A Soap
แล้วเราจะรักกันได้ไหม ( 2006 )
ถ้าได้ยินคำว่า ละครน้ำเน่า สิ่งแรกที่วูบเข้ามาในความคิดเดี๋ยวนั้นเลยก็คือ ละครหลังข่าวในช่วงไพร์มไทม์ และต้องเป็นช่อง 7 ด้วยนะไม่รู้ทำไม ทั้งๆที่ฟรีทีวีช่องอื่นๆ เค๊าก็ผลิตออกมาให้ชมเหมือนกัน คำว่า ละคร คำนี้เราพอเข้าใจความหมายว่าหมายถึงอะไร แต่ส่วนคำว่า น้ำเน่า ล่ะ ทำไมน้ำต้องเน่า เน่าแล้วดียังไงไม่ดียังไง ทำไมผู้ชมที่มีโอกาสได้สัมผัสและดูละครที่เราเรียกกันว่าน้ำเน่าแล้ว ถึงต้องติดตามดูกันตลอดไม่ให้คลาดซักตอน เขาว่ากันว่า ละครน้ำเน่าที่เราเรียกขานกันนั้น มันก็เอามาจากชีวิตจริง ชีวิตประจำวันของเราๆท่านๆนี่แหละ ที่ต่างก็ต้องพบเจอกับการชิงดีชิงเด่น การกลั่นแกล้งอันมาจากความอิจฉาริษยาเกรงผู้อื่นจะได้ดีกว่าตน หรือการเห็นเงินเป็นพระเจ้า โลภมากอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตน งานการไม่ทำ อยู่บ้านเฉยๆถลุงสมบัติที่มีและระรานเค๊าไปทั่ว อันนี้คือภาพลักษณ์ของผู้กระทำ ( ตัวร้าย / อิจฉา ) ส่วนผู้ถูกกระทำ ( นางเอก ) ก็มักจะเป็นคนดี ไม่ต่อปากต่อคำ และอ่อนแอ เพื่อให้คนดูสงสารและเอาใจช่วย ตรงนี้กระมังที่ว่าเน่าว่าเอียนว่าเหม็นเบื่อ เพราะเรื่องไหนเรื่องไหนนางเอกก็ร้องไห้เป็นเผาเต่าและมีขีดความอดทนมากกกเกินจนเป็นปกติ แล้วก็ทำออกมาแนวนี้ทั้งนั้น แต่ที่ต้องติดตามตามติดกันตลอดนั้นเพราะ แต่ละตอนมักจะจบด้วยเรื่องราวที่กำลังเข้มข้น มีลุ้น ว่าจะโดนจิกจะโดนตบหรือจะโดนรถชนหรือถูกจับได้หรือเปล่า ซึ่งทำไว้ดึงความรู้สึกของคนดู กระตุ้นให้อยากรู้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ละครน้ำเน่าบ้านเฮา น่าจะใกล้เคียงกับคำว่า soap opera ของภาษาอังกฤษ โดยในปี 1930 กลุ่มสื่อมวลชนในอเมริกาได้ตั้งชื่อ soap opera นี้ไว้สำหรับเรื่องราวหรือนิยายวิทยุที่ออกอากาศเป็นตอน โดยมักเป็นแนว drama และหลังปี 1940 เป็นต้นมา 90 % มักเป็นผลงานของบริษัทโฆษณาสินค้าที่ผลิดละครหรือภาพยนตร์เพื่อนำมาฉายเป็นตอนๆต่อกัน ทั้งกระจายเสียงและออกอากาศทางวิทยุ - โทรทัศน์ในภาคเวลากลางวัน โดยมีกลุ่มแม่บ้านเป็นเป้าหมายสำคัญ และคำว่า soap ก็นำมาจากการที่บริษัทขายสบู่เป็นผู้สนับสนุนหลัก ส่วน คำว่า opera นั้นนำมาใช้ด้วยความประชดประชันในความที่เป็นเรื่องเล่าหรือนิยายเร้าอารมณ์ มีทั้งหัวเราะ ตลก โศกเศร้าเคล้าน้ำตา เหมือนกัน แต่การแสดง opera นั้น จะเพื่อคนในสังคมชั้นสูงและยกระดับจิตใจคนดู และหนังเรื่อง A Soap ( En Soap :: Danish Title ) นี้ เป็นหนังจากประเทศเดนมาร์ค ซึ่งผู้กำกับก็ได้ชื่อเรื่องโดยตัดตอนมาจากคำว่า soap opera นั่นแล เพราะตัวละครเอก 1 ใน 2 ของเรื่อง เธอติดละครน้ำเน่าภาคกลางวันอย่างงอมแงม และมีชีวิตส่วนตัวที่แสนจะเส็งเคร็ง ถึงยังงั้นก็ตาม แต่ก็ยังมีพลังเหลือพอเพื่อที่จะตะกายใคว่คว้าหาความโรแมนติคให้ได้บ้างอย่างนางเอกในละคร หรืออาจจะเป็นเพราะ ละครมันมีพลังบางอย่างที่จูงมือเธอเดินเข้าสู่สวนฝัน ดึงเธอให้หลุดพ้นจากโลกเน่าๆของเธอ ก็เป็นได้ ส่วนการดำเนินเรื่องในเรื่องนี้ ก็เป็นไปอย่างขนบของ soap opera คือมีจุดพลิกของเหตุการณ์เพื่อดึงอารมณ์ของคนดูให้ใจจดใจจ่อ หรือเอาใจช่วยอยู่บ่อยๆ โดยทำรวมออกมาเป็นทั้งแบบบรรยายเสียงเหมือนละครวิทยุและเห็นภาพเหมือนละครออกอากาศ ตัดสลับกันไปชาร์ลอต (Trine Dyrholm ) สาวอายุราว 32 ปี เธอพึ่งย้ายมาเช่าใหม่ที่แฟลตแห่งนี้ และปัญหาในตอนนี้ของเธอคือ เธอไม่สามารถย้ายเตียงเข้าห้องนอนได้ จึงโทรไปตามแฟนเก่าที่เธอพึ่งสลัดเขาทิ้ง ให้มาช่วยออกแรง แต่ไม่ทันไรเกิดพูดจาไม่เข้าหูกันเสียก่อน เตียงนอนก็เลยยังวางอยู่ที่เดิม ที่ตึกเดียวกัน ห้องชั้นล่าง เวโรนิก้า ( David Dencik ) หญิงสาวในร่างชาย มีเพื่อนคู่ใจคือหมาน้อยที่เธอตั้งชื่อให้ว่า มิสเดซี่ เธอมีรายได้เล็กๆน้อยๆจากการให้บริการชายหนุ่มที่ขาดคนเอาใจในวิธิไม่ธรรมดา เมื่อว่างเว้นจากลูกค้า เธอก็ให้เวลากับการดูละครที่ฉายทางทีวีอย่างตั้งใจ และ ก็กำลังรอจดหมายตอบรับจากทางโรงพยาบาลว่าเธอจะได้รับอนุญาติให้ผ่าตัดแปลงเพศได้หรือไม่ วันหนึ่ง ชาร์ลอต ได้มาขอแรงให้ เวโรนิก้า ไปช่วยย้ายเตียง แม้เธอจะไปช่วยจนย้ายเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยความที่ชาร์ลอต เป็นคนที่พูดและทำแบบไม่ค่อยจะแคร์ความรู้สึกใคร จึงได้พูดเหน็บแนม เวโรนิก้า เรื่องวิกผมของเธอ เวโรนิก้า สาวผู้อ่อนไหว ที่ชีวิตปกติประจำวันก็หลักลอย จำเจและอุดอู้ ไม่ค่อยได้พบปะใครอยู่แล้ว ครั้นจะมีมาก็แค่ลูกค้า ไม่ก็แม่ที่แอบพ่อแวะมาหา แต่ว่าทุกครั้งก็ยังคงตอกย้ำความเจ็บปวดให้เธอด้วยการเรียก อุลริค ชื่อแมนแมนชื่อเดิมที่แม่ตั้งให้ แต่พอเจอเพื่อนบ้านใหม่ก็ปากดีพูดไม่คิดถึงใจคนฟังอีก หลายๆอย่างหลายๆเรื่องเมื่อพร้อมใจกันรุมเร้าประดังประเด เกินที่จะรับมันไหว เธอจึงตัดสินใจลาโลกด้วยยานอนหลับเต็มกำมือ และหวังไว้อย่างยิ่งว่ามันคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เข้ารูปเข้ารอยของการดึงความอยากรู้ของท่านผู้อ่าน และการมีลุ้นน่าติดตามของตัวละครตามแบบฉบับของละครน้ำเน่ากันแล้วใช่มั๊ย คราวนี้ก็มาดูต่อกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ที่ เวโรนิก้า หลับไป แต่ด้วยความที่ชาร์ลอตทนรำคาญเสียงเห่าเจ้ามิสเดซี่ไม่ไหว จึงลงมาดูและพบว่าเวโรนิก้านอนแน่นิ่งไป จึงต้องนำส่งโรงพยาบาล และเมื่อ เวโรนิก้า ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ขอตอบแทนน้ำใจชาร์ลอตที่ช่วยชีวิตเธอและช่วยเลี้ยงดูมิสเดซี่ ด้วยการเย็บผ้าม่านให้ แล้วชาร์ลอตจึงจัดให้มีปาร์ตี้เล็กๆ จิบไวน์แต่น้อยและเต้นรำนิดหน่อย ฉลองให้กับผ้าม่านใหม่ ที่งานนี้มีผู้เข้าร่วมงานกันแค่ 2 คน
แล้วด้วยความเคว้งคว้างของชาร์ลอตและชิวิตใหม่ของเวโรนิก้า บวกกับฤทธิ์แอลกอฮอร์เจือจาง ชาร์ลอตก็ได้มอบจุมพิต อันเบาบางแก่เวโรนิก้า แต่ก็แค่นั้น เพราะหลังจากนั้นไม่นานเมื่อเวโรนิก้าเล่าให้ชาร์ลอตฟังว่าเธอกำลังจะแปลงเพศ โดยตัดนั่นแปะโน่นเสริมนี่ ก็ยังความสับสนให้กับชาร์ลอตจนถึงกับตะเพิดไล่เวโรนิก้าออกไปจากห้อง แล้วคืนหนึ่ง ไครช์เตียน (Frank Thiel ) แฟนเก่าของชาร์ลอต เมามาหาเธอและลงมือทำร้ายร่างกาย ข้าวของหล่นแตกกระจาย เวโรนิก้าวิ่งขึ้นมาดู เห็นชาร์ลอตนอนได้รับบาดเจ็บอยู่ เธอจึงปล่อยหมัดลุ่นๆตั๊นหน้าของไครช์เตียนเข้าเต็มแรงและไล่เขากลับไป หลังจากนั้นจึงพาชาร์ลอตไปนอนพักและทำแผลที่ห้องเธอ ช่วงเวลานี้ ชาร์ลอต รู้สึกซาบซึ้งในความช่วยเหลือของเวโรนิก้า และเวโรนิก้า รู้สึกเห็นใจและสงสารชาร์ลอต ความรู้สึกความผูกพันของคนทั้งสอง ได้เริ่มก่อตัวและสานต่อเป็นความรัก แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ตัวละครของทั้งสองคนตอนนี้กำลังต่อสู้กับความขัดแย้งภายในใจของตน โดยมีสาเหตุมาจากทั้งกาย และ ใจชาร์ลอต เป็นหญิงใจห้าว เป็นคนขี้เหงาและเอาแต่ใจตัวเอง ขอเลิกกับแฟนที่คบกันมา 4 ปีเพราะเบื่อ และเมื่ออยู่คนเดียวแล้วเหงาเลยต้องหาใครมานอนเป็นเพื่อน มากหน้าหลายตา แต่ก็ยังพร้อมที่จะตะเพิดเขาเหล่านั้นทุกครั้ง หลังจากเสร็จกิจธุระ ข้าวของที่อยู่ในห้อง ก็ยังไม่เคยได้ถูกนำออกมาจากกล่อง ราวกับว่าพร้อมที่จะ " ไป " อยู่ตลอดเวลา เหมือนหัวใจของเธอที่กำลังหาที่เกาะยึด แต่ก็ยังไม่กล้าที่ลงหลักปักฐานกับใคร และตอนนี้ มาอ่อนไหวกับคนร่างชายใจหญิงและกำลังจะแปลงเพศอยู่มะรอมมะร่อ ซึ่งประเด็นนี้ทำให้เธอเกลียดตัวเองที่ทำตัวเหมือนขาดผู้ชายไม่ได้ กระเทยก็ยังจะเอา แต่การเกลียดตัวเองของเธอ นั้น เธอกลับเอามันไปโยนใส่ให้เป็นความผิดของเวโรนิก้า ทั้งตำหนิ ด่าทอแบบจงเกลียดจงชังเวโรนิก้า ร่างเป็นชาย ใจเป็นหญิง รังเกียจเครื่องเพศของตนจนอยากตัดมันทิ้ง เป็นคนขี้เหงา ซึมเศร้า อ่อนไหว เปราะบาง เก็บตัวอยู่ในห้องที่บรรยากาศและสีสันอึมครึม มีโลกส่วนตัวสูง แม่มาหาก็ยังกักไว้ให้คุยได้แค่ตรงประตู งานบริการของเธอก็ทำกิจเฉพาะภายนอก ไม่ยอมให้ล่วงล้ำ ความหวังและความฝันคือการได้รับการผ่าตัดแปลงเพศ ที่เธอเชื่อว่าจะเป็นส่วนเติมเต็มให้กับชีวิตอันแหว่งวิ่นของเธอได้ดีที่สุด และตอนนี้ต้องมาหวั่นไหวกับผู้หญิงคุ้มดีคุ้มร้ายแต่ก็ได้มาเขย่าโลกอันเงียบเหงาของเธอให้สดใสขึ้น ความขัดแย้งในตัวเองของตัวละครในเรื่อง จะเกิดขึ้นอยู่ทุกสถานการณ์ พลิกผันไปมา จนคนดูเองก็เดาไม่ถูกว่าแล้วต่อจากตอนนี้ชีวิตพวกเขาจะเป็นยังไง จะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้บ้าง
.. มันช่างทำให้เรากระหายใคร่รู้ซะจริง
A Soap เป็นผลงานการกำกับของผู้กำกับหญิงชาวเดนมาร์ค Pernille Fischer Christensen ที่กำกับภาพยนตร์เรื่องยาวเป็นเรื่องแรก ( ก่อนหน้านี้มีผลงานการกำกับหนังสั้น เรื่อง Habibti min elskede (2002) ที่ได้รางวัล Best Short Feature มาจาก Odense International Film Festival ในประเทศบ้านเกิด ) และเขียนบทหนังเรื่องนี้ร่วมกับ Kim Fupz Aakeson โดยได้ทำหนังเรื่องนี้เพื่อเข้าร่วมโครงการ New Danish Screen ของสถาบันภาพยนตร์เดนมาร์ค โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์คือ ส่งเสริมผลงานของคนทำหนังหน้าใหม่ เพื่อเป็นการฝึกฝนฝีมือและหวังให้หนังเดนมาร์คมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง หนังมีโอกาสได้ไปฉายในเทศกาลหนังเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ที่จัดขึ้นช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และคว้ารางวัล Best Debut Film รางวัลผู้กำกับหน้าใหม่และผู้อำนวยการสร้างหน้าใหม่ และรางวัล Silver Berlin Bear ( รองชนะเลิศ ) ในประเภท Jury Grand Prix โดย Pernille Fischer Christensen รับรางวัลร่วมกับ Jafar Panahi ( Crimson Gold:2003, The Circle:2000, The Mirror:1997 ) ผู้กำกับชาวอิหร่านจากหนังอิหร่านเรื่อง Offside ( 2006 ) ส่วน David Dencik ที่แสดงเป็น เวโรนิก้า ก็ได้รับรางวัล Best Performance จากเทศกาล Transilvania International Film Festival 2006 ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 5 แล้ว ที่ ประเทศ Romania Format :: @ Lido
Create Date : 29 ตุลาคม 2549
17 comments
Last Update : 29 ตุลาคม 2549 18:03:15 น.
Counter : 1753 Pageviews.
โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) 29 ตุลาคม 2549 14:07:37 น.
โดย: BloodyMonday on Somebody else's Computer IP: 58.252.70.156 29 ตุลาคม 2549 14:17:01 น.
โดย: Moonlight Mile IP: 61.47.64.122 29 ตุลาคม 2549 17:51:21 น.
โดย: Thebrightestsun... IP: 221.128.113.143 29 ตุลาคม 2549 18:00:40 น.
โดย: nanoguy IP: 203.113.35.9 29 ตุลาคม 2549 18:01:20 น.
โดย: BloodyMonday On Da Move IP: 211.139.145.21 29 ตุลาคม 2549 18:26:00 น.
โดย: unwell 29 ตุลาคม 2549 20:26:19 น.
โดย: unwell 29 ตุลาคม 2549 23:15:37 น.
โดย: JewNid 30 ตุลาคม 2549 20:26:03 น.
โดย: duldb 5 พฤศจิกายน 2549 17:35:32 น.
.Just wait until night
then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ เด็ก ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30 31