเข้าร่วมในการเป็นผู้ "ถูกกระทำ" อย่างไม่มีทางเลือกอีกด้วย
เบเบ้ หมอทำแท้งเถื่อน ออกแนวเผด็จการ วางแผนอะไรไว้แล้วต้องเป๊ะต้องเป็นไปตามนั้น ชัดเจน เด็ดขาด ต้องการควบคุมสถานการณ์คุมเกมอยู่ตลอดเวลา ดูเหมือนราวกับเขาจะเป็นผลผลิตเป็นตัวแทนทางการเมืองจากระบอบคอมมิวนิสต์ที่เห็นได้อย่างชัดเจน
ในช่วงปี 1966 รัฐบาลประเทศโรมาเนียที่ขณะนั้นท่านผู้นำคือ เชาเชสคู (Ceausescu) มีนโยบายต้องการเพิ่มประชากรเลย ได้ออกกฎหมายให้การทำแท้งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และจะอนุญาตให้ทำแท้งได้เฉพาะกรณีที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นตั้งท้องที่เกิดจากการโดนข่มขืนหรือกรณีที่ผู้หญิงคนนั้นอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป หรือการตั้งท้องที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด (เช่นพี่กับน้อง พ่อกับลูกสาว เป็นต้น) และหลังจากมีกฎหมายนั้นแล้วก็ทำให้สถิติการเกิดเพิ่มขึ้น จาก 273,687 คนในปี 1966 เป็น 527,764 คนในปี 1967 ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 92.8% ภายในหนึ่งปี
แต่ในช่วงปี 1983 อัตราการเกิดของประชากรกลับลดลง ตัวเลขการทำแท้งเถื่อน(421,386 ราย) สูงขึ้น มากกว่าสถิติการเกิดเสียอีก (321,489 คน) รวมแล้วอัตราการเสียชีวิตของหญิงมีครรภ์จากการทำแท้งเถื่อนตั้งแต่มีกฎหมายการเพิ่มประชากรนั้นอยู่ในราวนับหมื่นคน จนประเทศโรมาเนียกลายเป็นประเทศที่มีการเสียชีวิตจากการทำแท้งมากที่สุดในยุโรป
ซึ่งยุคเวลาเหล่านั้นก็คือฉากหลังของหนังเรื่องนี้นั่นเอง
ฉากที่โดดเด่นที่สุด ตราตรึงที่สุดคือ ฉากทำแท้ง อันนี้แน่นอน ไม่หวือหวา แต่สร้างความหวาดได้มากที่สุด
และอีกฉาก ที่ โอตีเลีย นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับแม่ของอะดี และญาติผู้ใหญ่อีกหลายคน โอตีเลียถูกจัดวางให้นั่งอยู่กลางโต๊ะ กลางเฟรมของภาพ อยู่ศูนย์กลางท่ามกลางเสียคุยกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้แต่ออกรสออกชาดกันมาก หัวเราะกันร่วน สิ่งเดียวที่(ดูเหมือน)ไร้ความรู้สึกใดก็คือใบหน้าของ โอตีเลีย ครั้นพอจะขยับตัวรับบุหรี่จากแม่ของอะดี ซึ่งดูจะเป็นสิ่งเดียวที่พอจะทำให้เธอคลายความตึงเครียดได้ แต่ก็โดนคุณลุงท่านหนึ่งพูดกระทบกระเทียบเหน็บแนมว่าทำตัวไม่สมควร เปิดเผยพฤติกรรมตัวเองในแง่ลบ(สูบบุหรี่)ต่อหน้าแม่แฟน... มันเลยเป็นบรรยากาศที่น่าอึดอัดมากๆ
หนังมีหลุมพรางวางไว้หลอกล่อความรู้สึกของคนดู โดยอาศัยสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์และความคุ้นเคยต่อสถานการณ์ เช่นฉากมีดพับสปริงที่ โอตีเลียค้นเจอในกระเป๋าของ เบเบ้, ฉาก กาบีต้า ไม่ได้รับโทรศัพท์และนอนนิ่งอยู่บนเตียง, ฉากที่มีคนเดินตามเธอในซอยมืดๆหลังออกมาจากบ้านอะดีเพื่อกลับโรงแรม และฉากเมื่อเธอมาถึงโรงแรมและมีรถพยาบาล รถตำรวจจอดอยู่หน้าโรงแรม เหล่านี้ เป็นกระบวนการการทำลายสูตรของความคุ้นชินจากหนังฮอลลีวู๊ดอย่างสิ้นเชิง
หนังไม่ได้พูดหรือเอ่ยถึงฝ่ายชายที่เป็นคู่กรณีของ กาบีต้า ถึงแม้ว่าเขาจะมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง แต่เพราะสุดท้ายแล้วการตัดสินใจว่าจะเอาไว้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่ที่ตัวของ ฝ่ายหญิง
4 months, 3 weeks and 2 days เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทของ คริสเตียน มุนกิอู ตัวหนังได้รับรางวัลปาล์มทองยอดเยี่ยมในเทศกาลหนังเมืองคานส์ ครั้งที่ 60 เมื่อเดือนกลางเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา และยังได้เข้าร่วมฉายในเทศกาลภาพยนตร์โลกครั้งที่ 5 ที่กรุงเทพฯ (The Worldfilm Festival of Bangkok 5th) อีกด้วย
Create Date : 11 พฤศจิกายน 2550 |
|
25 comments |
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2550 21:04:10 น. |
Counter : 3452 Pageviews. |
|
|
|
ภาวนาให้มันออกมาเป็นดีวีดี